เซารอนเป็นสีขาว นัยน์ตาแห่งเซารอน (ดวงตาเห็นทุกสิ่ง)

1. "อนุสาวรีย์แห่งสงครามปี 1812 ใกล้ Vyazma เหรียญถูกผลักเข้าไปในอนุสาวรีย์: ดวงตาในรูปสามเหลี่ยมมีสิวรอบผิวหนังไม่ต้องสงสัยเลย - ตาของจิ้งจก เหรียญปี 1818:" ไม่ให้เรา ถึงเรา แต่เพื่อชื่อของคุณ "- ชื่อของคุณคือ "YHWH" - คำจารึกที่ด้านหลังของเหรียญ และนี่คือคำตอบสำหรับคำถาม: สงครามปี 1812 อยู่ในความสนใจของ YHWH-LIZARD . YHVE ("YHVE") ใน Refectory Church of the Trinity-Sergius Lavra ที่แท่นบูชาทางด้านขวาและทางด้านซ้ายของแท่นบูชาในรูปสามเหลี่ยมคือคำว่า "OFEOS - งู" "ความลับเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นที่ต้อง ปกป้อง ความลับที่ยิ่งใหญ่ถูกเก็บไว้โดยความไม่เชื่อของฝูงชน" (stat. Eye of Sauron หรือ Eye of the Lizard)

VOLHA: YHVE- การถอดความการอ่านชื่อเทพเจ้าของชาวยิว YHWH จาก VA - หลักการของการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งและทุกสิ่ง \u003d "หลักการของน้ำ" ของ Mary - Mother Ra ในแพนธีออนของ Ra) YHWEVA - ยะฮา พระเจ้า ถึงกระนั้นในวิหารแห่ง Amon Ra (วิหารแห่งโลกแห่งความตาย) มีลัทธิแผนกหนึ่งของเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ Ahu ซึ่งโมเสสนักบวชแห่งเทมพลาร์ผู้ก่อตั้งคำสอนของ "TORA ", รับใช้ตั้งแต่วัยเด็กซึ่งมีเล่มที่ 2 - "BIBLE" โมเสสสร้างความลับของ MOON DEATH CULT Yahweh ซึ่งฟาโรห์ขับไล่เขาออกจากอียิปต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์" ในพระคริสต์ ทรินิตี้ YHVE - "The เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง (รูปลักษณ์-ใบหน้าที่เปลี่ยนไป) ของพระวิญญาณ" ดังนั้น พระเยโฮวาห์จึงเป็นผลสืบเนื่องมาจากพระเยโฮวาห์ เฉพาะพระผู้มาโปรด แต่ไม่ใช่พระเจ้าในเวลาเดียวกัน นั่นคือ คนที่มีภารกิจของตัวเอง)
LIZARD - "I" (วิญญาณ) + "SCHE" (ตัวอักษร "Sh" ไม่ได้อยู่ในภาษาโปรโต - "S; SE-นี้; SE-ตัวย่อจาก SET-SAT-ซาตาน เทพเจ้าแห่งความตายในทะเลทราย ของอาระเบีย) + "R" (เกิด , เกิด, พ่อแม่) LIZARD - "Spirit of the born Seth"; LIZARD (การอ่านแบบย้อนกลับของชาวยิว) - "Birth of Set-spirit" ตัวเลือกที่ 3 ที่มี "สิ่งนี้" ทำ ไม่ผ่านการทดสอบ - การพูด ต่อไปเราใช้คับบาลาห์: การพูด - อื่น ๆ - YASHA อะไร "นีโอนอกรีต" จากโรงเรียน Svarog ได้รับรางวัล - มีชื่อ "พระเจ้า" ของพวกเขา: Yashak-Yusha ?? YASHA \ u003d SET \u003d SAT \u003d SATAN \u003d Devil of the pantheon of the Temple of Christ (ใน Rus ', Kyiv Russian Orthodox Church) ซึ่งพวกเขาพาเข้าไปในวิหารของ Svarog ซึ่งเป็นพ่อมดไม่มีแส้ กับคุณ ..
"ตาก็เหมือนกิ้งก่าจริงๆ ผิวหนังรอบๆ เป็นสิว ส่วนตาที่มีพังผืดไม่ใช่มนุษย์" เป็นที่ชัดเจนว่าใคร: ดวงตาของ REPTA-reptiloid

OFEOS- งู .ชายฝั่งของ Asia Minor ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Smyrna (ปัจจุบันคือ Izmir ประเทศตุรกี) ปัจจุบันเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ - ซากปรักหักพัง ทะเลเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) พระคัมภีร์มาจาก Ionica IONA (ชื่อตัวละครชายของ "พระคัมภีร์") - "นกพิราบ" (ฮีบรู) ผู้เผยพระวจนะที่มาจาก Gafhefer ทางตอนเหนือของกาลิลี 2 ชั่วโมงจากนาซาเร็ธ ซึ่งหลังจากนั้นประมาณ 8 ศตวรรษ J. Christ ก็มีชีวิตอยู่ หนังสือของผู้เผยพระวจนะโยนาห์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาเดิมมีคำพยากรณ์เกี่ยวกับชะตากรรมของชาวอิสราเอล J. Christ ในการสนทนากับพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีผู้ซึ่งต้องการหมายสำคัญจากพระองค์กล่าวว่าหมายสำคัญอื่นๆ ยกเว้นเครื่องหมายของผู้เผยพระวจนะโยนาห์ (มัทธิว 12:40) นั่นคือความตาย 3 วันและการฟื้นคืนพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าในภายหลัง (การรับรู้ของ REPTOV เป็นเทพเจ้าของพวกเขา) แต่จากนั้นฉันก็เรียกวิหารแห่งพระคริสต์ว่าลัทธิแห่งความตาย Ahu-AKU (ซึ่งเทพเจ้าหลัก - ความตายคือฉลาม (ปลาเป็นสัญลักษณ์ของ I. Christ!) และ AKKAD (ภายหลัง AK GAD) - งูจู้จี้ .. และคุณผู้อ่านกำลังได้รับแจ้งว่าวิหารของพระคริสต์เกิดในอิสราเอลในฐานะศาสนายิวแผนกของศาสนาคริสต์ (ศาสนายูดายมีไว้สำหรับชาวยิวเท่านั้น ชาวยิว, ศาสนาคริสต์) ..หลังจากการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของเจ.
บทสรุป: หัวใจของศาสนายูดายและศาสนาคริสต์คือลัทธิแห่งความตายสำหรับมนุษยชาติ ( จุดประสงค์ของการดำรงอยู่ของศาสนานี้ ) และการบูชาเทพเจ้าแห่งสัตว์เลื้อยคลาน ( ซึ่งรวมถึงงูพญานาค ) ลัทธินี้มีอายุย้อนกลับไปนับพันปีและเป็น เก่าแก่กว่าวิหารของพระคริสต์ที่พูดถึงตัวมันเองเสียอีก มันมีพื้นฐานที่เกลียดชังมนุษย์

2. "เหรียญรางวัลต่อไปคือ" สำหรับการยึดปารีสในปี 1814 ": ตาเดียวกันในรูปสามเหลี่ยม อย่างที่คุณจำได้การยึดเบอร์ลินในปี 1945 จบลงด้วยการยึดครองและการยึดปารีสโดย Freemason Alexander 1st - ไม่มีอะไร . เพราะอะไร ก็เพราะ "ตาเป็นรูปสามเหลี่ยม"!
เช่นเดียวกับการยึดเบอร์ลินโดย Elizaveta Petrovna ในปี 1762-63 ก็ไม่มีอะไรเช่นกัน Elizaveta Petrovna ยังมีเหรียญที่มีตาเป็นรูปสามเหลี่ยม Elizaveta Petrovna หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากและการยึดเบอร์ลินในเซเว่น สงครามปีซึ่งตัดสินโดยคลินิกวางยาพิษได้สำเร็จหลังจากนั้นปีเตอร์ที่ 3 และแคทเธอรีนที่ 2 ซึ่งนำมาจากเยอรมนี (ประเทศที่พ่ายแพ้!) ก็ถอนทหารออก เกี่ยวกับ "สงครามเจ็ดปี" อันลึกลับซึ่งไม่ใช่เลย ครอบคลุมในปิตุภูมิ ตอนนี้พบอีกหนึ่งตาในสามเหลี่ยม: เหรียญสำหรับพิธีราชาภิเษกของนิโคลัสที่ 1 นั่นคือเหตุการณ์ทั้งหมดภายใต้การดูแลของกิ้งก่าที่พูดภาษาอังกฤษ สิ่งต่าง ๆ ที่คุณจะไม่ฝันถึงแม้แต่ในฝันร้าย นั่นเป็นเหตุผลที่ดาร์วินนักศาสนศาสตร์โปรเตสแตนต์ถูกจำลองแบบด้วยทฤษฎีชีววิทยาของเขา: ทุกคนสืบเชื้อสายมาจากลิงมังสวิรัติตัวเดียว ราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซีย

VOLKHA: ผู้เขียนบทความนี้ปฏิบัติตามทฤษฎีการอยู่ร่วมกันในอารยธรรมมนุษย์ของลูกผสมจิ้งจก - มนุษย์ที่นำมาใช้ที่นั่น (1% ของ DNA - จากบุคคลที่รับผิดชอบต่อรูปลักษณ์ภายนอก otsatno-lizard) รวมถึง Romanovs คนสุดท้ายในรัสเซีย เอาล่ะ เขาไม่ได้อยู่คนเดียว: David Hayk (นักข่าว) พิจารณาราชวงศ์ในสหราชอาณาจักร Rothschilds ในสหรัฐอเมริกา ฯลฯ บทนำของความลับ (จิ้งจก) สู่สังคมดาวเคราะห์ของเราเพื่อ "ลบ" มนุษยชาติจากใบหน้าของ โลกและชัยชนะของการตั้งถิ่นฐานของกิ้งก่าบนโลก สังคมของ MASONS (ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมาย "ตาจิ้งจก" ซึ่งอยู่ในใบเรียกเก็บเงินดอลล่าร์) มีส่วนทำให้เกิดสิ่งนี้: สังคมลูกผสม

3. "หลังจากกองทหารรัสเซียเอาชนะนโปเลียนในปี 1814 เข้าสู่ปารีส ทัศนคติของอังกฤษต่อรัสเซียเปลี่ยนไปอย่างมาก อังกฤษไม่ต้องการรัสเซียที่พรมแดนอีกต่อไป" มัวร์ทำหน้าที่ของเขา มัวร์อาจตาย "การตายอย่างกะทันหันของ Alexander ใน Taganrog ด้วยอาการพิษ เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่แพทย์ส่วนตัวของ Alexander the 1 ซึ่งเป็นชาวยิวชาวอังกฤษทำสิ่งนี้ "เพื่อนส่วนตัว" ข้อเท็จจริงที่ว่าเอกสารเกี่ยวกับบทบาทที่น่ากลัวของอังกฤษในชะตากรรมของรัสเซียมี ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ, กล่าวเพียงว่าเธอยังคงควบคุมรัสเซียอยู่ Medal for the Coronation of Catherine the 2nd 1762, Medal for the coration of Nicholas 1, St. George's Hall of the Kremlin, ซึ่งประธานาธิบดีแห่งรัสเซียเปิดตัว; บนเหรียญของ Catherine 2 1766 - เรารู้อยู่แล้วว่าปิรามิดที่ถูกตัดทอนเช่นดอลลาร์แทนที่จะเป็นตาในรูปสามเหลี่ยม - "Crown" - อย่าลืมว่านี่คือ "CROWN OF THE TORAH" สีทอง! อีกด้านหนึ่ง พระปรมาภิไธยย่อของแคทเธอรีนที่ 2 พีระมิดที่มีมงกุฏแห่งโตราห์แทน Lizard Eye แบบปกติ สัญลักษณ์ทั้งหมดค่อนข้างชัดเจนและไม่คลุมเครือ คุณต้องดู แล้วดูสิ" (v. "ดวงตาของเซารอนหรือดวงตาของกิ้งก่า")
VOLKHA: ดังนั้นราชวงศ์โรมานอฟจึงเป็น REPTS ลูกผสมหัวจิ้งจก อังกฤษแอบควบคุมรัสเซียจนถึงตอนนี้ (ฉันคิดว่าผ่านคำสั่งลับของความสามัคคี) ..

4. "Medal of Nicholas 1-o 1849" For the Pacification of Hungary and Transylvania ": the eye of the Lizard in the Triangle; The Crown of the Torah as a symbol of the Jewish and who is on top? และเหรียญนี้ แสดงให้เห็นลำดับชั้นของการดำรงอยู่อย่างชัดเจน - ดวงตาของกิ้งก่าในสามเหลี่ยมเหนือมงกุฎของโทราห์ นั่นคือ สูงกว่าชาวยิว ความหมายที่ชัดเจนอย่างแน่นอน ดังนั้นกิ้งก่าบนโลกจึงไม่สูญพันธุ์ ปรากฎว่าทั้งหมด สิ่งนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อยอย่างที่เราจินตนาการได้ " ชัดเจนในลำดับชั้นเหนือมงกุฏของคัมภีร์โตราห์ของชาวยิว! ความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับความเข้าใจ มีคนพยายามผลักดันเราไปสู่แกนกลางด้วยเวอร์ชันแห่งความตาย ความตาย ความตาย ความตาย .. กิ้งก่าจากหายนะภัยพิบัติภัยพิบัติ .. - ประมาณ 66 ล้านปีก่อน และนี่เป็นสิ่งที่เข้าใจได้เพราะกิ้งก่ายักษ์เหล่านั้นไม่มีอยู่บนโลกแต่อาจไม่จำเป็นต้องมองหากิ้งก่ายักษ์ตอนนี้ แล้วทำไม ดวงตาของจิ้งจกอยู่เหนือโตราห์ของชาวยิว เหตุใดการต่อสู้กับมังกรจึงปรากฏในมหากาพย์ของทุกชาติ "(v. Eye of Sauron หรือ Eye of the Lizard")

VOLHA: ฉันคิดว่าข้อความส่วนนี้ไม่ต้องการการวิเคราะห์ของฉัน ฉันจะละเว้นจากความคิดเห็นของฉันเองในขณะนี้

5. "คุณรู้ไหมว่าในระหว่างการสูญเสียเวลา - หลุมดำ" ในประวัติศาสตร์โลก 66 ล้านปีระหว่างการหายตัวไปของกิ้งก่าและการปรากฏตัวของมนุษย์กิ้งก่าไม่สามารถตายได้ บางอย่างที่น่าสงสัยมาก ในเรื่องนี้ "คน" ยืนยันกับเรา จิ้งจกมีเวลามาก (66 ล้านปี) เทียบกับ 6,000 ปีที่อารยธรรมมนุษย์มีอยู่: มีเวลามากกว่ามนุษย์ 10 ล้านเท่า (!) มากเกินพอที่จะพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดจะเคลื่อนย้ายไปยังอีกมิติหนึ่งและจากนั้นสังเกตเราด้วยตาของคุณเอง: ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตาต้องเป็น "ในรูปสามเหลี่ยม" หากมีความหมายทางกายภาพที่เฉพาะเจาะจง สามเหลี่ยม มนุษย์กลายพันธุ์สองหัว: เป็นสัญลักษณ์ของฮับส์บูร์ก คำถาม: ใครควรเข้าใจและใครควรเชื่อฟัง พระเจ้า" (v. "Eye of Sauron หรือ Eye of the Lizard")

VOLHA: ข้อความคล้ายกับความตื่นตระหนก สามเหลี่ยม - สัญลักษณ์จาก Hermes Trismegister:
"ชื่อของเทพเจ้าซินครีติกที่รวมคุณลักษณะของเทพเจ้าแห่งปัญญาของอียิปต์โบราณและการเขียน Thoth และเทพเจ้ากรีกโบราณ Hermes ในประเพณีของชาวคริสต์ผู้เขียนคำสอนเชิงเทววิทยา (ความลึกลับ) การกล่าวถึง Hermes Trismegistus ที่เก่าแก่ที่สุด (Mercury ) มีอยู่ในบทความของ Cicero เรื่อง "On Nature of the god" ซึ่งมีรายงานว่ามี Mercurys อยู่ 5 ดวง และอีก 1 ดวงที่บูชาโดย Fenets (เมือง Phenea ใน Arcadia) กล่าวกันว่าได้สังหาร Argus แล้วหลบหนีไป ไปยังอียิปต์และแจ้งให้ชาวอียิปต์ทราบเกี่ยวกับกฎหมายและการเขียน ชาวอียิปต์เรียกสิ่งนี้ว่า Thoth และพวกเขายังเรียกเดือนแรกของปีตามปฏิทินจันทรคติซึ่งตรงกับจุดเริ่มต้นของน้ำท่วมในแม่น้ำไนล์ "(สารานุกรม)" Thoth ( Teut, Tut, Tuut, Tout, Tehuti, Dzhehuti) - เทพเจ้าแห่งปัญญาอียิปต์โบราณ, ความรู้, ดวงจันทร์, รัฐและระเบียบโลก เชื่อกันว่า Maat เป็นส่วนประกอบของผู้หญิงของ Thoth ไม้เท้าของ Thoth ด้วยลูกบิด : หัวของ alasaurus หรือ pterodactyl ในช่วงลัทธิของ Thoth ใน Hermopolis สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด (ลิงบาบูน, งูและกบทั้ง 8 ตัว) พวกเขายังคงนับถือลิงบาบูนเท่านั้นที่เป็นศูนย์รวมของ Thoth" (สารานุกรม)

นั่น - "T" (ความมืด ความลึกลับ) + "OT" (บิดเบือนจาก At ผู้สร้างเทพเจ้าหลักของแอตแลนติส อียิปต์โบราณ)
TOT - "ความลับของ ATA" ตอน - "ปู่" รา และ "พ่อ" Pta - ราชวงศ์แห่งสุริยเทพแห่งอียิปต์โบราณ โดยภาษาถิ่น! เทพเจ้าอียิปต์นั่นคือ Tit-TITAN! (กรีกโบราณ Titanomachia .. ) BABOAN - "P" (บรรพบุรุษ) + "AVI" (บิดเบือนจาก Abel - การเสียสละครั้งแรกของมนุษย์ในวิหารของพระคริสต์: ตำนาน "คาอินฆ่าเขา พี่ชายอาเบลในนามของ J. Christ") + "AN" (เขา) BAVIAN- "บรรพบุรุษของ Abel เขา" (นักบวชแห่งวิหารของพระคริสต์แห่งเมือง Hermes) พวกเขาเลือกโทเท็มของ Thoth ตามที่ควรจะเป็นงู! Ap-Apop งูและ .. เทพเจ้าอพอลโลเป็นหนึ่งเดียวกัน - ดิสก์ที่ 3 ของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดินและ Pta - ดิสก์สีส้มแดงของดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น (ฟื้นคืนชีพ Ra) และ .. RA - แผ่นสีเหลืองของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน นอกจากนี้ยังมี Am-AMON - แผ่นสีขาวของดวงอาทิตย์ยามค่ำคืนในโลกแห่งความตาย ("ราผู้ล่วงลับ") .และทุกที่ AP! ก่อนหน้าเราคือ ลัทธิอสรพิษ (ดูข้อความด้านบน) มีอำนาจเหนือความเป็นความตายของมนุษย์!

