ทองคำจากปรอท: วิธีการได้มาซึ่งการใช้ปรอทในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ สารประกอบทองคำและปรอท

Tagiltsev A.N. แปลจากภาษาอังกฤษ/1/

ปัจจุบันปรอทไม่ค่อยได้ใช้ในการทำเหมืองทองคำในรัสเซีย ในประเทศอื่น ๆ มีการใช้ทองคำควบคู่กันอย่างกว้างขวางมากขึ้น ภาพด้านซ้ายแสดงการใช้ปรอทในเหมืองทองคำในปัจจุบันในสาธารณรัฐกายอานา

ในบทความด้านล่างจากหนังสือ: การขุดทองใน Centuru ที่ 21 /1/ ,ให้ข้อมูลสรุปของการควบรวมและวิธีการจัดการปรอทจำนวนเล็กน้อยในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่อุตสาหกรรม

___________________________________________________

ปรอท (“เงินมีชีวิต”) เป็นโลหะเหลวสีเงินที่มีโลหะบางชนิดเปียกในระดับสูง ปรอทบริสุทธิ์มีแนวโน้มที่จะม้วนตัวเป็นมวลเดียว ลูกบอลแห่งปรอทยังดึงดูดอนุภาคทองคำมาสู่ตัวมันเองโดยดูดซับเข้าไปในมวลของมัน หยดของปรอทดูดซับอนุภาคทองคำจนแน่นด้วยทองคำจนไม่สามารถจับเป็นก้อนเดียวและเริ่มสลายได้อีกต่อไป

กระบวนการผสมปรอทกับโลหะเรียกว่า " การควบรวมกิจการ".มีส่วนผสมของทองคำและปรอทเรียกว่า " มัลกัม". อมัลกัมเกิดขึ้นจากการแพร่ของปรอทเป็นทองคำ ปรอทไม่ได้ละลายทอง แต่ทำให้เปียกเท่านั้น การควบรวมเป็นวิธีการฟอกทองคำที่เก่าแก่ที่สุดที่มีอยู่ กระบวนการนี้ยังคงใช้ในการขุดทองในปัจจุบัน

ปรอทจะใช้เป็นหลักในกรณีที่ทองมีขนาดเล็ก (เล็กกว่า 1 มม.) และไม่สามารถแยกออกได้โดยการชะล้างจากทรายสีดำ

ความสนใจ!ปรอทเป็นพิษ ควรใช้ความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมไอระเหยหรือปรอทเข้าสู่ร่างกายของคุณผ่านบาดแผลเปิดหรือแม้แต่รูขุมขนที่ผิวหนัง เมื่อทำงานกับสารปรอทแนะนำให้ใช้ถุงมือยาง ทางที่ดีควรสวมแว่นตานิรภัยด้วย ขั้นตอนนี้ควรทำกลางแจ้ง ล่องใต้ลม และอาคารที่อยู่อาศัยโดยรอบ

ปรอทเป็นโลหะหนักที่มีความถ่วงจำเพาะประมาณ 13.5 g/cm3 นักขุดทองที่มีประสบการณ์บางคนได้วางปรอทไว้ในช่องล้างทรายเพื่อดักจับอนุภาคทองคำที่ละเอียดมากขึ้น มิฉะนั้นจะถูกชะออกจากประตูน้ำ ปรอทไม่ได้ใช้ในอุปกรณ์ล้างที่ทันสมัย

ทองคำต้องบริสุทธิ์จึงจะสามารถจับปรอทได้ บางครั้งทองคำพื้นเมืองสามารถเคลือบด้วยน้ำมันบาง ๆ หรือสิ่งเจือปนอื่นๆ สิ่งเจือปนดังกล่าวอาจขัดขวางการรวมตัวของทองคำ ถ้าคุณต้องการใช้ปรอทเพื่อทำให้ส่วนผสมดึงทองทั้งหมดออกจากสมาธิ จะเป็นความคิดที่ดีที่จะใส่ลงในสารละลายกรดไนตริก 10% (น้ำ 10 ส่วนต่อกรด 1 ส่วน) ก่อน กระบวนการนี้ไม่ควรทำบนถาดโลหะเนื่องจากสารละลายกรดจะทำปฏิกิริยากับโลหะของถาด กระทะพลาสติกหรือเหยือกแก้วสีทองดีที่สุดสำหรับการล้างสารเข้มข้นด้วยสารละลายกรด

ความสนใจ!การทำงานกับกรดอาจเป็นอันตรายได้! ระวังอย่าให้กรดกระเด็นใส่ตัวเอง เข้าตา หรือสูดดมไอระเหยของมัน ในกรณีที่สัมผัสกับกรด ให้ใช้น้ำสะอาดล้างกรดออก จำเป็นต้องจำกฎเมื่อเตรียมสารละลาย - เทกรดลงในน้ำไม่กลับกัน. วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้สารละลายกรดแก่ทำปฏิกิริยากับสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้กระเซ็นและโดนคุณหรืออุปกรณ์ของคุณ กรดสามารถทำให้เป็นกลางด้วยเบกกิ้งโซดา

งานเกี่ยวกับกรดและปรอททั้งหมดควรทำกลางแจ้งและตามลมของคุณหรือในห้องนั่งเล่น และ/หรือในตู้ดูดควันที่มีการระบายอากาศดี

เมื่อสารละลายกรดไนตริกถูกเทลงบนสารเข้มข้นเพื่อทำให้บริสุทธิ์ บางครั้งปฏิกิริยาวิวัฒนาการของแก๊สก็เริ่มขึ้น เมื่อทำความสะอาดด้วยสารละลายกรด สารเข้มข้นจะต้องแช่ในกรดจนกว่าสัญญาณที่มองเห็นได้ของปฏิกิริยาจะหยุดลงอย่างสมบูรณ์ น้ำยาเข้มข้นจะต้องล้างด้วยน้ำสะอาดเพื่อเจือจางและแยกกรดออกจากเข้มข้น เมื่อสิ้นสุดการซัก จะต้องเตรียมสารเข้มข้นสำหรับกระบวนการผสม

สามารถผสมความเข้มข้นเล็กน้อยในกระทะเหล็กหรือพลาสติกสีทอง ปรอทควรจะใกล้เคียงกับทองคำเข้มข้น ไม่จำเป็นต้องใช้ปรอทมากเกินไป เนื่องจากจะไม่สะดวกในการทำงานกับปรอทในถาด ในกรณีที่พยายามเทน้อยกว่าจำนวนที่คำนวณได้เล็กน้อย คุณสามารถเพิ่มได้อีกหากจำเป็น ควรมีน้ำบนถาดในระหว่างการผสม

ถือถาดในมือของคุณและค่อยๆ เคลื่อนเป็นวงกลมจนกว่าทองคำที่มองเห็นได้ทั้งหมดจะรวมเข้ากับลูกบอลแห่งปรอท ปรอทจะไม่ดูดซับทรายสีดำ สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำคือนำปรอทไปเก็บทองที่มองเห็นได้ทั้งหมดจากทรายสีดำ

เมื่อปรอทจับทองที่มองเห็นได้ทั้งหมดแล้ว ให้ล้างทรายสีดำลงในแอ่งน้ำ การใช้อ่างมีอยู่ในวรรคนี้ในกรณีที่คุณไม่ได้ถือและเทส่วนผสมหรือส่วนหนึ่งของอ่างจากถาด ซึ่งทำได้ง่ายเป็นพิเศษหากคุณใช้ปรอทมากเกินไป เมื่อระบายลงในอ่างและล้างส่วนของมัลกัมออกจากถาด คุณสามารถนำออกจากอ่างแล้วลองล้างอีกครั้งโดยไม่สูญเสีย สามารถดูดปรอทส่วนเกินออกจากมัลกัมได้โดยใช้กระบอกฉีดยาใต้ผิวหนัง (ไม่มีเข็ม)

ระหว่างการซักครั้งสุดท้ายนี้ จะสะดวกที่จะมีกระทะทองคำสองใบ อมัลกัมสามารถระบายออกจากถาดหนึ่งไปยังอีกถาดหนึ่งได้โดยการล้างทรายที่เหลือออกจากถาดที่นำส่วนผสมของมัลกัมออก ด้วยวิธีนี้ ทรายสีดำทั้งหมดสามารถแยกออกจากอมัลกัมได้อย่างรวดเร็วและไม่สูญเสีย

ต้องระลึกไว้เสมอว่าปรอทไม่สามารถจับแพลตตินั่มได้ คุณต้องระมัดระวังในการดูในระหว่างกระบวนการล้างขั้นสุดท้ายหากต้องการเก็บไว้ แพลตตินั่มหนักกว่าทรายดำ สามารถเก็บได้จากถาดหลังจากที่ทรายสีดำส่วนใหญ่ถูกชะล้างออกไปแล้ว

ในระหว่างการผสม หากคุณมีปรอทไม่เพียงพอบนถาดเพื่อรวบรวมทองคำทั้งหมด คุณจะสังเกตเห็นว่ามัลกัมเริ่มแยกออกเป็นชิ้น ๆ แยกจากกัน หากเกิดเหตุการณ์นี้ ให้เพิ่มปรอทมากขึ้นเพื่อให้ลูกอมัลกัมทั้งหมดไม่เสียหาย และเก็บทองคำทั้งหมดจากสมาธิ

ลูกบอลอมัลกัมที่อิ่มตัวด้วยทองคำจะประกอบด้วยทองคำ 50% และปรอท 50% โดยปริมาตร

เมื่อทองทั้งหมดถูกผสมและแยกส่วนผสมออกจากทรายสีดำแล้ว ปรอทส่วนเกินควรถูกกำจัดออกจากมัลกัม ซึ่งสามารถทำได้โดยการบีบส่วนผสมของมัลกัมผ่านหนังกลับเปียกจนปรอททั้งหมดผ่านเข้าไปในรูพรุนของผ้า คุณยังสามารถใช้วัสดุหนัก ผืนผ้าใบ และถุงน่องไนลอน แต่หนังกลับบางจะดีที่สุด การอัดรีดปรอทควรทำใต้น้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ปรอทกระเซ็นผ่านรูพรุนของผ้าและลงบนพื้นหรือพื้น การเติมน้ำในถังดักจะป้องกันไม่ให้ปรอทกระเซ็นหรือกระเด็นออก เพราะ มันจะอยู่ในภาชนะ

เข็มฉีดยาใต้ผิวหนัง (ไม่มีเข็ม) ยังทำงานได้ดีมากในการขจัดปรอทส่วนเกินออกจากอะมัลกัม ทางออกที่ดีที่สุดของคุณคือการหากระบอกฉีดยาพลาสติกขนาดใหญ่ที่มีความยืดหยุ่นพร้อมลูกสูบที่แข็งแรง โดยปกติ กระบอกฉีดยาเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับสัตว์แพทย์ สามารถใช้คีมบีบทางเข้าออกให้แน่นที่สุด ซึ่งจะช่วยป้องกันการดูดซึมทองจำนวนมากด้วยปรอท

