หน้าที่หลักของครอบครัวและลักษณะของพวกเขา ครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม: ประเภทและหน้าที่หลักของครอบครัว

ครอบครัว- กลุ่มทางสังคมตามสายสัมพันธ์ในครอบครัว (โดยการแต่งงาน โดยทางสายเลือด) สมาชิกในครอบครัวเชื่อมโยงกันด้วยชีวิตร่วมกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความรับผิดชอบทางศีลธรรมและทางกฎหมาย

หน้าที่ทางสังคมของครอบครัว

1. การสืบพันธุ์ (การให้กำเนิดทางชีวภาพ)
2. การศึกษา (การเตรียมความพร้อมของคนรุ่นใหม่สู่ชีวิตในสังคม)
3. เศรษฐกิจและเศรษฐกิจ (การดูแลบ้าน การสนับสนุน และการดูแลสมาชิกในครอบครัวผู้ทุพพลภาพ)
4. จิตวิญญาณและอารมณ์ (การพัฒนาส่วนบุคคล, การเสริมสร้างซึ่งกันและกันทางจิตวิญญาณ, การรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรในสหภาพการแต่งงาน)
5. การพักผ่อน (องค์กรของการพักผ่อนตามปกติการเพิ่มพูนผลประโยชน์ร่วมกัน)
6. ทางเพศ (ความพึงพอใจของความต้องการทางเพศ)

ประเภทครอบครัวและองค์กร

ในการศึกษาโครงสร้างครอบครัวอย่างครอบคลุม จะพิจารณาเป็นการผสมผสานที่ซับซ้อน จากมุมมองด้านประชากรศาสตร์ มีครอบครัวและองค์กรหลายประเภท

ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการแต่งงาน:

1. ครอบครัวคู่สมรสคนเดียว - ประกอบด้วยสองคู่ค้า
2. ครอบครัวที่มีภรรยาหลายคน - คู่สมรสคนหนึ่งมีคู่แต่งงานหลายคน
3. Polygyny เป็นสถานะพร้อมกันของผู้ชายที่แต่งงานกับผู้หญิงหลายคน นอกจากนี้ การแต่งงานยังสรุปโดยผู้ชายกับผู้หญิงแต่ละคนแยกจากกัน ตัวอย่างเช่น ในศาสนาอิสลาม มีการจำกัดจำนวนภรรยา - ไม่เกินสี่คน
4. Polyandry เป็นภาวะที่เกิดขึ้นพร้อมกันของผู้หญิงที่แต่งงานกับผู้ชายหลายคน เป็นเรื่องยาก ตัวอย่างเช่น ในหมู่ชาวทิเบต หมู่เกาะฮาวาย

ขึ้นอยู่กับเพศของคู่สมรส:

1. ครอบครัวเพศเดียวกัน - ชายสองคนหรือผู้หญิงสองคนที่ร่วมกันเลี้ยงดูเด็กที่ถูกอุปถัมภ์ ตั้งครรภ์เทียม หรือเด็กจากการติดต่อครั้งก่อน (รักต่างเพศ)
2. ครอบครัวที่หลากหลาย

ขึ้นอยู่กับจำนวนเด็ก:

1. ครอบครัวที่ไม่มีบุตรหรือมีบุตรยาก
2. ครอบครัวเดี่ยว.
3. ครอบครัวเล็กๆ.
4. ครอบครัวกลาง.
5. ครอบครัวใหญ่.

ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ:

• ครอบครัวธรรมดาหรือครอบครัวนิวเคลียร์ - ประกอบด้วยรุ่นหนึ่งซึ่งแสดงโดยผู้ปกครอง (ผู้ปกครอง) ที่มีหรือไม่มีลูก ครอบครัวนิวเคลียร์ในสังคมสมัยใหม่แพร่หลายมากที่สุด เธออาจจะเป็น:
  • ประถม- ครอบครัวที่มีสมาชิกสามคน: สามี ภรรยา และลูก ครอบครัวดังกล่าวสามารถเป็น:
    • สมบูรณ์ - รวมทั้งผู้ปกครองและเด็กอย่างน้อยหนึ่งคน
    • ไม่สมบูรณ์ - ครอบครัวของผู้ปกครองเพียงคนเดียวที่มีลูกหรือครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่เท่านั้นที่ไม่มีลูก
  • คอมโพสิต- ครอบครัวนิวเคลียร์ที่สมบูรณ์ซึ่งมีการเลี้ยงดูเด็กหลายคน ครอบครัวนิวเคลียร์แบบประกอบซึ่งมีลูกหลายคนควรพิจารณาว่าเป็นการรวมกลุ่มขององค์ประกอบพื้นฐานหลายอย่าง
• ครอบครัวที่ซับซ้อนหรือครอบครัวปิตาธิปไตยเป็นครอบครัวใหญ่หลายชั่วอายุคน อาจรวมถึงปู่ย่าตายาย พี่น้องและภรรยา พี่สาวและสามี หลานชายและหลานสาวของพวกเขา

ขึ้นอยู่กับสถานที่ของบุคคลในครอบครัว:

1. ผู้ปกครอง - นี่คือครอบครัวที่บุคคลเกิด
2. การสืบพันธุ์ - ครอบครัวที่บุคคลสร้างขึ้นเอง

ขึ้นอยู่กับที่อยู่อาศัยของครอบครัว:

1. Matrilocal - ครอบครัวหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของภรรยา
2. Patrilocal - ครอบครัวที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของสามี
3. Neolocal - ครอบครัวย้ายไปยังที่อยู่อาศัยห่างไกลจากที่อยู่อาศัยของผู้ปกครอง

ขึ้นอยู่กับประเภทของการเลี้ยงดู:

1. เผด็จการ
2. เสรีนิยม (ขึ้นอยู่กับการกำหนดตนเองของแต่ละบุคคลโดยไม่คำนึงถึงประเพณีนิสัยและหลักคำสอนที่เป็นที่ยอมรับ)
3. ประชาธิปไตย (ค่อยๆ ปลูกฝังให้ลูกของลักษณะเช่นการมีส่วนร่วมในชะตากรรมของคนอื่น, ความคุ้นเคยกับค่านิยมสากลของมนุษย์)

มรดกของบิดาหมายความว่าเด็ก ๆ ใช้นามสกุลของบิดา (ในรัสเซียยังเป็นชื่อผู้อุปถัมภ์) และทรัพย์สินมักจะผ่านสายชาย ครอบครัวดังกล่าวเรียกว่า patrilineal. มรดกทางสายหญิง แปลว่า ความเป็นพ่อแม่ครอบครัว
แต่ละประเภทครอบครัวมีลักษณะเฉพาะปรากฏการณ์และกระบวนการทางสังคมและจิตวิทยาที่เกิดขึ้นในนั้นการแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มีอยู่ในนั้นรวมถึงแง่มุมทางจิตวิทยาของกิจกรรมภาคปฏิบัติเรื่องวงกลมของการสื่อสารและเนื้อหาคุณสมบัติของการติดต่อทางอารมณ์ของสมาชิกในครอบครัวเป้าหมายทางสังคมและจิตวิทยา ของครอบครัวและความต้องการทางจิตใจของสมาชิกแต่ละคน

ลำดับวงศ์ตระกูลกำหนดครอบครัวเป็นชุมชนของญาติทางสายเลือดและผู้ที่เกี่ยวข้องอันเป็นผลมาจากการแต่งงาน และกฎหมายรัสเซียสมัยใหม่เข้าใจคำนี้ในฐานะกลุ่มคนที่รวมกันเป็นหนึ่งโดยหน้าที่และสิทธิส่วนบุคคลซึ่งเป็นผลมาจากการแต่งงาน เครือญาติ หรือความเป็นผู้ปกครอง

มีลักษณะดังต่อไปนี้:

• จัดระเบียบชีวิต ชุมชนประเภทนี้หมายความว่าหุ้นส่วนมีงบประมาณ ความสัมพันธ์ภายในประเทศ และความรับผิดชอบร่วมกัน
• มันขึ้นอยู่กับการแต่งงานซึ่งเป็นรูปแบบของปฏิสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยา กำหนดสิทธิและภาระผูกพันของคู่สมรสในด้านความเป็นพ่อแม่ การเงิน และอื่นๆ และควบคุมชีวิตที่ใกล้ชิดของพวกเขา
• เป็นกลุ่มสังคมเล็กๆ
• อธิบายความสัมพันธ์ของคู่ค้ากับญาติและบุตร เนื่องจากนอกเหนือจากสหภาพแรงงานแล้ว พื้นฐานของชุมชนดังกล่าวคือเครือญาติและผู้ปกครอง

สังคมวิทยาพิจารณาแนวคิดเรื่องครอบครัวจากสองตำแหน่งพร้อมกัน: เป็นสถาบันทางสังคมและเป็นกลุ่มเล็ก ประการแรกมีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของสังคมและครั้งที่สองมีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่ม

วัตถุประสงค์ของสมาคมดังกล่าวจากมุมมองของผลประโยชน์สาธารณะคือการทำซ้ำของประชากร แต่นอกเหนือจากการเติมเต็มความต้องการทางสังคมและส่วนบุคคลในการคลอดบุตรแล้ว กลุ่มดังกล่าวยังทำหน้าที่อื่น ๆ อีกด้วย:

• เศรษฐกิจและเศรษฐกิจ คู่สมรสมีบ้านร่วมกัน ร่วมกันจัดหาสมาชิกในครอบครัวที่ต้องพึ่งพาอาศัย และดูแลญาติผู้สูงอายุและเด็ก

• เกี่ยวกับการศึกษา. ภายในกรอบของชุมชนการเลี้ยงดูเด็กการขัดเกลาทางสังคมในขั้นต้นและการถ่ายโอนค่านิยมทางวัฒนธรรมและส่วนบุคคลให้กับพวกเขา

• การผลิต. ในสังคมสมัยใหม่ หน้าที่นี้สูญเสียความสำคัญไป เนื่องจากกิจกรรมการผลิตถูกลบออกจากขอบเขตของการเชื่อมโยงนี้

• องค์กรยามว่าง ฟังก์ชั่นนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากตอนนี้ครอบครัวกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหลัก

• ทางอารมณ์. ซึ่งรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่สะดวกสบายภายในกลุ่ม การเพิ่มพูนผลประโยชน์ร่วมกัน และความช่วยเหลือด้านจิตใจภายในกลุ่ม

• การควบคุมทางสังคม ญาติพี่น้องจะต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานทางสังคมบางประการ รวมทั้งผู้ที่ไม่สามารถคำนึงถึงกฎเกณฑ์ที่ยอมรับในสังคมได้ด้วยเหตุผลบางประการ

• และคนอื่น ๆ.