MAAT- "MA At" (Mother Ata): "ผู้ให้กำเนิด ATA" เขายังอยู่ใน Dr. India YAMA) หรือ Amon Ra (เทพเจ้าหลักของ World of the Dead) ทุกอย่างตกลง: At กลายเป็น AM นี่คือ "อวตารหญิงของ ATA" สุภาพบุรุษไอยคุปต์ มีคำที่ยอดเยี่ยม อะโพคริฟัส อยู่ในคำเหล่านั้นซึ่งมีการเขียน "ต้นฉบับ" ของหลักคำสอนหลายตำแหน่งพร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับศาสนาคริสต์และโตราห์ เป็นทางการ วิหารของพระคริสต์ควรจะ "ปฏิเสธ" พวกเขา แต่ที่จริงรวบรวมพวกเขา ในห้องใต้ดินของวาติกัน..
Apocrypha - จาก RA) + "F" (ไม่มีตัวอักษรดังกล่าวในภาษาแม่ การแลกเปลี่ยนคือ "F-S-T") ) ผู้เขียนบทความและ D. Ike "บ้า" จริงหรือ! ใน Titanomachy เทพโอลิมเปียเอาชนะพวกเขาได้ ฉันจำได้ .. อย่างนั้นเหรอ! ผู้อ่านสงบลงและจริงจังอะไร ..

6. "Medal of the Crimean War ด้านหนึ่งของเหรียญที่มีตาเป็นรูปสามเหลี่ยม บนเหรียญรัสเซียของสงครามญี่ปุ่นปี 1905 รวมถึง "Eye in the Triangle" คุณสามารถค้นหาด้วยตัวคุณเองในวิชาเกี่ยวกับเหรียญบนอินเทอร์เน็ต . เหรียญแห่งสงครามตุรกีปี พ.ศ. 2420-2521" "มองไม่เห็น แต่แสงสีทองกำลังลุกไหม้เนื่องจากการข้ามของออร์โธดอกซ์และการอุทธรณ์อีกครั้ง:" ไม่ใช่สำหรับเราไม่ใช่เพื่อเรา แต่เป็นชื่อของคุณ เบื้องหลังทั้งหมด โลก. "ดวงตาของจิ้งจกในสามเหลี่ยม" ในพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์ฮับส์บูร์กแห่งออสเตรียในเวียนนา; โบสถ์ลูเธอรันในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก .. เหตุใดรัฐบาล "รัสเซีย" จึงผ่านโดยทางการและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดจาก ราชวงศ์ต่อระบอบประชาธิปไตย, เก็บไว้ในห้องโถงใหญ่ของรัสเซีย - ห้องโถง Georgievsky ของเครมลินตาในรูปสามเหลี่ยม? และทำไมห้องโถงใหญ่ของรัสเซียจึงตั้งชื่อตาม "Zhory"? Dobrynya Nikitich? - เช่นเดียวกับ St. มหาวิหาร Isaac's ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไม่ได้ถามอะไร สร้างอย่างไร และโดยใคร ไม่ใช่ธุระของคุณ วิหาร Orthodox Kazan ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: สุดเก๋ "Eye in the Triangular" ike "ข้างใน และนี่คือดวงตาของ" Lizard in the Triangle "เหนือไอคอนออร์โธดอกซ์ในมหาวิหารของ Isaac ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: แน่นอนว่า Orthodox เข้าไปในเรื่องจิ้งจกจนถึงหูของพวกเขา ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ." (ศิลปะ "ดวงตาของเซารอนหรือดวงตาของกิ้งก่า" )

VOLHA: แต่โดยทั่วไปแล้วมันก็คุ้มค่าที่จะคิด: ทำไมชื่อ George, Yegor และ Zhora ถึงเป็น "เสียงที่แตกต่างกันของชื่อเดียว" ..

GEORGE - GEORGE - GEORGE ("E" - การแทรกคำที่ชื่นชอบในวิหารของพระคริสต์ในระหว่างการกระทำของคับบาลาห์) - GORG - "G" (เส้นทาง) + "หรือ (เจ้าคณะเกาะใกล้กับขั้วโลกเหนือทางภูมิศาสตร์ของ Earth โลกแห่ง TITANS-TITS ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของ "Slavs", AROV-Aryans แน่นอน!) + "G" (เส้นทาง) GEORGE - "เส้นทางทั้งหมดไปยัง OR" เรียกคืนอะนาล็อก: "ทั้งหมด เส้นทางนำไปสู่กรุงโรม" คำว่า GORG นั้นมาจากเมดูซ่ากอร์กอนจากตำนานของดร. ของผม).
EGOR- "EG" ("E"-ใส่ตาม Kabbalah ดังนั้นจึงเรียกง่ายๆว่า G-Way) + "OR" EGOR- "เส้นทางสู่ OR" ZHORA- "F" (สับเปลี่ยน "ZH-Z-D"; D- โบราณ) + "OR" + "A" (สิ้นสุด) ZHORA- "Ancient OR2 หรือ" OR ของสมัยโบราณ " นั่นคือเหตุผลที่ทั้ง 3 ชื่อคือ และ เหมือนกัน": พวกเขาทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียวกัน - "เพื่อนำไปสู่ ​​OR" ฉันจะพูดทันที: ทั้ง 3 ชื่อถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อเกียรติยศของคำชื่อโดยวิหารแห่งพระคริสต์ซึ่งเป็นนักบวชสูงสุด และ คำว่า Priest? EAT - กิน "เหมือนสัตว์": ปาก-ปาก)
ZHOR- ZHRO- นักบวช (แทรก CE ย้อนกลับ, -นี่, ROC) นักบวช- "Tse J (O) R! ดังนั้นนักบวชทำอะไรจริงๆ - การดูดเลือดพลังงาน = การทำลายพลังงานชีวภาพของสิ่งมีชีวิต , ข่าวลือที่น่ากลัวเกี่ยวกับ คุณผู้อ่านทราบกันดีว่าเขมือบเลือด-เนื้อทารกเป็นต้น
GRAIL- "G" (เส้นทาง) + "RA" (อ่านกลับกันว่า AR-sun god OR) + "AL" (ALA- เลือดแดงแห่ง Ars) GRAIL- "เส้นทางของ RA (k) เลือดแดงแห่ง Ars ". GRAAL และฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่ "อะไร" แต่เป็น "ใคร": ผู้ชายจาก Ars
เลือด - "K" + "RO" (ย้อนกลับ OR เพื่อให้ชาวยิวอ่าน) + "B" (พลังแห่งการเจาะทะลุเข้าไปใน DNA ของวัตถุ) เลือด - "โดยอาศัยอำนาจของ OR"
BODY- "T" (ความมืด, ความลึกลับ) + "ELO" (El-Eli; เทพเจ้าจากวิหารแพนธีออนแห่งตระกูล, เทพเจ้า BOR- โลกแห่งดวงอาทิตย์ (OLa) บนคาบสมุทร Kola ซึ่งอยู่ในทะเลสาบ Imandra (หลังจาก การตายของหรือ) แม่รา ( MARA) ให้กำเนิดดวงอาทิตย์เทพราจากพ่อของเขา Pta-Ptah-Per-Pir .. ในที่สุด Perun อย่างไรก็ตาม KOL เป็นชื่อที่ถูกต้องของพระเจ้าภายใต้ชื่อเล่น Rod

บทสรุป Volkha: ดังนั้น เส้นทางทั้งหมดตามวิหารของพระคริสต์จึงนำไปสู่การจมลง OR (Arkt-Arktida ของ Dr. Greek ซึ่งเป็น Hyperborea ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "เบื้องหลังสายลม Boreas" และในความเห็นของฉันที่อยู่เบื้องหลัง BOR-OL - the โลกของดวงอาทิตย์แห่งคาบสมุทร Kola ( Hyperborea ที่แท้จริงของชาวกรีกอยู่ที่ไหน) .. และมี TITS-TOTS-TITANS ซึ่งพ่ายแพ้ใน Titanomachy โดยเทพเจ้าแห่ง Olympus นำโดย Zeus (ZEV- เปิด คำพูดของ ROT-ROD! .. และวิหารของพระคริสต์ที่พิชิต "สงครามครูเสด" ค่อยๆเคลื่อนไปทางเหนืออย่างช้าๆด้วย . ใกล้ชิดและใกล้ชิดกับ OR และผู้คนที่ได้รับการช่วยเหลือในช่วงน้ำท่วมโลกเมื่อ 12.8 พันปีก่อนบนชายฝั่งทางตอนเหนือของยุโรปในโลกแห่งดวงอาทิตย์ BOR .. ถึง ARAM-Aryans ทำลายล้างพวกเขาในทุกๆ วิธีที่เป็นไปได้ วิหารของพระคริสต์โกหก: ถ้า Ora (ไททันส์) ไททันเป็น REPTA-nagas แล้วทำไมต้องฆ่าพวกเขา .. ลูกหลานของผู้คนที่พวกเขาสร้างขึ้น ฉันสงสัย repty นั้น วัดโกหกเพราะ ตัวมันเองเป็นสัตว์เลื้อยคลานและเป็น เผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่สีขาวก็เม่น .. อย่าหยุดอย่าเอาใจเหยื่อใด ๆ .. นักบวชจากพญานาคไร้ความปราณี ) สัญลักษณ์แห่งอำนาจเหนือสหรัฐอเมริการัสเซียครั้งหนึ่ง .. จนถึงปี 1917 สมัยใหม่ รัสเซียถูกยึดครองโดย วิหารของพระคริสต์เป็นเวลากว่า 1,000 ปี .. ทุกอย่างไม่ได้ยอดเยี่ยมนักผู้อ่านถ้าโดย REPTS เราหมายถึงไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาด - nyh- สัตว์เลื้อยคลานและ .. คนของงู (totem Serpents) อ่านเพิ่มเติมด้วยตัวคุณเอง อย่าเชื่อเหมือนเด็ก ๆ ใน repts ให้เข้าใจ "มนุษย์" ที่เกลียดมนุษย์ที่เหลือ คุณจะได้เรียนรู้ส่วนที่เหลือจากบทความอื่น ๆ ของฉัน ..

7. "มีไอคอนออร์โธดอกซ์" The All-Seeing Eye": ดังนั้นหากฝูงแกะออร์โธดอกซ์ไม่รู้จักเพราะความโง่เขลาและความโง่เขลาของพวกเขาดังนั้นคนเลี้ยงแกะจึงค่อนข้างตระหนักดี "ดวงตาของจิ้งจก ในสามเหลี่ยม" ในโบสถ์ Orthodox Chesme ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - เช่นเดียวกับกลุ่มเครูบ และนี่คือ "Eye in the Triangle" ที่ฐานของเสา Alexandria ร้องโดย Pushkin บน Palace Square ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก " Eye of the Lizard in the Triangle” บนวิหาร Smolny ที่มีชื่อเสียงในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและ Samsonievskiy ชื่อของมันคือ Cathedral of Isaac ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สถาบัน Sklifosovsky ในมอสโก อดีตบ้าน Sheremetevsky - Sheremetyevs ก็เช่นกัน ตัดสินโดยเสื้อคลุมแขนไม่ใช่ goyim โบสถ์ทรินิตี้ใน Serebrenniki มอสโก สามเหลี่ยมในลานของอาราม Ipatiev ใน Kostroma จากที่พวกเขานำมาสู่รัชกาลของเด็กชาย Mikhail Romanov .. ภาพถ่ายจาก Kostroma แสดงให้เห็นอีกภาพหนึ่ง ข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่าง "Eyes in the Triangle" กับอังกฤษ: "Kostroma เป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์โรมานอฟ กษัตริย์ทุกพระองค์เสด็จเยือนเมืองของเราและอาราม Ipatiev ด้วยเหตุนี้ ใน Kostroma มีโบสถ์แห่งการฟื้นคืนชีพที่น่าสงสัยมากบน Debra ตำนานที่น่าสงสัยเชื่อมโยงกับโบสถ์แห่งการฟื้นคืนชีพ: พ่อค้า Kostroma กำลังค้าขายกับตะวันตกอย่างแข็งขัน และแล้ววันหนึ่ง ในชุดสีที่ส่งมาจากอังกฤษใน เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าผ้าลินิน เสมียนของพ่อค้า Kirill Isakov พบเหรียญทองหนึ่งถัง พ่อค้าที่ซื่อสัตย์รายงานสิ่งที่ค้นพบไปยังลอนดอน จากนั้นพวกเขาตอบว่า: ปล่อยทองคำไป "เพื่อการกุศล" จากนั้นในปี 1652 Isakov ได้สร้างโบสถ์ขึ้นใกล้กับ ท่าเรือโวลก้าของเขา ในเขตชานเมือง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พอร์ทัลของประตูรั้วโบสถ์ถัดจาก Owl และนก SIRIN วางพิธีการ LION และ UNICORN จากเสื้อคลุมของราชวงศ์อังกฤษ ของอาวุธ "แม้ในสมัยโซเวียตเอกอัครราชทูตอังกฤษคนใหม่ทุกคนในสหภาพโซเวียตมาที่ Kostroma และเยี่ยมชมวัดนี้ Lev และ Sirin ยังคงอยู่ - ฉันเห็นว่าฉันจำยูนิคอร์นไม่ได้โดยทั่วไปวัดนี้โดดเด่นในเรื่องของ สถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีแล้ว "คุณเห็นว่ากองกำลังมืดกำลังปกป้องเธอและดูแลเธอ เหล่านี้คือถ้ำซาตาน สถาบันการขุดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - และในดวงตาเป็นสัญลักษณ์อื่น - หนามสีทอง - เสน่ห์และรสชาติ: น้ำพุ , เสาโอเบลิสก์ - ไม้เท้า - หนามทอง - ตา มหาวิหารในอาเคิน เยอรมนี มีคล้าย ๆ กันในมอสโก!ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่กำลังแข่งขันกันต่อหน้า The Invisible The Collective Lizard ซึ่งมี "Eye of the Lizard "ใหญ่กว่าและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ ทำไมเราต้องมีชีวิตเช่นนี้ภายใต้กิ้งก่า? ทุกอย่างชัดเจนแล้ว ที่นี่ "สหายในอ้อมแขน" ของเราถ่ายรูป "ชื่อในรูปสามเหลี่ยม" ตามคำสั่งของฉันซึ่งตั้งอยู่หน้าแท่นบูชาของ Refectory Church (ซึ่งกิ้งก่ากินมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด แบบฟอร์ม) มีห้องโถงขนาดใหญ่ด้านหน้าแท่นบูชาสำหรับวางโต๊ะและเห็นได้ชัดว่าพิธีกรรมการกินเนื้อมนุษย์โดย "โลงศพ" ที่นี่ทางด้านขวาคือแท่นบูชาของ Refectory Church of the Lavra ในรูปสามเหลี่ยมใจ คุณในภาษาฮีบรูเขียนชื่อรวมของจิ้งจก "YHWH" และนี่คือ "สามเหลี่ยม" ในคริสตจักรคาทอลิกรูปสามเหลี่ยมที่มีชื่อ " YHWH" ตั้งอยู่ภายในม่านตาของ "EYE" ใน "Trotsky-Sergius Lavra" เดียวกัน - สวนขวดนี้ตรงกลางมีเสาโอเบลิสก์ที่มีสามเหลี่ยมทองคำ: "ดวงตาของจิ้งจกในรูปสามเหลี่ยม" บนผ้ากันเปื้อน Masonic ของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ .. นั่นเป็นเหตุผลที่หนึ่งใน "ผู้ถูกเลือก" - Dante Alighieri เขียนงาน "The Divine Comedy" - ในแง่โศกนาฏกรรมของมนุษย์ เสื้อคลุมแขนอย่างเป็นทางการของ Grand Lodge of Russia แต่นอกจากนี้สัญลักษณ์ของ กระทรวงกรณีฉุกเฉิน โครงสร้าง .. ")
VOLKHA: ผู้เขียนมีอคติที่ชัดเจนในลักษณะของความกลัว-หวาดระแวง แต่ .. ฉันเห็นภาพอาคารของเขาในบทความ - ถูกต้อง

8. "มาทำความคุ้นเคยกับความหมายดั้งเดิมของสัญญาณในศาสนายูดาย นี่คือภาพประกอบจากหนังสือ "Dogma and Rite of Higher Magic" ของ Eliphas Levi: ดาว 5 แฉกวางอยู่บนหน้าผากของสัตว์ประหลาดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของ ผู้ที่ปรากฎในเทวรูปนี้ตามประเพณีของ Masonic นั่นคือซาตาน Palladium of Freemasonry คือ Baphomet นี้ Kabbalist-Masons ในปี พ.ศ. 2423 มีการสาธิตครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส - ขบวนของผู้นับถือลัทธิไสยศาสตร์, ผู้นับถือผี, เมสันที่มีธงสีดำและสีแดงซึ่งปักรูป "Baphomet of the Templars" ซาตานรูปดาวห้าแฉกและสัญลักษณ์นกอินทรีด้วย ปักดาว ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวยิว - ตรานี้เรียกในพิธีบูชาของชาวยิวว่า "Mochin-Dovid" ซึ่งแปลว่า "โล่ของดาวิด" มันถูกวางไว้ในโลงศพบนศพบนหัวใจของชาวยิวทุกคน เพื่อเป็นหลักประกันของชีวิตหลังความตายร่วมกับ "พระเจ้า" ของเขา เพื่อยุติ "ความลึกลับของความไร้ระเบียบ" ของชาวยิวคับบาลาห์และความสามัคคีฉันจะนำเสนอ นี่คือสูตรสัญลักษณ์จากหนังสือของ Kabbalist-Mason และ warlock คนเดียวกันกับที่ผมยกมาข้างต้น ภาพของสูตรนี้ หรือตามที่ผู้เขียนกล่าวไว้ข้างต้นเรียกว่า "สัจพจน์" ตรงกลางคือ "ตราประทับใหม่ของโซโลมอน" พร้อมสัญลักษณ์] ( มวยปล้ำในคับบาลาห์) ในตราประทับนี้เราเห็นว่าสามเหลี่ยมถูกจัดเรียงในลำดับที่กลับกันอยู่แล้ว: ด้านสว่างหันปลายยอดขึ้นด้านมืดที่มียอดลง พร้อมเครื่องหมาย "p" ตรงกลาง: "การสิ้นสุดและการสิ้นสุดของการสร้างที่ยิ่งใหญ่" K หมายถึง "การสิ้นสุดของการสร้างที่ยิ่งใหญ่" เมื่อพิจารณาทุกสิ่งที่เปิดเผยข้างต้นในการเปิดเผยความลับของ Masonic ไม่มีใครสามารถช่วยได้ แต่เห็นข้อสรุปของไม้กางเขนในสัจพจน์นี้ในใจกลางของโลก (วงกลม) - ใน "บึงไฟ" และการขึ้นสู่สวรรค์ ของปีศาจบนบัลลังก์ภายใต้ชื่อของพระเจ้า นั่นคือ "สัจพจน์" ของหนังสือสีดำความสามัคคี" (ศิลปะ "ดวงตาของเซารอนหรือดวงตาของกิ้งก่า")
VOLKHA: ตัดสินจากภาพถ่ายในบทความ ทุกอย่างเป็นเช่นนั้น