วิธีเข็มฉีดยานั้นสะอาดและเบากว่าหนังกลับ และไม่มีทองสูญหายระหว่างกระบวนการ ทองคำที่ดึงออกมาจากมัลกัมจะยังคงอยู่ในปรอท และจะถูกดึงออกมาเป็นโบนัสในภายหลัง

ปรอทที่นำออกจากมัลกัมจะมีทองคำละเอียดพิเศษอยู่บ้าง ทองคำที่เหลือนี้จะมีส่วนทำให้ทองเปียกด้วยปรอทมากขึ้นเมื่อใช้ในกระบวนการควบรวมกันในภายหลัง

เมื่อแยกปรอทส่วนเกินออกจากลูกปัดอมัลกัมแล้ว ควรแยกปรอทออกจากทองคำ สามารถทำได้สองวิธี วิธีแรกคือการให้ความร้อนกับมัลกัมจนปรอทระเหยออกจากทองคำ วิธีที่สองคือการละลายของปรอทในกรดไนตริก

การระเหยของสารปรอทในปริมาณน้อย (STRIPPER)

ปรอทจะระเหยที่อุณหภูมิ 357°C อุณหภูมินี้อยู่ที่ด้านบนของเปลวไฟของหัวเตาแก๊สส่วนใหญ่

ความสนใจ!ไอปรอทเป็นพิษอย่างยิ่งและอาจทำให้เกิดพิษร้ายแรงได้หากสูดดม ห้ามไอปรอทเข้าไปในห้องที่ปิดสนิท! ปรอทสามารถปล่อยควันพิษได้แม้ที่อุณหภูมิห้อง

การให้ความร้อนจากปรอทควรทำกลางแจ้งและในสถานที่ที่ลมจะพัดเอาควันออกจากตัวคุณและคนอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง

ปรอทสามารถคงอยู่บนทองคำได้ในปริมาณเล็กน้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่การมีอยู่ของปรอทนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ตาม นี่คือเหตุผลที่เมื่อคุณให้ความร้อนแก่ทองของคุณในระหว่างขั้นตอนการทำความสะอาดขั้นสุดท้าย คุณควรทำกลางแจ้งและเหนือลม

เพื่อให้ความร้อน ควรใช้ถาดหรือชามเหล็กขนาดเล็ก (กระทะ) เส้นผ่านศูนย์กลาง 15-20 ซม. ถาดอะลูมิเนียมไม่เหมาะกับปรอทมากนัก เนื่องจากอะลูมิเนียมทำปฏิกิริยากับถาดอะลูมิเนียมในระหว่างกระบวนการควบรวมกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความยุ่งยากในกระบวนการกลั่นทองคำ

เมื่อให้ความร้อนกับลูกอมัลกัมในถาดเหล็ก ก่อนอื่นคุณต้องพยายามเอาปรอทส่วนเกินออกจากลูกบอลให้ได้มากที่สุด ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

ควรอุ่นส่วนผสมมัลกัมอย่างช้าๆ ในตอนแรกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเดือดและปรอทกระเด็นออกจากถาด เมื่ออันตรายนี้หมดไป อุณหภูมิความร้อนจะเพิ่มขึ้นเพื่อเร่งการทำงาน หากทองของคุณมีปรอทติดอยู่เพียงเล็กน้อย คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการกระเด็น แต่อย่าลืมว่าไอปรอทเป็นอันตราย ดำเนินการทั้งหมดกลางแจ้งและนอกลม

การระเหยของสารปรอทในการตอบโต้

เมื่อมีมัลกัมเป็นจำนวนมากและต้องการเก็บปรอทไว้ใช้ต่อไป ก็จะระเหยเป็นปฏิกิริยา (คล้ายกับแสงจันทร์นิ่ง) ประกอบด้วยโลหะ เบ้าหลอมอมัลกัมที่ปิดสนิท หลอดและคอนเดนเซอร์พร้อมภาชนะสำหรับตกตะกอนปรอท

มัลกัมถูกทำให้ร้อนในเบ้าหลอม ไอของปรอทผ่านท่อเข้าสู่ตู้เย็นซึ่งเมื่อเย็นลงจะกลายเป็นปรอทโลหะ ภาชนะขนาดเล็กที่บรรจุน้ำวางอยู่ใต้ปลายเปิดของท่อไอ (หลังตู้เย็น) เพื่อให้ปรอทหยดลงไปในขณะที่ไหลออกจากท่อไอ

สำคัญ!ปลายท่อควรชิดผิวน้ำ แต่ไม่จมน้ำ มันอันตราย! น้ำสามารถไหลผ่านท่อเข้าไปในเบ้าหลอมที่ร้อนจัดและเมื่อระเหยจนระเบิดอุปกรณ์

ในระหว่างการกลั่น ฝาของเบ้าหลอมควรปิดผนึกอย่างดี (“ผงสำหรับอุดรู”) ด้วยดินเหนียวหรือสารเคลือบหลุมร่องฟันเพื่อให้ไอปรอทเข้าไปในหลอดเท่านั้น ในทุ่งนามีส่วนผสมของแป้งและน้ำที่เหมาะสม ทันทีที่เคลือบหลุมร่องฟันกับขอบด้านนอกด้านบนของถ้วยใส่ตัวอย่างด้วยทองคำ จะต้องขันฝาให้แน่นทันที ตรวจสอบความแน่นของถ้วยใส่ตัวอย่างโดยการเป่าลมเข้าไปในท่อไอน้ำ อากาศจะต้องไม่ไหลผ่านผนึกรอบขอบด้านนอกด้านบนของเบ้าหลอม ถ้าผ่าน จะต้องทำการปิดผนึกและตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าการผนึกนั้นดี

เพิ่มความร้อนของเบ้าหลอมทองอย่างช้าๆ จนกว่าปรอทจะเริ่มหนีออกจากท่อไอน้ำไปยังภาชนะเก็บสะสม ให้ความร้อนต่อไปที่อุณหภูมิเปลวไฟสูงพอที่จะทำให้ปรอทไหลเข้าสู่ภาชนะรับได้อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อปรอทหยุดไหลออกจากท่อไอน้ำ ให้อุ่นถ้วยใส่ตัวอย่างด้วยทองคำต่อไปอีกสองสามนาที

เมื่อการโต้กลับเย็นลงแล้ว ให้แกะซีลออกจากเบ้าหลอมและถอดทองออก

ทองคำหลังจากการกลั่นจะกลายเป็นฟองน้ำสีเหลือง ปรอทจากภาชนะรับจะถูกเก็บไว้เพื่อใช้งานต่อไป

คำเตือน!

การกลั่นควรทำกลางแจ้งและตามลมของที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าการโต้กลับควรจะกลั่นปรอททั้งหมด คุณก็ไม่มีวันรู้สึกปลอดภัย

ไอปรอทบางส่วนอาจยังคงอยู่ในเบ้าหลอมทองทันทีหลังจากการกลั่น ระวังอย่าสูดดมไอระเหยเมื่อถอดฝาออกจากเบ้าหลอม

การกลั่นด้วยสารเคมี

กรดไนตริกใช้ในการแยกปรอทออกจากทองคำด้วยสารเคมี กรดไนตริกทำปฏิกิริยากับปรอทและละลายได้ไม่มีผลต่อทองคำ เมื่อทำงานกับกรด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารปรอทส่วนเกิน ทรายสีดำ และสิ่งสกปรกอื่นๆ ทั้งหมดถูกกำจัดออกจากอมัลกัม

1. วางมัลกัมลงในโถแก้วขนาดเล็กแล้ววางไว้ในที่ปลอดภัยใต้ลมของบริเวณที่อยู่อาศัยที่ใกล้ที่สุด

2. เทสารละลายกรด 6:1 (หรือเข้มข้นกว่า) และสังเกตปฏิกิริยาเคมีจนกว่าจะไม่เห็นสัญญาณของปฏิกิริยา

ความสนใจ!:ระวังและอย่าสูดดมไอที่สร้างขึ้นระหว่างปฏิกิริยาทางเคมี! อย่าให้สารละลายกรดสัมผัสกับผิวหนัง แม้ว่ากรดจะเจือจางแล้วก็ตาม

3. ล้างขวดให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดเพื่อเจือจางและล้างกรดลงในภาชนะแยกต่างหาก

4. หากปรอททั้งหมดยังไม่ละลายและทองคำยังไม่กลับเป็นเกล็ดและผงตามธรรมชาติ ให้ใช้เข็มเจาะและทำลายส่วนผสมที่เหลือ ล้างขวดและเติมสารละลายกรดไนตริกอีกส่วนหนึ่ง บางครั้งจำเป็นต้องเจาะทองเล็กน้อยเพื่อทำลายส่วนผสมระหว่างการทำปฏิกิริยากับกรด

5. เมื่อปฏิกิริยาหยุดลง ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง หากทองยังไม่กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ ให้เพิ่มความเข้มข้นของสารละลายกรด

เมื่อคุณต้องรับมือกับปรอทในปริมาณเล็กน้อย ทองคำมักจะถูกทำให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์หลังจากจุ่มลงในกรดไนตริกครั้งแรก บางครั้งเมื่อทำงานกับสารปรอทจำนวนมาก จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนหลายๆ ครั้ง ดังที่อธิบายข้างต้น

หากคุณละลายปรอทจำนวนมากด้วยกรดไนตริกและมีความปรารถนาที่จะเก็บรักษาไว้ ก็สามารถทำได้โดยเทสารละลายกรดเจือจางลงในโถแยก สารละลายกรดประกอบด้วยปรอทที่ถูกขับออกจากอมัลกัม เมื่อเทสารละลายลงในขวดโหลที่แยกต่างหากแล้ว จะต้องลดฟอยล์อลูมิเนียมจำนวนเล็กน้อยลงไป ในกรณีนี้ กรดที่ทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียมจะตกตะกอนปรอทไปที่ด้านล่างของโถ

สารละลายกรดสามารถระบายออกจากภาชนะได้ และคุณจะเหลือปรอทเดิมทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด สารละลายกรดที่เหลือสามารถถูกทำให้เป็นกลางเพิ่มเติมด้วยเบกกิ้งโซดา เติมลงไปจนกว่าการวิวัฒนาการของแก๊สจะหยุดลง

ความสนใจ!สารละลายกรดที่หลงเหลือจากกระบวนการกลั่นด้วยสารเคมีเหล่านี้มักถูกจัดประเภทเป็นของเสียอันตราย ดังนั้นจึงต้องจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนีออกสู่สิ่งแวดล้อม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและสุขภาพสำหรับตนเองและผู้อื่น คนงานเหมืองต้องมีแผนการที่ปลอดภัยและถูกกฎหมายสำหรับการกำจัดของเสียดังกล่าวก่อนที่จะดำเนินการตามกระบวนการใดๆ ที่ก่อให้เกิดของเสียนี้

ความสนใจ!เมื่อใดก็ตามที่ทำงานกับกรดไนตริก คุณต้องมีแหล่งน้ำสะอาดอยู่ตรงหน้าคุณ ด้วยวิธีนี้ หากกรดกระเด็นหรือโดนตัวคุณหรืออุปกรณ์ของคุณ ก็สามารถเจือจางด้วยน้ำสะอาดได้อย่างรวดเร็ว

กรดที่หกลงบนผิวหนังจะทำให้เกิดแผลไหม้ได้หากไม่ชะล้างออกทันที กรดที่หกใส่เสื้อผ้าของคุณมักจะทำให้เกิดแผลไหม้ได้ คุณควรถอดเสื้อผ้าที่เสียหายออกทันทีและล้างกรดออกจากผิวของคุณ

หลีกเลี่ยงการหายใจเอาไอกรดไนตริกเข้าไป. ไอระเหยสามารถโจมตีเยื่อหุ้มปอดภายในปอดได้ ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือการหลีกเลี่ยงไม่ให้กรดไนตริกเข้าตา หากเป็นเช่นนี้ ให้จุ่มศีรษะลงในน้ำทันทีโดยให้ดวงตาอยู่ในน้ำเพื่อล้างกรดออก แล้วไปพบแพทย์ เป็นความคิดที่ดีที่จะสวมแว่นตานิรภัย!