เชื่อกันว่าครอบครัวถ่ายทอดประสบการณ์ล้ำค่าที่สุดที่สะสมโดยคนรุ่นก่อน แต่พึงระลึกไว้เสมอว่าการถ่ายโอนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงข้อมูลที่ได้รับการอนุมัติจากสังคมเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการคัดเลือก หลอมรวม และประมวลผลข้อมูลนี้ดำเนินการตามความสนใจของบุคคลเฉพาะ ภายในกรอบของชุมชนนี้ นิสัยที่ไม่ดี เช่น การติดสุรา การสูบบุหรี่ การผิดศีลธรรม ฯลฯ สามารถกำหนดเป็นแนวทางที่มีคุณค่าได้

การสืบพันธุ์ของประชากรเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม ความจำเป็นในการคลอดบุตรเป็นไปตามสัญชาตญาณและเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ในขณะเดียวกันการตระหนักถึงบทบาทนี้ทำให้ภาระทางพยาธิวิทยาเพิ่มขึ้น จากสถิติพบว่า ผู้หญิงที่มีการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้กำเนิดน้อยกว่าผู้หญิงที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษาเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเด็ก ๆ มักจะเกิดมาเพื่อพ่อแม่ที่มีฐานะการเงินไม่มั่นคงและไม่ค่อยพร้อมสำหรับการเลี้ยงดูลูก เวลาที่ผู้หญิงใช้ในการดูแลเด็กเล็กทำงานบ้านและหน้าที่เป็นอุปสรรคต่อการตระหนักถึงความสามารถของเธอในสาขาอาชีพ

ลักษณะเฉพาะของครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม

มีโครงสร้างที่มั่นคง ชุมชนนี้เป็นระบบที่ควบคุมตนเองซึ่งผู้เข้าร่วมทุกคนสร้างวัฒนธรรมการสื่อสาร พัฒนาคุณค่าชีวิตร่วมกัน ในระหว่างกระบวนการนี้ อาจเกิดข้อขัดแย้งและความขัดแย้ง ซึ่งการแก้ไขทำได้โดยเป็นผลจากสัมปทานและข้อตกลงร่วมกัน มาตรการเหล่านี้เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์นั้นดำเนินการด้วยค่าใช้จ่ายของวัฒนธรรมภายในของผู้คน คุณธรรมและวุฒิภาวะของพวกเขา และมีส่วนช่วยในการพัฒนาตนเอง

คุณลักษณะต่อไปคือการเชื่อมโยงกับสถาบันอื่น ๆ ได้แก่ รัฐ วัฒนธรรม ศาสนา การศึกษา ความคิดเห็นของประชาชน ฯลฯ เนื่องจากชุมชนรูปแบบนี้ได้รับความชอบธรรมจากสังคม จึงมีการควบคุมด้วยความช่วยเหลือของบรรทัดฐานทางกฎหมายและศีลธรรมตลอดจนการคว่ำบาตร มุ่งที่จะรักษาไว้

การพัฒนาครอบครัวให้เป็นสถาบันทางสังคม

โดยปกติ ขั้นตอนต่อไปนี้ของกระบวนการนี้จะแตกต่าง:

• ก่อนสมรส
• การสร้างสหภาพแรงงาน
• กลายเป็น
• จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของการคลอดบุตร
• การเลี้ยงดู
• พลัดพรากจากครอบครัวลูกคนสุดท้าย
• การแตกสลายเนื่องจากการตายของคู่สมรสหรือการหย่าร้าง

แต่ละช่วงเวลาเหล่านี้มีลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจของตนเอง

ประเภทและรูปแบบของความสัมพันธ์ในครอบครัวและการแต่งงาน

ในระยะต่าง ๆ ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เช่นเดียวกับการปรากฏตัวของเงื่อนไขพิเศษทางวัฒนธรรม ศาสนา และชาติพันธุ์ การแต่งงานมีหลายรูปแบบ

ครอบครัวมักจะหมายถึงคู่สามีภรรยาที่มีหรือไม่มีลูกตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป หรือคู่ที่คล้ายคลึงกันในอดีตเลิกกันเนื่องจากการหย่าร้างหรือการเสียชีวิตของคู่สมรสคนใดคนหนึ่ง ในกรณีนี้เรียกกลุ่มสามีหรือภรรยาและลูกว่า "ไม่สมบูรณ์"

ตามประเภทของความสัมพันธ์แบ่งออกเป็น:

• นิวเคลียร์. ชุมชนประกอบด้วยสามี ภรรยา และลูกในความอุปการะเท่านั้น

• ขยายหรือปรมาจารย์ ในกรณีนี้ กลุ่มยังรวมถึงตัวแทนของครอบครัวรุ่นอื่น: ปู่ ย่า หลาน ญาติ ฯลฯ

สำหรับสังคมที่ยังคงมีการกระจายบทบาทแบบเดิมๆ แบบขยายจะมีลักษณะเฉพาะมากกว่า และสังคมสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์ทางนิวเคลียร์มากกว่า

รูปแบบของการแต่งงานสามารถ:

• คู่สมรสคนเดียว คู่รักเข้ามาในสหภาพ - ชายและหญิงหนึ่งคน

• มีภรรยาหลายคน ในกรณีที่สอง มีคู่รักมากกว่าสองคนในความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์เหล่านี้ส่วนใหญ่พบได้ในสังคมดั้งเดิม และเกี่ยวข้องกับเหตุผลทางศาสนาหรือทางเศรษฐกิจ

ในบางประเทศ คุณสามารถหาตัวอย่างของรูปแบบที่หายากของการมีภรรยาหลายคน - การแต่งงานแบบกลุ่ม ซึ่งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนเข้าร่วมในสหภาพเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การมีภรรยาหลายคนเป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศตะวันออก - การมีภรรยาหลายคนซึ่งชายคนหนึ่งมีภรรยาหลายคน แต่มีวัฒนธรรมที่พบความเป็นลูกผู้ชาย ในกรณีนี้ ครอบครัวมีภรรยาหนึ่งคนและสามีหลายคน

ตามประวัติการกระจายอำนาจ ความสัมพันธ์ในครอบครัวแบ่งออกเป็น:

• Matriarchy - ผู้หญิงมีสิทธิในการตัดสินใจขั้นพื้นฐาน

• ปรมาจารย์ - อำนาจหลักเป็นของผู้ชาย

• ครอบครัวประชาธิปไตย. คู่ค้าสามารถจัดหาชีวิตครอบครัวเท่าเทียมกันและมีสถานะเท่าเทียมกัน

ตามหลักการเลือกคู่แต่งงานมีรูปแบบดังต่อไปนี้:

• เอ็นโดแกมี. คู่สมรสได้รับเลือกจากสมาชิกของกลุ่ม เผ่า หรือกลุ่มเดียวกัน

• นอกใจ. ในกรณีนี้ ไม่รวมความสัมพันธ์ภายในวงแคบ: ครอบครัว เผ่า เผ่า ฯลฯ ในประเทศอารยะ เนื่องจากอันตรายของการเสื่อมและการปรากฏตัวของโรคทางพันธุกรรม สหภาพระหว่างญาติเป็นสิ่งต้องห้าม

นอกจากนี้ สมาคมเหล่านี้ยังสามารถจำแนกได้ในแง่ของที่อยู่อาศัย ประเภทการเลี้ยงดูบุตร สถานที่ของบุคคลในครอบครัว จำนวนบุตร และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย

ปัญหาของครอบครัวสมัยใหม่ในฐานะสถาบันทางสังคม

จากมุมมองของการบรรลุวัตถุประสงค์หลักในฐานะสถาบันทางสังคม ครอบครัวมีปัญหาดังต่อไปนี้:

• การหย่าร้างจำนวนมาก ความสามารถในการสืบพันธุ์และการศึกษาต่ำนำไปสู่ความจริงที่ว่าความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสสมัยใหม่ไม่ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของสังคม

• ความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม เทคนิค และสังคมทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบทบาทชายและหญิงในครอบครัวที่เป็นมืออาชีพและดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยลดการติดต่อกันของชุมชนประเภทนี้ในฐานะกลุ่ม

• สหภาพการแต่งงานตามประเพณีได้สูญเสียศักดิ์ศรีสำหรับคนหนุ่มสาว

การเปลี่ยนแปลงในสังคมทำให้เกิดครอบครัวผิดปรกติจำนวนมาก:

• มารดา ซึ่งผู้หญิงตัดสินใจที่จะให้กำเนิดบุตรนอกสมรสหรือมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง

• ไม่สมบูรณ์ สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นจากการหย่าร้าง

• เยาวชนซึ่งหุ้นส่วนอาศัยอยู่ด้วยกันแต่อย่าทำให้สหภาพของพวกเขาเป็นทางการ และพวกเขาแต่งงานกันหลังจากค้นพบการตั้งครรภ์ที่ต้องการเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ที่จบลงด้วยการแต่งงาน

• การอยู่ร่วมกันซึ่งชายที่แต่งงานแล้วอาศัยอยู่และมีลูกร่วมกับหญิงที่ยังไม่แต่งงาน

• "การแต่งงานก็อดวิน" ซึ่งคู่สมรสอาศัยอยู่ เป็นเจ้าของทรัพย์สิน และจัดการครอบครัวแยกจากกัน

ครอบครัวที่มีลูกเพียงคนเดียว คนโดดเดี่ยวที่ปฏิเสธความสัมพันธ์ใดๆ และการแต่งงานในขั้นทดลองก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน มีสองสาเหตุหลักสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้:

• การเสริมสร้างความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจของสตรี ตลอดจนความช่วยเหลือด้านวัตถุที่สำคัญของรัฐแก่แม่เลี้ยงเดี่ยวและผู้สูงอายุ ซึ่งช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่แยกจากลูกได้ และขจัดการพึ่งพาอาศัยกันของผู้หญิงที่หาเลี้ยงชีพผู้ชาย

• ประชาธิปไตย ให้สิทธิที่เท่าเทียมกันกับคนทุกเพศทุกวัย ดังนั้นผู้หญิงสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองถึงความจำเป็นในการสมรสกับผู้ชาย

เหตุผลรองที่นำไปสู่การหย่าร้างจำนวนมากรวมถึงการขาดพื้นฐานทางศาสนาและรัฐในการแต่งงานตลอดจนการพัฒนายาและการคุมกำเนิดซึ่งอนุญาตให้มีการคุมกำเนิด

มีคำทำนายมากมายเกี่ยวกับอนาคตของครอบครัวทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่ถึงแม้จะคำนึงถึงทิศทางทั่วไปของการเปลี่ยนแปลง นักวิจัยอย่างจริงจังไม่ได้มองไกลเพราะขาดข้อมูลทางสถิติ แต่มีข้อสันนิษฐานว่าขณะนี้ชุมชนนี้กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ สันนิษฐานว่าด้วยการแต่งงานประเภทนี้ ความสัมพันธ์จะถูกสร้างขึ้นเป็นความสามัคคีระหว่างบุคคลที่มีความเท่าเทียมกัน

และตอนนี้ในสังคมสมัยใหม่มีการสังเกตแนวโน้มต่อไปนี้:

• ความสัมพันธ์แบบประชาธิปไตย (ความเท่าเทียม) ได้กลายเป็นที่แพร่หลาย

• การเปลี่ยนจากรูปแบบปิตาธิปไตยไปสู่กลุ่มนิวเคลียร์เริ่มต้นขึ้น

• สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรสไม่ชัดเจน

• หน้าที่ของครอบครัวเปลี่ยนไป

• จำนวนเด็กลดลง

• การเพิ่มขึ้นของการแต่งงานโดยรวมลดลง และจำนวนการหย่าร้าง คนโสด หรือการใช้ชีวิตในการพิจารณาคดีแต่งงานเพิ่มขึ้น

แนวความคิดของครอบครัวและการแต่งงาน- วัตถุประสงค์ของการศึกษานักสังคมวิทยา นักจิตวิทยา นักวิชาการด้านศาสนา นักนิติศาสตร์ และแม้แต่พิธีกรรายการทอล์คโชว์ แน่นอนว่าเราสนใจครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ในความเข้าใจของ Andrei Malakhov แต่จากมุมมองของสังคมศาสตร์

“ครอบครัวคือเซลล์ของสังคม” พิธีกรในพิธีกล่าวในสำนักทะเบียน และไม่สงสัยด้วยซ้ำว่านี่คือวิทยานิพนธ์หลัก สังคมวิทยาครอบครัวนั่นคือสาขาสังคมวิทยาที่ศึกษา การแต่งงานและ ความสัมพันธ์ในครอบครัว. อันที่จริง คำจำกัดความของครอบครัวค่อนข้างซับซ้อนกว่านั้น ครอบครัว- นี่คือ สังคมกลุ่มเล็กและสิ่งนี้ด้วย ทุกคนในสังคมมีสถานภาพสมรส (โสด, หย่าร้าง, แต่งงานแล้ว, แต่งงานแล้ว, พ่อหม้าย, แม่หม้าย, ฯลฯ ; ในการค้นหาอย่างแข็งขัน นี่ไม่ใช่สถานภาพการสมรส) ดังนั้น ทุกคนในโลกของเรามีความเกี่ยวข้องกัน สถาบันการแต่งงานและครอบครัว.

การแต่งงาน (หรือที่เรียกว่าสหภาพการแต่งงานหรือการสมรส) เป็นรูปแบบข้อตกลงระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายที่มีเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ ทางสังคม และ (เกือบทุกครั้ง) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างครอบครัว การแต่งงานนำครอบครัวไปสู่ระดับที่เป็นทางการ: สมาชิกในครอบครัวมีสิทธิและภาระผูกพัน สหภาพการแต่งงานได้รับการคุ้มครองโดยรัฐ มีข้อจำกัด และมีผลทางกฎหมายในกรณีที่มีการละเมิดประมวลกฎหมายครอบครัว รหัสการแต่งงานและรหัสครอบครัวสร้างขึ้นเพื่อปกป้องสมาชิกในครอบครัวโดยรัฐในระดับกฎหมาย

โครงสร้างครอบครัว.

โครงสร้างครอบครัว (โครงสร้างครอบครัว)- เหล่านี้เป็นประเภทต่าง ๆ ขององค์ประกอบครอบครัว:

1. ครอบครัวนิวเคลียร์ - สามีภรรยาลูก (หนึ่งคนขึ้นไป)
2. ครอบครัวที่สมบูรณ์ (หรือครอบครัวขยาย) - นิวเคลียร์และปู่ย่าตายาย ลุง น้าอา (ที่อยู่ด้วยกัน) บางครั้งก็รวมครอบครัวนิวเคลียร์อีกครอบครัวหนึ่งด้วย (เช่น พี่ชายของสามีกับภรรยาและลูกของเขา อีกครั้ง - หากพวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งหมด )
3. ครอบครัวผสม (ครอบครัวที่จัดใหม่) - อาจรวมถึงพ่อเลี้ยงหรือแม่ (พ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง) และตามนั้น ลูกเลี้ยงหนึ่งคนขึ้นไป
4. ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว.

ตามจำนวนเด็กครอบครัวคือ:

• ไม่มีบุตร;
• เด็กคนหนึ่ง;
• เด็กเล็ก
• เด็กโดยเฉลี่ย
• ครอบครัวใหญ่

ตามสถานที่อยู่อาศัย:

• เกี่ยวกับการแต่งงาน (กับพ่อแม่ของภรรยา);
• ปรมาจารย์ (กับพ่อแม่ของสามี);
• neolocal (แยกจากความสุขทั้งหมดนี้)

เมื่อพิจารณาถึงประเภทของครอบครัวและองค์กรที่ตามมา จะต้องพบกับความรุนแรงในระดับหนึ่ง จากมุมมองของมาตรฐานทางศีลธรรมที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

ตามจำนวนพันธมิตรมี:

• ครอบครัวที่มีคู่สมรสคนเดียว (คู่ครอง - รูปแบบความสัมพันธ์ในครอบครัวที่พบบ่อยที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณ);
• ครอบครัวที่มีภรรยาหลายคน:
  1. มีภรรยาหลายคน (มีภรรยาหลายคน - ชายหนึ่งคน, ผู้หญิงสามคนหรือมากกว่านั้นในชาริอะฮ์);
  2. การมีภรรยาหลายคน (เกิดขึ้นได้ยาก - ผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายสามคนขึ้นไป ตัวอย่างเช่น ท่ามกลางผู้คนในฮาวายและทิเบต)
  3. ครอบครัวสวีเดน (สามคู่ของเพศต่างกัน - ชายและหญิงสองคนหรือในทางกลับกัน) - ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจคือครอบครัวประเภทนี้มีความเกี่ยวข้องกับสวีเดนเฉพาะในหมู่เจ้าของภาษารัสเซียและสังคมสวีเดนอนุรักษ์นิยมและประเภทนี้ ของความสัมพันธ์นั้นหายากมากที่นั่น

ตามเพศของพันธมิตร:

• ครอบครัวที่แตกต่างกัน
• ครอบครัวเพศเดียวกัน

แต่งงานกับเพศเดียวกันได้รับอนุญาตในบางประเทศหรือในบางพื้นที่ของบางประเทศ (เช่น ในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก - ไม่ใช่ในทุกรัฐ) เมื่อกล่าวถึงพวกเขาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงว่าความสัมพันธ์ประเภทนี้เป็นเรื่องของข้อพิพาทและการอภิปรายที่รุนแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันต้องย้ายออกจากตำแหน่งที่เป็นนามธรรม เป็นกลาง และเน้นบางประเด็น