9. "นี่คือหลักฐานมากมาย ดังนั้น: พระเจ้าพระบิดา = พระเยโฮวาห์ = พระเยโฮวาห์ = อัลลอฮ์ = เตตระแกรมมาตอน = จิ้งจก = บาอัล = ซาตาน = ปีศาจ ซึ่งได้รับการยืนยันจากงานเขียน "ศักดิ์สิทธิ์" ของศาสนาอับราฮัมและ ประวัติศาสตร์อันน่าสลดใจของผู้คน , มอบให้เขาเป็นเครื่องสังเวย ดีและแน่นอน ดอลลาร์ หากคุณค้นหาในเน็ตคุณจะพบดวงตามากมายในอาคารต่าง ๆ ในสถานที่ต่าง ๆ พวกเขาดู .. ไม่สมเหตุสมผล "มืด " - คิดเฉพาะคน แต่ถ้ายังคงไล่ระดับอย่างมีเงื่อนไขก็สามารถทำได้เช่นนี้: มีผู้ที่ถือว่ามนุษยชาติเป็นทุ่งหญ้า, อาหาร, เวทีสำหรับเกม - และมีผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ครั้งหนึ่ง คนที่เรียกกันว่า "เดมิเอิร์จ" โดยได้รับการสนับสนุนจาก "ผู้สร้าง" จากโลกภายนอก ได้ทำการเปลี่ยนแปลง "โปรแกรมการทำงาน" ตั้งค่าการปิดกั้นที่ทำให้กองกำลังที่ไม่พึงประสงค์ทำได้ยาก เพื่อให้เขามาที่นี่ ตอนนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ไม่สามารถพูดได้ว่าทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย และไม่กำกวม แต่มีการพัฒนาในเชิงบวกบางประการ Igvy - คำอธิบายของ Daniil Andreeva "Rose of the World" มีข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลาน ความแตกต่างคือ: สัตว์เลื้อยคลาน, สัตว์เลื้อยคลานและ reptoids สัตว์เลื้อยคลานคือผู้ออกแบบมนุษยชาติ ลูกผสมที่มีความสามารถในการ "สวม" แจ็คเก็ต "มนุษย์" พวกมันครองโลกนี้แต่พวกมันไม่ใช่เจ้าของอีกต่อไป พวกมันเป็นเพียง "คนเลี้ยงแกะ" เรปตอยด์เป็นลูกผสมที่ผสมกันอย่างกระตือรือร้นอยู่แล้ว รูปทรง ปัจจุบันชนชั้นสูงของ

IGVA - "Lord of the Way Va" ฉันคิดว่ามันเพียงพอแล้ว ฉันตั้งงานที่นี่: เพื่อให้คุณคิดผู้อ่าน
มันใช้งานได้จริงไหม คุณเท่านั้นที่รู้

“การสร้างวัตถุศิลปะในรูปแบบของดวงตาแห่งเซารอนบนหลังคาของตึกระฟ้าแห่งหนึ่งในเมืองมอสโกเป็นความคิดที่ไม่ดี ตามที่ผู้เขียน The Lord of the Rings คิดขึ้นมา เซารอนเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายสากล ตามที่คุณพ่อ Andrei Kuraev บุคคลสาธารณะและศาสนาที่มีชื่อเสียงกล่าว – จอห์น โทลคีน นักเขียนชาวอังกฤษเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัด งานของเขาเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของคริสเตียน แต่แฟน ๆ ยุคหลังโซเวียตไม่น่าจะรู้ภูมิหลังในพระคัมภีร์ไบเบิลนี้ ในบรรดาผู้สวมบทบาทโทลคีน มีหลายคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพ "มืดมน" ในนิยายของโทลคีน

เมื่อวันก่อนเป็นที่รู้กันว่าในวันก่อนรอบปฐมทัศน์ของรัสเซียของภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายจากภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง "The Hobbit" ซึ่งสร้างจากนวนิยายของ John R. R. Tolkien บนชั้น 21 ของหนึ่งในหอคอยของคอมเพล็กซ์เมืองมอสโก พวกเขากำลังจะติดตั้งนิวโมสเฟียร์ด้วยการฉายวิดีโอของ "ดวงตาแห่งเซารอน" เธอจะอยู่ที่นั่นตั้งแต่ 18.00 น. ของวันที่ 11 ธันวาคม ถึง 03:00 น. ของวันที่ 12 ธันวาคม ด้วยวิธีดั้งเดิมดังกล่าว ผู้เขียนงานศิลปะแอ็กชันตัดสินใจที่จะแสดงความเคารพต่อผู้สร้างภาพยนตร์เทพนิยายเกี่ยวกับดินแดนมหัศจรรย์แห่งมิดเดิลเอิร์ธ

คนแรกที่วิพากษ์วิจารณ์แนวคิดนี้คือ Vsevolod Chaplin ประธานแผนก Synodal สำหรับปฏิสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรและสังคมของ Patriarchate มอสโก เขาบอกว่าการติดตั้งอาจส่งผลเสียต่อทุน

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มันเป็นสัญลักษณ์ปีศาจ สัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายแห่งชัยชนะดังกล่าวลอยขึ้นเหนือเมืองและกลายเป็นวัตถุที่สูงที่สุด สิ่งนี้ดีหรือไม่ดี? ฉันเกรงว่ามันจะค่อนข้างแย่ ไม่จำเป็นต้องแปลกใจในภายหลังหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเมือง” แชปลินกล่าวและคร่ำครวญว่าไม่มีผู้จัดงานคนใดเลยที่จะปรึกษาหารือกับชาวเมืองหรือกับ “หน่วยงานด้านวัฒนธรรม”

"MK" ตัดสินใจที่จะค้นหาจากผู้เชี่ยวชาญออร์โธดอกซ์คนอื่น ๆ ว่าแคมเปญประชาสัมพันธ์ธรรมดา ๆ แม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบดั้งเดิมนั้นสามารถทำร้ายเมืองได้อย่างไร?

- แน่นอน "ดวงตาแห่งเซารอน" เป็นเพียงวัตถุศิลปะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น มันไม่มีพลังวิเศษ ความพยายามของแชปลินที่จะข่มขู่ชาวมอสโกด้วยดวงตาปีศาจที่มีมนต์ขลังนั้นดูเหยียดหยาม (เนื่องจากผู้เขียนประกันนี้ไม่เชื่อในตัวเขาด้วยเงินเพียงเล็กน้อย)
แต่ในโลกมนุษย์แห่งหนึ่ง ในโลกของ The Lord of the Rings มันยังคงเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการแห่งความชั่วร้าย ยิ่งไปกว่านั้น หากสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เหลือเป็นแบบแผน นั่นคือ พวกเขาได้รับความหมายจากบริบท และสิ่งนี้หรือข้อตกลงหรือความขัดแย้งของผู้คนเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นดวงตาแห่งเซารอนจึงมีผู้สร้างหนึ่งคน และด้วยเหตุนี้ จึงมีเอกสิทธิ์เพียงพอ ล่าม. นี่คือโทลคีน และความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับดวงตานี้เป็นลบมาก
ฉันจะไม่แนะนำให้ยกสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายขึ้นเหนือเมืองที่นี่ฉันเห็นด้วยกับคุณพ่อ Vsevolod
มีคนไม่กี่คนที่รู้ว่าโทลคีนเขียนหนังสือใหม่ทั้งเล่มโดยเฉพาะเพื่อให้แหวนแห่งพลังอำนาจทุกอย่างของเซารอน (และดวงตาของเซารอนด้วย) ถูกทำลายในวันที่ 25 มีนาคมซึ่งเป็นวันแห่งการประกาศซึ่งตรงกับวันอีสเตอร์ในอังกฤษโบราณ การพาดพิงของคริสเตียนอีกอย่างหนึ่ง: แม้แต่โฟรโดฮีโร่อันเป็นที่รักของเขาก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งประดิษฐ์แห่งความชั่วร้ายเหล่านี้ได้ โฟรโดตกอยู่ใต้น้ำหนักของ "เสน่ห์" ของแหวน ผู้ชนะไม่ใช่เขา แต่เป็นพรของผู้สร้าง - อิลูวาทาร์ (ซึ่งรับรู้ได้จากการปะทะกันครั้งสุดท้ายของสองผู้คลั่งไคล้: โฟรโดและกอลลัม) น่าเสียดายที่ผู้จัดงานตัดสินใจที่จะทำเครื่องหมายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์โดยเชิดชูสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่มืดไม่ใช่สัญลักษณ์ที่สดใส

ยิ่งเป็นการไม่เหมาะที่จะพูดถึงเทพนิยายเกี่ยวกับฮอบบิท ไม่มีทั้งเซารอนและซารูมานในนิทานสำหรับเด็กที่เรียบง่ายนี้ และแม้แต่วงแหวนแห่งอำนาจทุกอย่างก็ไม่แตกต่างจาก "หมวกล่องหน" ในเทพนิยายทั่วไปมากนัก ไม่น่าเป็นไปได้ที่โทลคีนจะอนุมัติเองว่าดวงตาแห่งเซารอนจะกลายเป็นสัญลักษณ์และโฆษณาสำหรับเรื่องราวนี้ของเขา
แต่ในฐานะสัญลักษณ์ทางการเมือง ดวงตาแห่งเซารอนเหนือกรุงมอสโกจะมอบอาหารอันอุดมแก่ความคิดและการเปรียบเทียบ

***
ฉันพูดสิ่งนี้ในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ MK ข้อความที่เผยแพร่มีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่พูดเพียงเล็กน้อย ดังนั้นการเผยแพร่จึงต้องได้รับการแก้ไข

อย่างไรก็ตาม ต่อมา Vladimir Chernikov หัวหน้าแผนกสื่อและโฆษณาของเมืองหลวงกล่าวอย่างจริงจังว่าหากวัตถุศิลปะ Eye of Sauron ถูกวางไว้เหนือหอคอยแห่งใดแห่งหนึ่งของกรุงมอสโกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสำนักงานนายกเทศมนตรี มันจะถูกรื้อถอน ปรากฎว่าทางผู้จัดโครงการยังไม่ได้ส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติ
“ไม่สามารถวางโครงสร้างนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน หากวัตถุถูกวาง และเราแน่ใจว่าเป็นโฆษณา มันจะถูกรื้อถอน เรามีความสามารถในการดำเนินการรื้อถอนที่ร้ายแรงที่สุดในวันนี้ เราได้แสดงให้เห็นแล้ว เรารื้อโครงสร้างโฆษณาบนหลังคามากกว่า 200 หลังในเมือง เรามีทรัพยากรของเราเองสำหรับสิ่งนี้ - GKU "Gorinfor" - Vladimir Chernikov กล่าว
เอาล่ะ ไปตามทางที่เป็นเหตุเป็นผลกัน ปรากฎว่าสื่อซื้อมาเป็นของปลอม - นั่นคือไม่มีใครวางแผนที่จะติดตั้งอะไรเลย แต่พวกเขารายงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์โดยไม่เจตนา (เต็มใจ) นั่นคือพวกเขาไม่ได้นำไปที่สำนักงานของนายกเทศมนตรีพวกเขาไม่เห็นด้วยกับเจ้าของ IQ Quarter แต่โรงภาพยนตร์จะเต็มหรือไม่ ทำได้ดีอีกครั้ง!
ตามการประมาณการที่อนุรักษ์นิยมที่สุด แคมเปญโฆษณาโดยตรงราคาหนึ่งล้านดอลลาร์ "Eye of Sauron" ฉันคิดว่า 100,000 จากนั้นพวกเขาก็พบนักข่าวที่แต่งเรื่องแย่ในราคา 200 ดอลลาร์!
แบบอย่างที่ดี!

"ผู้รักชาติ" ทางคลินิกเป็นครั้งที่ร้อยต้องอธิบาย: Mordor, Sauron และ Saruman ในหนังสือของ Tolkien ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัสเซีย

มอร์ดอร์ในแผนที่ของโทลคีนอยู่ทางตะวันออกจริงๆ เยอรมนีตั้งอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษอย่างไร อังกฤษไม่เคยมีศัตรูโจมตีเธอจากตะวันตกจากมหาสมุทร ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักเขียนชาวอังกฤษที่จะวางศัตรูของเขาไว้ทางทิศตะวันออก

เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ส่วนใหญ่เขียนขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โทลคีนส่งบทจากหนังสือเล่มใหม่ไปให้ลูกชายดู และลูกชายของเขาไม่ได้สวมเครื่องแบบเยอรมัน แต่เป็นเครื่องแบบอังกฤษ ซึ่งหมายความว่าเขากำลังต่อสู้อยู่ข้างรัสเซียและต่อต้านเยอรมนี หากเหตุผลนี้ “มอร์ดอร์” ไม่สามารถเป็นสัญลักษณ์ของรัสเซียได้!

ชาวตะวันตกระลึกอยู่เสมอว่าครั้งหนึ่งซารูมานเคยอยู่กับพวกเขา และแม้แต่ในการพบกันครั้งสุดท้าย ทัศนคติที่มีต่อเขาก็ยังไม่ชัดเจน: “ที่นี่ มีมืออย่างน้อยหนึ่งโหลจับคนร้าย ดึงมีดออกมาแล้วเหวี่ยงเขาลงกับพื้น แซมชักดาบออกมา “หยุดนะแซม” โฟรโดหยุดเขา อย่าเพิ่งฆ่าเขาในตอนนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน ฉันไม่อยากให้เขาตายในสภาพจิตใจย่ำแย่เหมือนตอนนี้ เมื่อเขายอดเยี่ยมจริงๆ เมื่อนั้นไม่มีใครยกมือขึ้นต่อสู้เขา ตอนนี้เขาล้มลงแล้ว และเราหมดหนทางที่จะช่วยเขา แต่บางทีเขาอาจหาทางไปสู่แสงสว่างได้เอง ฉันขอให้คุณไว้ชีวิตเขา”

ซารูมานกลายเป็นคนทรยศ แต่จากมุมมองของอังกฤษ สหภาพโซเวียตหากทรยศใคร ก็คือฮิตเลอร์ ซึ่งเขาเป็นเพื่อนกันในปี 2482-2483 ในช่วงสงครามที่ยากลำบากที่สุดของอังกฤษ
เมืองที่ Saruman อาศัยอยู่ - Isengard - ตั้งอยู่ในใจกลางของ Middle-earth และไม่ได้อยู่ทางทิศตะวันออก (ซึ่ง Mordor ตั้งอยู่จริง)

ตามหลักการแล้ว โทลคีนคัดค้านการอ่านเรื่องการเมืองของเขาอย่างตรงไปตรงมา โทลคีนอธิบายลักษณะการเมืองของเทพนิยายของเขาว่าเป็น "เรื่องไร้สาระ" ที่ไม่สามารถ "รั่วไหลลงในหนังสือของฉัน" ดังนั้นผู้แปลภาษาสวีเดนของเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์จึงแนะนำว่าเซารอน "เห็นได้ชัดว่า" คือสตาลิน
ปฏิกิริยาของโทลคีน: "ไม่มีคำว่า 'เห็นได้ชัด' ที่นี่ ฉันปฏิเสธที่จะยอมรับ "การอ่าน" ดังกล่าวอย่างเด็ดขาดพวกเขาทำให้ฉันโกรธ สถานการณ์เกิดขึ้นนานก่อนการปฏิวัติรัสเซีย อุปมาอุปไมยดังกล่าวแปลกไปจากวิธีคิดของฉันอย่างสิ้นเชิง ความจริงที่ว่ามอร์ดอร์อยู่ทางทิศตะวันออกนั้นอธิบายได้ง่ายๆ ด้วยข้อกำหนดทางภูมิศาสตร์และโครงเรื่องภายใน "ตำนาน" ของฉัน ในขั้นต้นฐานที่มั่นของความชั่วร้าย (ตามประเพณี) อยู่ทางตอนเหนือ แต่เมื่อมันถูกทำลายและถูกน้ำทะเลกลืนหายไป ก็จำเป็นต้องสร้างป้อมปราการใหม่ให้ห่างจากพวกวาลาร์ พวกเอลฟ์ และอำนาจทางทะเลของนูเมนอร์

ในคำนำของเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ฉบับอเมริกา (พ.ศ. 2498) โทลคีนเขียนว่าหากสงครามเพื่อชิงแหวนเป็นการพรรณนาเชิงเปรียบเทียบของสงครามโลกครั้งที่สอง (ซึ่งเขาเน้นย้ำว่าไม่ใช่) ดังนั้น "แหวนจะ ได้รับการจัดสรรแล้วนำไปใช้กับเซารอนอย่างแน่นอน เซารอนจะไม่ถูกลดความสำคัญลง แต่จะถูกกดขี่ ซารูมานซึ่งจากไปโดยปราศจากแหวน ต้องขอบคุณความสับสนและการทรยศ เขาจะพบความเชื่อมโยงที่ขาดหายไปในการค้นคว้าวิจัยของเขาในมอร์ดอร์ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาเองก็จะสร้างแหวนวงใหญ่ขึ้นมาเอง ซึ่งเขาจะท้าทายผู้ปกครองเผด็จการคนใหม่ แห่งมิดเดิลเอิร์ธ

วันที่ 11 ธันวาคม สัมภาษณ์กับ Mosmonitor:
http://mosmonitor.ru/articles/society/oko_saurona_ne_dolzhno_vozvyishatsya_nad_gorodom_epohi_lyudey

เหตุใดคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียจึงตัดสินใจต่อสู้กับความชั่วร้ายที่สมมติขึ้น - "ดวงตาแห่งเซารอน" และที่สำคัญที่สุด - เหตุใดเจ้าหน้าที่ฆราวาสจึงให้ความสำคัญกับการติดตั้งเกมนี้อย่างจริงจัง มอสโกอยู่ในความคิดของเจ้าหน้าที่ของเมืองเองคล้ายกับมอร์ดอร์จนเป็นไปไม่ได้ที่จะล้อเล่นเกี่ยวกับหัวข้อนี้หรือไม่?

ประการแรก มีเรื่องตลกโบราณที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับเรื่องนี้:

มีการสนทนาที่ยากลำบากเกิดขึ้นในสำนักงานของสตาลิน Zhukov ออกจากสำนักงานและในใจของเขาพ่น: "ไอ้หนวด!" เบเรียกลับมาทันทีและรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น

เรียกสหาย Zhukov มาหาฉัน” สตาลินตอบ

สหาย Zhukov คุณพูดคำว่า "หนวดปีศาจ" หรือไม่?

ครับผม.