กรดไนตริกทำปฏิกิริยากับโลหะส่วนใหญ่ ดังนั้นระวังอย่าให้หกเลอะเทอะ! ควรเก็บกรดไว้ในขวดแก้ว ภาชนะพลาสติกที่ปิดสนิท หรือภาชนะสแตนเลส เก็บกรดไนตริกให้ห่างจากแสงแดดเพื่อรักษาศักยภาพของกรดไนตริก

วรรณกรรม

1. เดฟ แมคแคร็กเก้น การขุดทองใน Centuru ที่ 21 สหรัฐอเมริกา ปี 2548

คำติชม คำวิจารณ์ ข้อเสนอแนะ

คะแนน))), 16.01.11 20:35:13

ขอบคุณครับ น่าสนใจมาก ใช่บทความที่ถูกต้อง)) ข้อมูล))

อัลโกเมน, 06/17/11 20:07:59

สวัสดีทุกคน. และฉันเจอปรากฏการณ์ดังกล่าว: ตัวอย่างทองคำ ~ 800 ที่อยู่ในมัลกัมเป็นเวลาหลายทศวรรษที่เปลี่ยนในกลุ่มตัวอย่างเป็น 300 ฉันสนใจคำถามนี้มาก - สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรและในลักษณะใด อาจมีคนรู้อะไรบางอย่าง การละลายอมัลกัมด้วยทองคำ HNO3 ให้ผลลัพธ์ในการทดสอบที่ 990 เหมือนฟองน้ำ ซึ่งไม่เกิดขึ้นกับมัลกัมสด

Sergey, 06/19/11 03:59:05 น.

ที่ไหนสักแห่งที่ฉันรู้โดยคำบอกเล่า ที่ไหนสักแห่งที่ฉันเดา ตอนนี้ฉันรู้. ขอขอบคุณ!

mephistopheles-Alkomen, 08/08/11 16:57:08

ฉันยังสูญเสีย (มาก) เมื่อประมวลผลสมาธิจากการทิ้งโรงสีเก่ามาก ชิ้นส่วนของอมัลกัมเก่าในสารอาร์เซโนไพไรต์ไพไรต์เข้มข้นต้องบำบัดด้วย HNO3 และผง Au กับตะกอนถูกชะล้างออกด้วยน้ำใน? ปริมาณ. ฉันหวังว่าบางคนจะตอบคำถามของ Alkomen หรือสิ่งที่จะบอก

ความชั่วร้าย, 08.03.13 00:20:40

ระหว่างกระบวนการผสม ปรอทเหลวถูกเคลือบด้วยแผ่นโลหะสีเหลือง (ทองหรือไมกา) หรือไม่? ใครมีความรู้สามารถบอก ... ?

เจอร์รี่แมน, 08.03.13 10:37:42 - ความชั่วร้าย,

ปรอทไม่ห่อหุ้มไมกา เป็นไปได้ที่เศษไพไรต์ที่มีทองคำที่กระจายตัวละเอียดจะสัมผัสกับปรอท

ความชั่วร้าย, 03/08/13 13:43:37 - Journeyman

แล้วอาจจะไม่ใช่ปรอท แต่เป็นกรดจากวัสดุดังกล่าว ???

aqua regia เช่นหรืออย่างอื่น?

SNA, 23.05.13 12:38:46

ฉันบังเอิญไปเจอบทความเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของมลพิษปรอทในรัสเซีย:

อันตรายพอๆ กันคือการสะสมของปรอทและอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยปรอทในสถาบันการศึกษา สถาบันทางวิทยาศาสตร์ พืชนำร่อง และท่ามกลางประชากรในเมืองใหญ่ต่างๆ ในปี 1997 ภายใต้กรอบของการดำเนินการตามโปรแกรมเทศบาลสำหรับรายการแหล่งปรอทในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้มีการกำหนดปริมาณปรอทในเทอร์โมมิเตอร์และ tonometers ที่ถือโดยประชากรของเมืองอย่างน้อย 3 ตัน สถานประกอบการอุตสาหกรรม สถาบันวิจัย การแพทย์ โรงเรียน และสถาบันก่อนวัยเรียนเก็บปรอทได้ 10-12 ตัน และเป็นแหล่งที่กำหนดเหตุฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของโลหะปรอทและการปนเปื้อนของปรอทในดินแดน (มากกว่า 250 กรณีที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการต่อปี) . ตาม IMGRE ในรัสเซียในปี 2541-2545 มีการใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบปรอทมากถึง 9 ล้านเครื่องที่มีปรอทโลหะประมาณ 18 ตันต่อปี

orenkomp.ru, 30.07.15 17:45:01

การเติบโตของปริมาณสำรองทองคำที่สำรวจลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้กระตุ้นให้เกิดการรณรงค์อย่างแข็งขันให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า technogenic placers ซึ่งเป็นกองขยะขนาดใหญ่และแร่ที่สะสมมานานหลายทศวรรษของการขุด ซึ่งเกิดจากความไม่สมบูรณ์ เทคโนโลยียังเหลือทองอีกมาก

Victor, 08/22/15 11:12:29 น.

ปัจจุบัน การควบรวมกิจการไม่ได้ใช้ในการทำเหมืองทองคำในอุตสาหกรรมเนื่องจากขาดประสิทธิภาพ

โปรดระบุที่คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพต่ำของการควบรวมกิจการ? ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีใด ๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและวัตถุดิบ มีการใช้อย่างประสบความสำเร็จในหลายประเทศรวมถึงองค์กรรัสเซียบางแห่ง เครื่องอิสริยาภรณ์กลาวัลมาซโซโลตา ค.ศ. 1988:

ในการยุติการใช้ปรอท (การควบรวมกัน) ในกระบวนการทางเทคโนโลยีในการเสริมคุณค่าของแร่และทรายที่เป็นทองคำนั้นไม่ได้กล่าวถึงประสิทธิภาพต่ำ แต่เกี่ยวกับอันตรายของการควบรวมเท่านั้น

อเล็กซ์, 11.02.16 08:12:49

ตามการควบรวมกิจการทุกอย่างได้รับการอธิบายอย่างถูกต้องสำหรับคุณอย่างเงอะงะ เป็นที่ชัดเจนสำหรับผู้เชี่ยวชาญ แต่จะดีกว่าสำหรับนักสำรวจมือใหม่ที่จะไม่ลอง

ไล่ปรอทออกจากตัวล็อคตามกำหนดเท่านั้น ถ้ามันบินหนีไปกับโลหะและนี่คือตูด อาจจะ 50-100 กรัมต่อฤดูกาล และสูญเสียไปเมื่อขุดเอา Au 250 กก. ไม่มาก และสำหรับประสิทธิภาพ คุณตีปรอทลงในถาด และในเศษผ้าทรายดังเอี๊ยดเหมือนแป้ง มันเล็กมาก

อเล็กซ์, 02/11/16 09:50:36

ความคิดเห็นสองสามข้อในบทความ อาจมีข้อผิดพลาดในการแปล:

"ปรอทที่นำออกจากมัลกัมจะมีทองคำเนื้อดีพิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง ทองคำที่เหลืออยู่นี้จะช่วยให้ทองเปียกด้วยปรอทมากขึ้นเมื่อใช้ในกระบวนการควบรวมกันในภายหลัง" - ยิ่งสารปรอทบริสุทธิ์ กระบวนการควบรวมยิ่งดีขึ้น

"ถาดอลูมิเนียมไม่เหมาะกับปรอทมากนักเพราะอะลูมิเนียมทำปฏิกิริยากับมันในระหว่างกระบวนการควบรวม" - ไม่สามารถใช้อะลูมิเนียมได้ ปฏิกิริยากับปรอทจะเริ่มขึ้นทันทีและแอคทีฟมาก

สำหรับความไร้ประสิทธิภาพของวิธีนี้ นี่มันไร้สาระ ฉันไม่ได้ตระหนักถึงตัวอย่าง นอกเหนือจากงานทดลอง ของการแทนที่การควบรวมในการขุดด้วยฝีมือด้วยวิธีการอื่น

B. Kavchik, 11.02.16 11:47:44 - Alex, 11.02.16

ขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็น เราจะอัปเดตการแปลโดยเร็วที่สุด

ดีเค Donskikh, 30.12.16 10:01:28 — B. Kavchik

LLC "Merkom" ได้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับทำความสะอาดดินและตะกอนที่มีสารปรอท ดินที่ทำความสะอาดแล้วสามารถกลับคืนสู่การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้มากถึง 80% ประมาณ 20% ได้มาในรูปของขยะอันตรายต่ำที่เหมาะสมสำหรับการกำจัดในหลุมฝังกลบ ปรอทถูกกู้คืนโดย 99.0 - 99.5% และส่งเพื่อรับปรอทเชิงพาณิชย์ เราสามารถแปรรูปสารเข้มข้นที่มีปรอทในลักษณะอารยะ เรามีใบอนุญาตและการติดตั้ง

เราพร้อมที่จะช่วยเหลือในการปล่อยปรอทโลหะโดยตรงที่หน่วยขุดทองละเอียดโดยการปรับเปลี่ยนเครื่องจิ๊กที่สองเล็กน้อย

เรารับซื้อสารปรอทรีไซเคิลและพร้อมที่จะจ่ายขยะที่มีสารปรอทมากกว่า 10%

คนจรจัด, 01/07/17 09:08:41 - D.K. สวมใส่,

ทำไมคุณไม่จัดระเบียบการประมวลผลและการรวบรวมหลอดฟลูออเรสเซนต์ล่ะ ถูกกว่าการซื้อปรอทมาก

อิกอร์, 04/02/18 19:04:12 - ถึง Alex

คุณไม่ถูกต้องนัก "โหลดปรอท" เช่น ด้วยทองจำนวนเล็กน้อยที่รวมกันได้ดีกว่า ทุกอย่างถูกต้องในบทความ