การกดขี่ข่มเหงหรือการกดขี่ผู้สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันถือเป็นการละเมิดปฏิญญาสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันเป็นสิ่งหนึ่ง และการแต่งงานของคนเพศเดียวกันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และความเป็นไปได้ของคู่รักเพศเดียวกันในการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมโดยทั่วไปคือประการที่สาม หากครั้งแรกเป็นเรื่องปกติ แต่ควรมีการเซ็นเซอร์บางอย่าง (นั่นคือสมชายชาตรีไม่ควรเปิดเผยประเภทของความสัมพันธ์เพราะด้วยวิธีนี้พวกเขาสามารถทำร้ายจิตใจผู้อื่นและเป็นการละเมิดบรรทัดฐานทางสังคมด้วย) ประการที่สองไม่ปกติแม้ว่าจะไม่สำคัญก็ตาม สิ่งที่ถูกต้องที่สุด (ฉันพูดไม่ได้อย่างแน่นอน) คือการยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกันในระดับสังคม แต่ไม่ใช่ในระดับของรัฐและกฎหมาย และอีกครั้ง - เพื่อเซ็นเซอร์ ทุกอย่างที่อธิบายเกี่ยวกับประเด็นแรกและจุดที่สองสอดคล้องกับนโยบายอย่างเป็นทางการของสหพันธรัฐรัสเซียและบางประเทศ เมื่อพูดถึงการเซ็นเซอร์ ฉันหมายความว่า "ถ้าเกย์อยากไปขบวน เขาต้องเป็นทหารผ่านศึก"

เกี่ยวกับข้อที่สาม (การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม) - สิ่งนี้ไม่สามารถยอมรับได้ ไม่เป็นที่ยอมรับ เนื่องจากขัดต่อบรรทัดฐานทางสังคม ศีลธรรม และศาสนา นอกจากนี้ยังส่งผลต่อจิตใจของเด็กและเป็นที่ยอมรับไม่ได้จากมุมมองทางการแพทย์

กลับไปที่ครอบครัวและการแต่งงาน

หน้าที่ของครอบครัวและการแต่งงาน

ฟังก์ชั่นครอบครัว- นี่คือความสัมพันธ์ภายในครอบครัวนี้และความสัมพันธ์ของครอบครัวกับสังคม นั่นคือ ลักษณะสำคัญภายในและสังคมของครอบครัว.

1. ฟังก์ชั่นการสืบพันธุ์ ฟังก์ชั่นนี้มีทั้งความต้องการทางเพศและความจำเป็นในการให้กำเนิด
2. หน้าที่ทางเศรษฐกิจและเศรษฐกิจ - ประเด็นด้านโภชนาการ ทรัพย์สินของครอบครัว งบประมาณของครอบครัว และการจัดสวน
3. ฟังก์ชั่นการสร้างใหม่ - การสืบทอด (นามสกุล, ทรัพย์สิน, ค่านิยมของครอบครัว, สถานะทางสังคม, ธุรกิจของครอบครัว)
4. การศึกษาและการอบรมเลี้ยงดู - หน้าที่ของการขัดเกลาทางสังคมของเด็ก
5. การควบคุมทางสังคมเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของการปลูกฝังบรรทัดฐานของพฤติกรรมกับผู้สูงอายุ แนวคิดของความรับผิดชอบและหน้าที่
6. ฟังก์ชั่นนันทนาการ - ความบันเทิง ยามว่าง นันทนาการ งานอดิเรก ฯลฯ.
7. หน้าที่ของการสื่อสารทางจิตวิญญาณ
8. สถานะทางสังคม - การทำซ้ำของโครงสร้างทางสังคมภายในครอบครัวเนื่องจากครอบครัวเป็นสังคมขนาดเล็ก
9. การทำงานของจิตบำบัด - ตอบสนองความต้องการในการรับรู้ การสนับสนุน การคุ้มครองทางจิตใจ ความเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ

โดยสรุป เราสามารถพูดได้ว่าครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่เก่าแก่ที่สุด และแท้จริงแล้วประวัติศาสตร์ของครอบครัวคือประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ นอกจากนี้ ครอบครัวในฐานะเซลล์ของสังคมยังแสดงให้เห็นถึงปัญหาที่มีอยู่ในสังคมนี้ ดังนั้นแหล่งที่มาของปัญหาในครอบครัวจึงไม่ควรศึกษาโดยนักจิตวิทยาครอบครัวและ Andryusha Malakhov เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักการเมือง นักกฎหมาย และนักสังคมวิทยาด้วย

ครอบครัวเป็นชุมชนหลักของบุคคลที่เกี่ยวข้องกันโดยการแต่งงานหรือความสัมพันธ์ทางสายเลือด ซึ่งรับรองการเลี้ยงดูบุตร และตอบสนองความต้องการที่สำคัญทางสังคมอื่นๆ สำหรับนักสังคมวิทยา ครอบครัวเป็นอันดับแรก สถาบันทางสังคมที่ควบคุมการสืบพันธุ์ของบุคคล โดยใช้ระบบพิเศษของบทบาท บรรทัดฐาน และรูปแบบองค์กร

รากฐานของความสัมพันธ์ในครอบครัวคือ การแต่งงานเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย โดยที่สังคมควบคุมและอนุญาตความสัมพันธ์ทางเพศของพวกเขา และยังกำหนดบทบาทการสมรสและเครือญาติการแต่งงานถือเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศที่ยอมรับได้ ได้รับการอนุมัติจากสังคมและถูกกฎหมายระหว่างคู่สมรส ประกอบด้วยโครงสร้างทั้งบรรทัดฐานและชุดของศุลกากรที่ควบคุมความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของชายและหญิง (การหมั้น, พิธีแต่งงาน, ฮันนีมูน, ฯลฯ )

ปัจจุบันในสังคมตะวันตก การแต่งงานมีความเกี่ยวข้องกับ คู่สมรสคนเดียวเมื่อผู้ชายคนหนึ่งสามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้ครั้งละไม่เกินหนึ่งคน ในขณะเดียวกัน ในระดับสากล การมีคู่สมรสคนเดียวไม่ใช่รูปแบบการแต่งงานที่พบบ่อยที่สุด นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน George Murdoch ซึ่งทำการศึกษาเปรียบเทียบ 565 สังคมที่แตกต่างกันพบว่า การมีภรรยาหลายคน(นั่นคือรูปแบบของการแต่งงานที่ชายหรือหญิงสามารถมีคู่สมรสได้มากกว่าหนึ่งคน) ใน 80% ของพวกเขา การมีภรรยาหลายคนมีสองประเภท: มีภรรยาหลายคนโดยที่ผู้ชายสามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้มากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกัน และคนทั่วไปน้อยกว่า polyandryซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานพร้อมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกับผู้ชายที่แตกต่างกัน (ตามกฎแล้ว รูปแบบการแต่งงานนี้ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่ทราบบิดาผู้ให้กำเนิดบุตรที่เกิดในการแต่งงานดังกล่าว)

จากมุมมองของขอบเขตการเลือกคู่ครอง การแต่งงานแบ่งออกเป็น ต่างเพศ(นักโทษภายในชุมชนของตนเอง) และ exogamous(สรุประหว่างผู้แทนกลุ่มต่างๆ) สิ่งนี้นำไปสู่การเกิดขึ้นของครอบครัวสองประเภท: เป็นเนื้อเดียวกันทางสังคม (เป็นเนื้อเดียวกัน)โดยที่คู่สมรสและผู้ปกครองอยู่ในกลุ่มสังคมชั้นและชนชั้นเดียวกันและ ต่างกันทางสังคม (หลากหลาย)

หมวดหมู่ของ "การแต่งงาน" และ "ครอบครัว" นั้นเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันมากมายก็ตาม ต่างจากการแต่งงานซึ่งเป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส ครอบครัวยังเป็นองค์กรทางสังคมที่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสและความเป็นพ่อแม่ บุคคลที่แต่งงานแล้วจะกลายเป็นญาติกันในขณะที่ภาระผูกพันในการสมรสเชื่อมโยงกันด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัว

กลุ่มคนที่กว้างกว่ามาก (ญาติทางสายเลือดของฝ่ายหนึ่งกลายเป็นญาติของฝั่งตรงข้าม)

โครงสร้างครอบครัวประกอบด้วยกลุ่มความสัมพันธ์ต่อไปนี้ ซึ่งร่วมกันสร้างครอบครัวเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมพิเศษ:

• ทางธรรมชาติ-ชีวภาพ กล่าวคือ เกี่ยวกับเรื่องเพศ (เกี่ยวกับเรื่องเพศ) และความสัมพันธ์แบบคล้ายคลึงกัน
• ด้านเศรษฐกิจ โดยอาศัยการดูแลทำความสะอาด การจัดระเบียบชีวิตและทรัพย์สินของครอบครัว
• จิตวิญญาณ-จิตวิทยาและศีลธรรม-สุนทรียภาพที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของความรักในชีวิตสมรสและความรักของพ่อแม่กับการเลี้ยงดูลูกการดูแลพ่อแม่ผู้สูงอายุด้วยมาตรฐานพฤติกรรมทางศีลธรรม

จนถึงปัจจุบันตามที่นักวิจัยหลายคนสามารถแยกแยะหน้าที่หลักหลายประการของครอบครัวได้:

• - การสืบพันธุ์นั่นคือการสืบพันธุ์ทางชีวภาพของประชากรในแผนสังคมและความพึงพอใจต่อความต้องการของเด็ก - ในแผนส่วนบุคคล
• - การศึกษา - การขัดเกลาของคนรุ่นใหม่, การบำรุงรักษาการทำซ้ำทางวัฒนธรรมของสังคม;
• - เศรษฐกิจ - การจัดหาทรัพยากรของสมาชิกในครอบครัวบางส่วนเพื่อผู้อื่น การสนับสนุนทางเศรษฐกิจสำหรับผู้เยาว์และสมาชิกที่มีความพิการในสังคม
• - ขอบเขตของการควบคุมทางสังคมเบื้องต้น - กฎระเบียบทางศีลธรรมของพฤติกรรมของสมาชิกในครอบครัวในด้านต่าง ๆ ของชีวิตตลอดจนระเบียบความรับผิดชอบและภาระผูกพันในความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสพ่อแม่และลูกตัวแทนของคนรุ่นเก่า
• - สถานะทางสังคม - ให้สถานะทางสังคมบางอย่างแก่สมาชิกในครอบครัว การทำซ้ำโครงสร้างทางสังคม
• - การพักผ่อน - องค์กรของการพักผ่อนอย่างมีเหตุผลสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
• - อารมณ์ - การได้รับการคุ้มครองทางจิตใจ, การสนับสนุนทางอารมณ์, การรักษาเสถียรภาพทางอารมณ์ของบุคคล;

มีสองหลัก แบบฟอร์มองค์กรครอบครัว:

• ที่เกี่ยวข้อง("หรือ ครอบครัวขยายลักษณะของสังคมดั้งเดิมที่อิงจากความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของคนสองคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความใกล้ชิดของญาติจำนวนมาก (อันที่จริงกลุ่มญาติพร้อมกับคู่สมรสและบุตร)
• นิวเคลียร์ (จากลาดพร้าว นิวเคลียส-แกนกลาง) หรือ ครอบครัวที่แต่งงานแล้วลักษณะของสังคมสมัยใหม่ (ที่เด็กมีโอกาสแยกจากพ่อแม่หลังแต่งงาน); พื้นฐานของครอบครัวดังกล่าวคือคนสองคนที่เชื่อมต่อกันด้วยการแต่งงาน (สามีและภรรยา) รวมถึงลูก ๆ ของพวกเขา

ผู้ที่เป็นศูนย์กลางทางชีววิทยา สังคม และเศรษฐกิจของครอบครัว ญาติอื่น ๆ ทั้งหมดอยู่ในขอบเขตของครอบครัวแล้ว

ชีวิตครอบครัว ประเภทและโครงสร้างทางประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับแนวโน้มทั่วไปในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของสังคม ในการเปลี่ยนผ่านจากสังคมดั้งเดิมไปสู่สังคมสมัยใหม่ ครอบครัวเปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากครัวเรือนเลิกเป็นหน่วยผลิตหลัก มีการแยกบ้านและที่ทำงาน มีการเปลี่ยนจากครอบครัวขยายซึ่งประกอบด้วยคนหลายชั่วอายุที่มีอำนาจเหนือผู้ปกครองไปสู่ครอบครัวนิวเคลียร์แบบกระจายอำนาจใน ซึ่งความสัมพันธ์การแต่งงานจะอยู่เหนือสายสัมพันธ์ของชนเผ่า ครอบครัวใหญ่กำลังถูกแทนที่ด้วยครอบครัวลูกคนเดียว

ในความสัมพันธ์กับบุคคล ครอบครัวแบ่งออกเป็นผู้ปกครองและการสืบพันธุ์ ถึง ครอบครัวพ่อแม่คือผู้ที่บุคคลเกิดมาเพื่อ การสืบพันธุ์ -สิ่งที่บุคคลก่อตัวขึ้นเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่และภายในซึ่งเขาเลี้ยงดูเด็กรุ่นใหม่ ในเวลาเดียวกันครอบครัวมีความโดดเด่นขึ้นอยู่กับถิ่นที่อยู่ Matrilocal(เมื่อคู่สมรสอาศัยอยู่กับบิดามารดาของภรรยา) ปรมาจารย์(เมื่อคู่สมรสย้ายไปอยู่กับพ่อแม่ของสามี) หรือ รายบุคคล(เมื่อคู่สมรสอาศัยอยู่แยกจากพ่อแม่ของภรรยาและสามีและแยกบ้าน)

มีการเปลี่ยนจากครอบครัวตามข้อกำหนดทางสังคมวัฒนธรรมไปสู่ความชอบระหว่างบุคคล ในทางกลับกัน ครอบครัวมีอิทธิพลต่อทุกด้านของสังคม เป็นแบบจำลองขนาดเล็กของสังคม ความสัมพันธ์ทางสังคมทั้งหมด

ในสังคมหลังอุตสาหกรรมแบบตะวันตกสมัยใหม่ แบบอย่างของ "ครอบครัวที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม"บนพื้นฐานของการแต่งงานเพศเดียวกัน บทบาทที่สำคัญที่สุดในการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้นเล่นโดยการประชุมไคโรว่าด้วยประชากรและการพัฒนาของสหประชาชาติในปี 1994 ซึ่งกำหนดไว้ในหลักการที่ 9 ของแผนปฏิบัติการเพื่อการควบคุมประชากร ความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันของสหภาพทางเพศประเภทต่างๆ รวมถึง พวกเพศเดียวกัน ในปัจจุบัน การแต่งงานของคนเพศเดียวกัน (รวมถึงคู่รักเพศเดียวกัน) นั้นถูกกฎหมายในหลายประเทศในสหภาพยุโรป ในแคนาดา ในบางรัฐของสหรัฐฯ และในแอฟริกาใต้

ลักษณะที่ซับซ้อนของครอบครัวในฐานะนิติบุคคลทางสังคมต้องใช้วิธีการที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์ทางสังคมวิทยา สังคมวิทยาสมัยใหม่ถือว่าครอบครัวเป็นระบบบทบาททางสังคมและเพศ

บทบาททางเพศแทน บทบาททางสังคมประเภทหนึ่ง ชุดของรูปแบบพฤติกรรม (หรือบรรทัดฐาน) ที่คาดหวังสำหรับผู้ชายและผู้หญิงบทบาทในจิตวิทยาสังคมถูกกำหนดให้เป็นชุดของบรรทัดฐานที่กำหนดว่าผู้คนควรประพฤติตนอย่างไรในตำแหน่งทางสังคมที่กำหนด แต่ละคนมีบทบาทที่แตกต่างกันหลายอย่าง เช่น ภรรยา แม่ นักเรียน ลูกสาว แฟน ฯลฯ บางครั้งบทบาทเหล่านี้ไม่ทับซ้อนกัน นำไปสู่ความขัดแย้งในบทบาท (เช่น ระหว่างบทบาทของนักธุรกิจหญิงกับบทบาทของ คู่สมรส).

ในสังคมอุตสาหกรรม มีลำดับชั้นที่เรียกว่า "ปิตาธิปไตย" ของบทบาทของระบบเพศโดยอิงตามสัญญาทางเพศ "แม่บ้าน"(ภาษาอังกฤษ - แม่บ้าน)สำหรับผู้หญิงและ "คนหาเลี้ยงครอบครัว" (อังกฤษ - คนหาเลี้ยงครอบครัว)- ผู้อุปถัมภ์ชีวิตครอบครัวสำหรับผู้ชาย

ในสังคมหลังอุตสาหกรรม สัญญาทางเพศของ "แม่บ้าน" ถูกแทนที่ สัญญา "สถานภาพเท่าเทียมกัน"(ภาษาอังกฤษ - สถานะเท่าเทียมกัน) ตามที่ลำดับชั้นของปิตาธิปไตยถูกแทนที่ด้วยความเท่าเทียมกันของตำแหน่ง สิทธิ และโอกาสของชายและหญิงทั้งในที่สาธารณะ (การเมือง การศึกษา อาชีพ ชีวิตทางวัฒนธรรม) และในพื้นที่ส่วนตัว (การดูแลบ้าน การเลี้ยงลูก) ,เรื่องเพศ เป็นต้น). .) การเปลี่ยนแปลงในสัญญาทางเพศเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมสมัยใหม่ตอนปลาย: การก่อตัวของรัฐสวัสดิการ สังคมผู้บริโภคจำนวนมาก ความเป็นสตรีของผู้ชาย และการทำให้ผู้หญิงเป็นผู้ชาย มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในระเบียบทางเพศแบบดั้งเดิม

ปัญหาการหย่าร้างมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงประเภทของความสัมพันธ์ในครอบครัวสมัยใหม่: โมเดลครอบครัวใหม่ก่อให้เกิดรูปแบบการทำลายความสัมพันธ์เหล่านี้ในรูปแบบของตนเอง ในการแต่งงานตามประเพณี การหย่าร้างเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นการแตกร้าวของความสัมพันธ์ในด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ และจิตวิทยา ในขณะที่รูปแบบใหม่ของความสัมพันธ์ในครอบครัวนำปัญหาทางจิตใจของการพรากจากกัน คู่ค้าส่วนใหญ่มักไม่พบจุดร่วมในการปฏิสัมพันธ์ส่วนตัว และในกรณีนี้ ความสงบทางจิตใจจะดีกว่าสำหรับพวกเขา ตัวอย่างเช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ

ในบรรดาปัจจัยหลักที่กำหนดล่วงหน้าการหย่าร้างในวันนี้ เราสามารถตั้งชื่อได้ดังต่อไปนี้:

• - อุตสาหกรรม
• - การทำให้เป็นเมือง
• - การย้ายถิ่นของประชากร
• - การปลดปล่อยสตรี

ปัจจัยเหล่านี้ลดระดับของการควบคุมทางสังคม ทำให้ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่เป็นอิสระและไม่ระบุชื่อ ความรับผิดชอบ ความเสน่หา การดูแลซึ่งกันและกันจะลดลงอย่างมาก