คุณกำลังพูดถึงใคร

เกี่ยวกับฮิตเลอร์แน่นอน

และคุณสหายเบเรียคุณหมายถึงใคร

นอกจากนี้ที่นี่: ผู้ซึ่งระบุตัวเองด้วย Mordor นี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจของการจดจำตนเอง

ประการที่สอง คำถามหลักไม่ใช่ว่าคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียไม่พอใจ แต่ทำไมคนแปลก ๆ ถึงมาอยู่ที่นี่ เหตุใดแชปลินยังคงเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของศาสนจักร แม้แต่คนที่อยู่ในแวดวงของพระสังฆราชเมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ก็ยักไหล่:“ เราไม่เข้าใจ”

โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าไม่มีใครจะติดตั้งอะไรเลยดังนั้นจึงไม่มีใครห้ามอะไร สำนักงานนายกเทศมนตรีมอสโกไม่สามารถห้ามได้เพราะไม่มีใครขออนุญาต และหากไม่ได้รับอนุญาตการกระทำนั้นไม่ได้อยู่ในการติดตั้ง Eye of Sauron แต่เป็นการโฆษณาที่เรียบง่ายไม่ใช่ของภาพยนตร์ แต่ของผู้จัดงานเองซึ่งพูดถึงการกระทำที่ยอดเยี่ยมสองครั้งของพวกเขา และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม พวกเขาได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท ฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่มีแม้แต่อุปกรณ์ที่จะสร้างภาพภายใต้การสนทนา แต่พวกเขามีผลทางสื่อที่น่าทึ่งมากและส่งเสริมตัวเองอย่างยอดเยี่ยม

และถ้าแผนของพวกเขาเป็นจริง ฉันก็คงจะคัดค้าน ประการแรกมีสัญลักษณ์ที่ไม่ใช่ของใคร และแต่ละคนก็มีสิทธิ์ตีความในแบบของตัวเอง สมมุติว่าดาว มังกร สายฟ้า ฯลฯ และมีสัญลักษณ์ของผู้แต่งมาก นี่คือ "ดวงตาแห่งเซารอน" เป็นสิ่งประดิษฐ์ของผู้เขียน พูดอย่างเคร่งครัด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์อธิบายอย่างจริงจังว่ามันคืออะไร นี่คือโทลคีน

ดังนั้นฉันจึงพยายามมองการกระทำนี้ผ่านสายตาของเขา และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันเห็นว่า "ดวงตาแห่งเซารอน" ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮอบบิท ทั้งเซารอนและตาของเขาไม่ได้อยู่ในนิทานเรื่องนี้

นอกจากนี้ ในโลกที่โทลคีนประดิษฐ์ขึ้น "ดวงตาแห่งเซารอน" มีหน้าที่บางอย่าง และนี่เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ปิศาจ ชั่วร้ายเหนือมนุษย์ ต้นกำเนิดของมันอธิบายไว้ในซิลมาริลเลียน ฉันไม่คิดว่าโทลคีนจะอยากให้เรื่องราวลูก ๆ ของเขาเกี่ยวกับฮอบบิทบิดเบี้ยวแบบนั้น ยิ่งกว่านั้น ฉันเชื่อมั่นว่าในฐานะคริสเตียน เขาไม่ต้องการให้สิ่งนี้ แม้ว่าจะเป็นภาพแห่งความชั่วร้ายในวรรณกรรม ซึ่งตั้งตระหง่านเหนือเมืองใดๆ ของ "ยุคของผู้คน" รวมถึงมอสโกวด้วย

ท้ายที่สุดมีตัวละครเชิงลบมากมายในวรรณคดีรัสเซีย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง อนุเสาวรีย์ของ Svidrigailov หรือ Yudushka Golovlev ไม่ได้ถูกยกขึ้นเหนือเรา ... ไม่ว่าสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายจะเป็นเช่นไรก็ไม่ควรอยู่เหนือเมืองขนาดใหญ่และซับซ้อนซึ่งแน่นอนว่ามี Yudushki เป็นของตัวเอง แต่ยังมี Alyoshka Karamazov

และสุดท้ายเกี่ยวกับการเมือง โลกสมัยใหม่ได้เข้าสู่สงครามข้อมูลข่าวสาร มีการระเหิดไม่เพียง แต่รัสเซีย - ยูเครนเท่านั้น แต่ยังมีการกล่าวหาซึ่งกันและกันและการทำให้เป็นปีศาจร่วมกันอีกด้วย Viktor Aksyuchits พูดถึงการต่อสู้ที่ไม่เห็นด้วยของเขา: "เรามุ่งเป้าไปที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่จบลงที่รัสเซีย" และไม่คำนึงถึงทัศนคติต่อประธานาธิบดีคนปัจจุบันและนโยบายของเขา ฉันกลัวว่าคนธรรมดาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการเผชิญหน้า การลงโทษมีผลกับทุกคน โดยไม่คำนึงว่าคุณลงคะแนนให้ใคร และฉันไม่ต้องการให้ประเทศของฉันถูกลือว่าเป็นอาณาจักรที่ชั่วร้าย และเรียกอีกอย่างว่ามอร์ดอร์

ชีวประวัติของ Sauron เชื่อมโยงโดยตรงกับตำนานของ Middle-earth ที่คิดค้นขึ้น พื้นฐานของตำนานอธิบายไว้ในหนังสือ "The Silmarillion" เรื่องราวน่าพิศวงชวนให้นึกถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์ นี่เป็นเพราะมุมมองทางศาสนาของผู้เขียน

ประวัติการสร้าง

ตามตำนาน Eru Iluvatar ผู้สร้างสูงสุดได้หายใจชีวิตเข้าไปในวิญญาณซึ่งเขาแบกภาระความรับผิดชอบต่อจักรวาลไว้บนบ่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเรียกว่าวาลาร์ และผู้ที่อ่อนแอกว่าจะกลายเป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งเรียกว่าไมอาร์ พวกเขาสร้างโลกด้วยการร้องเพลงที่ไพเราะ หัวหน้าหมู่วาลาร์คือ เมื่อไต่ขึ้นและตระหนักถึงสถานะของเขา เขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเพลงในแบบของเขาเอง ในบรรดาคนรอบข้างมีทั้งคนที่ไม่อยากเชื่อฟังและคนที่ยอมรับแนวคิดนี้ด้วยความยินดี Maia Sauron เป็นหนึ่งในลูกน้องของ Melkor ฮีโร่มีชื่ออื่น: Annatar, Gorthaur, Artano และ Myron

Silmarillion เล่าถึงการต่อสู้ที่ส่งผลให้ Melkor ถูกเนรเทศออกจากโลก และ Sauron ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแห่งความมืด การต่อสู้กับเขาได้อธิบายไว้ในไตรภาคเดอะลอร์ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ในขั้นต้นฮีโร่เป็นผู้ช่วยของ Val Aule ผู้ซึ่งถ่ายทอดความรู้ให้กับเขา ต่อมาเซารอนใช้พวกมันเพื่อสร้างวงแหวนเวทย์มนตร์ที่ทำให้เขาสามารถปราบผู้คน คนแคระ และเอลฟ์ได้ เซารอนไม่ได้ฝันถึงการทำลายล้างโลก แต่เป็นการพิชิต จนกระทั่งการล่มสลายของ Melkor เขารับใช้ผู้ปกครองอย่างซื่อสัตย์และหลังจากนั้นเขาก็มาหาพวกเอลฟ์ สอนคาถาให้พวกเขาและได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา

พวกเอลฟ์สร้างวงแหวนแห่งพลังสามวงให้กับเซารอน แต่เมื่อตระหนักว่าเขาเป็นใคร พวกเขาปฏิเสธที่จะปลอมวงแหวนแห่งอำนาจสุดท้ายอันสุดท้าย นั่นคือวงแหวนแห่งอำนาจสูงสุด คนแคระสามารถเพิกเฉยต่อแผนการของวายร้ายได้ และผู้คนก็เชื่อฟังวงแหวนทั้งเก้าของพวกเขาและกลายเป็นนาซกูล

ในตำนานของโทลคีน

จาก 1,600 Sauron อาศัยอยู่ใน Mordor ในหอคอยสูงของ Dol Guldur One Ring ซึ่งเขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองควรจะช่วยในการจัดการแหวนแห่งอำนาจอื่น ๆ มันบ่งบอกถึงความคิดและแรงบันดาลใจของผู้ที่สวมแหวน ดวงตาแห่งเซารอน - ดวงตาขนาดใหญ่ที่ด้านบนสุดของหอคอย - เฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นวิญญาณแห่งความมืดจึงรับรู้ถึงการกระทำที่เล็กน้อยที่สุดของผู้ที่มาเยือนดินแดนของเขา ผู้ดูแลหอคอยคือเสียงของเซารอน ผู้ประกาศตนว่าเป็นนักรบที่น่ากลัวสวมหน้ากาก หมวกเหล็กและชุดเกราะ เกราะปกคลุมร่างกายและใบหน้าของเขา

เซารอนถูกโจมตีโดย Ar-Pharazon กษัตริย์องค์สุดท้ายของ Numenor ซึ่งไม่พอใจกับความจริงที่ว่าฮีโร่จะกลายเป็นผู้ปกครองคนเดียวของประชาชน ชาวนูเมโนเรียนมาถึงมิดเดิลเอิร์ธและตกเป็นเหยื่อของเซารอนที่ยอมจำนน การเชื่อฟังของเชลยเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเขา และในไม่ช้า วายร้ายก็กลายเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์แห่งนูเมนอร์ เขาชักชวนเจ้าของให้บูชาความมืดและ Melkor โดยสัญญาว่าจะเป็นอมตะ

Ar-Pharazon ล่องเรือไปยัง Undying Lands จากนั้นตกเป็นเหยื่อของน้ำท่วมและกลับสู่ชายฝั่งของ Middle-earth กองเรือของเขาตายแล้ว มีเพียงชาว Numenoreans Elendil, Isildur และ Anarion เท่านั้นที่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาก่อตั้งเมืองกอนดอร์และอาร์นอร์ เซารอนสูญเสียร่างกายสร้างชาติที่น่าขยะแขยงสำหรับตัวเองและไปทำสงครามกับเมืองที่สร้างขึ้น การต่อสู้ดำเนินต่อไปด้วยความสำเร็จที่แตกต่างกันในตอนจบเซารอนพ่ายแพ้ - อิซิลดูร์ตัดมือของวายร้ายซึ่งสวมแหวนแห่งอำนาจทุกอย่างและวิญญาณของเซารอนออกจากร่าง ผู้ชนะรับแหวนเพื่อตัวเอง แต่ถูกสังหารโดยออร์คในการต่อสู้ครั้งหนึ่งในยุคที่สาม และเครื่องประดับวิเศษก็หายไป

วิญญาณของเซารอนรอดไปพร้อมกับแหวน และหลังจากนั้นไม่นาน ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง โดยได้รับร่างอวตาร เขากลายเป็นยักษ์ซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลาพันปี เขาคาดว่าจะเกิดสงครามครั้งใหม่ วาลาร์ถูกส่งไปยังมิดเดิลเอิร์ธโดย Maiar ซึ่งในนั้นมี Saruman และ พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากนายหญิงแห่ง Lothlorien - จำนวนของออร์คเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมืองที่สงบสุขเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ และโรคระบาดใหญ่ได้คร่าชีวิตผู้คนที่ยึดมั่นด้วยกำลังสุดท้ายของพวกเขา

เมื่อพลังของเซารอนถึงจุดสูงสุด มันก็ชัดเจนว่าพบแหวนแห่งอำนาจสูงสุดแล้ว ฮอบบิทดีโกลพบแหวนในแม่น้ำอันดูอิน และสมีโกลฆ่าญาติของเขาเพื่อครอบครองสิ่งเล็กๆ ที่น่ารัก ต่อจากนั้น Smeagol กลายเป็น

เซารอนได้รวบรวมกองทัพโทรลล์และออร์คหลายพันตัวเข้าปราบซารูมาน กำลังเตรียมการโจมตีอันทรงพลัง แล้วได้แหวนที่เซารอนตามหา เมื่อรู้ว่าใครมาคนร้ายจึงส่ง Nazgul ไปค้นหา Fellowship of the Ring รวมตัวกันในริเวนเดลล์โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายเครื่องรางวิเศษใน Mount Doom

เซารอนตามล่าพวกฮอบบิท เขาหันไปมองกอนดอร์และเรียกกองทัพของราชาแม่มด ในการสู้รบที่เลวร้าย กองทัพของเขาพ่ายแพ้ คนร้ายไม่สามารถคิดได้ว่าพวกเขาจะพยายามทำลายแหวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโฟรโดถูกจับ เซารอนเสนอเงื่อนไขที่เขาพร้อมที่จะทำให้การโจมตีอ่อนลง แต่แกนดัล์ฟปฏิเสธข้อเสนอและท้าทายผู้ร้ายให้ต่อสู้ ในขณะนั้นเอง เห็นได้ชัดว่าแหวนอยู่ในมือของใคร โฟรโดทำลายมัน ร่างของเซารอนเสียชีวิต เขาไม่สามารถเกิดใหม่ได้ วิญญาณของเขาสูญเสียบ้านไปแล้ว นอกจากแหวนแล้ว พลังส่วนหนึ่งของเซารอนก็ถูกทำลายไปด้วย เขาไม่มีโอกาสกลับมา

การปรับหน้าจอ

เซารอนเป็นจอมบงการที่แท้จริง มุ่งมั่นเพื่ออำนาจและสร้างรัฐที่ไม่มีที่สำหรับทุกสิ่งที่เป็นบวกและสดใส หลังจากได้เป็นเจ้าแห่งศาสตร์มืด เขาได้จัดกองทัพออร์คขนาดใหญ่และมีอำนาจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มิดเดิลเอิร์ธคาดว่าจะมีการรุกรานของความมืด ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการทำลาย Ring of Omnipotence เท่านั้น จากนั้นฮอบบิท คนแคระ เอลฟ์ และมนุษย์จะได้รับอิสรภาพจากการโจมตีของเซารอน

ผู้เขียนภาพยนตร์เกี่ยวกับวีรชนเกี่ยวกับการต่อต้าน Fellowship of the Ring ต่อจอมวายร้ายเซารอนไม่ได้ให้ความสุขแก่ผู้ชมที่ได้เห็นเซารอนเป็นตัวละครบนหน้าจอ ตัวละครนี้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ครั้งเดียวในตอนต้น โดยแสดงให้เห็นการต่อสู้ของ Isildur กับ Dark Lord เซารอนไม่ได้ปรากฏตัวทางร่างกาย แต่รู้สึกถึงความกลัวและความตึงเครียดในทุกส่วนของเทพนิยาย

นักแสดงรับบทเป็นเนโครแมนเซอร์ (นั่นคือเซารอน) ในภาพยนตร์เรื่อง The Hobbit: An Unexpected Journey, The Hobbit: The Desolation of Smaug และ The Hobbit: The Battle of the Five Armies พื้นฐานทางวรรณกรรมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คือหนังสือของโทลคีนเรื่อง The Hobbit หรือ There and Back Again ศิลปินอีกคนกลับชาติมาเกิดในฐานะมังกรสม็อก การมีส่วนร่วมในโครงการนี้เป็นความสำเร็จที่แท้จริงสำหรับเขาเนื่องจากคัมเบอร์แบทช์เป็นแฟนตัวยงของโทลคีน ในระหว่างการถ่ายทำ เขาสวมชุดพิเศษที่มีเซ็นเซอร์ ซึ่งแสดงภาพลักษณะที่ปรากฏบนหน้าจอของตัวละคร

ข้อมูลจาก WlotrPedia

มอร์กอธสั่งให้เซารอนฆ่าบาราเฮียร์ ชายผู้เป็นผู้นำกองทหารที่ต่อต้านเจ้าแห่งศาสตร์มืด เซารอนหลอกกอร์ลิม - หนึ่งในผู้สนับสนุนของบาราเฮียร์ - โดยสัญญาว่าจะพาเขากลับไปพบกับภรรยาที่หายตัวไปอีกครั้ง Gorlim มอบตำแหน่งของ Barahir จากนั้น Sauron ก็เปิดเผยความจริง - ภรรยาของเขาเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ฆ่า Gorlim ซึ่งหมายความว่าเขารักษาสัญญาและช่วยให้คนทรยศกลับมาพบกับภรรยาของเขาอีกครั้ง

เซารอนส่งบริวารไปสังหารบาราเฮียร์และผู้ติดตาม ผู้บัญชาการกองประจำการของเซารอนคนหนึ่งได้ตัดมือของบาราเฮียร์ ซึ่งถือแหวนบาราเฮียร์อยู่ เพื่อแสดงให้เซารอนเห็นว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แต่เบเรนลูกชายของบาราเฮียร์ไล่ตามพวกเขาและสังหารผู้บัญชาการโดยคืนแหวนของพ่อให้ตัวเอง

เบเรนเร่ร่อนอยู่หลายปี ออกตามล่าและสังหารคนรับใช้ของมอร์กอธ เซารอนส่งฝูงมนุษย์หมาป่าออกไล่ล่า แต่บุตรชายของบาราเฮียร์หลบเลี่ยงพวกเขา Beren มาถึงอาณาจักรลับแห่ง Doriath ซึ่งเขาได้พบและตกหลุมรักLúthien เขาตกลงทำตามคำขอของ Thingol พ่อของเธอที่ให้เอา Silmarils จากมงกุฎของ Morgoth เพื่อแลกกับมือของ Lúthien

ในปีเดียวกันนั้นวิญญาณของเซารอนได้กลับไปยังมอร์ดอร์ การล่มสลายของนูเมนอร์ทำให้เขาประหลาดใจ เพราะเขาคิดแต่เพียงการทำลายกองเรือของอาร์-ฟาราซอนเท่านั้น ร่างของเซารอนสูญหายไป และเขาไม่สามารถมีรูปลักษณ์ที่สวยงามได้อีกต่อไป แต่กลายเป็นคนที่น่ากลัวและน่าขยะแขยง

เซารอนช่วยแหวนหนึ่งวงระหว่างการทำลายล้างนูเมนอร์และเข้าครอบครองแหวนอีกครั้งโดยกลับไปที่บารัด-ดูร์ บรรดาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็กลับมาประจำการอีกครั้ง ในจำนวนนี้มีผู้คนที่มาจากนูเมโนเรียนซึ่งถูกเซารอนทำให้เสียหาย พวกเขาถูกเรียกว่า Black Numenoreans

เซารอนเริ่มแผนการพิชิตมิดเดิลเอิร์ธอีกครั้ง โดยเริ่มจากสถานะใหม่ของกอนดอร์ เขายึด Minas Itil ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของ Isildur ที่ชายแดนของ Mordor แต่เซารอนโจมตีเร็วเกินไป ก่อนที่เขาจะมีพละกำลังเพียงพอ Anarion ป้องกันไม่ให้เขายึด Osgiliath และ Minas Anor และกองกำลังของ Sauron ก็ล่าถอยไปยัง Mordor

กองทัพของมนุษย์ภายใต้เอเลนดิลและกองทัพเอลฟ์ภายใต้กิล-กาลัดร่วมกันต่อสู้กับเซารอนในสงครามแห่งพันธมิตรสุดท้าย ในปี 3434 การรบแห่ง Dagorlad เกิดขึ้นที่ประตูแห่ง Mordor กองกำลังของเซารอนพ่ายแพ้ และตัวเขาเองถูกปิดล้อมในหอคอยแห่งความมืด การปิดล้อม Barad-dur ใช้เวลาเจ็ดปีจนถึงปี 3441 เมื่อเซารอนโผล่ออกมาจากหอคอย เขาต่อสู้กับเอเลนดิลและกิลกาลัดบนเนินเขาดูม เซารอนพ่ายแพ้ในการรบครั้งนี้ แต่เอเลนดิลและกิลกาลัดก็ถูกสังหารเช่นกัน อิซิลดูร์ตัดแหวนหนึ่งวงจากมือเซารอนด้วยนาร์ซิลดาบหักของบิดา และวิญญาณของเซารอนก็ออกจากร่างของเขา

วัยที่สาม

Isildur ไม่ได้ทำลายแหวน แต่อ้างว่าเป็นของเขาเอง ในปีที่ 2 ของยุคที่สาม อิซิลดูร์ถูกสังหารโดยออร์คในแฟลตเดน และแหวนก็จมหายไปในน้ำ

เนื่องจากแหวนซึ่งมีพลังส่วนใหญ่ของเซารอนรอดมาได้ วิญญาณของเขาจึงยังคงอยู่ เขาคืนร่างเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่โต แม้ว่าคราวนี้จะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่ามาก เซารอนซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายเกือบ 1,000 ปี Barad-dûrถูกทำลายและ Mordor ได้รับการคุ้มกัน และประมาณปี 1050 ของยุคที่สาม Sauron ได้สร้างป้อมปราการใหม่ Dol Guldur ใน Great Greenwood เงาทอดลงมาบนผืนป่า มันถูกเรียกว่า Darkwood ในตอนแรกไม่มีใครรู้ว่าเซารอนกลับมา และความชั่วร้ายใน Dol Guldur ถูกเรียกว่าเนโครแมนเซอร์

ในช่วงสหัสวรรษที่สองของยุคที่สาม ความชั่วร้ายทวีคูณขึ้นในมิดเดิลเอิร์ธ Orcs เต็มภูเขา Misty และ Balrog ตื่นขึ้นในลำไส้ของภูเขา กอนดอร์และอาร์เนอร์ถูกศัตรูล้อมและอ่อนแอลงเพราะโรคระบาด เห็นได้ชัดว่าเบื้องหลังทั้งหมดนี้เป็นความประสงค์ของใครบางคน

Witch-king กลับไปที่ Mordor ในปี 1980 และรวบรวม Ringwraiths ที่เหลือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของ Sauron Nazgul ยึด Minas Itil ในปี 2545 และเปลี่ยนชื่อเป็น Minas Morgul ใน Minas Ithil Nazgul พบ palantir ซึ่งถูกนำไปที่ Barad-dur