ปรอทไม่ละลายทอง แต่จะเปียกเท่านั้น - หลังจากการควบรวม ทองคำจะเปลี่ยนรูปร่างและขนาดคลาส / เล็กลง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนเมื่อตรวจสอบทองคำภายใต้กล้องจุลทรรศน์ก่อนและหลังกระบวนการ เช่นเดียวกับจากภาพถ่าย

การแยกสารเคมีของปรอทออกจากทองคำในกรดไนตริกทำได้ดีที่สุดที่อุณหภูมิต่ำ (กระเบื้องอุ่น) - กระบวนการเชื่อมมัลกัมจะเร่งความเร็วหลายร้อยถึงหลายพันครั้ง

บทความกล่าวว่าปรอทไม่ได้จับแพลตตินัม มีการควบรวมของสังกะสี - ปรอทจะผสมกับสังกะสีในสัดส่วนที่แน่นอนและส่งผลให้ส่วนผสมของปรอทและสังกะสีสามารถผสมแพลตตินั่มได้สำเร็จคล้ายกับทองคำ

จนถึงทุกวันนี้ มีบริษัทเหมืองแร่ทองคำที่ใช้ปรอทในการประมวลผลตัวอย่างการสำรวจเพราะ ถือว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสกัดเศษทองคำที่มีขนาดเล็กกว่า 0.125 มม. ที่มีขนาดเท่ากับ 0.125 มม. ด้วยลักษณะเฉพาะของเงินฝากเหล่านั้นด้วยถาด และในการผลิตภาคอุตสาหกรรม ทองคำดังกล่าวจะสกัดทองคำดังกล่าวด้วยเทคโนโลยีการจิ๊ก

ด้วยการถือกำเนิดของเครื่องจักรจิ๊กกิ้งสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตทองลุ่มน้ำ การใช้ปรอทจึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องเพราะ การจิ๊กทำให้เกิดผลกระทบทางกลบนทรายที่เพิ่มแรงโน้มถ่วง กล่าวคือ ความหนาแน่นของทองคำเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าและประสิทธิภาพของการเสริมสมรรถนะ/การสกัดก็เพิ่มขึ้นสูงสุด

เรื่องราวของ Nicola Flamel นักลอกเลียนแบบจากปารีสยังคงเป็นปริศนา มีตำนานเล่าขานว่าชายผู้นี้ซึ่งย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 14 ได้ไขปริศนาที่หลอกหลอนผู้คนมานานหลายศตวรรษ - ความเป็นไปได้ของการผลิตทองคำเทียม

ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความจริงที่ว่าต้นฉบับโบราณที่มีสัญลักษณ์และสัญลักษณ์ที่เข้าใจยากตกไปอยู่ในมือของเฟลมเมล อาลักษณ์พยายามถอดรหัสข้อความมานานกว่า 20 ปี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดในภาษาโบราณที่เฟลมเมลหันไปช่วย ฉันต้องเดินทางออกนอกฝรั่งเศส

เฉพาะในสเปนที่ Nicola Flamel กำลังมองหาคนที่ใช่มาสองปีแล้ว เขาโชคดีไหม - เขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงในภาษายิวโบราณ นักวิทยาศาสตร์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับต้นฉบับโบราณแล้วไปกับเฟลมเมลที่ปารีสทันทีผู้จดไม่กล้านำหนังสือโบราณไปสเปนกับเขา

แต่รับบีไม่สามารถไปปารีสได้: ระหว่างทางเขาล้มป่วยและเสียชีวิตในออร์ลีนส์ จริงอยู่แม้บนท้องถนนเขาสามารถเปิดเผยความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของสัญลักษณ์ชาวยิวโบราณแก่เฟลมเมลได้ ด้วยความรู้นี้ เฟลมเมลจึงเริ่มถอดรหัสต้นฉบับ การทำงานของเขาไม่ได้ไร้ผล เมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1382 นิโคล่าสามารถรับเงินจากปรอทได้ และในไม่ช้าการทดลองของเขาในการทำทองคำก็ประสบความสำเร็จ

อาจเป็นเพียงตำนาน? บางที แต่มันก็ยากยิ่งกว่าที่จะอธิบายความจริงที่ว่าผู้คัดลอกหนังสือเจียมเนื้อเจียมตัวในเวลาอันสั้นกลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในฝรั่งเศสได้อย่างไร ในปี 1382 เฟลมเมลได้เป็นเจ้าของบ้านและที่ดินประมาณ 30 หลังภายในเวลาไม่กี่เดือน ด้วยค่าใช้จ่ายของเขาเอง เขาได้สร้างโบสถ์หลายแห่ง ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและโรงพยาบาล บริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยเหลือคนยากจน Nicolas Flamel เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1419 โดยมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับการกุศล จนถึงปี ค.ศ. 1789 ในโบสถ์ Saint-Jacques-la-Boucherie ซึ่งเป็นที่ฝังศพของ Flamel มีการจัดขบวนทุกปีเพื่อสวดอ้อนวอนเพื่อจิตวิญญาณของผู้อุปถัมภ์

ไม่น่าแปลกใจที่บ้านของเฟลมเมลกลายเป็นเป้าหมายของนักล่าสมบัติ เจ้าของใหม่ค้นหาทุกมุมที่นี่ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่พบสิ่งใดเลย เหมือนกับที่ไขปริศนาไม่ได้ เฟลมเมลมีความลับในการได้รับทองคำจากปรอทจริงหรือ?

หลายศตวรรษผ่านไป และในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 นักเคมี Stephen Emmens ได้ออกแถลงการณ์ที่น่าตื่นเต้นว่าเขาสามารถได้รับสารที่เกือบจะเหมือนกับทองคำ มันทำจากเงินและ Emmens เรียกมันว่า "argentaurum" แท่งทดลองสามแท่งได้รับการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนในห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ และซื้อด้วยราคาทองคำแท้

จริงอยู่ นักเคมีกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนำ Argentaurum เข้าสู่การผลิตจำนวนมาก เนื่องจากจะบ่อนทำลายเศรษฐกิจของคนทั้งโลก แต่เขาตกลงที่จะจัดงานสาธิตต่อสาธารณะเกี่ยวกับประสบการณ์ในปารีสที่งาน 1900 World's Fair อนิจจาไม่นานก่อนเซสชั่นนักวิทยาศาสตร์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย - เป็นไปได้ว่ามีคนคิดว่าสิ่งประดิษฐ์ของเขาอันตรายเกินไป

เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด เราเตือนผู้อ่านว่าจากมุมมองของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ การได้รับทองคำจากปรอทนั้นเป็นไปได้โดยใช้ปฏิกิริยานิวเคลียร์ สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และได้รับการพิสูจน์จากการทดลองในช่วงทศวรรษที่ 40 ของศตวรรษที่ผ่านมา แต่ไอโซโทปดังกล่าวกลับกลายเป็นว่าไม่เสถียรและสลายตัวอย่างรวดเร็ว และต้นทุนการผลิตของมันนั้นสูงกว่ามูลค่าตลาดของทองคำธรรมชาติหลายร้อยเท่า

ตั้งแต่เวลาของนักเล่นแร่แปรธาตุ มนุษยชาติได้พยายามหาวิธีที่จะได้รับทองคำจากปรอทและตะกั่ว การทดลองประเภทใดที่คนธรรมดาและนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำ และที่แปลกก็คือ มันเป็นไปได้ที่จะทำทองคำปลอม แต่ด้วยความช่วยเหลือของเคมีนิวเคลียร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ปรอทเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขุดทอง สำหรับสิ่งที่จำเป็นเราจะเข้าใจด้านล่าง

ประวัติของนิโคลัส เฟลมเมล

เรื่องราวของผู้คัดลอกหนังสือจากปารีสยังถือว่าลึกลับ ชายคนนี้ได้พยายามหาทองคำจากปรอทมาเป็นเวลานาน มีตำนานเล่าว่าในศตวรรษที่ 14 เขาได้ไขความลึกลับที่ผู้คนสนใจมานานหลายศตวรรษ: เป็นไปได้ไหมที่จะผลิตโลหะมีค่าเทียม ทุกอย่างเริ่มต้นจากการที่ต้นฉบับโบราณตกไปอยู่ในมือของชายผู้นี้ ด้วยสัญลักษณ์และสัญลักษณ์ที่เข้าใจยาก Nicolas พยายามถอดรหัสข้อความนี้เป็นเวลา 20 ปี แต่ความพยายามทั้งหมดไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดในภาษาโบราณที่เฟลมเมลหันไปช่วยเขา

เพื่อไขความลึกลับของต้นฉบับต้องเดินทางออกนอกประเทศฝรั่งเศส และเฉพาะในสเปนเท่านั้น หลังจากใช้เวลาสองปีในการค้นหาคนที่ใช่ โชคก็ยิ้มให้เขา ที่นี่เขาได้พบกับนักเลงที่แท้จริงของภาษายิวโบราณ นักวิทยาศาสตร์ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับต้นฉบับแล้วจึงไปกับ Nicolas ที่ปารีสทันทีเนื่องจากอาลักษณ์ไม่กล้านำข้อความติดตัวไปด้วย แต่นักวิทยาศาสตร์ล้มเหลวในการไปถึงฝรั่งเศสระหว่างทางที่เขาล้มป่วยและเสียชีวิต แต่ถึงกระนั้นเขาก็สามารถบอกเฟลมเมลบางอย่างได้

ด้วยความรู้ที่ได้รับ เฟลมเมลเริ่มถอดรหัสต้นฉบับ การทำงานของเขาไม่ได้ไร้ผล ในเดือนมกราคม 1382 นิโคลัสสามารถได้รับเงินจากปรอท และในไม่ช้าการทดลองกับทองคำก็ประสบความสำเร็จ บางทีนี่อาจเป็นเพียงตำนาน แต่เป็นความจริงบางประการที่อาลักษณ์เจียมเนื้อเจียมตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ กลายเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติมหาศาล หลังจากการตายของเขา ผู้ค้นหาจำนวนมากได้ค้นหาทองคำในบ้านของเขา แต่ไม่มีใครพบสิ่งใดเลย ยังไม่มีหลักฐานว่าเฟลมเมลสามารถสร้างทองคำจากปรอทได้

อีกตัวอย่างหนึ่ง

หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่การค้นพบของ Nicolas Flamel และคำถามเกี่ยวกับวิธีการรับทองคำจากปรอทยังคงเปิดอยู่ เฉพาะช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นักเคมี Stefan Emmens ได้ประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขาได้รับสารที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นโลหะมีค่า