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการหย่าร้างโดยตรงระหว่างคู่สมรสคือ:

• 1. ปัญหาในบ้าน (บ้านเรือน ความไม่มั่นคงทางวัตถุ ฯลฯ)
• 2. ความขัดแย้งระหว่างบุคคล (การสูญเสียความรัก ความเคารพ ความเสน่หา ความหึงหวงของคู่สมรส มุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับชีวิตในแง่เศรษฐกิจ สังคม จิตวิญญาณ)
• 3. ปัจจัยภายนอก (การทรยศ การแทรกแซงความสัมพันธ์ของบุคคลที่สาม เช่น พ่อแม่ของคู่สมรส การเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ เป็นต้น)

“การแต่งงานในวันนี้ได้หยุดเป็นความผูกพันที่มุ่งโอนทรัพย์สินและสถานะไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เมื่อผู้หญิงได้รับอิสรภาพทางเศรษฐกิจ การแต่งงานก็น้อยลงเรื่อยๆ เป็นผลมาจากความจำเป็นในการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ... ในทุกโอกาส จำนวนการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความผิดหวังอย่างสุดซึ้งในการแต่งงานเช่นนี้ แต่ด้วยความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นที่จะ เปลี่ยนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่นำมาซึ่งความพึงพอใจ

อี Giddens "สังคมวิทยา"

ธรรมชาติของสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่เข้าสู่การแต่งงานได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในโลกสมัยใหม่มีส่วนทำให้ความคิดเห็นของประชาชนมีความอดทนต่อรูปแบบชีวิตครอบครัวที่แตกต่างกันมากขึ้น แต่ถึงกระนั้น สถานการณ์การหย่าร้างก็เป็นประสบการณ์ที่เฉียบขาดอย่างยิ่งในชีวิตของบุคคล ซึ่งไม่มีคุณลักษณะที่จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่จะค่อยๆ พัฒนาไปในระยะเวลาอันยาวนาน

จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 ไม่ได้เป็นเพียงช่วงเวลาของกิจกรรมการปฏิวัติ การทำให้ทันสมัยอย่างแข็งขัน การทำให้เป็นผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงทางสังคมมากมายในชีวิตสาธารณะ แต่ยังเป็นขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัว การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวทั่วโลกในศตวรรษที่ 20 ทำให้เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของเด็กเล็ก การหย่าร้างที่เพิ่มขึ้น และจำนวนการจดทะเบียนสมรสที่ลดลง ความแปลกแยกของบุคคลและเอกราชของเขา

ค่อยๆ เปลี่ยนไปสู่รูปแบบการแต่งงานที่เฉพาะเจาะจง: การแต่งงานตอนปลาย - ไม่ว่าจะได้รับอิสรภาพทางเศรษฐกิจจากพ่อแม่ หรือหลังจากสำเร็จการศึกษาและประกอบอาชีพ

วิกฤตของครอบครัวสมัยใหม่ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตทางสังคมโดยทั่วไป อะไรคืออาการของวิกฤตการณ์ในครอบครัว? ประการแรกในความไม่มั่นคง ในเมืองใหญ่ การแต่งงานมากกว่า 50% เลิกกัน (ในบางสถานที่อัตราการหย่าร้างสูงถึง 70%) ยิ่งไปกว่านั้น มากกว่าหนึ่งในสามของครอบครัวที่แตกสลาย ชีวิตร่วมกันดำเนินไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์ถึง 4 ปี นั่นคือไม่นานนัก ความไม่มั่นคงของครอบครัวนำไปสู่การเติบโตของครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ลดอำนาจของผู้ปกครอง ส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ในการสร้างครอบครัวใหม่ และสุขภาพของผู้ใหญ่และเด็ก

เพื่อความไม่มั่นคงของครอบครัว ควรเพิ่มความระส่ำระสายเช่น การเพิ่มขึ้นของจำนวนครอบครัวที่ขัดแย้งกันซึ่งการเลี้ยงดูเด็กในสภาพแวดล้อมของการทะเลาะวิวาทและเรื่องอื้อฉาวทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมาก สิ่งนี้มีผลเสียอย่างมากต่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มันอยู่ในครอบครัวดังกล่าวที่พบแหล่งที่มาของโรคพิษสุราเรื้อรังการติดยาโรคประสาทและการกระทำผิด

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยากลำบากนั้นต้องการความตึงเครียดจากคนสมัยใหม่ ซึ่งมักจะทำให้เกิดความเครียดและภาวะซึมเศร้า ซึ่งได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทุกวันนี้ความต้องการ "ท่าเรือปลอดภัย" ซึ่งเป็นสถานที่แห่งการปลอบประโลมฝ่ายวิญญาณนั้นเกิดขึ้นอย่างเฉียบขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวควรเป็นสถานที่ดังกล่าว - ความมั่นคงกับฉากหลังของความแปรปรวนอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความต้องการที่ชัดเจน แต่สถาบันของครอบครัวกำลังประสบกับวิกฤตที่ค่อนข้างรุนแรง: การดำรงอยู่ของมันซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายศตวรรษกำลังอยู่ภายใต้การคุกคาม

“ในวิทยาศาสตร์โลก มีมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับสภาพของครอบครัวในสังคมสมัยใหม่ ซึ่งสามารถจัดลำดับได้อย่างต่อเนื่องเหมือนสนามรบ ด้านหนึ่งมีฐานะที่ครอบครัวเสื่อมโทรม เผชิญวิกฤติหนักหนา สาเหตุที่อยู่ในหายนะทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางอุดมการณ์ ศีลธรรม และจริยธรรม และการทำลายครอบครัวครั้งนี้ส่งผลเสียต่อสังคมและปัจเจกบุคคล อีกด้านหนึ่ง - มุมมองที่ตรงกันข้ามในแนวทแยง การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา (และในบริบทของเรายังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปั่นป่วนในทศวรรษที่ผ่านมา) ได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ว่าครอบครัวในฐานะสถาบันนั้นล้าสมัยและอยู่ในรูปแบบที่ล้าสมัยอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จะต้องหายไปหรือได้รับการออกแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง ... ระหว่างมุมมองที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเหล่านี้ มีตำแหน่งที่เป็นกลางมากกว่า ซึ่งบางที โดยนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่อาจมีร่วมกันว่า ครอบครัวแม้ว่าจะอยู่ในภาวะวิกฤต แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ปรับตัวได้และเข้มแข็ง ที่อดทนต่อโชคชะตา ดังที่เราได้กล่าวไปแล้ว นี่คือสนามรบประเภทหนึ่งสำหรับการผูกขาดการควบคุมทางสังคมเหนือปัจเจกบุคคล จำเป็นต้องพูดว่าจุดทวนของทั้งสามดิวิชั่นพุ่งเข้าหากัน ณ จุดอ่อนของศัตรูที่ทราบกันดีหรือไม่? ความสมดุลของกระสุน และความดึงดูดใจ การเข้าถึงได้ชัดเจนของวัตถุที่อ้างสิทธิ์ ทำให้เชื่อว่าการสิ้นสุดของการต่อสู้ยังห่างไกล

Yarskaya-Smirnova E.R. "การวิเคราะห์ทางสังคมวัฒนธรรมของ nvtypicality"

• Murdok G. (1949) โครงสร้างทางสังคม. นิวยอร์ก: บริษัท Mac Millan
• ดูตัวอย่างเช่น Antonov A.I. สังคมวิทยาของครอบครัว M. , 2010; Zritnsva E.I. สังคมวิทยาของครอบครัว M. , 2006; เชิญยัค อี.เอ็ม. สังคมวิทยาของครอบครัว M. , 2004 เป็นต้น
• ดู: Zritneva E.I. สังคมวิทยาของครอบครัว ม: มนุษยนิยม. เอ็ด. ศูนย์ VLADOS, 2549.

ส่งงานที่ดีของคุณในฐานความรู้เป็นเรื่องง่าย ใช้แบบฟอร์มด้านล่าง

นักศึกษา นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่ใช้ฐานความรู้ในการศึกษาและการทำงานจะขอบคุณอย่างยิ่ง

โพสต์เมื่อ http://www.allbest.ru

สถาบัน URAL เศรษฐกิจสังคม (สาขา)

สถาบันการศึกษาของสหภาพแรงงานการศึกษาวิชาชีพชั้นสูง

"สถาบันแรงงานและความสัมพันธ์ทางสังคม"

คณะสังคม-เศรษฐกิจ

ภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเงิน

เรียงความ

ตามระเบียบวินัย: พื้นฐานของรัฐสวัสดิการ

ในหัวข้อ: ครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม

สำเร็จโดยนักศึกษา

กรัม เลขที่ ESZ - 101

Osipova E.A.

หัวหน้างาน:

Serebryansky S.V.