เซารอนยังคงอยู่ใน Dol Guldur และพลังของเขาก็เพิ่มขึ้น Gandalf the Grey เริ่มสงสัยว่า Necromancer ของ Dol Guldur คือ Sauron นักเวทย์ไปที่ Dol Guldur ในปี 2063 เพื่อรับข้อมูล แต่ Sauron หนีไปทางตะวันออกและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายศตวรรษ Watchful Peace เกิดขึ้นช่วงหนึ่ง สิ้นสุดเมื่อ Sauron กลับมาที่ Dol Guldur พร้อมกับพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าในปี 2460

เพื่อฟื้นฟูพลังของเขาให้สมบูรณ์ เซารอนจำเป็นต้องค้นหาแหวนวงเดียวที่สูญหายไปในผืนน้ำของ Anduin ที่ซึ่งอิซิลดูร์เสียชีวิต เจ้าแห่งศาสตร์มืดรู้เรื่องนี้ แต่การค้นหาของเขาก็ไร้ผล ในปี พ.ศ. 2463 แหวนถูกพบโดยสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายฮอบบิท ดีกอล Deagol ถูกฆ่าตายเพราะแหวนโดย Sméagol เพื่อนของเขา ซึ่งกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า Gollum และนำแหวนไปลึกใต้ภูเขา Misty ที่ซึ่งเขาซ่อนตัวอยู่เกือบ 500 ปี

ประชากรออร์คเริ่มเพิ่มขึ้น พวกเขาครอบครองช่องเขาของ Misty Mountains และเริ่มที่จะเติม Moria พร้อมกับสัตว์ร้ายอื่นๆ Orcs สายพันธุ์ใหม่ที่แข็งแกร่งปรากฏตัวใน Mordor - Black Uruks ในปี พ.ศ. 2475 Uruks โจมตี Ithilien และแม้ว่า Osgiliath จะถูกขับไล่กลับไป

เซารอนยังมีอิทธิพลเหนือชาวบัลโฮตซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกของเมิร์กวูด Balhoth พร้อมด้วย Orcs จากเทือกเขา Misty โจมตี Calenardhon ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Gondor ในปี 2510 ที่สมรภูมิทุ่งแห่งเซเลเบรนท์ Eorl the Young ได้เข้ามาช่วยเหลือกอนดอร์และทำให้กองกำลังศัตรูกระจัดกระจาย Eorlu และผู้คนของเขาได้รับที่ดินของ Calenardon ซึ่งต่อมาเรียกว่า Rohan เป็นของขวัญ ในปี 2758 โรฮันและกอนดอร์ถูกโจมตีพร้อมๆ กัน แต่กองกำลังของศัตรูถูกขับไล่กลับ

1090-99 การต่อสู้ของพลัง เมลกอร์ (มอร์กอธ) ถูกพวกวาลาร์จับตัวไป แต่ไมรอน (เซารอน) หนีไปได้

1,400 Melkor เป็นอิสระจากการถูกจองจำ

1495 มอร์กอธขโมยซิลมาริลและกลับสู่มิดเดิลเอิร์ธ เซารอนยังคงเป็นมือขวาของเขา

ยุคแรก

457 เซารอนยึดเกาะโทลซิริออนและเปลี่ยนชื่อเป็นเกาะแห่งมนุษย์หมาป่า

460 เซารอนหลอกกอร์ลิมและรู้เบาะแสของบาราเฮียร์ คนรับใช้ของเซารอนสังหารบาราเฮียร์และชิงแหวนของเขาไป เบเรนไล่ตามพวกเขาและคืนแหวน

465 เซารอนคุมขังเบเรน ฟินร็อด และคนอื่นๆ ที่เกาะมนุษย์หมาป่า ลูเทียนและฮวนช่วยเบเรน เซารอนต่อสู้กับฮวนแต่แพ้และหนีไปในรูปของค้างคาวไปยังเทาร์-นู-ฟูอิน

545-590 สงครามพิโรธ (545-587). มอร์กอธถูกเนรเทศออกจากโลกและถูกโยนเข้าไปในความว่างเปล่า เซารอนกลับใจไปยังเอออนเว แต่หนีไปก่อนที่จะถูกนำตัวมาต่อหน้ามานเว จุดจบของยุคแรก

ยุคที่สอง

เซารอนประมาณ 500 คนเริ่มปฏิบัติการในมิดเดิลเอิร์ธ

ตกลง. 1,000 Sauron ก่อตั้งรัฐของเขาใน Mordor เริ่มสร้าง Barad-dur

1200 เซารอนปลอมตัวมาอย่างสวยงามและพยายามหลอกล่อพวกเอลฟ์ให้ติดกับดัก กิลกาลัดและเอลรอนด์ขับไล่เขาไป แต่เขาได้รับการต้อนรับจากช่างตีเหล็กเอลฟ์แห่งเอเรเจียน

ตกลง. 1,500 ภายใต้การแนะนำของเซารอน เอลฟ์สมิธแห่งเอเรเจียนเริ่มสร้างวงแหวนแห่งพลัง

ตกลง. 1590 วงแหวนเอลฟ์ทั้งสามถูกสร้างขึ้นโดยปราศจากการแทรกแซงของเซารอน

ตกลง. 1,600 Sauron ปลอม One Ring ที่ Mount Doom เซเลบริมบอร์และช่างตีเหล็กเอลฟ์รู้ตัวว่าถูกหักหลัง

1693 เซารอนเริ่มทำสงครามกับเอลฟ์ วงแหวนสามวงถูกซ่อนอยู่

1695 เซารอนรุกรานเอริอาดอร์ เอลรอนด์เผชิญหน้ากับเขา

1697 กองกำลังของเซารอนทำลายเอเรเจียน ลอร์ดแห่งศาสตร์มืดได้ยึดแหวนแห่งอำนาจจำนวนมากและสังหารเซเลบริมบอร์เมื่อเขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยตำแหน่งของวงแหวนทั้งสาม พวกเอลฟ์และคนแคระล่าถอย

1699 เซารอนข้ามพรมแดนเอริอาดอร์

1700 เซารอนพยายามยึดลินดอน แต่ถูกหยุดโดยกองเรือจากนูเมนอร์ กองทัพของเขาถูกผลักกลับ

1701 กองกำลังของ Sauron พ่ายแพ้ใน Battle of Gwathlo Sauron ออกจาก Eriador และกลับไปที่ Mordor พร้อมกับทหารรักษาพระองค์เพียงคนเดียว

ตกลง. 1800 เซารอนแผ่อิทธิพลไปทางตะวันออก

2251 Nazgul ปรากฏตัว

3261 อาร์-ฟาราซอน ราชาแห่งนูเมนอร์ มาถึงมิดเดิลเอิร์ธ

3262 Ar-Pharazon มาถึง Mordor พร้อมกองทัพขนาดใหญ่และเรียกร้องให้ Sauron ยอมจำนน เจ้าแห่งศาสตร์มืดยอมให้ตัวเองถูกจับไปที่นูเมนอร์ในฐานะนักโทษ โดยหวังว่าจะเอาชนะพวกนูเมนอร์ด้วยเล่ห์เหลี่ยม หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลายเป็นที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ของ Ar-Pharazon และเริ่มเกลี้ยกล่อมเขา

3310 Ar-Pharazon เริ่มสร้าง Great Armada

3319 Ar-Pharazon เคลื่อนพลเข้าสู่ Undying Lands ด้วยกองเรือ Eru ทำให้กองเรือจมน้ำ และ Numenor ถูกทำลายโดยคลื่นลูกใหญ่ ร่างของเซารอนถูกทำลาย แต่วิญญาณของเขายังคงอยู่ Elendil, Isildur, Anarion และผู้ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ ได้รับความรอด

3320 เซารอนกลับสู่มอร์ดอร์ เอเลนดิลและลูกชายของเขาค้นพบอาณาจักรแห่งกอนดอร์และอาร์นอร์

3429 เซารอนโจมตีกอนดอร์และจับมินาส อิธิล Anarion ปกป้อง Osgiliath และ Minas Anor กองกำลังของศัตรูถูกขับไล่กลับ

3430 การรวมตัวครั้งสุดท้ายของเอลฟ์และมนุษย์ถูกสร้างขึ้น

3434 กองกำลังของเซารอนพ่ายแพ้ในสมรภูมิ Dagorlad ที่ Black Gate การปิดล้อมของ Barad-dûr เริ่มต้นขึ้น

3441 เซารอนลงมาจาก Barad-dur และต่อสู้กับ Elendil และ Gil-galad เจ้าแห่งศาสตร์มืดพ่ายแพ้และแหวนหนึ่งวงถูกตัดออกจากนิ้วของเขาโดยอิซิลดูร์ วิญญาณของเซารอนออกจากร่างและไปซ่อนตัว จุดสิ้นสุดของยุคที่สอง

วัยที่สาม

2 Isildur ถูกฆ่าโดย Orcs ใน Gladden Fields แหวนหาย.

1,050 Sauron ค้นพบป้อมปราการของ Dol Guldur ใน Greenwood เงาหนึ่งทอดผ่านป่าซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Darkwood

ตกลง. 1100 พ่อมดและเอลฟ์เรียนรู้ถึงการปรากฏตัวของความชั่วร้ายใน Dol Guldur แต่ยังไม่รู้ว่านั่นคือเซารอน

ตกลง. 1300 ลอร์ดแห่ง Nazgul สถาปนาอาณาจักรอังมาร์ทางตอนเหนือเพื่อทำให้อาณาจักรอาร์นอร์ทางตอนเหนืออ่อนแอลง ความชั่วร้ายทวีคูณ Orcs กำลังรบกวนภูเขา Misty

1409 ลอร์ดแห่ง Nazgul รุกรานและทำลายล้างอาณาจักรทางเหนือจนกระทั่ง Dunedain และ Elves ขับไล่มันกลับ

1636 โรคระบาดครั้งใหญ่ถูกส่งไปทางตะวันออกโดยเซารอน กอนดอร์ถูกทำลายล้าง กษัตริย์และอีกหลายคนพินาศ โรคระบาดแพร่กระจายไปทางเหนือถึงเอริอาดอร์และไชร์ ผู้คนจำนวนมากและฮอบบิทเสียชีวิต

1640 หลังจากความสูญเสียอย่างหนักระหว่างโรคระบาด มอร์ดอร์ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการเฝ้าระวังที่เหมาะสม

พ.ศ. 2394 เซารอนส่ง Chariot Riders จากตะวันออกไปโจมตีกอนดอร์

พ.ศ. 2399 กอนดอร์เสียดินแดนทางตะวันออก และนาร์มาซิลที่ 2 เสียชีวิตในสนามรบ

1899 King Kalimehtar เอาชนะ Riders

1944 King Ondoher ถูกสังหารในการสู้รบกับ Riders Earnil เอาชนะ Riders ที่ Battle of the Camp และขับไล่พวกเขาออกจาก Gondor

1974 Lord of the Nazgul รุกรานอาณาจักรทางเหนือและจับกุม Fornost จุดจบของอาร์นอร์

พ.ศ. 2518 ลอร์ดแห่งนาซกุลถูกขับออกไปทางเหนือโดยกองกำลังของเอลฟ์และบุรุษแห่งกอนดอร์

1976 ทายาทแห่งอิซิลดูร์ได้รับการขนานนามว่าเป็น Chieftains of the Dúnedain และ Dúnedain กลายเป็นผู้คนพเนจร

1980 Lord of the Nazgul กลับมาที่ Mordor และเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของ Sauron Balrog ตื่นขึ้นในมอเรีย

2000 Nazgul ปิดล้อม Minas Itil

2545 Nazgul จับ Minas Itil ซึ่งกลายเป็น Minas Morgul Palantir หินแห่ง Itil ก็ถูกจับเช่นกัน

2050 Earnur เดินทางไปยัง Minas Morgul เพื่อตอบรับการเรียกจาก Lord of the Nazgul และหายตัวไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สจ๊วตปกครองกอนดอร์โดยไม่มีกษัตริย์

2060 อำนาจใน Dol Guldur เพิ่มขึ้นและ Wise เริ่มสงสัยเซารอน

2063 แกนดัล์ฟออกเดินทางไปโดลกุลดูร์ เซารอนล่าถอยและซ่อนตัวทางทิศตะวันออก The Watchful World เริ่มต้นขึ้น Nazgul อาศัยอยู่อย่างเงียบ ๆ ใน Minas Morgul

2460 เซารอนกลับสู่ Dol Guldur ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นและ Watchful Peace สิ้นสุดลง

ตกลง. 2463 Deagol the Hobbit พบ One Ring หลังจากนั้น Smeagol ก็ฆ่าเขา

2470 Sméagol แบกแหวนลึกลงไปใต้ภูเขา Misty

2475 Gondor โจมตีโดย Uruks สีดำจาก Mordor

ตกลง. 2480 ออร์คเริ่มสร้างฐานที่มั่นลับในเทือกเขา Misty เพื่อสกัดกั้นทางผ่านทั้งหมดไปยัง Eriador เซารอนเริ่มเติมสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในมอเรีย

2510 Orcs และ Easterlings โจมตี Calenardhon ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Gondor Eorl the Young มาจากทางเหนือเพื่อช่วยเหลือ Gondor เป็นผลให้เขาและคนของเขาได้รับของขวัญจาก Calenardon ซึ่งต่อมาคือ Rohan

2758 โรฮันและกอนดอร์ถูกโจมตี

2845 เซารอนยึด Thrin II และได้รับแหวนวงสุดท้ายจากเจ็ดวงของคนแคระ

2850 Gandalf เข้าไปใน Dol Guldur และรู้ว่า Necromancer คือ Sauron

2851 แกนดัล์ฟเชิญสภาขาวให้โจมตีโดล กุลดูร์ แต่ซารูมานปฏิเสธข้อเสนอ

2885 โดยตัวแทนของเซารอน Haradrim บุกอิธิเลียน แต่ล่าถอยภายใต้แรงกดดันจากกอนดอร์และโรฮัน

2901 Uruks จาก Mordor โจมตี Ithilien ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่หนี

2939 Saruman รู้ว่าคนรับใช้ของ Sauron กำลังค้นหา One Ring ในทุ่ง Gladden

2941 บิลโบพบ One Ring ในถ้ำของกอลลัม สภาขาวออกจาก Dol Guldur

2942 เซารอนกลับสู่มอร์ดอร์

2951 เซารอนประกาศตัวอย่างเปิดเผยรวบรวมกองกำลังและฟื้นฟูบารัด-ดูร์ เขาส่งNazgûlไปยึด Dol Guldur

2954 Mount Doom ตื่นขึ้น

2984 Denethor กลายเป็น Steward of Gondor และในขณะเดียวกันก็เริ่มใช้ Palantir ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสกับเซารอนและเห็นพลังของมอร์ดอร์

ตกลง. 3000 Shadow of Mordor เพิ่มขึ้น เซารอนชนะซารูมานให้อยู่เคียงข้างเขาด้วยพาลันเทียร์

3001 บิลโบมอบแหวนวันริงให้กับทายาทของเขา โฟรโด แบ๊กกิ้นส์

3017 กอลลัมถูกจับโดยสมุนของเซารอน ศัตรูที่ถูกทรมานและสอบสวนเกี่ยวกับวันริง รู้ว่ามีพวกแบ๊กกิ้นจากไชร์ชิงแหวนไป กอลลัมได้รับอนุญาตให้หลบหนี

ปลายเดือนเมษายน: เซารอนรู้ว่ากอลลัมถูกอารากอนจับตัวไป และราชาเอลฟ์ธรันดูอิลกำลังจับเขาไว้ที่เมิร์กวูด 20 มิถุนายน: เซารอนส่ง Nazgûl ไปโจมตี Osgiliath พวกออร์คโจมตีพวกเอลฟ์แห่งดาร์กวูด และกอลลัมก็หนีจากทั้งเอลฟ์และออร์ค 1 กรกฎาคม: Witch-king นำ Nazgul ผ่าน Anduin เพื่อค้นหา One Ring 23 กันยายน: Nazgul เข้าสู่ Shire และติดตาม Frodo Baggins 6 ตุลาคม: โฟรโดได้รับบาดเจ็บโดยลอร์ดแห่งนาซกุลบนเวเทอร์ท็อป แต่หลบหนีการจับกุมได้ 20 ตุลาคม: โฟรโดข้าม Ford of Bruinen ที่ Rivendell 25 ตุลาคม: ที่สภาเอลรอนด์ โฟรโดถูกเรียกให้ทำลายแหวนด้วยไฟแห่งภูเขาดูม 25 ธันวาคม: กลุ่มภราดรภาพออกเดินทางเพื่อทำลายแหวน

23 กุมภาพันธ์: เลโกลัสยิงสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง 26 กุมภาพันธ์ โฟรโดสวมแหวนให้อาโมน เฮน ดวงตาแห่งเซารอนเกือบจะพบเขา 27 กุมภาพันธ์: Grishnakh ส่งข่าวถึงเซารอนว่า Uruks of Saruman กำลังแบกฮอบบิทสองตัวไปที่ Isengard 5 มีนาคม: ปิ๊ปปิ้น ทูค มองเข้าไปในพาลันเทียร์และเผชิญหน้ากับเซารอน ซึ่งเข้าใจผิดว่าเขาคือผู้ถือแหวน 6 มีนาคม: อารากอร์นเปิดเผยตัวเองใน palantir และแสดงให้เซารอนเห็นนาร์ซิลที่ถูกหล่อหลอม เจ้าแห่งศาสตร์มืดเริ่มสงสัยและเตรียมโจมตีกอนดอร์ 9 มีนาคม: ความมืดเริ่มแผ่ออกจากมอร์ดอร์ 10 มีนาคม: วันที่ไม่มีรุ่งอรุณ กองทัพจาก Morannon จับ Cair Andros และข้ามไปยัง Anorien เซารอนส่งสัญญาณให้ลอร์ดแห่งนาซกูลนำทัพไปยังมินาสทิริธ 11 มีนาคม: Rohan ตะวันออกถูกโจมตีจากทางเหนือ โจมตี Lorien ครั้งแรก 12 มีนาคม: กองทัพที่นำโดย Lord of the Nazgul ผลักดันผู้พิทักษ์ของ Minas Tirith จาก Rammas Echor 13 มีนาคม: Rammas Echor ถูกเจาะและทุ่ง Pelennor ถูกบุกรุกโดยผู้บุกรุก อารากอร์นยึดกองเรือโจรสลัด โฟรโดถูกจับและเก็บไว้ในหอคอยแห่งซิริธ อันโกล 14 มีนาคม มินาสทิริธถูกปิดล้อม แซมพบโฟรโดในหอคอยแห่ง Cirith Ungol 15 มีนาคม โฟรโดและแซมหนีออกจากหอคอย การต่อสู้ของทุ่ง Pelennor ลอร์ดแห่ง Nazgul ถูกทำลายแล้ว อารากอร์นมาถึงบนเรือโจรสลัด กองกำลังของเซารอนพ่ายแพ้ การต่อสู้ใน Darkwood; ธรันดูอิลผลักกองกำลังของโดลกุลดูร์ออกไป โจมตี Lorien ครั้งที่สอง 17 มีนาคม: การต่อสู้ของหุบเขา แชกราตนำเสื้อคลุมของโฟรโดและจดหมายมิธริลและดาบของแซมไปให้บาราด-ดูร์ 18 มีนาคม: กองทัพแห่งตะวันตกออกเดินทางจากมินาสทิริธ 22 มีนาคม: การโจมตีลอเรียนครั้งที่สาม 25 มีนาคม: Host of the West ต่อสู้กับกองกำลังของ Sauron ที่ Battle of the Morannon โฟรโดไปถึงภูเขาดูมและอ้างสิทธิ์ในแหวนเป็นของเขา เจ้าแห่งศาสตร์มืดรู้เรื่องของเขาและส่ง Nazgul ไปเอาแหวนไป กอลลัมกัดนิ้วของโฟรโดพร้อมกับแหวนและตกลงไปในรอยแตกแห่งหายนะ One Ring ถูกทำลาย และในที่สุด Sauron ก็พ่ายแพ้