นักเคมีเรียกสารที่ได้รับจากการทดลองว่า "อาร์เจนทอรัม" และทำมาจากเงินโดยมีส่วนของปรอท นักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาทำการทดสอบสารนั้นอย่างรอบคอบและซื้อมันในราคาทองคำ เหล่านี้เป็นแท่งทดลองสามแท่ง นักวิทยาศาสตร์เองกล่าวในเวลานั้นว่าเขาจะไม่เปิดเผยเทคโนโลยีและเริ่มการผลิตทองคำเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ต่อทั้งโลกด้วย อย่างไรก็ตาม Emmens ตกลงที่จะจัดแสดงการสาธิตประสบการณ์ในปารีสที่นิทรรศการระดับโลก ไม่นานก่อนการแสดง นักเคมีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นไปได้มากว่าการค้นพบของเขาถือว่าอันตรายเกินไป

ประสบการณ์ที่ทันสมัย

ในช่วงทศวรรษที่ 1940 นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนปรอทเป็นทองคำได้ด้วยการทดลอง แต่ด้วยความช่วยเหลือของปฏิกิริยานิวเคลียร์เท่านั้น สารที่เกิดขึ้นจะไม่เสถียรและสลายตัวอย่างรวดเร็ว และต้นทุนการผลิตนั้นสูงกว่าต้นทุนทองคำธรรมชาติอย่างมาก

ปรอทคืออะไร

ปรอทเรียกว่า "เงินมีชีวิต" โลหะสีเงินนี้ที่อุณหภูมิลดลงถึง -39 ° C ยังคงอยู่ในสถานะของเหลวและในขณะเดียวกันก็มีความคล่องตัวเป็นพิเศษ ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -39 ° C จะกลายเป็นโลหะแข็ง

ปรอทไม่มีกลิ่นและไม่มีรส และระเหยได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง ไอของสารนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างมาก ดังนั้นที่บ้านเทอร์โมมิเตอร์ที่แตกอาจทำให้เกิดพิษรุนแรงได้

ปรอทบริสุทธิ์สกัดจากแร่ที่เรียกว่าชาด สารแร่นี้ถูกทำให้ร้อนเป็นพิเศษที่อุณหภูมิสูงเพื่อให้ปรอทสามารถระเหยและควบแน่นได้ ความหนาแน่นของปรอทและทองคำอยู่ที่ 13,600 กก./ลบ.ม. และ 19,300 กก./ลบ.ม. ตามลำดับ

ปรอทเหลวมีความสามารถในการม้วนตัวเป็นลูกบอล และยังมีความสามารถเด่นชัดในการทำให้โลหะบางชนิดเปียก ลูกบอลปรอทสามารถดึงดูดฝุ่นทองคำมาที่ตัวมันเองและดูดซับเข้าไปในมวลของมัน ในท้ายที่สุด เมื่อลูกบอลไม่สามารถดูดซับอนุภาคทองคำในตัวเองได้อีกต่อไป ลูกบอลก็จะเริ่มสลายเป็นก้อนเดียว

วิธีการควบคู่กัน

วิธีการสกัดทองคำด้วยปรอทนี้ถือเป็นวิธีที่เก่าแก่ที่สุดวิธีหนึ่ง เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากดังนั้นจึงถูกห้ามในสหพันธรัฐรัสเซีย แต่ในหลายประเทศยังคงใช้อยู่

การผสมเป็นกระบวนการผสมปรอทและโลหะเช่นทอง ลูกบอลปรอทไม่ละลายโลหะ แต่จะเปียกและดูดซับเท่านั้น นอกจากนี้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การระเหย ได้ทองคำบริสุทธิ์

วิธีนี้ใช้หากการซักและเม็ดทองที่มีขนาดเล็กกว่าหนึ่งมิลลิเมตรไม่ช่วย

ห้ามในรัสเซีย

ตั้งแต่ปี 1988 สารปรอทถูกห้ามในรัสเซีย ในเวลานั้นคณะกรรมการอุตุนิยมวิทยาของสหภาพโซเวียตออกคำสั่ง "ในการยุติการใช้ปรอท (การควบรวมกิจการ) ในกระบวนการทางเทคโนโลยีในระหว่างการเสริมแร่และทรายที่มีทองคำ" ก่อนที่จะมีการเผยแพร่เอกสารนี้ วิธีการที่ใช้ปรอทถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการขุดทองในสหภาพโซเวียต และปริมาณการใช้ "โลหะเหลว" ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำถึงหลายร้อยตันต่อปี ในเวลาเดียวกัน ปรอทจำนวนมากก็ถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม จนถึงขณะนี้ คนงานเหมืองทองพบขยะปรอทในสถานที่ต่างๆ ที่เคยเป็นโรงงาน

อันตราย

ไอปรอทมีความเป็นพิษสูง ดังนั้นเมื่อทำงานกับโลหะนี้ต้องปฏิบัติตามข้อควรระวังด้านความปลอดภัย ห้ามสูดดมไอระเหยเนื่องจากอาจทำให้เกิดพิษร้ายแรง นอกจากนี้ ปรอทและสารประกอบของปรอทไม่ควรสัมผัสกับผิวหนัง เมื่อทำปฏิกิริยากับปรอท เป็นการดีที่สุดที่จะสวมแว่นตาและถุงมือ และขั้นตอนสำหรับการขุดทองด้วยปรอทควรทำกลางแจ้ง ในขณะเดียวกัน แนะนำให้ลมพัดไปในทิศทางตรงกันข้ามกับตัวคุณและอาคารที่พักอาศัย

ปฏิกิริยากับกรดนั้นอันตรายพอๆ กับปฏิกิริยากับปรอท กรดไนตริกถูกใช้เพื่อทำปฏิกิริยากับทองและปรอท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการกำจัด "โลหะเหลว" ส่วนเกินในระหว่างกระบวนการควบรวม ดังนั้นคุณจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในระหว่างการยักย้ายถ่ายเท, ดูแลผิว, ดวงตา, ​​ไม่ควรสูดดมไอกรด. น้ำสะอาดสามารถใช้ล้างกรดที่สัมผัสกับผิวหนังได้

มีกฎอีกข้อหนึ่ง: เมื่อทำการแก้ปัญหา ทางที่ดีควรเทกรดลงในน้ำ ไม่ใช่ในทางกลับกัน วิธีนี้จะช่วยไม่ให้น้ำกระเซ็น คุณสามารถต่อต้านการกระทำของกรดด้วยโซดา

เมื่อทำงานกับกรด น้ำสะอาดควรอยู่ในมือเสมอเพื่อเจือจางกรดอย่างรวดเร็วในกรณีที่สัมผัสกับผิวหนังหรืออุปกรณ์

กรดเข้าร่างกาย ทำให้เกิดแผลไหม้ ถ้าไม่ล้างออกทันที แม้แต่การสวมเสื้อผ้าก็มักจะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ ในกรณีนี้ คุณต้องถอดเสื้อผ้าและล้างบริเวณที่ไหม้ ขอแนะนำให้สวมหน้ากากพิเศษเมื่อทำงานกับกรดซึ่งจะช่วยไม่ให้ปอดไหม้เมื่อสูดดมไอระเหย

การฝึกอบรม

เพื่อให้ปรอทดูดซับทองคำจำเป็นต้องทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างประเทศเนื่องจากจะรบกวนกระบวนการควบรวม บางครั้งโลหะล้ำค่าก็ถูกเคลือบด้วยฟิล์มน้ำมันหรือสิ่งเจือปนอื่นๆ สำหรับการทำให้บริสุทธิ์ใช้สารละลายกรดไนตริกสิบเปอร์เซ็นต์ พวกเขาจะเทด้วยสมาธิที่ล้างแล้ว

ในระหว่างกระบวนการนี้ อาจเกิดปฏิกิริยาการวิวัฒนาการของแก๊ส จำเป็นต้องรอให้สัญญาณทั้งหมดของปฏิกิริยาหยุดลงแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดเพื่อล้างกรดออก

กระบวนการเอง

กระบวนการทั้งหมดดำเนินการในถาดล้างเหล็กหรือพลาสติก ปริมาณปรอทควรเท่ากับปริมาณทองคำในสมาธิ ไม่จำเป็นต้องใช้ปรอทมากเกินไปเนื่องจากในกรณีนี้จะไม่สะดวกในการใช้งาน มันจะดีกว่าที่จะเทน้อยลงในตอนแรกและค่อยๆเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ในระหว่างกระบวนการ น้ำปริมาณเล็กน้อยควรอยู่ในถาด:

1. เราถือถาดไว้ในมือแล้วหมุนเป็นวงกลมจนทองที่มองเห็นได้เชื่อมต่อกับลูกบอลปรอท ทรายดำไม่ดูดซับปรอท
2. หลังจากนั้นให้ล้างทรายสีดำในอ่างน้ำ
3. หากในระหว่างกระบวนการนี้ มีมัลกัมจำนวนเล็กน้อยรวมเข้ากับกระดูกเชิงกราน เราก็ไม่ต้องกังวล สามารถถอดออกจากแอ่งน้ำได้ง่ายเสมอ
4. โปรดทราบว่าปรอทไม่ได้จับแพลตตินัม ดังนั้นเราจึงดูอย่างระมัดระวังในระหว่างการล้างขั้นสุดท้าย
5. หากในระหว่างกระบวนการ ลูกปรอทเริ่มแยกออกจากกัน ให้เติมปรอทอีกเล็กน้อยเพื่อให้ทองทั้งหมดที่อยู่ในทรายถูกดูดซับ
6. ลูกบอลปรอทที่เต็มไปด้วยทองคำจะประกอบด้วยปรอท 50% และโลหะมีค่า 50%

วิธีทำทองจากปรอท

เมื่อทองคำทั้งหมดถูกผสมเข้าด้วยกันและตัวมัลกัมนั้นแยกออกจากทราย ปรอทส่วนเกินจะถูกลบออกได้ คุณสามารถทำได้ด้วยการอัดรีด ในการทำเช่นนี้ให้ใช้หนังกลับบางและเปียกหรือวัสดุที่มีความหนาแน่นสูง ปรอทส่วนเกินทั้งหมดจะต้องผ่านรูขุมขนของผ้า ภาชนะที่จะอยู่ใต้วัสดุควรเติมน้ำให้ดีที่สุด ด้วยวิธีนี้ปรอทส่วนเกินจะไม่กระเด็นและสามารถเก็บรวบรวมได้ง่ายในอนาคต ขั้นตอนนี้ควรใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันไม่ให้ปรอทซึมเข้าสู่ผิวหนัง

ปรอทที่บีบออกมาจากมัลกัมจะมีทองคำอยู่เล็กน้อย สารตกค้างเหล่านี้จะช่วยรวบรวมโลหะมีค่ามากขึ้นในกระบวนการควบรวมในอนาคต

เมื่อนำสารประกอบปรอทส่วนเกินทั้งหมดออกจากลูกบอลแล้ว คุณสามารถเริ่มแยกทองคำออกจากปรอทได้ ในการทำเช่นนี้ คุณสามารถใช้หนึ่งในสองวิธี: การระเหย โดยให้ความร้อนกับอมัลกัม หรือการละลายปรอทในกรดไนตริก