Chelyabinsk 2014

การแนะนำ

1. การแต่งงานเป็นพื้นฐานและแก่นแท้ของครอบครัว

2. ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคม

3. แนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวและการแต่งงาน

บทสรุป

รายชื่อแหล่งที่ใช้

การแนะนำ

ครอบครัวนี้ถือเป็นหนึ่งในห้าสถาบันพื้นฐานของสังคม ให้ความมั่นคงและความสามารถในการเติมเต็มประชากรในรุ่นต่อๆ ไป ในขณะเดียวกัน ครอบครัวก็ทำหน้าที่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งเป็นหน่วยที่เหนียวแน่นและมั่นคงที่สุดของสังคม ตลอดชีวิตของเขา คนๆ หนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนหรือเพื่อน ชั้นเรียนในโรงเรียน กลุ่มงาน ชมรมที่น่าสนใจ หรือทีมกีฬา แต่มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่ยังคงเป็นกลุ่มที่เขาไม่เคยจากไป สุดท้าย ครอบครัวเป็นองค์กรทางสังคมที่พบได้บ่อยที่สุด จากมุมมองของสถาบัน กระบวนการสร้างครอบครัวดูเหมือนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลามากในการซึมซับบรรทัดฐานทางสังคม บทบาทและมาตรฐานที่ควบคุมการเกี้ยวพาราสี การเลือกคู่แต่งงาน การรักษาเสถียรภาพของครอบครัว พฤติกรรมทางเพศ ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ของคู่สมรส ครอบครัว สังคม การแต่งงาน เอนโดกามี exogamy

ครอบครัวในฐานะสถาบัน อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นในฐานะชุดของสถาบัน ไม่สามารถใช้กับคนจริงได้ สถาบันของครอบครัวเกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียม กฎหมาย และระเบียบปฏิบัติที่สร้างความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างผู้คน กฎหมายเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของครอบครัวในฐานะสถาบัน มีกฎหมายครอบครัว ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าครอบครัวคืออะไร สิทธิและหน้าที่ของสามีภรรยา ลูก และผู้ปกครองคืออะไร กฎหมายกำหนดอายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส หลักเกณฑ์การแบ่งทรัพย์สินหลังการหย่าร้าง เป็นต้น

วัตถุประสงค์ของงานนี้เพื่อศึกษาครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม

1. การแต่งงานเป็นพื้นฐานและแก่นแท้ของครอบครัว

การสมรสคือชุดของข้อกำหนดที่เป็นทางการซึ่งกำหนดสิทธิ หน้าที่ และเอกสิทธิ์ของสามีในส่วนที่เกี่ยวกับภรรยาของเขา และของทั้งสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับลูกๆ ญาติๆ และสังคมโดยรวม กล่าวอีกนัยหนึ่งการแต่งงานคือสัญญาที่สรุปโดยสามฝ่าย - ชาย, หญิงและรัฐ ต่างจากสัญญาที่เป็นทางการอื่น ๆ ทั้งหมดที่มีอยู่ในสังคม มันกำหนดวันเดียวเท่านั้น - วันที่สรุปข้อตกลงการแต่งงาน แต่ไม่ได้ระบุวันที่สิ้นสุดสัญญา นี่หมายความว่าสายใยแห่งการแต่งงานยึดผู้คนไว้ด้วยกันตลอดชีวิต ในหลายสังคม รัฐรับแต่การจดทะเบียนสมรสเท่านั้น และคริสตจักรจะทำการอุทิศให้ คู่สมรสสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อกันและรับผิดชอบในการดูแลทางสังคมเศรษฐกิจและร่างกายของกันและกัน การถวายอภิเษกสมรสหน้าแท่นบูชาของโบสถ์ถือเป็นรูปแบบที่ทรงพลังที่สุดในการเสริมสร้างการแต่งงาน

สถาบันการสมรสโดยข้อเท็จจริงของการดำรงอยู่ของมัน เป็นพยานว่าสังคมจงใจแบ่งความสัมพันธ์ทางเพศทุกประเภทเป็นการอนุมัติและไม่อนุมัติ และรัฐ - เป็นการอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาต แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ในสมัยโบราณ ความสัมพันธ์ในการแต่งงานดูแตกต่างไปจากเดิมมาก และในยามรุ่งอรุณของประวัติศาสตร์มนุษย์ ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็ไม่มีอยู่เลย

ในสังคมใด ๆ - โบราณหรือสมัยใหม่ - ครอบครัวถูกสร้างขึ้นตามกฎโดยการแต่งงาน การแต่งงานเป็นการรวมตัวกันที่สังคมลงโทษตามระยะเวลาที่แน่นอนระหว่างบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป พันธมิตรดังกล่าวมักจะสรุปผ่านพิธีพิเศษ - พิธีเปิด, บทสรุปเคร่งขรึมของพันธบัตรการแต่งงาน พิธีเปิดสามารถเกิดขึ้นได้ในบรรยากาศที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการอย่างสมบูรณ์ เด็กที่เกิดในสหภาพการแต่งงานยังคงถูกกฎหมายเพราะสังคมได้กำหนดบทบาททางสังคมของแม่และพ่อให้กับสมาชิกแต่ละคนในสหภาพแรงงานโดยให้หน้าที่ในการให้การศึกษา ปกป้องลูกหลาน ดูแลพวกเขา เด็กที่เกิดนอกสมรสถือว่าผิดกฎหมาย ถึงแม้จะรู้จักแม่ของลูกนอกกฎหมาย แต่อาจหาผู้ชายที่พร้อมจะเติมเต็มบทบาททางสังคมของพ่อไม่ได้

การแต่งงานเป็นประเพณีที่ควบคุมความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสระหว่างชายและหญิง ในวัฒนธรรมยุโรปสมัยใหม่ ขนบธรรมเนียมดังกล่าวรวมถึงการแนะนำตัว การหมั้น การแลกเปลี่ยนแหวน การหว่านข้าวหรือเงินระหว่างพิธีแต่งงาน การฮันนีมูน การก้าวข้ามเจ้าสาวและเจ้าบ่าวผ่านอุปสรรคเชิงสัญลักษณ์

พิธีแต่งงานในสังคมดั้งเดิมบางแห่งดูเรียบง่ายขึ้น ในหมู่เกาะฟิจิ แม่สามีมอบเข็มขัดให้เจ้าบ่าว ซึ่งเธอสวมเมื่อตอนเป็นเด็กผู้หญิง ในชนเผ่าหนึ่ง หลังจากพิธีของคู่บ่าวสาวนอนบนบล็อกเหล็กแล้วเป่าไก่ให้ทั่วทุกด้าน นักบวชก็ตีหัวของเจ้าสาวและเจ้าบ่าวสามครั้ง ในระหว่างนั้นพวกเขาต้องจัดการเอาถั่วใส่กัน ปาก - ดังนั้นการแต่งงานจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นข้อสรุป

ในบรรดาชาวยุโรป การแต่งงานหมายถึงกฎเกณฑ์บางประการที่กลายเป็นประเพณี เช่น ความบริสุทธิ์ทางเพศก่อนแต่งงาน ความจงรักภักดีในการสมรส คำสาบานของสงฆ์ และภาระหน้าที่ในการสนับสนุนคู่สมรสไปตลอดชีวิต ในที่สุด การแต่งงานก็แยกออกจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ได้: การจดทะเบียนสมรส, สิทธิในการหย่าร้างด้วยเหตุผลที่ดี, สิทธิที่จะยอมรับว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสมมติหากตรวจพบการฉ้อโกง, การจับคู่อายุของเจ้าสาวและเจ้าบ่าว, ความยินยอมของผู้ปกครอง, ขาดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่เข้าสู่การแต่งงาน

บรรทัดฐานทั้งหมดเหล่านี้ตามคำจำกัดความของนักสังคมวิทยาชาวอเมริกันเค. เดวิสสร้างโครงสร้างแบบบูรณาการซึ่งเรียกว่าสถาบันการแต่งงาน ในสังคม สถาบันดังกล่าวทำหน้าที่สำคัญพื้นฐานหลายประการ เช่น การสืบพันธุ์ของผู้คน การเลี้ยงดูบุตร ความพึงพอใจทางเพศและอารมณ์

การแต่งงานเป็นประตูสู่ชีวิตครอบครัว ตามคำกล่าวของอี. โบการ์ดัส การแต่งงานเป็นสถาบันที่ช่วยให้ชายและหญิงเข้าสู่ชีวิตครอบครัวได้

หากการแต่งงานขยายไปถึงความสัมพันธ์ของคู่สมรส ครอบครัวก็จะยึดเอาความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสและความเป็นพ่อแม่ การแต่งงานเป็นเพียงความสัมพันธ์ และครอบครัวก็เป็นองค์กรทางสังคมด้วย

การแต่งงานมีหลายประเภทเช่น endogamy และ exogamy ด้วย endogamy พันธมิตรจะถูกเลือกจากกลุ่มที่ผู้เลือกเองเป็นสมาชิกเท่านั้น Exogamy เกี่ยวข้องกับการเลือกคู่แต่งงานจากกลุ่มต่างประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มต่างประเทศสามารถไม่เพียงแต่เป็นเผ่า เผ่า หรือเผ่าต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชั้นทางสังคม เชื้อชาติ ชาติ ฯลฯ เป็นต้น ตัวแทนของชนชั้นทางสังคมที่สูงกว่ามักจะพยายามไม่ส่งผ่านลูกสาวและลูกชายของพวกเขาในฐานะคนในกลุ่มสังคมและที่ดินที่ต่ำกว่า เชื้อชาติหรือชาติอื่นอาจเป็นอุปสรรคต่อการแต่งงาน การแต่งงานแบบกลุ่มชาติพันธุ์เดี่ยวและภายในกลุ่มควรถือเป็นการสมรสแบบหนึ่ง

เกณฑ์ในการเน้นย้ำการแต่งงานที่ไม่เท่าเทียมกันคือความไม่เท่าเทียมกันของคู่สมรส การแต่งงานที่ไม่เท่าเทียมกันหมายความว่าคู่สมรสแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ: สถานะทางสังคม, อายุ, รายได้ การแต่งงานของชายชรากับหญิงสาว ชายรวยหญิงจน ขุนนางและสามัญชน เรียกว่าไม่เท่าเทียมกัน