การล่มสลายของเซารอน

Sauron เดิมเป็นหนึ่งใน Maiar Aule, Mairon เขารักระเบียบและความสม่ำเสมอ (ในยุคที่สามความปรารถนาในสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นเป้าหมายเดียวของเขา ความคิดแบบพอเพียงและเหตุผลสำหรับการกระทำทั้งหมด) และติดตาม Melkor ซึ่งความตั้งใจและพลังของเขาชื่นชมเขาและดูเหมือนมีคุณสมบัติในอุดมคติสำหรับการบรรลุเป้าหมายของเขา เป้าหมายของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เซารอนเองไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มหรือมีส่วนร่วมในความไม่ลงรอยกัน และอาจเข้าใจดนตรีได้ดีกว่าเมลคอร์ Sauron ซึ่งแตกต่างจาก Melkor ไม่เคยต้องการทำลาย Arda - เขาไม่ได้ต่อต้านการมีอยู่ของมัน แต่มีเงื่อนไขว่าเขา Sauron จะเป็นผู้ปกครอง

ในสมัยเอ็ลเดอร์ เมื่อมอร์กอธอยู่ไกลออกไป เซารอนใฝ่ฝันที่จะยึดอำนาจในมิดเดิลเอิร์ธด้วยตัวเอง แต่ในขณะที่เมลคอร์ยังคงเป็นผู้ปกครอง ไมรอนก็ระงับความปรารถนาของเขาและทำงานเพื่อผลประโยชน์ของวาลาที่ร่วงหล่น เซารอนเย็นชาและสุขุมรอบคอบกว่ามอร์กอธ และมักจะทำสิ่งที่เขาไม่สามารถทำให้เสร็จได้เนื่องจากนิสัยใจร้อนที่โกรธเกรี้ยวของเขา ตามเวอร์ชันหนึ่ง Morgoth เสนอแนวคิดในการผสมพันธุ์ Orcs แต่ Sauron เป็นคนนำมันไปสู่จุดจบ

เมื่อ Thangorodrim ล้มลงและ Melkor ถูกโค่นล้ม Sauron ละทิ้งการกระทำชั่วร้ายของเขาต่อหน้า Eonwe และขอการให้อภัย บางทีมันอาจจะเป็นการกลับใจอย่างจริงใจ แต่ Eonwe ไม่มีอำนาจที่จะยกโทษให้คนที่เท่าเทียมกับเขาได้ และความเย่อหยิ่งไม่ได้ทำให้ Sauron ไปหา Valinor และขอการให้อภัยต่อหน้า Valar เขาหนีไปยังมิดเดิลเอิร์ธและหันไปหาความชั่วร้ายอีกครั้ง

ซึ่งแตกต่างจาก Melkor เซารอนไม่เคยปฏิเสธพลังของ Eru และพลังของ Valar แต่ในยุคที่สอง เขาเชื่อว่า Eru ได้ทิ้ง Ea แล้ว และผู้ชายก็ถูกสาปแช่งและถูกลืมโดยเขา ควรสังเกตว่า Sauron ในยุคที่สองมีพลังมากกว่า Melkor ในตอนท้ายของยุคแรก - พลังของ Sauron มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่แท้จริงและส่วนหนึ่งลงทุนในการสร้างสิ่งเดียว - Ring of Omnipotence ในทางกลับกัน Morgoth ใช้พลังของเขากับ Arda ทั้งหมดและใช้กำลังเกือบทั้งหมดของเขาในสสาร เป็นไปได้เพียงที่จะทำลาย Valu ที่ล่มสลายทางวัตถุ แต่ในขณะเดียวกัน การทำลายล้างทางวัตถุครั้งใหญ่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เซารอนไม่ทำผิดซ้ำอีกกับเจ้านายของเขาและเสียพละกำลังไปมากเกินความจำเป็น เขาหวาดกลัวชะตากรรมของมอร์กอธ และในบางครั้งเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะได้รับความไว้วางใจจากเอลดาร์ แต่ความกระหายในอำนาจค่อยๆได้รับชัยชนะและเซารอนก็หันไปหาความชั่วร้ายอีกครั้ง เขาตัดสินใจอีกครั้งที่จะพยายามยึดอำนาจเหนือมิดเดิลเอิร์ธและสร้าง One Ring เพื่อทำลายพลังของ Three Elven Rings เซารอนทำสงครามกับเอลฟ์ (ในเวลานั้นเขามีอำนาจเหนือออร์คที่ยิ่งใหญ่กว่ามอร์กอธด้วยซ้ำ) แต่ถูกนูเมนอร์จับตัวไป เซารอนได้รับคำแนะนำจากการปฏิบัติจริง ประกาศตัวเป็นนักบวชแห่งมอร์กอธ (เนื่องจากเขาเป็นนักโทษ เขาจึงไม่สามารถประกาศตัวเองว่าเป็นพระเจ้าได้) และฟื้นฟูลัทธิของเขา - ดังนั้นเซารอนจึงบังคับให้ผู้คนยกเลิกการอุทิศตนต่อ Eru โดยสมัครใจ หลังจากเกลี้ยกล่อมให้ Ar-Pharazon โจมตี Valinor แล้ว Sauron หวังเพียงทำลายกองเรือแห่ง Numenor เท่านั้น เพราะ Valar ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้อีก อย่างไรก็ตามตรงกันข้ามกับความคาดหวังของเขา Eru เองก็เข้ามาแทรกแซงในเหตุการณ์ - Numenor ถูกทำลายและ Valinor ก็อยู่ห่างไกลจากวงกลมของโลก

เซารอนเป็นเพียงตัวแทนของพลังที่สูงกว่าในมิดเดิลเอิร์ธและรู้สึกมั่นใจในตัวเอง บางทีถึงอย่างนั้น เขาปรารถนาให้ชาวมิดเดิลเอิร์ธ "ดี" ในความเข้าใจของเขา นั่นคือความเป็นระเบียบเรียบร้อยและการขาดการแตกแยก เมื่ออิสทารีปรากฏตัว เขารู้เกี่ยวกับพวกเขา แต่เชื่อว่าพวกเขาเป็นผู้ส่งสารของมานเว ซึ่งมาถึงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเอรูเพื่อพยายามฟื้นฟูพลังที่หายไปของวาลาร์เหนือมิดเดิลเอิร์ธ เขามีความใกล้ชิดกับซารูมาน ดังนั้นจึงเข้าใจแรงจูงใจของเขาในทันที แม้จะไม่มีพาลันเทียร์และสายลับก็ตาม แกนดัล์ฟยังคงเป็นปริศนาสำหรับเขา เซารอนตัดสินการกระทำของเขาใช้แรงจูงใจของเขากับนักมายากลและในที่สุดก็สรุปว่าแกนดัล์ฟฉลาดกว่าราดากัสต์เพียงเล็กน้อย (ท้ายที่สุดแล้วการศึกษาผู้คนมีประโยชน์มากกว่าการศึกษาสัตว์และนก) และไม่ ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมาก ในยุคนั้น เซารอนพบว่าผู้รับใช้ของเขาชื่นชมความรู้และความยิ่งใหญ่ของเขาเป็นอย่างมาก และเขาสามารถมีอิทธิพลเหนือจิตใจของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ความเย่อหยิ่งของเซารอนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และในตอนท้ายของยุคที่สาม เขาประกาศตัวเองว่าเป็นมอร์กอธที่กลับมา (แม้ว่าเขาจะอ่อนแอกว่าในยุคที่สองมากก็ตาม)

ดวงตาของเซารอน

หลังจากการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "The Lord of the Rings" ความคิดเห็นก็แข็งแกร่งขึ้นว่า Sauron เป็นดวงตา อย่างไรก็ตาม การศึกษาตำราบอกเราว่าเปลือกวัสดุมีอยู่ในตัวเขาในช่วงเวลาของสงครามแห่งแหวน

หากคุณให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับช่วงเวลาที่เซารอนถูกเรียกว่าดวงตา คุณจะเห็นได้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นจากปากของผู้ที่มักกลัวที่จะออกเสียงชื่อของเขา (เช่น ออร์คที่เรียกซารูมานว่ามือขาว) หรือในช่วงเวลาเหล่านั้นเมื่อมองผ่านพาลันเทียร์ (เช่น เมื่อโฟรโดและแซมเห็นลำแสงสีแดงในมอร์ดอร์มุ่งตรงไปยังโมแรนนอน)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาหนึ่งที่ควรค่าแก่การเน้น - เมื่อโฟรโดมองเข้าไปในกระจกเงาของกาลาเดรียล

คำว่า "เคลือบ" แม้ว่าจะสามารถใช้เพื่อแสดงลักษณะของรูปลักษณ์ แต่ในกรณีนี้เป็นการพาดพิงถึง palantir อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเซารอนเชื่อมโยงกับดวงตาโดยตรง:

ในหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งแรก คำว่า "ของเขา" ถูกกำหนดให้เป็น "ของมัน" นั่นคือมันตรงกับวัตถุที่ไม่มีชีวิต - ดวงตา อย่างไรก็ตาม คริสโตเฟอร์ โทลคีนกล่าวว่านี่เป็นเพียงเครื่องมือทางศิลปะเท่านั้น ในการพิมพ์ครั้งที่สองของหนังสือ "มัน" ถูกแทนที่ด้วย "ของเขา"

ในข้อความ ซิลมาริลเลียนมีการกล่าวถึงมหาจักษุว่า

มีผู้ชายและเอลฟ์เพียงไม่กี่คนที่สามารถต้านทานการจ้องมองของดวงตาแห่งเซารอนได้

วลีนี้หมายถึงช่วงเวลาก่อนสงครามของพันธมิตรครั้งสุดท้าย นั่นคือคำว่า "ดวงตาแห่งเซารอน" มีอยู่ก่อนที่อิซิลดูร์จะพรากร่างของเซารอนไป

ข้อเท็จจริงอื่น ๆ

กอลลัมบอกว่าเขาเห็นเซารอนมีมือสีดำสี่นิ้ว

ในจดหมาย #246 โทลคีนกล่าวถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากวงแหวนไม่ถูกทำลายบนภูเขาดูม ว่ากันว่าแปด Nazgul จะแกล้งทักทายเขาและพยายามหลอกล่อเขาให้ออกห่างจาก Crack of Doom เช่น ภายใต้ข้ออ้างในการตรวจสอบทรัพย์สินใหม่ของพวกเขา แล้ว:

“เซารอนจะมาเอง”<...>"ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถต้านทานเขาได้ - แม้แต่อารากอร์น ในการต่อสู้เพื่อ Palantir อารากอร์นมีกรรมสิทธิ์ และนอกจากนี้ เขายังเดินผ่านไปในระยะไกล ผลการทำลายล้างของพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการปรากฏตัวทางกายภาพของพวกเขา เซารอนต้องเป็นคนที่น่ากลัว เขาอยู่ในร่างของชายร่างสูง แต่ไม่ใช่ยักษ์ ในชาติก่อนๆ เขาสามารถซ่อนพลังของเขา (เช่นแกนดัล์ฟ) และ ปรากฏเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีพละกำลังมหาศาลและมีรูปลักษณ์และรูปลักษณ์ที่สง่างามในระดับสูงสุด

ที่ โทลคีน: ศิลปินและนักวาดภาพประกอบมีการเผยแพร่เซารอนที่วาดอย่างหยาบๆ จากสงครามแห่งแหวน (รูปที่ 181) จากภาพร่างนี้ สามารถสังเกตได้ว่าเซารอนสวมแหวนที่มือซ้าย

สัญญาณทางอ้อมคือข้อเท็จจริงที่ว่า Gandalf ไปหา Dol Guldur เพราะสภาสว่างเริ่มกังวลว่าเซารอนได้รับรูปแบบวัตถุ

แกนดัล์ฟ (ผู้เห็นเซารอนใน Dol Guldur) ที่ประตูดำเรียกเจ้าแห่งศาสตร์มืดเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้

ข้อเท็จจริงทั้งหมดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่าในช่วงเวลาของสงครามแห่งวงแหวน เซารอนมีร่างอวตารของวัตถุ

นิรุกติศาสตร์

ไมรอน:

ชื่อของเซารอนก่อนที่เขาจะถูกทำลายโดยเมลคอร์ หมายถึง "ยอดเยี่ยม" ในภาษาเควนยา หลังจากการเกลี้ยกล่อม เซารอนเริ่มเรียกตัวเองว่า ทาร์-ไมรอน- พระมหากษัตริย์ที่ยอดเยี่ยม

Parma Eldalamberon #17 หน้า 183

เซารอน (เซารอน):

Sauron แปลว่า "เกลียดชัง น่าสะอิดสะเอียน" มาจากคำภาษาเอลฟ์ที่น่ารังเกียจ ทูร่าแปลว่า "น่าขยะแขยง"

จดหมาย #297

Gorthaur ผู้โหดร้าย:

Gorthaur เป็นคำในภาษาซินดารินที่มีความหมายเทียบเท่ากับชื่อ Sauron และมีองค์ประกอบเดียวกัน ทูร่า. นอกจากนี้ยังมีราก กซึ่งแปลว่า "น่าสะอิดสะเอียน สยองขวัญ"

The Silmarillion: รายการดัชนีและ "ภาคผนวก - องค์ประกอบในชื่อ Quenya และ Sindarin" สำหรับ gor

รอง Melkor (ผู้หมวด Melkor):

เซารอนเป็นหัวหน้าคนรับใช้ของเมลคอร์หรือมอร์กอธ

ซิลมาริล: "การมาของเอลฟ์และการถูกจองจำของเมลกอร์" น. 47

Wolf-Sauron:

ชื่อนี้มาจากรูปร่างของมนุษย์หมาป่าที่เซารอนสันนิษฐานในการต่อสู้กับฮวน

ซิลมาริล: "ของเบเรนและลูเทียน" น. 175

Annatar ลอร์ดแห่งของขวัญ:

เซารอนมาที่เอลฟ์แห่งเอเรเจียนในหน้ากากที่สวยงามของอันนาทาร์ คำ แอนนาหมายถึง "ของขวัญ" และคำว่า น้ำมันดินหมายถึง "เจ้านายเจ้านาย"

ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ เล่มที่ V, The Lost Road และงานเขียนอื่นๆ: รายการ "The Etymology" สำหรับ ANA และ TA3

อาร์ทาโน (อาร์ทาโน):

เซารอนเรียกตัวเองว่าอาร์ทาโนซึ่งแปลว่า "ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่" เมื่อเขาทำงานร่วมกับช่างตีเหล็กเอลฟ์แห่งเอเรเจียน คำ เท่แปลว่า "ยิ่งใหญ่, ราชวงศ์" ทาโนะ- "ช่างฝีมือช่างตีเหล็ก".

ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ เล่มที่ V, The Lost Road และงานเขียนอื่นๆ: รายการ "The Etymology" สำหรับ TAN

ออเลนดิล:

อีกชื่อหนึ่งสำหรับเซารอน ซึ่งเขาใช้เองในขณะที่อยู่ในเอเรเจียน Aulendil แปลว่า "อุทิศให้กับ Aule" ธาตุ ว่างหมายถึง "ความจงรักภักดี" Aule เป็นช่างตีเหล็กและช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยม และเดิมที Sauron เป็นหนึ่งใน Maiar ของเขา

นิทานที่ยังไม่จบ: "ประวัติของกาลาเดรียลและเคเลบอร์น" น. 253-54หมายเหตุ7

รายการ Silmarillion:Index และ "Appendix - Elements in Quenya and Sindarin Names" สำหรับ (n)dil

เซารอนผู้หลอกลวง:

เซารอนถูกตั้งชื่อโดยอามันดิล พ่อของเอเลนดิล เนื่องจากคำโกหกที่เขาเคยทำให้ชาวนูเมนอร์เสื่อมเสีย

ซิลมาริล: "Akallabeth" น. 275

เนโครแมนเซอร์:

เมื่อเซารอนพิชิตโดลกูลดูร์ เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเนโครแมนเซอร์ เนโครแมนเซอร์คือพ่อมดที่สื่อสารกับคนตายซึ่งมาจากภาษากรีก เนื้อร้าย- "ศพ" และ มันเทีย- ทำนาย / ทำนาย.

ลอร์ดออฟเดอะริงส์ (เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์):

เซารอนสร้างแหวนวงเดียวเพื่อปกครองแหวนแห่งอำนาจวงอื่นๆ และกลายเป็นลอร์ดออฟเดอะริงส์ เขาถูกเรียกเช่นกัน ช่างทำแหวน.

ราชาแห่งมนุษย์และพระเจ้าแห่งแผ่นดิน:

หลังจากการสร้าง The One เซารอนประกาศตัวเองว่าเป็นราชาแห่งมนุษย์และเจ้าแห่งโลก ในขณะที่เขาพยายามควบคุมทุกสิ่งในมิดเดิลเอิร์ธ

ซิลมาริล: "Akallabeth" น. 270; "แห่งวงแหวนแห่งอำนาจและยุคที่สาม" น. 289

เจ้าแห่งศาสตร์มืด (เจ้าแห่งศาสตร์มืด):

เซารอนถูกเรียกว่าเจ้าแห่งศาสตร์มืด ลอร์ดแห่งมอร์ดอร์, เจ้าแห่งแผ่นดินดำ, ด้วยพลังแห่งดินแดนสีดำ, ลอร์ดแห่ง Barad-dur, ลอร์ดแห่งหอคอยแห่งความมืด, อาจารย์ดำ, สีดำและ มือดำ.

ตาตื่นตัว (ตาไม่มีฝาปิด):

เซารอนปรากฏตัวในรูปของดวงตาระแวดระวังซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเขา ดวงตาของเซารอนมีขอบของไฟสีแดง และผู้คนที่เห็นรู้สึกเหมือนอยู่ในความว่างเปล่าและความมืด เรียกอีกอย่างว่าโอโกะ ตื่นและ มองเห็นทั้งหมด.

ในความเป็นจริงเซารอนไม่ใช่ดวงตา แต่เป็นศูนย์รวมของพลังของเขา การยืนยันว่าเซารอนมีร่างกายในยุคที่สามพบได้ใน จดหมาย #246: "รูปร่างที่เขาถ่ายนั้นเป็นของผู้ชาย รูปร่างใหญ่โต แต่ไม่ใช่ยักษ์"

เรียกอีกอย่างว่า ตาโต, ตาแดง, ดวงตาแห่ง Barad-dur, ดวงตาแห่งมอร์ดอร์, ตาปีศาจหรือเพียงแค่ ดวงตา.