การระเหย

ปรอทจะระเหยที่อุณหภูมิ 357 องศา ซึ่งพบได้ในส่วนบนของเปลวไฟของหัวเตาแก๊ส เนื่องจากไอปรอทมีความเป็นพิษสูงและอาจทำให้เกิดพิษร้ายแรงได้ ขั้นตอนนี้จึงควรดำเนินการกลางแจ้ง ในกรณีนี้ลมไม่ควรพัดเข้าหาตัวบุคคล ปรอทสามารถอยู่บนทองได้ในรูปของฟิล์มบางที่มองไม่เห็น ดังนั้นหากโลหะดูสะอาด คุณไม่ควรคิดว่าไม่มีปรอท

คุณสามารถใช้ถาดเหล็กหรือกระทะสำหรับขั้นตอนนี้ ภาชนะอะลูมิเนียมไม่เหมาะสำหรับการระเหยเนื่องจากอะลูมิเนียมสามารถทำปฏิกิริยากับปรอทได้

ก่อนอุ่นลูกบอลมัลกัมในถาด ให้นำปรอทออกจากถาดให้ได้มากที่สุดตามวิธีที่อธิบายไว้ข้างต้น ในตอนแรกลูกบอลจะถูกทำให้ร้อนอย่างช้าๆ ค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิ ถ้าทองคำมีสารปรอทอยู่เล็กน้อย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะกระเซ็น

วิธีกรด

กรดไนตริกมักใช้เพื่อแยกทองคำออกจากปรอทหลังจากกระบวนการควบรวม ทำปฏิกิริยากับปรอท ละลายได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบต่อทองคำ ก่อนเริ่มงาน คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามัลกัมไม่มีสารปรอทมากเกินไปและสิ่งสกปรกจากทรายสีดำ:

1. วางลูกบอลปรอทลงในโหลแก้ว
2. เราเทสารละลายกรดในอัตราส่วน 6: 1 ก็จะยิ่งแรงขึ้น
3. เรารอจนกว่าปฏิกิริยาเคมีจะผ่านไป
4. ล้างโถด้วยน้ำสะอาดและเทลงในภาชนะแยกต่างหาก
5. หากทองคำไม่ได้มีลักษณะเป็นสะเก็ด ผง และปรอทตามธรรมชาติ ให้สะเด็ดน้ำและเทกรดไนตริกอีกส่วนหนึ่งลงไป ในกรณีของความล้มเหลวอื่น เราทำโซลูชันที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ตามกฎแล้วด้วยปรอทจำนวนเล็กน้อยการทำให้บริสุทธิ์เกิดขึ้นในครั้งแรก หากมีสารปรอทมาก จะต้องดำเนินการทุกจุดหลายครั้ง

หากวิธีนี้ละลาย "โลหะเหลว" จำนวนมากและมีความปรารถนาที่จะรักษาไว้ สามารถใช้วิธีการต่อไปนี้:

1. เราระบายกรดหลังกระบวนการลงในขวดแยกต่างหาก ก็จะมีสารปรอทที่ถูกขับออกจากมัลกัม
2. จุ่มอลูมิเนียมฟอยล์ลงในโถ
3. กรดจะทำปฏิกิริยากับอะลูมิเนียมและตกตะกอนปรอทไปที่ด้านล่างของโถ
4. เราระบายกรดออกจากภาชนะ ทำให้เป็นกลางด้วยเบกกิ้งโซดา จนกระทั่งสิ้นสุดการวิวัฒนาการของแก๊ส

การใช้ปรอทในอุตสาหกรรมสมัยใหม่

ปรอทมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่ทำให้มีคุณค่าในเกือบทุกอุตสาหกรรม นี่คือรายชื่ออุตสาหกรรมที่ใช้โลหะนี้:

เราได้เรียนรู้ถึงจุดประสงค์ของการใช้ปรอทในอุตสาหกรรมต่างๆ

กระบวนการที่ทองคำละลายในปรอทเป็นพื้นฐานของวิธีการทำให้องค์ประกอบทางเคมีอันสูงส่งบริสุทธิ์จากสิ่งสกปรกตามธรรมชาติ และใช้ในกระบวนการสกัดส่วนประกอบอันล้ำค่าจากหินเพื่อปกปิดพื้นผิวของผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีการสกัดทองคำจากแร่ในระดับอุตสาหกรรมทำให้เกิดการผสมผสานวิธีการต่างๆ ในการเสริมคุณค่าและการทำให้วัตถุดิบแร่บริสุทธิ์

องค์ประกอบทางเคมีหมายเลข 79 เป็นวัสดุพลาสติกเฉื่อย อยู่ในกลุ่มของโลหะมีตระกูล และทนต่อสภาวะบรรยากาศ วิธีการทั่วไปในการแยกองค์ประกอบอันล้ำค่าออกจากองค์ประกอบของหินคือวิธีการเสริมความโน้มถ่วง

ปรอทเป็นองค์ประกอบทางเคมี เลขอะตอม 80 เป็นสารธรรมดาที่พบในหินธรรมชาติ (ชาด) เป็นโลหะชนิดเดียวที่ยังคงเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง ของเหลวสีขาวสีเงินบางครั้งเรียกว่า "เงินที่มีชีวิต"

เมื่อทองและปรอทมาบรรจบกัน มันจะก่อตัวเป็นมัลกัม ใน I สหัสวรรษก่อนคริสต์ศักราช วิธีการหลักในการสกัดโลหะออกจากสารเข้มข้นนั้นขึ้นอยู่กับการละลายของส่วนประกอบอันสูงส่งใน "เงินมีชีวิต" ตามด้วยการกลั่นปรอท

กระบวนการที่ปรอทละลายทองถูกใช้โดยนักขุดทองที่มีประสบการณ์เพื่อดักจับอนุภาคละเอียดในขณะที่ดึงส่วนประกอบอันมีค่าออกจากก้นแม่น้ำ

วิธีการละลายทองคำ

ในแง่ของรีเอเจนต์ องค์ประกอบทางเคมีอันสูงส่งหมายเลข 79 มีความเสถียร วิธีการทั่วไปคือการละลายทองใน aqua regia (ส่วนผสมของกรดไฮโดรคลอริกและกรดไนตริก) ที่ใช้ในกระบวนการกลั่นโลหะมีค่า

ส่วนผสมที่โปร่งใสของกรดจะสูญเสียคุณสมบัติเมื่อเวลาผ่านไปและได้โทนสีส้ม องค์ประกอบทางเคมีหมายเลข 79 ละลายที่อุณหภูมิห้อง เพื่อให้ปฏิกิริยาเร็วขึ้น ความร้อนจะดำเนินการ

เป็นไปได้ไหมที่จะละลายทองคำโดยไม่ใช้กรดไฮโดรคลอริกและกรดไนตริก? อีกวิธีหนึ่งใช้ในการผลิตภาคอุตสาหกรรมและถือเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนทางเทคโนโลยี สิ่งนี้จะต้องใช้กรดไฮโดรไซยานิก

วิธีการละลายนี้ดำเนินการโดยไซยาไนเดชันของแร่และจัดให้มี:

• การเตรียมสถานที่ไม่ให้น้ำผ่าน
• วัตถุดิบแร่ที่มีโลหะมีตระกูลวางอยู่บนพื้นผิว
• ความอิ่มตัวของแร่ด้วยสารละลายไซยาไนด์
• การซึมของศิลาจนทองคำละลาย
• การตกตะกอนของโลหะมีตระกูลในคอลัมน์

วิธีการเสริมแร่นี้ไม่ได้ใช้กับวัตถุดิบทุกประเภท เพื่อที่จะละลายส่วนประกอบที่มีตระกูลสูงที่สุดในแร่ซัลไฟด์ได้อย่างเต็มที่จึงใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน วิธีการละลายผงโลหะมีตระกูลเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับปรอทเรียกว่าการควบรวมกิจการ

วิธีการสกัดองค์ประกอบอันสูงส่งนี้ช่วยให้สามารถใช้ "เงินมีชีวิต" ซ้ำ ๆ และต้องใช้ทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูง ไม่ควรเคลือบอนุภาคโลหะมีตระกูลด้วยเหล็ก น้ำมัน หรือสารอื่นๆ ที่ป้องกันไม่ให้พื้นผิวเปียก

เพื่อให้ทองคำทั้งหมดถูกดึงออกจากสารเข้มข้นในระหว่างกระบวนการควบรวม ต้องวางวัสดุในสารละลาย 10% ของกรดไนตริก ไม่แนะนำให้ทำความสะอาดบนพื้นผิวโลหะเนื่องจากสารละลายกรดทำปฏิกิริยากับโลหะ

แอปพลิเคชั่น Amalgam

นอกจากวิธีการสกัดองค์ประกอบทางเคมีหมายเลข 79 ออกจากสมาธิแล้ว การควบรวมจะดำเนินการในระดับเล็กๆ ในการประชุมเชิงปฏิบัติการของช่างทอง พวกเขาใช้โลหะผสมของปรอทและส่วนประกอบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อปิดทองรายการโลหะด้วยไฟ

ในการทำเช่นนี้โดยใช้ไม้พายจะใช้ส่วนผสมกับวัตถุที่วางอยู่ในเตาอบ ในกรณีนี้ ปรอทจะระเหยและทองคำจะเกาะติดกับพื้นผิว สิ่งที่ปิดทองด้วยวิธีนี้จะขัดให้เงางาม

อมัลกัมใช้เพื่อเคลือบวัตถุเพื่อปรับปรุงและปกป้องผลิตภัณฑ์จากการโจมตีทางเคมี ในเครื่องประดับ การชุบจะใช้สำหรับการปิดทอง

เมื่อต้องการทำเช่นนี้ วัตถุจะถูกแช่ในสารละลายของเกลือ ทองคำ และปรอทในอ่าง ในระหว่างการสลายตัวทางเคมีขององค์ประกอบขององค์ประกอบ ทองคำยังคงอยู่บนพื้นผิวของผลิตภัณฑ์

ในอ่างดังกล่าว ปฏิกิริยาสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยความช่วยเหลือของกระแสไฟฟ้าหรือด้วยความร้อนเพิ่มเติมขององค์ประกอบ สามารถรับฟิล์มที่หนาขึ้นบนพื้นผิวได้หากเพิ่มสังกะสีหรืออลูมิเนียมลงในอ่างน้ำร้อนพร้อมกับวัตถุ

ด้วยวิธีการเคลือบด้วยไฟฟ้าด้วยไฟฟ้า คุณสามารถสร้างฟิล์มที่มีความหนาเท่าใดก็ได้ เลือกโลหะผสมของส่วนประกอบ ตัวอย่างเช่น ทองแดงและทองใช้สำหรับสีแดง และสีเงินสำหรับสีเขียว

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ Adolf Miethe ได้ระบายสีแร่ธาตุและแก้วภายใต้การกระทำของรังสีอัลตราไวโอเลต ในการทำเช่นนี้เขาใช้หลอดปรอทธรรมดาซึ่งเป็นหลอดแก้วควอทซ์อพยพระหว่างอิเล็กโทรดที่มีส่วนโค้งของปรอทซึ่งปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลต

ต่อมาไรต์ใช้หลอดไฟชนิดใหม่ซึ่งให้พลังงานสูงเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการปฏิบัติการระยะยาว การโจมตีเกิดขึ้นบนผนังซึ่งขัดขวางการทำงานอย่างมาก ในตะเกียงปรอทที่ใช้แล้ว การจู่โจมดังกล่าวยังสามารถตรวจพบได้หากปรอทถูกขับออกไป องคมนตรีสนใจองคมนตรีและทันใดนั้นเมื่อวิเคราะห์ส่วนที่เหลือของหลอดปรอท 5 กก. เขาพบว่า ... ทอง ไรสงสัยว่าเป็นไปได้ในทางทฤษฎีหรือไม่ที่ปรอทในตะเกียงปรอทจะสลายตัวเป็นทองคำอันเป็นผลมาจากการทำลายอะตอมด้วยการแยกตัวของโปรตอนหรืออนุภาคแอลฟา ไรต์และผู้ร่วมงานของเขา Hans Stamreich ได้ทำการทดลองมากมาย โดยรู้สึกทึ่งกับแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบดังกล่าว ปรอทกลั่นในสุญญากาศเป็นวัสดุตั้งต้น นักวิจัยเชื่อว่าไม่มีทองคำ สิ่งนี้ได้รับการยืนยันจากการวิเคราะห์ของนักเคมีชื่อดัง K. Hoffmann และ F. Gaber ไรขอให้พวกเขาตรวจสอบสารปรอทและสารตกค้างในตะเกียง ด้วยสารปรอทซึ่งตามข้อมูลการวิเคราะห์ไม่มีทองคำ Mite และ Stamreich เติมตะเกียงใหม่ซึ่งทำงานเป็นเวลา 200 ชั่วโมง ผลึกสีเหลืองทองจับตัวเป็นก้อน

อย่างไรก็ตาม Frederick Soddy ไม่คิดว่าทองคำเกิดจากการแยกอนุภาคแอลฟาหรือโปรตอนออก เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการดูดกลืนอิเล็กตรอนได้: ถ้าอย่างหลังมีความเร็วสูงพอที่จะเจาะเปลือกอิเล็กตรอนของอะตอมและเจาะเข้าไปในนิวเคลียส ทองคำก็สามารถก่อตัวขึ้นได้ ในกรณีนี้หมายเลขซีเรียลของปรอท (80) จะลดลงหนึ่งและองค์ประกอบที่ 79 จะเกิดขึ้น - ทอง

ถ้อยแถลงทางทฤษฎีของซอดดี้ตอกย้ำมุมมองของไรต์และนักวิจัยทุกคนที่เชื่อมั่นใน "การสลายตัว" ของปรอทเป็นทองคำ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงความจริงที่ว่ามีเพียงไอโซโทปของปรอทที่มีมูลค่าเงินสด 197 เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนเป็นทองคำธรรมชาติได้ เฉพาะการเปลี่ยนแปลง 197 Hg + อี- = 197 Au สามารถให้ทองได้

ไอโซโทป 197 Hg มีอยู่จริงหรือไม่? มวลอะตอมสัมพัทธ์ของธาตุ 200.6 นี้ เรียกว่าน้ำหนักอะตอม ซึ่งบ่งชี้ว่ามีไอโซโทปอยู่หลายตัว เอฟ.วี. ขณะที่ศึกษารังสีของคลอง แอสตันพบไอโซโทปปรอทที่มีเลขมวลตั้งแต่ 197 ถึง 202 ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงน่าจะเป็นไปได้

ตามเวอร์ชั่นอื่น 200.6Au ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากส่วนผสมของไอโซโทป 200.6Hg นั่นคือไอโซโทปทองคำหนึ่งหรือหลายไอโซโทปที่มีมวลมาก ทองนี้ควรจะหนักกว่านี้ ดังนั้นไรต์จึงรีบหามวลอะตอมสัมพัทธ์ของทองคำเทียมของเขาและมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในสาขานี้ - ศาสตราจารย์กอนนิกชมิดท์ในมิวนิก

แน่นอนว่าปริมาณทองคำเทียมสำหรับการพิจารณาดังกล่าวมีน้อยมาก แต่ไรต์ยังไม่มี: ด้วงมีน้ำหนัก 91 มก. เส้นผ่านศูนย์กลางของลูกบอลคือ 2 มม. หากเราเปรียบเทียบกับ "ผลผลิต" อื่นๆ ที่ไรได้รับระหว่างการเปลี่ยนแปลงในตะเกียงปรอท - ในการทดลองแต่ละครั้ง พวกมันอยู่ในช่วงตั้งแต่ 10 -2 ถึง 10 -4 มก. - มันยังคงเป็นชิ้นทองคำที่เห็นได้ชัดเจน Gonigshmidt และผู้ทำงานร่วมกัน Zintl พบมวลอะตอมสัมพัทธ์ 197.2 ± 0.2 สำหรับทองคำเทียม

ไรต์ค่อยๆ ลบ "ความลับ" ออกจากการทดลองของเขา เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2467 มีการเผยแพร่รายงานจากห้องปฏิบัติการโฟโตเคมีคอล ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลการทดลองเป็นครั้งแรกและได้อธิบายเครื่องมือโดยละเอียดยิ่งขึ้น ผลลัพธ์ยังเป็นที่รู้จัก: จากปรอท 1.52 กิโลกรัมซึ่งก่อนหน้านี้ทำให้บริสุทธิ์ด้วยการกลั่นสุญญากาศหลังจากการเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง 107 ชั่วโมงของส่วนโค้งยาว 16 ซม. ที่แรงดันไฟฟ้า 160 ถึง 175 V และกระแส 12.6 A ไรได้รับมาก เท่ากับทองคำ 8.2 * 10 -5 กรัม นั่นคือแปดร้อยมิลลิกรัม "นักเล่นแร่แปรธาตุ" จากชาร์ลอตเทนเบิร์กอ้างว่าทั้งวัสดุเริ่มต้นหรืออิเล็กโทรดและสายไฟที่จ่ายกระแสไฟหรือควอตซ์ของเปลือกหลอดไฟไม่มีทองคำที่สามารถตรวจจับได้ในเชิงวิเคราะห์

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนในไม่ช้าก็มาถึง นักเคมีเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งทองคำก็ก่อตัวขึ้น และมักจะอยู่ในปริมาณที่น้อยที่สุดเสมอ จึงไม่เกิดอีก ไม่พบสัดส่วน กล่าวคือ ปริมาณทองคำไม่เพิ่มขึ้นตามปริมาณปรอทที่เพิ่มขึ้น ความต่างศักย์ที่เพิ่มขึ้น ด้วยระยะเวลาที่นานกว่าของหลอดควอทซ์ ทองที่ถูกค้นพบกลับกลายเป็นของปลอมจริงหรือ? หรือเคยมีมาก่อน? แหล่งที่มาของข้อผิดพลาดอย่างเป็นระบบที่เป็นไปได้ในวิธี Miethe ได้รับการตรวจสอบโดยนักวิทยาศาสตร์หลายคนจากสถาบันเคมีของมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน รวมทั้งจากห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาไฟฟ้าของซีเมนส์ ก่อนอื่นนักเคมีได้ศึกษารายละเอียดกระบวนการกลั่นปรอทอย่างละเอียดและได้ข้อสรุปที่น่าประหลาดใจ: แม้แต่ปรอทที่กลั่นแล้วซึ่งดูเหมือนไม่มีทองคำก็ยังประกอบด้วยทองคำอยู่เสมอ อาจปรากฏขึ้นในระหว่างกระบวนการกลั่นหรือยังคงละลายในปรอทในรูปของร่องรอย เพื่อไม่ให้ตรวจพบในทันทีเชิงวิเคราะห์ หลังจากที่อยู่นานหรือเมื่อฉีดพ่นในส่วนโค้งซึ่งก่อให้เกิดการเสริมสมรรถนะก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในทันใด ผลกระทบดังกล่าวอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการก่อตัวของทองคำ อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้น วัสดุที่ใช้ รวมทั้งสายเคเบิลที่นำไปสู่อิเล็กโทรดและอิเล็กโทรดเอง ล้วนมีร่องรอยของทองคำ

แต่ยังคงมีข้ออ้างที่น่าเชื่อถือจากนักฟิสิกส์ปรมาณูว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นไปได้จากมุมมองของทฤษฎีอะตอม ดังที่ทราบกันดีว่ามีการสันนิษฐานว่าไอโซโทปปรอท 197 Hg ดูดซับอิเล็กตรอนหนึ่งตัวและกลายเป็นทองคำ

อย่างไรก็ตาม สมมติฐานนี้ถูกหักล้างโดยรายงานของ Aston ใน Nature ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2468 เครื่องแยกไอโซโทปสามารถแสดงลักษณะเฉพาะของเส้นไอโซโทปปรอทได้อย่างชัดเจนโดยใช้แมสสเปกโตรกราฟที่มีความละเอียดสูง เป็นผลให้ปรากฎว่าปรอทธรรมชาติประกอบด้วยไอโซโทปที่มีมวล 198, 199, 200, 201, 202 และ 204

ดังนั้นไอโซโทปที่เสถียร 197 Hg ไม่มีอยู่เลย ดังนั้นจึงต้องพิจารณาว่าเป็นไปไม่ได้ตามหลักวิชาที่จะได้ทองคำธรรมชาติ 197 จากปรอทโดยการทิ้งระเบิดด้วยอิเล็กตรอน และการทดลองที่มุ่งเป้าไปที่สิ่งนี้ถือได้ว่าไม่มีท่าว่าจะดีล่วงหน้า ในที่สุดสิ่งนี้ก็เข้าใจโดยนักวิจัย Harkins และ Kay จากมหาวิทยาลัยชิคาโกซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนปรอทโดยใช้อิเล็กตรอนที่เร็วมาก พวกเขาทิ้งระเบิดปรอท (ทำให้เย็นด้วยแอมโมเนียเหลวและใช้เป็นแอนตี้แคโทดในหลอดเอ็กซ์เรย์) ด้วยอิเล็กตรอนเร่งความเร็วในสนาม 145,000 V นั่นคือด้วยความเร็ว 19,000 km / s

การทดลองที่คล้ายคลึงกันนี้ดำเนินการโดย Fritz Haber เมื่อตรวจสอบการทดลองของไร แม้จะมีวิธีการวิเคราะห์ที่มีความละเอียดอ่อนสูง Harkins และ Kay ก็ไม่พบร่องรอยของทองคำ พวกเขาอาจคิดว่าแม้แต่อิเล็กตรอนที่มีพลังงานสูงเช่นนี้ก็ไม่สามารถเจาะเข้าไปในนิวเคลียสของอะตอมปรอทได้ หรือผลจากไอโซโทปของทองคำนั้นไม่เสถียรจนไม่สามารถ "อยู่รอด" ได้จนกว่าจะสิ้นสุดการวิเคราะห์ ซึ่งกินเวลา 24 ถึง 48 ชั่วโมง

ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับกลไกการเกิดทองคำจากปรอทที่เสนอโดย Soddy จึงสั่นสะเทือนอย่างมาก

ในปีพ.ศ. 2483 เมื่อในห้องทดลองฟิสิกส์นิวเคลียร์บางแห่งพวกเขาเริ่มทิ้งระเบิดด้วยนิวตรอนเร็วที่ได้รับโดยใช้ไซโคลตรอนซึ่งเป็นองค์ประกอบที่อยู่ติดกับทองคำ - ปรอทและแพลตตินัม ในการประชุมของนักฟิสิกส์ชาวอเมริกันในแนชวิลล์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2484 A. Sherr และ K.T. Bainbridge จาก Harvard University รายงานผลสำเร็จจากการทดลองดังกล่าว พวกเขาส่งดิวเทอรอนแบบเร่งความเร็วไปยังเป้าหมายลิเธียมและได้รับกระแสนิวตรอนเร็ว ซึ่งถูกใช้เพื่อทิ้งระเบิดนิวเคลียสของปรอท อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางนิวเคลียร์ทำให้ได้ทองคำ

ไอโซโทปใหม่สามไอโซโทปที่มีมวล 198, 199 และ 200 อย่างไรก็ตาม ไอโซโทปเหล่านี้ไม่เสถียรเท่ากับไอโซโทปธรรมชาติทองคำ-197 หลังจากปล่อยรังสีเบตาออกมาหลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมงหรือหลายวัน พวกมันก็กลายเป็นไอโซโทปของปรอทที่เสถียรอีกครั้งด้วยเลขมวล 198, 199 และ 200 ดังนั้นผู้นิยมการเล่นแร่แปรธาตุสมัยใหม่จึงไม่มีเหตุผลที่จะชื่นชมยินดี ทองคำที่กลับกลายเป็นปรอทนั้นไร้ค่า เป็นทองคำที่หลอกลวง อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ชื่นชมยินดีกับการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาสามารถขยายความรู้เกี่ยวกับไอโซโทปเทียมของทองคำ

ปรอทในธรรมชาติประกอบด้วยไอโซโทปเจ็ดชนิดในปริมาณที่แตกต่างกัน: 196 (0.146%), 198 (10.02%), 199 (16.84%), 200 (23.13%), 201 (13.22%), 202 (29 .80%) และ 204 (6.85) %) เนื่องจาก Scherr และ Bainbridge พบไอโซโทปของทองคำที่มีเลขมวล 198, 199 และ 200 จึงต้องสันนิษฐานว่าอย่างหลังเกิดจากไอโซโทปของปรอทที่มีเลขมวลเท่ากัน ตัวอย่างเช่น: 198 Hg + น= 198Au+ Rข้อสันนิษฐานดังกล่าวดูสมเหตุสมผล - ท้ายที่สุดแล้วไอโซโทปของปรอทเหล่านี้ค่อนข้างธรรมดา

ความน่าจะเป็นของปฏิกิริยานิวเคลียร์ใดๆ ที่เกิดขึ้นนั้นพิจารณาจากส่วนตัดขวางการดักจับที่มีประสิทธิภาพของนิวเคลียสอะตอมที่สัมพันธ์กับอนุภาคทิ้งระเบิดที่สอดคล้องกัน ดังนั้นนักฟิสิกส์ Ingram, Hess และ Haydn ซึ่งเป็นผู้ทำงานร่วมกันของศาสตราจารย์ Dempster ได้พยายามหาค่าภาคตัดขวางที่มีประสิทธิภาพสำหรับการดักจับนิวตรอนด้วยไอโซโทปปรอทตามธรรมชาติอย่างแม่นยำ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2490 พวกเขาสามารถแสดงให้เห็นว่าไอโซโทปที่มีเลขมวล 196 และ 199 มีส่วนตัดขวางของการจับนิวตรอนที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นทองคำ ในฐานะที่เป็น "ผลพลอยได้" ของการวิจัยทดลอง พวกเขาได้รับ ... ทอง 35 ไมโครกรัม ซึ่งได้จากปรอท 100 มก. หลังจากการฉายรังสีด้วยนิวตรอนช้าในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ จำนวนนี้ให้ผลตอบแทน 0.035% อย่างไรก็ตาม หากจำนวนทองคำที่ค้นพบนั้นมาจากปรอท-196 เท่านั้น ก็จะได้ผลผลิตที่เป็นของแข็งที่ 24% เนื่องจากทองคำ-197 เกิดขึ้นจากไอโซโทปปรอทที่มีมวลเท่านั้น เลขที่ 196

ด้วยนิวตรอนเร็วมักจะไหล ( น, R) - ปฏิกิริยาและนิวตรอนช้า - ส่วนใหญ่ ( น, d) - การเปลี่ยนแปลง ทองคำ ค้นพบโดยพนักงานของ Dempster ก่อตัวดังนี้: 196 Hg + น= 197 Hg* + g 197 Hg* + อี- = 197 ยูโร

ปรอทที่ไม่เสถียร -197 ที่เกิดจากกระบวนการ (n, r) - กลายเป็นทองคำที่เสถียร -197 อันเป็นผลมาจาก K-จับ (อิเล็กตรอนจาก Kเปลือกของอะตอมเอง)

พนักงานของ Dempster ไม่สามารถปฏิเสธความสุขที่ได้รับทองคำเทียมจำนวนหนึ่งในเครื่องปฏิกรณ์ ตั้งแต่นั้นมา ความอยากรู้อยากเห็นเล็กๆ น้อยๆ นี้ก็ได้เกิดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมชิคาโก ความหายากนี้ - หลักฐานของศิลปะของ "นักเล่นแร่แปรธาตุ" ในยุคอะตอม - สามารถชื่นชมได้ในระหว่างการประชุมเจนีวาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2498

จากมุมมองของฟิสิกส์นิวเคลียร์ สามารถแปลงอะตอมเป็นทองคำได้หลายอย่าง ทองคำที่เสถียร 197Au สามารถสร้างขึ้นได้โดยการสลายตัวของกัมมันตภาพรังสีของไอโซโทปบางชนิดของธาตุใกล้เคียง แผนที่ที่เรียกว่านิวไคลด์สอนเราเรื่องนี้ ซึ่งมีการนำเสนอไอโซโทปที่รู้จักทั้งหมดและทิศทางที่เป็นไปได้ของการสลายตัวของพวกมัน ดังนั้น gold-197 จึงถูกสร้างขึ้นจากปรอท-197 ซึ่งปล่อยรังสีบีตา หรือจากสารปรอทดังกล่าวโดย K-capture นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่จะได้รับทองคำจากแทลเลียม-201 หากไอโซโทปนี้ปล่อยรังสีอัลฟา อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้สังเกต จะหาไอโซโทปปรอทที่มีมวลเป็น 197 ได้อย่างไรซึ่งไม่พบในธรรมชาติ? ตามทฤษฎีแล้ว สามารถหาได้จากแทลเลียม-197 และจากตะกั่ว-197 นิวไคลด์ทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อจับอิเล็กตรอนกลายเป็นปรอท 197 และแทลเลียม-197 ตามลำดับ ในทางปฏิบัติ นี่จะเป็นเพียงความเป็นไปได้ทางทฤษฎีเท่านั้นที่สามารถสร้างทองคำจากตะกั่วได้ อย่างไรก็ตาม ตะกั่ว-197 เป็นเพียงไอโซโทปเทียม ซึ่งต้องได้รับจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ก่อน มันจะไม่ทำงานกับตะกั่วตามธรรมชาติ

ไอโซโทปของแพลตตินั่ม 197Pt และปรอท 197Hg ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงทางนิวเคลียร์เท่านั้น เป็นไปได้จริง ๆ เป็นเพียงปฏิกิริยาจากไอโซโทปธรรมชาติเท่านั้น มีเพียง 196 Hg, 198 Hg และ 194 Pt เท่านั้นที่เหมาะสำหรับเป็นวัสดุเริ่มต้นสำหรับสิ่งนี้ ไอโซโทปเหล่านี้อาจถูกทิ้งระเบิดด้วยนิวตรอนเร่งความเร็วหรืออนุภาคแอลฟาเพื่อให้ได้ปฏิกิริยาต่อไปนี้: 196 Hg + น= 197 Hg* + g 198 Hg + น= 197 Hg* + 2n 194 Pt + 4 He = 197 Hg* + น.

ด้วยความสำเร็จแบบเดียวกัน เราสามารถรับไอโซโทปแพลตตินั่มที่ต้องการจาก 194 Pt โดย ( น, d) - แปลงจาก 200 Hg โดย ( น, b) - กระบวนการ ในกรณีนี้ เราต้องไม่ลืมว่าทองคำธรรมชาติและแพลตตินั่มประกอบด้วยไอโซโทปผสมกัน ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงปฏิกิริยาที่แข่งขันกันในแต่ละกรณี ในที่สุดทองคำบริสุทธิ์จะต้องถูกแยกออกจากส่วนผสมของนิวไคลด์ต่างๆ และไอโซโทปที่ไม่ทำปฏิกิริยา กระบวนการนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูง การเปลี่ยนแพลตตินั่มเป็นทองคำโดยทั่วไปจะต้องถูกยกเลิกด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ดังที่คุณทราบ แพลตตินั่มมีราคาแพงกว่าทองคำ

อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการสังเคราะห์ทองคำคือการเปลี่ยนแปลงทางนิวเคลียร์โดยตรงของไอโซโทปธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ตามสมการต่อไปนี้: 200 Hg + R= 197 Au + 4 He 199 Hg + 2 D = 197 Au + 4 He

หากปรอทตามธรรมชาติอยู่ภายใต้การกระทำของฟลักซ์นิวตรอนในเครื่องปฏิกรณ์ นอกเหนือไปจากทองคำที่เสถียรแล้ว กัมมันตภาพรังสีส่วนใหญ่ก็ก่อตัวขึ้น ทองคำกัมมันตภาพรังสีนี้ (ที่มีเลขมวล 198, 199 และ 200) มีอายุการใช้งานสั้นมากและภายในไม่กี่วันจะเปลี่ยนกลับเป็นสารเดิมด้วยการปล่อยรังสีเบต้า: 198 Hg + น= 198 ออสเตรเลีย* + พี 198 Au = 198 Hg + อี- (2.7 วัน) เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกการเปลี่ยนแปลงย้อนกลับของทองคำกัมมันตรังสีไปเป็นปรอท: กฎแห่งธรรมชาติไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ในยุคของอะตอม คุณสามารถสร้างทองได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้มีราคาแพงเกินไป ทองคำที่ได้จากเครื่องปฏิกรณ์เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ และถ้าเรากำลังพูดถึงส่วนผสมของไอโซโทปกัมมันตภาพรังสี 198 Au และ 199 Au ในอีกไม่กี่วันก็จะเหลือเพียงแอ่งของปรอทจากแท่งทองคำ