นิรนาม:

เซารอนถูกเรียกว่านิรนามหรือ ศัตรูนิรนามเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเอ่ยชื่อของเขา

เซารอน เจ้าแห่งการทรยศหักหลัง:

แกนดัล์ฟเรียกเซารอนดังนั้นหลังจากประกาศเงื่อนไขการยอมจำนนก่อนการรบแห่งโมแรนนอน ( ร็อตเค, พี. 166)

เงา (เงา):

เซารอนเกี่ยวข้องกับเงาแห่งความชั่วร้ายที่แผ่กระจายไปทั่วมิดเดิลเอิร์ธ

ศัตรู:

เซารอนเป็นศัตรูของประชาชนอิสระแห่งมิดเดิลเอิร์ธ

การแปล

มีหลายชื่อ - กอร์ธาร์และ กอร์ธาเออร์. ตามกฎการออกเสียงในภาษาซินดาริน ชุดค่าผสม th จะอ่านเป็นเสียง [ θ ] และดั้งเดิมแปลเป็นภาษารัสเซียด้วยเสียง [t] - Morgoth, Thranduil เป็นต้น

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

ซิลมาริลเลียนครอบคลุมประวัติของเซารอนตั้งแต่การสร้างจนถึงยุคที่ 1 นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวการล่มสลายของนูเมนอร์ตลอดจนรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างวงแหวนและการขึ้นสู่อำนาจของเซารอน

ภาคผนวก A ของ The Lord of the Ringให้บทสรุปของการล่มสลายของ Numenor และรายละเอียดเกี่ยวกับการโจมตี Gondor และ Arnor ที่ Sauron เป็นผู้บงการในยุคที่สาม

"ประวัติของกาลาเดรียลและเคเลบอร์น" ใน นิทานที่ยังไม่จบให้รายละเอียดเกี่ยวกับสงครามกับเอลฟ์ใน Eriador ในยุคที่สอง ในขณะที่ "The Hunt for the Ring" ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้นหาผู้ถือแหวนของ Sauron

แรงจูงใจของเซารอนได้รับการสำรวจในบทความเรื่อง "ตำนานที่เปลี่ยนไป" (ตอนที่ 7) ใน ประวัติศาสตร์มิดเดิลเอิร์ธ เล่มที่ X แหวนของมอร์กอธ.

จดหมายของ J.R.R. โทลคีนมีการอ้างอิงถึง Sauron หลายอย่างรวมถึง จดหมาย #131เกี่ยวกับธรรมชาติของเซารอนและความสัมพันธ์ของเขากับแหวน จดหมาย #153และ #183 ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมชาติของเซารอน และ จดหมาย #200และ #246 ซึ่งกล่าวถึงการสูญเสียของเซารอนและการสร้างร่างขึ้นใหม่

"Gortaur" - จาก "ngor" - "horror" และรากศัพท์ "THUS" ซึ่งแปลว่า "หมอกควันหมอก" เขาเรียกอีกอย่างว่า "Gortaur the Cruel"

"Annatar" - "ลอร์ดแห่งของขวัญ" ดังนั้นเขาจึงปรากฏตัวต่อพวกเอลฟ์ในยุคที่สอง

"Artano" - "ช่างตีเหล็กชั้นสูง" และ "Aulendil" - "คนรับใช้ของ Aule" ด้วยชื่อดังกล่าว Sauron เป็นที่รู้จักใน Eregion

"พ่อมด", "หมอผี" - ดังนั้นเซารอนจึงถูกเรียกระหว่างที่เขาอยู่ในแบล็กวูดเมื่อไม่ทราบชื่อและที่มาที่แท้จริงของเขา

"Zigur" (Zigŭr) - ชื่อของ Sauron ในภาษา Adunaic แปลว่า "พ่อมด"

ในภาษาอังกฤษโบราณ เซารอนถูกเรียกว่า "se Malsca", "Saveron"

และ - Sauron the Great, Viceroy of Melkor, Wolf-Sauron, Dark Lord, Lord of the Rings, Ring-Maker, Sauron the Liar (ตามที่ Amandil เรียกเขาว่า), King of Men และ Lord of the Earth, Sauron Redivivus (lat . - ฟื้นคืนชีพ), ดวงตาที่ตื่นขึ้น , ลอร์ดแห่งมอร์ดอร์, ลอร์ดแห่ง Barad-dur, พลังมืด, นิรนาม, ศัตรู

เข้าสู่ระบบ

รูปร่าง

ก่อนการโค่นล้มนูเมนอร์ เซารอนมีรูปร่างที่สวยงาม น่าเกรงขาม และเต็มไปด้วยพละกำลัง ทั้งยังดูและประพฤติตนเหมือนราชา

ใน The Lost Path เมื่อเซารอนมาถึงนูเมนอร์ เขาอยู่ในร่างของผู้ชาย แต่สูงกว่าชาวนูเมนอร์ใดๆ และชาวเกาะก็กลัวแสงจากดวงตาของเขา สำหรับหลาย ๆ คนมันดูสวยงาม สำหรับหลายคนมันน่ากลัว และสำหรับบางคนมันก็ดูชั่วร้าย

หลังจากการโค่นล้มของ Numenor หน้ากากของ Sauron ก็น่ากลัว มือของเขาเป็นสีดำและยังเปล่งประกายราวกับไฟ

ดวงตาของเซารอนไม่มีตา ล้อมรอบด้วยเปลวไฟ และมีสีเหลืองเหมือนแมว

ในยุคที่สาม เซารอนก็มีลักษณะที่น่ากลัวเช่นกัน ส่วนสูงของเขาสูงกว่ามนุษย์

ตัวละคร ความรู้ ทักษะ

เซารอนมีความรู้มากมาย เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ทรงพลังที่สุด อันตราย น่ากลัว และภักดีที่สุดที่รับใช้เมลคอร์ ด้วยความโกรธ เขาด้อยกว่านายของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไปเซารอนสูญเสียอำนาจ ตัวอย่างเช่นในตอนท้ายของยุคที่สามเขาอ่อนแอกว่าในยุคที่สองมาก)

เซารอนเป็นเจ้าแห่งเนโครแมนเซอร์และไม่ใช่อวตาร เขารู้วิธีขับไล่เฟอาห์ออกจากร่าง หรือเขาสามารถพิชิตเจตจำนงและร่างกายของผู้มีชีวิตได้หากเขาสามารถผูกมิตรกับเขาได้ และทรงสอนเรื่องนี้แก่สาวกของพระองค์

เซารอนใช้ทองคำสำหรับกิจกรรม "เวทมนตร์" เนื่องจากเป็นองค์ประกอบของมอร์กอธในสสาร ซึ่งจำเป็นสำหรับกิจกรรมดังกล่าว

ชีวประวัติ

ยุคแรกเริ่มและยุคของต้นไม้

เดิมทีเซารอนเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จากชาวโอล ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อใดที่ Melkor ชนะเขา แต่มีการกล่าวกันว่า Sauron เป็นหัวหน้าในหมู่ Maiar ซึ่งเป็นเพื่อนลับของ Melkor บน Almaren

Sauron ตามคำสั่งของ Melkor สั่งให้ป้อมปราการของ Angband ในขณะที่เจ้านายของเขาอยู่ที่ Utumno แต่ในสงครามที่ตามการตื่นขึ้นของเอลฟ์ Angband ก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครรู้ว่า Sauron เข้าไปหลบภัยในคุกใต้ดินของป้อมปราการแห่งนี้หรือหนีไปพร้อมกับสมุนที่เหลือไปยัง Utumno - มีเพียงการกล่าวกันว่า Valar ทำ ไม่พบเซารอน

ยุคแรก

เมื่อตอนต้นของยุค Melkor ไปหาผู้คน เขาสั่งให้ Sauron ทำสงครามกับ Eldar

ในปี 457 ของยุคที่หนึ่ง เซารอนเดินทัพต่อสู้กับโอโรเดรธซึ่งยึดป้อมปราการแห่งมินาสทิริธ ในเวลานั้นผู้รับใช้ของ Melkor เป็นพ่อมดผู้มีพลังมหาศาล เป็นเจ้าแห่งเงาและภูติผี สติปัญญาชั่วร้ายและพละกำลังโหดร้าย ทำลายทุกสิ่งที่เขาแตะต้อง ทุกคนที่เขาปกครอง เขาเป็นเจ้าแห่งมนุษย์หมาป่า และการปกครองของเขาหมายถึงการทรมาน เซารอนเข้ายึดมินาสทิริธโดยพายุ เพราะกลุ่มเมฆแห่งความกลัวปกคลุมผู้พิทักษ์ของเขา และโอโรเดรธถูกขับออกจากฐานที่มั่นนี้และหนีไป เซารอนเปลี่ยนป้อมปราการให้เป็นหอสังเกตการณ์ของมอร์กอธ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของความชั่วร้ายและอันตราย และเกาะโทลซิริออนที่สวยงามก็ถูกสาปและได้รับการขนานนามว่า โทลอินกอร์ฮอธ เกาะแห่งมนุษย์หมาป่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถผ่านหุบเขานั้นโดยที่เซารอนมองไม่เห็นจากหอคอย

มอร์กอธส่งเซารอนไปค้นหาและทำลายบาราเฮียร์และพรรคพวกของเขา เมื่อรู้ว่ากอร์ลิมมาที่บ้านเก่าของเขาตลอดเวลา เซารอนจึงสร้างวิญญาณของไอนีลและวางเขาไว้ที่นั่น เมื่อ Gorlim เข้ามาใกล้บ้าน คนรับใช้ของ Sauron ก็จับเขาและพาเขาไปที่ค่ายของพวกเขา (ฤดูใบไม้ร่วง 462) พวกเขาทรมานเขาอย่างสาหัส แต่เขาไม่ได้เปิดเผยอะไรให้พวกเขารู้จนกระทั่งเขาได้รับข้อเสนอให้ปล่อยตัวเขาและไอลินเพื่อแลกกับการทรยศ จากนั้นความภักดีของ Gorlim ก็สั่นคลอนและเขาถูกนำตัวไปหาเซารอน เซารอนถามว่านักโทษต้องการอะไรเพื่อแลกกับข่าวของบาราเฮียร์ Gorlim บอกเขาว่าเขาต้องการค้นหาอิสรภาพกับ Einiel เซารอนหัวเราะและตกลงที่จะทำเช่นนั้น Gorlim พยายามที่จะล่าถอย แต่ด้วยความกลัวของเซารอนจึงบอกเขาทุกอย่าง จากนั้นเซารอนก็หัวเราะและเปิดเผยว่าเขาเห็นแต่ผีและภรรยาของเขาก็ตายไปนานแล้ว แต่คำสัญญาของคนรับใช้ของ Morgoth เป็นจริง - Gorlim ถูกสังหารอย่างไร้ความปราณีและถูกโยนลงบนพื้นซึ่ง Eilinel โกหกมานานแล้ว นี่คือการค้นพบที่ซ่อนของ Barahir

ตามคำสั่งของมอร์กอธ เซารอนเริ่มตามล่าหาเบเรน ผู้ซึ่งระหว่างการก่อกวนครั้งหนึ่งได้ทำให้เซารอนบาดเจ็บที่มือ (เห็นได้ชัดว่าเซารอนอยู่ในรูปของหมาป่า) อย่างไรก็ตามเซารอนและนักรบของเขาบังคับให้เบเรนออกจาก Dorthonion (ในปี 464)

ในเวลานี้ Luthien และ Huan มาที่ Tol-in-Gaurhot และร้องเพลงที่กำแพงหินไม่สามารถบรรจุได้ เบเรนเริ่มร้องเพลงตอบ และเธอก็ได้ยินเขา เซารอนก็ได้ยินเธอเช่นกันและวางแผนที่จะจับตัวและมอบให้มอร์กอธเพราะรางวัลนั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเขาจึงส่งหมาป่าไป แต่ฮวนก็ฆ่าเขาอย่างเงียบ ๆ เซารอนส่งหมาป่าไปทีละตัว แต่สุนัขของวาลินอร์ฆ่าพวกมันทั้งหมด จากนั้นเขาก็ส่ง Draughlin หัวหน้ามนุษย์หมาป่าแห่ง Angband และเขากับ Huan ก็ต่อสู้กันเป็นเวลานาน ในที่สุด Drauglin ก็สามารถหลบหนีได้และวิ่งไปที่เท้าของ Sauron เขาพูดว่า "Huan อยู่ที่นี่" และเสียชีวิตทันที เจ้าของเกาะรู้ชะตากรรมของสุนัขวาลินอร์ และเขาตัดสินใจว่าเขาคือผู้ที่ถูกลิขิตให้ทำตามคำทำนาย ดังนั้นเซารอนจึงกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าที่ทรงพลังที่สุดและออกไปหาฮวน ความหวาดกลัวอย่างใหญ่หลวงตามมาด้วย ฮวนจึงกระโดดถอยกลับไป จากนั้น Sauron ก็พุ่งเข้าใส่ Lúthien ซึ่งเพราะลมหายใจที่ชั่วร้ายและความอาฆาตพยาบาทในดวงตาของวิญญาณนั้น ทำให้เป็นลม แต่ล้มลง เขาคลี่เสื้อคลุมของเธอออกต่อหน้าเขา และเขาลังเล ง่วงซึมประเดี๋ยวเดียว จากนั้นฮวนก็กระโดดขึ้นคร่อมเขา และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นระหว่างพวกเขา และแม้แต่ทหารยามบนเนินเอเรด เวธรินที่อยู่อีกฟากหนึ่งของหุบเขาก็ได้ยินเสียงของมัน แต่ทั้งคาถาอาคม ความลุ่มหลง เขี้ยว พิษ ทักษะของปีศาจ หรือพลังของสัตว์ร้าย ไม่ได้ช่วยให้เซารอนเอาชนะ Huan ได้ สุนัขจับคอเขาแล้วล้มลงกับพื้น จากนั้นเซารอนก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง จากหมาป่ากลายเป็นงู จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นร่างปกติ แต่เขาไม่สามารถกำจัดการเกาะกุมของฮวนได้โดยไม่ละทิ้งร่างของเขา ก่อนที่วิญญาณของเขาจะออกจากร่าง Lúthien เข้าไปหาเซารอนและบอกว่าเขาจะถูกปลดออกจากร่าง และวิญญาณของเขาจะสั่นสะท้านไปที่มอร์กอธ ที่ซึ่งเธอจะต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้การทรมานจากการดูถูกของเขา เว้นแต่เขาจะให้อำนาจแก่เธอเหนือป้อมปราการแห่งนี้ จากนั้นเซารอนก็ยอมจำนน และเกาะก็อยู่ภายใต้การปกครองของลูเทียน เขากลายร่างเป็นค้างคาวดูดเลือด มีขนาดใหญ่เท่าเมฆมืดที่บดบังดวงจันทร์ บินไป ปล่อยหยดเลือดจากคอของเขาไปที่ต้นไม้ และมาถึง Taur-nu-Fuin แล้วยังคงอยู่ในป่า ด้วยความสยดสยอง

เมื่อธานโกรอดริมพ่ายแพ้ในสงครามพิโรธ (ค.ศ. 545-587) เซารอนมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ปรากฏตัวต่อออนเวและแสดงความเคารพต่อเขา และละทิ้งการกระทำชั่วของเขา และพวกเขาบอกว่าเซารอนกลับใจจริง ๆ หวาดกลัวต่อการล่มสลายของมอร์กอธและความโกรธเกรี้ยวของลอร์ดแห่งตะวันตก แต่มันไม่ได้อยู่ในอำนาจของ Eonwe ที่จะให้อภัยเพื่อนของเขา ดังนั้นเขาจึงสั่งให้เขากลับไปที่ Aman และรอการตัดสินใจของ Valar จากนั้นเซารอนรู้สึกละอายใจและไม่ต้องการกลับมาด้วยความอับอายและบางทีอาจได้รับคำสั่งจากวาลาร์ให้รับใช้พวกเขาเป็นเวลานานเพื่อพิสูจน์ความปรารถนาดีของเขาเพราะอำนาจของเขายิ่งใหญ่ภายใต้มือของมอร์กอธ ดังนั้นเมื่อ Eonwe ออกเดินทางไปยังวาลินอร์ เซารอนจึงหนีไปมิดเดิลเอิร์ธ

ยุคที่สอง

เซารอนปรากฏตัวอีกครั้งในมิดเดิลเอิร์ธในปี 500 ของยุคที่สอง จากนั้นพลังของเขาก็เริ่มรู้สึกเป็นศัตรูกับเอไดน์และเอลฟ์

ช้ามาก เริ่มต้นด้วยความตั้งใจดี ด้วยการเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูมิดเดิลเอิร์ธที่ถูกทำลาย เซารอนหันไปหาความชั่วร้ายอีกครั้งและเริ่มเปลี่ยนเป็นชาติใหม่แห่งความชั่วร้าย มุ่งมั่นเพื่ออำนาจสูงสุด (1)

เมื่อเห็นความรกร้างของโลก Sauron บอกกับตัวเองว่า Valar ซึ่งเอาชนะ Morgoth ได้ลืมเกี่ยวกับ Middle-earth อีกครั้งและความภาคภูมิใจของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขากังวลเกี่ยวกับการเสริมกำลังของชาวนูเมนอร์และตัดสินใจสร้างป้อมปราการของเขาในมอร์ดอร์ ซึ่งประมาณ 1,000 คนเขาเริ่มสร้าง Barad-dur (การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1600) เขาปรารถนาที่จะครอบครองมิดเดิลเอิร์ธ เพื่อเป็นราชาเหนือราชาและเป็นพระเจ้าของมนุษย์

เซารอนมองดูเอลดาร์ด้วยความเกลียดชังและหวาดกลัวชาวนูเมนอร์ซึ่งล่องเรือไปยังชายฝั่งของมิดเดิลเอิร์ธในเวลานั้น แต่เป็นเวลานานที่เขาซ่อนความรู้สึกของเขาและซ่อนแผนดำที่เกิดในใจของเขา

เซารอนพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเอลฟ์ (ในปี ค.ศ. 1200 ของยุคที่สอง) และในรูปของความสวยงามและชาญฉลาด เขาพเนจรไปในหมู่พวกเขา ไม่เพียงแต่ไปลินดอน เพราะกิล-กาลัดและเอลรอนด์ไม่เชื่อเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อก็ตาม รู้ว่าแท้จริงแล้วพระองค์คือใคร และไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครอง แต่ในสถานที่อื่นๆ เขาได้รับการต้อนรับอย่างยินดี และน้อยคนนักที่จะสนใจผู้ส่งสารจากลินดัน ผู้ซึ่งแนะนำให้เขาระวังตัว เพราะเซารอนเรียกตัวเองว่าอันนาทาร์ ลอร์ดแห่งของขวัญ และการเป็นเพื่อนกับเขามีประโยชน์มากสำหรับพวกเอลฟ์ เขากระตุ้นให้เอลฟ์สร้างดินแดนแห่งมิดเดิลเอิร์ธให้สวยงามเหมือนเอเรสซีหรือแม้แต่วาลินอร์ และพูดถึงความรักที่เขามีต่อมิดเดิลเอิร์ธ

สุนทรพจน์ของเขามีผู้ฟังอย่างกระตือรือร้นที่สุดในเอเรเจียน เพราะโนลดอร์ที่อาศัยอยู่ที่นั่นต้องการพัฒนาศิลปะของตน และเซารอนสามารถสอนอะไรได้มากมาย เขาเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ส่งสารของวาลาร์ (มีชื่อเรียกอีกสองชื่อคือ Artano "Noble Smith" และ Aulendil "คนรับใช้ของ Aule") และบอกว่าพวกเขาถูกส่งไปยังมิดเดิลเอิร์ธเพื่อช่วยเหลือพวกเอลฟ์ เขารู้สึกได้ทันทีว่ากาลาเดรียลจะเป็นคู่ต่อสู้หลักของเขา ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจเธอและอดทนต่อการละเลยของเธอ ด้วยความลับที่เขาเปิดเผยแก่พวกเขา ในไม่ช้า Gwaith-i-Myrdain ก็แซงหน้าผลงานสร้างก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกเขา และเกิดแนวคิดในการสร้าง Ring of Power (ในปี 1500 ของยุคที่สอง) เซารอนควบคุมการทำงานของพวกเขาและตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น เพราะเขาต้องการที่จะปราบและดูแลพวกเอลฟ์ เอลฟ์สร้างวงแหวนหลายวง (วงแหวนทั้งเจ็ดและเก้าถูกปลอมขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากแอนนาทาร์) และเซารอนสร้างวงหนึ่งขึ้นอย่างลับๆ บนภูเขาแห่งไฟในมอร์ดอร์ (ในปี 1600) เพื่อปกครองส่วนที่เหลือ เขาใช้พละกำลังและเจตจำนงอย่างมาก และในขณะที่สวมมัน เขาสามารถเข้าใจทุกอย่างที่ทำกับแหวนที่เล็กกว่า และดูและควบคุมความคิดของผู้ที่สวมมัน (2) แต่เขาล้มเหลวในการหลอกลวงพวกเอลฟ์ เพราะเมื่อเซารอนสวมแหวนหนึ่งวงบนนิ้วของเขาและเสกคาถา พวกเขารู้ว่าเขาต้องการเป็นทาสพวกเขาจึงถอดแหวนออก จากนั้นเซารอนก็โกรธจัด เพราะเขาคิดว่าตัวเองถูกหักหลังและไม่สามารถหลอกพวกเอลฟ์ได้ เขาจึงประกาศสงครามกับพวกเขาและเรียกร้องให้พวกเขามอบแหวนให้ เพราะหากไม่มีความรู้และคำแนะนำจากเขา พวกเขาจะไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้

ในปี ค.ศ. 1693 เซารอนเริ่มทำสงครามกับเอลฟ์ ในปี ค.ศ. 1695 กองทหารของเขาบุกโจมตีเอริอาดอร์และเคลื่อนพลไปยังเอเรเจียน เคเลบอร์นออกมาพบเขาและแม้แต่ขับไล่ฝ่ายรุกกลับ แต่ถึงแม้เคเลบอร์นจะเชื่อมโยงกับกองทัพของเอลรอนด์ที่กิล-กาลัดส่งมาได้ แต่เซารอนก็มีกำลังมากพอที่จะปิดล้อมเอเรเจียนและขับไล่การโจมตีของพวกเขา ในปี 1697 นักรบของเขาบุกเข้าไปใน Ost-in-Edil และยึด House of Mirdain ได้ เซเลบริมบอร์ต่อสู้กับเซารอนบนบันไดบ้านด้วยความสิ้นหวัง แต่ก็พ่ายแพ้และถูกจับตัวไป เซารอนพบแหวนทั้งเก้าและงานสร้างอื่น ๆ ที่มีค่าน้อยกว่าของ Mirdain แต่ทั้งสามและเจ็ดไม่ได้อยู่ที่นั่น จากนั้นเขาสั่งให้ Celebrimbor ถูกทรมานและสืบจากเขาว่าแหวนทั้งเจ็ดอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่สามารถรู้อะไรเกี่ยวกับทั้งสามได้ แต่เขาเดาว่ากาลาเดรียลและกิลกาลัดอาจมีสิ่งเหล่านี้ เซารอนสั่งประหารชีวิตเซเลริมบอร์ด้วยการยิงธนู ด้วยความโกรธแค้นเขาจึงกลับไปที่การต่อสู้และต่อหน้าเขาบนเสาเหมือนธง ร่างของ Celebrimbor ถูกหาม เซารอนล้มกองทัพของเอลรอนด์และเกือบจะพ่ายแพ้ต่อเขา ขณะที่คนแคระประเภทดูรินและเอลฟ์แห่งลอเรียนโจมตีเขาจากทางด้านหลัง เขาตัดสินใจไม่ไล่ตามเอลรอนด์ หันไปขับไล่คนแคระและเอลฟ์กลับ แต่พวกเขาไปหลบภัยในมอเรีย ซึ่งเซารอนไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาจึงเกลียดโมเรียตลอดไปและสั่งให้ออร์คไล่ตามคนแคระในทุกวิถีทาง เซารอนเริ่มขับไล่เอริอาดอร์ซึ่งเขาจับได้ในปี ค.ศ. 1699 และแยกย้ายกันไปไม่กี่คนและตามล่าเอลฟ์ที่รอดตาย เขาตั้งใจที่จะยึดลินดันให้ได้ ซึ่งเขาหวังว่าจะพบวงแหวนของทั้งสามอย่างน้อยหนึ่งวง จึงได้รวบรวมกองกำลังที่กระจัดกระจายของเขาและเดินทัพไปที่นั่น ทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่เขาต้องลดกำลังพลและทิ้งกองกำลังขนาดใหญ่เพื่อยับยั้งเอลรอนด์และป้องกันไม่ให้เขาโจมตีจากด้านหลัง เซารอนเรียกกองกำลังใหม่ที่มาจากตะวันออกเฉียงใต้ ในปี ค.ศ. 1700 เขาเข้าใกล้ลินดอน และเกือบจะเอาชนะผู้พิทักษ์ได้ เมื่อกองเรือขนาดใหญ่ของนูเมโนเรียนที่ทาร์-มินัสตีร์ส่งมามาถึง เซารอนพ่ายแพ้ยับเยินและถูกไล่ต้อนกลับ หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่ที่ Sarn Ford กองกำลังของเอลฟ์และนูเมโนเรได้ผลักดันเขากลับไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ที่ธาร์บัด เซารอนสามารถเชื่อมต่อกับกำลังเสริมของเขาได้ แต่ทันใดนั้นกองทัพของนูเมนอเรเนียนก็ปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังของเขา ซึ่งลงจอดที่ปากแม่น้ำกวาโธโล ในสมรภูมิกวัตโล (ค.ศ. 1701) ในที่สุดกองทัพของเซารอนก็พ่ายแพ้ และตัวเขาเองก็หนีแทบไม่ได้ สิ่งที่เหลืออยู่เล็กน้อยที่เขาทิ้งไว้ถูกล้อมรอบทางตะวันออกของ Calenardon และ Sauron หนีไปพร้อมกับผู้คุ้มกันจำนวนหนึ่งไปยังสถานที่เหล่านั้นซึ่งต่อมากลายเป็นที่รู้จักในชื่อ Dagorlad จากที่นั่นเขากลับไปที่มอร์ดอร์โดยสาบานว่าจะแก้แค้นนูเมนอร์

อาจเป็นเพราะความอาฆาตพยาบาทของ Sauron ที่ทำให้ Balrog ตื่นขึ้นใน Moria (ในปี 1980)

ในปี 2060 พลังของ Dol Guldur เพิ่มขึ้นและ Wise เริ่มกลัวว่า Sauron จะกลับไปอยู่ในร่างที่มองเห็นได้อีกครั้ง

ในปี 2063 แกนดัล์ฟเข้าสู่ Dol Guldur และ Sauron ถอนตัวและหลบภัยทางตะวันออก นักปราชญ์ได้เรียนรู้ว่าเนโครแมนเซอร์คือเซารอน เมื่อการจากไปของเซารอน สันติภาพแห่งการเฝ้าระวังก็เริ่มต้นขึ้น

ในปี พ.ศ. 2460 เซารอนกลับมาที่โดล กัลดูร์ และความสงบสุขของยามเฝ้าก็สิ้นสุดลง

ประมาณ พ.ศ. 2480 เซารอนเริ่มให้ชาวโมเรียอาศัยอยู่กับบริวารของเขา เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในมิธริล ดังนั้นพวกออร์คแห่งมอเรียจึงส่งส่วยให้เขาด้วยโลหะชิ้นนี้

ในตอนท้ายของยุคที่สาม Sauron สามารถคืนแหวนสามวงที่เคยเป็นของคนแคระ (เขาเอาวงสุดท้ายมาจาก Thrin ในปี 2845)

ในปี พ.ศ. 2850 ต้องขอบคุณการที่แกนดัล์ฟแทรกซึมเข้าไปในโดล กุลดูร์ นักปราชญ์จึงรู้ว่าเป็นเซารอนที่กลับไปยังฐานที่มั่นเดิมของเขา

ในตอนแรก เซารอนตั้งใจจะโจมตีลอริเอนและริเวนเดลล์ในทันทีที่เขาฟื้นคืนอำนาจ และยึดดินแดนอังมาร์และทางตอนเหนือกลับคืนมา

เซารอนวางแผนที่จะรวบรวมแหวนทั้งหมดและเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ One เช่นเดียวกับทายาทของ Isildur

ในปี 2939 คนรับใช้ของ Sauron ได้ค้นหา Gladden Flats เพราะเขารู้ว่า Isildur เสียชีวิตอย่างไร

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน กอลลัมก็ถูกอารากอร์นจับตัวไปและพาไปที่นอร์เทิร์นแบล็กวูดส์ และแม้ว่าสายลับของเซารอนจะติดตามเขา พวกเขาก็ล้มเหลวในการปลดปล่อยกอลลัม และเขาถูกส่งตัวไปยังที่ปลอดภัย ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่ากอลลัมล้มลงกับผู้นำของศัตรูของเขาเซารอนก็ตกใจและตระหนักว่าเขาต้องรีบ แต่สายลับธรรมดาไม่สามารถแจ้งข่าวใด ๆ ให้เขาทราบได้ (เนื่องจากการเฝ้าระวังของ Dunedain และการทรยศของ Saruman ซึ่ง Sauron รู้ แต่ซ่อนว่าเขารู้) ดังนั้นเซารอนจึงตัดสินใจว่ามีเพียง Nazgul ซึ่งเป็นคนรับใช้ที่มีอำนาจมากที่สุดและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ (10) ดังนั้นเซารอนจึงเตรียมการโจมตีสองครั้ง - ในนั้นหลายคนเห็นจุดเริ่มต้นของสงครามแห่งแหวน พวกเขาถูกนำไปใช้ในเวลาเดียวกัน อาณาจักรของธรันดูอิลถูกโจมตีโดยออร์คที่ได้รับคำสั่งให้ยึดกอลลัมคืน และลอร์ดแห่งมอร์กุลถูกส่งไปรบกับกอนดอร์อย่างเปิดเผย (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 3018) ดังนั้นเซารอนจึงทดสอบพลังของเดเนธอร์และความพร้อมในการทำสงคราม และพบว่ากอนดอร์แข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้รบกวนเขามากนักเนื่องจากกองกำลังที่ไม่มีนัยสำคัญมีส่วนร่วมในการโจมตีครั้งนี้และเป้าหมายหลักของเซารอนในขณะนั้นคือการแสร้งทำเป็นว่าการปรากฏตัวของ Nazgul เกี่ยวข้องกับสงครามกับกอนดอร์เท่านั้น นอกจากนี้เขายังต้องการที่จะจับและฆ่ากอลลัม (หรืออย่างน้อยก็แย่งชิงเขาจากเงื้อมมือของศัตรู) และยึดสะพานออสกิลิอัทเพื่อให้ Nazgul สามารถข้ามแม่น้ำได้)

ดังนั้นเมื่อ Osgiliath ถูกยึดและสะพานถูกทำลาย (20 มิถุนายน 3018) เซารอนหยุดการรุก และ Nazgul ได้รับคำสั่งให้เริ่มค้นหาแหวน แต่ Dark Lord ก็อดไม่ได้ที่จะคำนึงถึงความระมัดระวังและพลังของ Wise Ones และ Ringwraiths ได้รับคำสั่งให้ทำการลอบเร้นเท่าที่จะทำได้

แม้ว่าเซารอนไม่รู้ว่าไชร์อยู่ที่ไหน แต่เขาคิดว่าดินแดนนี้อยู่ไม่ไกลจากภูเขาหมอกและสถานที่ที่กอลลัมอาศัยอยู่ (11) Nazgul ที่ค้นหา Shire ในหุบเขา Anduin ไม่พบอะไรเลย และเมื่อฤดูร้อนใกล้เข้ามา ความโกรธและความกลัวของ Sauron ก็เพิ่มขึ้น ในโลก Nazgul ได้พบกับผู้ส่งสารจาก Barad-dur ซึ่งส่งภัยคุกคามจากพระเจ้าของพวกเขาซึ่งทำให้แม้แต่เจ้านายของ Morgul ก็หวาดกลัว มาถึงตอนนี้เซารอนรู้แล้วเกี่ยวกับคำทำนายที่ได้ยินในกอนดอร์เกี่ยวกับการจากไปของโบโรเมียร์ไปทางเหนือเกี่ยวกับการกระทำของซารูมานและการจับกุมแกนดัล์ฟ จากสิ่งนี้ เซารอนตัดสินใจว่าแม้ทั้งซารูมานและนักปราชญ์คนใดไม่ได้ครอบครองแหวน แต่อย่างน้อยซารูมานก็รู้ว่าสามารถซ่อนแหวนได้ที่ไหน (12) ดังนั้นความลับจึงถูกละทิ้งและ Nazgul รีบไปที่ Isengard

ซึ่งแตกต่างจาก Melkor เซารอนไม่เคยต่อต้านการดำรงอยู่ของโลก ตราบเท่าที่เขาสามารถทำในสิ่งที่เขาต้องการได้ ใน Sauron ยังคงมีความตั้งใจดีหลงเหลืออยู่ซึ่งเขาเริ่มต้น: ศักดิ์ศรีของเขา (และเหตุผลที่ทำให้เขาล้มลง) คือเขารักความเป็นระเบียบและความเสมอต้นเสมอปลาย และไม่ยอมให้เกิดความสับสนและการทะเลาะวิวาทที่ไร้ประโยชน์ (ในตอนแรก Sauron ถูกดึงดูดโดย Melkor ด้วยความตั้งใจและอำนาจ เหมาะสมกับเซารอนสำหรับการดำเนินการตามแผนของเขาอย่างรวดเร็วและไม่มีข้อกังขา) ในความเป็นจริง เซารอนมีความคล้ายคลึงกับซารูมานมาก ดังนั้นจึงเข้าใจเขาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถค้นหาว่าเขาคิดและทำอะไร แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพาลันทิรีและสายลับก็ตาม แกนดัล์ฟเป็นเรื่องลึกลับสำหรับเขา แต่ก็เช่นเดียวกับจิตใจประเภทอื่นๆ ความรักของเซารอน (และความเข้าใจง่ายๆ ในภายหลัง) ที่มีต่อบุคคลอื่นนั้นอ่อนแอกว่า และแม้ว่า (ด้วยความปรารถนาดีหรือเหตุจูงใจที่มีเหตุผล) แผนการ คำสั่ง และองค์กรทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของชาวอาร์ดา (แม้ว่าจะรวมถึงสิทธิ์ของเซารอนในการเป็นเจ้าเหนือหัวสูงสุดของพวกเขาด้วยก็ตาม) แต่ "แผนการ" ของ จิตใจที่อ้างว้างของเขากลายเป็นเพียงเป้าหมายของความประสงค์ของเขา ความเห็นแก่ตัว แต่ความสามารถของเซารอนในการเกลี้ยกล่อมวิญญาณและแม้กระทั่งให้พวกเขารับใช้เป็นเศษเสี้ยวของความจริงที่ว่าความปรารถนาดั้งเดิมของเขาที่จะ "ปกครอง" หมายถึงความเป็นอยู่ที่ดี (โดยเฉพาะวัตถุ) ของ "อาสาสมัคร" ของเขาจริงๆ

เซารอนคงไม่รับใช้มอร์กอธหากไม่ได้รับเชื้อจากความหลงใหลในการทำลายล้างและความเกลียดชังพระเจ้า (ซึ่งจบลงด้วยลัทธิทำลายล้าง) แน่นอนว่าเซารอนไม่ใช่ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าที่ "จริงใจ" เขารู้จัก Eru หนึ่งในวิญญาณที่อายุน้อยกว่าซึ่งสร้างขึ้นก่อนโลก เขาอาจเชื่อมั่นในตนเองว่าพวกวาลาร์ (รวมถึงเมลคอร์) ล้มเหลว และเอรูก็ทิ้งเออาไปเฉยๆ หรือไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อาร์ดา และจะไม่จำเธออีกต่อไป สิ่งนี้เห็นได้จากวิธีที่เขาจินตนาการถึง "การเปลี่ยนแปลงของโลก" หลังจากการล่มสลายของนูเมนอร์: วาลาร์ (และเอลฟ์) ถูกกำจัดออกจากการควบคุมที่แท้จริง และผู้คนอยู่ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวและการสาปแช่งของพระเจ้า หากนึกถึงกลุ่มอิสตารี โดยเฉพาะซารูมานและแกนดัล์ฟ เขานึกถึงพวกเขาในฐานะทูตของวาลาร์ โดยปรารถนาจะฟื้นฟูอำนาจเดิมและ "ยึดครอง" มิดเดิลเอิร์ธโดยไม่ได้รับความรู้และพรจากเอรู การดูถูกดูแคลน (อย่างจริงใจ) ต่อแรงจูงใจของ Manwe ที่มีต่อตัวเขาเองได้รับการยืนยันใน Saruman แกนดัล์ฟยังคงเข้าใจผิด แต่ด้วยความชั่วร้ายและโง่เง่า เซารอนแนะนำว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของแกนดัล์ฟนั้นเกิดจากจิตใจที่อ่อนแอและขาดเป้าหมายที่ชัดเจน ตามที่เขาพูด Gandalf ฉลาดกว่า Radagast เพียงเล็กน้อย - ท้ายที่สุดการศึกษาผู้คนมากกว่าสัตว์ก็มีประโยชน์มากกว่า

เซารอนไม่ใช่ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้าที่ "จริงใจ" แต่เทศนาเรื่องอเทวนิยม เนื่องจากสิ่งนี้ทำให้การต่อต้านอ่อนแอลงและขจัดความกลัวผู้รับใช้ของเขาก่อนที่พระเจ้าจะทรงกระทำในอาร์ดา นี่คือสิ่งที่เห็นได้ในกรณีของ Ar-Pharazon แต่มีผลกระทบของ Melkor ต่อ Sauron: เขาอธิบายถึงเจ้านายของเขาในคำพูดของ Melkor เอง - ในฐานะเทพเจ้าหรือแม้แต่พระเจ้า อาจเป็นเงาแห่งความดี นั่นคือเศษของความสามารถเดิมที่จะยอมให้ผู้อื่นมีอำนาจเหนือตนเอง เมลคอร์และเซารอนอีกหลายคนมักใช้เงาแห่งความดีที่มืดมิดนี้และการรับใช้ของ "ผู้ชื่นชม" แต่ก็น่าสงสัยว่าแม้แต่เงาแห่งความดีนี้ก็ยังทำงานอยู่ที่เซารอนในเวลานั้นหรือไม่ การออกแบบไหวพริบของเขาสามารถอธิบายได้ดังต่อไปนี้ เพื่อหันเหความสนใจของผู้เกรงกลัวพระเจ้าจากการอุทิศตน บุคคลหนึ่งต้องเสนอวัตถุแห่งการอุทิศตนที่มองไม่เห็นอีกชิ้นหนึ่งให้แก่เขาและหวังผลตอบแทนอีกสิ่งหนึ่ง เสนอพระเจ้าผู้ทรงอนุมัติความปรารถนาทั้งหมด เนื่องจากเป็นเพียงนักโทษ เซารอนจึงไม่สามารถเสนอตัวมายังสถานที่แห่งนี้ได้ แต่ผู้นับถือ Melkor คนใดจะแต่งตั้งให้เป็นมหาปุโรหิตจากนักโทษ หากนักโทษคนนั้นเป็นคนรับใช้และสาวกของ Lord of Darkness แม้ว่าเป้าหมายสูงสุดของเซารอนคือการทำลายล้างชาวนูเมนอร์ แต่ก็ผสมผสานกับความปรารถนาที่จะล้างแค้นให้อาร์-ฟาราซอนที่ทำให้อับอายขายหน้า Sauron (ไม่เหมือน Melkor) คงจะพอใจกับ Numenoreans ที่ยังมีชีวิตอยู่ในความจงรักภักดีของเขา และคนเป็นอันมากได้ล่อลวงให้มาปรนนิบัติและสั่งพวกเขา