การแต่งงานที่ซื้อมาเกี่ยวข้องกับการชำระค่าธรรมเนียมสำหรับคู่สมรสในอนาคต ญาติของผู้หญิง "ให้" ญาติของผู้ชายกับภรรยาในอนาคตของเขาเพื่อแลกกับบริการและความช่วยเหลือที่เท่าเทียมกัน ต่อมารูปแบบของการแต่งงานที่ซื้อมาเป็นการสมรสเพื่อไถ่ถอนจะปรากฏขึ้น พิธีแต่งงานมีความซับซ้อนมากขึ้นจนกลายเป็นพิธีการ ข้อตกลงด้วยวาจาระหว่างคนหนุ่มสาวหรือผู้ปกครองไม่เพียงพออีกต่อไป จำเป็นต้องมีข้อตกลง (สัญญา) ซึ่งกำหนดสิทธิ์และภาระผูกพันของคู่สัญญาตลอดจนจำนวนเงินค่าไถ่ การแต่งงานแบบบังคับของหญิงสาวเรียกว่าการแต่งงานในเด็ก

ในกลุ่มพิเศษจัดสรรการแต่งงานก่อนวัยอันควร พวกเขาอยู่ระหว่างคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อให้คนหนุ่มสาวได้รับอนุญาตให้แต่งงานอย่างถูกกฎหมาย พวกเขาต้องมีเหตุผลที่จริงจัง - การตั้งครรภ์หรืออยู่ด้วยกัน ในรัสเซีย คนหนุ่มสาวประมาณ 84.4,000 คนเข้าสู่สหภาพการแต่งงานทุกปี ตามกฎแล้วการแต่งงานเหล่านี้เลิกกันเร็วที่สุดเท่าที่จะสรุปได้ โอกาสในการหย่าร้างระหว่างผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีมีสูงเป็นสองเท่าของการแต่งงานหลังจากอายุนี้ ความมั่นคงที่น้อยลงในการแต่งงานตอนต้นเกี่ยวข้องกับปัญหาของเด็กที่ปรากฏตัวในช่วงปีแรก ๆ ปัญหาทางเศรษฐกิจและการขาดความคิดที่สมบูรณ์ของคู่ครองที่ต้องการซึ่งในที่สุดก็พัฒนาโดยเฉลี่ยเมื่ออายุ 25

การแต่งงานเพื่อความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการแต่งงานเพื่อความรัก มันขาดสิ่งสำคัญ - ความรู้สึกของความรัก แรงจูงใจหลักคือการได้รับผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ผลประโยชน์ทางสังคมประเภทต่างๆ โดยคู่สมรสคนใดคนหนึ่งโดยเสียค่าใช้จ่ายของอีกฝ่ายหนึ่ง การแต่งงานระหว่างประเทศถือได้ว่าเป็นการแต่งงานที่สะดวกสบาย

ความสัมพันธ์ในการสมรสถูกควบคุมโดยประเภทของบรรทัดฐาน - กฎหมายและวัฒนธรรม สู่มาตรฐานทางกฎหมาย มักจะมีคำถามเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ภาระผูกพันที่สำคัญของคู่สมรสที่เกี่ยวข้องกับบุตรและกันและกัน อายุขั้นต่ำสำหรับการแต่งงาน และอื่นๆ บางส่วน สังคมยังจัดให้มีกฎเกณฑ์ที่ควบคุมการเลิกราการสมรส พวกเขากำหนดเหตุผลทางกฎหมายสำหรับการหย่าร้าง ลักษณะของขั้นตอนการหย่าร้าง สิทธิและหน้าที่ของอดีตคู่สมรสที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาวัสดุและการเลี้ยงดูบุตร และความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินหลังจากการหย่าร้าง

ต่างจากกฎหมายทางกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมไม่ได้ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร พวกเขาควบคุมการแต่งงานบนพื้นฐานของศีลธรรม ประเพณี และขนบธรรมเนียม สิ่งเหล่านี้รวมถึงบรรทัดฐานของการเกี้ยวพาราสี การเลือกแต่งงาน พฤติกรรมก่อนแต่งงาน การกระจายอำนาจและความรับผิดชอบระหว่างคู่สมรส และพฤติกรรมหลังการหย่าร้าง บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมถูกสร้างขึ้นโดยสังคมเป็นหลัก แต่วิธีการใช้และการใช้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาของแต่ละบุคคลเป็นหลัก กฎหมายทางกฎหมายของสหพันธรัฐรัสเซียกำหนดว่าหลังจากการหย่าร้าง ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้รับมาในช่วงชีวิตของพวกเขาจะต้องแบ่งกันอย่างเท่าเทียมกัน บรรทัดฐานทางวัฒนธรรมที่บังคับใช้ในสังคมของเราแนะนำว่าผู้ชายควรทิ้งอพาร์ตเมนต์ ของตกแต่งในนั้น และส่วนหนึ่งของเงินที่เขาเก็บออมไว้ให้กับภรรยาของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าศาลเลี้ยงลูกไว้ แต่มันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมส่วนบุคคลและการเลี้ยงดูของผู้ชายว่าเขาจะประพฤติตนอย่างไร

ดังนั้น การแต่งงานจึงเป็นการมีเพศสัมพันธ์ที่สังคมลงโทษตามระยะเวลาหนึ่งระหว่างบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามกฎแล้วการแต่งงานจะเป็นทางการตามขั้นตอนพิเศษ (การแต่งงาน) ซึ่งกำหนดภาระหน้าที่บางอย่างให้กับคู่สมรส

2. ครอบครัว - สถาบันทางสังคม

เมื่อพูดถึงสถาบันทางสังคมที่สำคัญที่สุด - เสาหลักของสังคม ครอบครัวคือกลุ่มแรก ดังนั้น ครอบครัวจึงเป็นสถาบันหลักของสังคมมนุษย์ ในทางกลับกันก็รวมถึงสถาบันเอกชนอีกมากมาย เช่น สถาบันการแต่งงาน สถาบันเครือญาติ สถาบันความเป็นแม่และพ่อ สถาบันทรัพย์สิน สถาบันคุ้มครองทางสังคมของเด็กและผู้ปกครอง เป็นต้น

สถาบันการแต่งงานไม่ครอบคลุมชีวิตครอบครัวทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ที่หลากหลายระหว่างญาติสนิททั้งใกล้ชิดและห่างไกล หมายถึงชุดของบรรทัดฐานและการลงโทษที่ควบคุมความสัมพันธ์ของคู่สมรส บรรทัดฐานบางอย่างมีลักษณะทางกฎหมายและถูกควบคุมโดยกฎหมาย ส่วนอื่น ๆ เป็นวัฒนธรรมและถูกควบคุมทางศีลธรรม - โดยขนบธรรมเนียมและประเพณี บรรทัดฐานเหล่านี้ควบคุมสองขั้นตอนหลัก - ข้อสรุปและการเลิกราของการแต่งงาน

แง่มุมทางประวัติศาสตร์ของสถาบันของครอบครัวได้รับการศึกษาโดยนักประวัติศาสตร์ นักชาติพันธุ์วิทยา และนักมานุษยวิทยาที่ได้รวบรวมประเภทของการแต่งงาน ครอบครัว และเครือญาติ แนวความคิดเกี่ยวกับเพศนอกและ endogamy, คู่สมรสคนเดียว, การมีภรรยาหลายคน, ปิตาธิปไตย, ความเป็นแม่และอื่น ๆ มาถึงสังคมวิทยาจากสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง แนวความคิดอื่นๆ เช่น ครอบครัวนิวเคลียร์และครอบครัวขยาย การแต่งงานเพื่อความสะดวกสบาย ครอบครัวของแหล่งกำเนิดและกำเนิด ครอบครัวที่มีลูกคนเดียวและหลายคน และอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ถูกคิดค้นโดยนักสังคมวิทยา

ครอบครัวในฐานะสถาบันต้องแยกจากครอบครัวเป็นกลุ่มหลัก กลุ่มประกอบด้วยบุคคลเฉพาะที่ทำหน้าที่บางอย่าง ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงด้วยความสัมพันธ์ส่วนตัว ความสัมพันธ์ระหว่างคนในกลุ่มนั้นเกิดขึ้นเองและรุนแรง ครอบครัวรวมถึงตัวแทนของสองชั่วอายุคน ในสถาบันครอบครัว มีคำอธิบายตำแหน่งของบิดา มารดา ภรรยา ฯลฯ เหล่านี้เป็นมาตรฐานสำหรับการประเมินพฤติกรรมของนักแสดง การปฏิบัติตามหรือไม่สอดคล้องกับตำแหน่ง ตำแหน่งเหล่านี้ถูกกำหนดโดยคำว่า "สถานะทางสังคม"

สถาบันครอบครัวแตกต่างกันไปในแต่ละสังคมในแง่ของงาน โครงสร้าง และบทบาททางสังคม แต่ทุกสังคมมีบางอย่างที่เหมือนกัน ครอบครัวนี้เกิดขึ้นเพราะทารกของมนุษย์ซึ่งแตกต่างจากสัตว์อื่น ๆ ทั้งหมดมีวัยเด็กที่ยาวที่สุด การพึ่งพาอาศัยกันของลูกโดยพ่อแม่มีระยะเวลานานถึง 15-18 ปี ในช่วงเวลานี้ เขาต้องการความช่วยเหลือด้านวัสดุและสังคมจากผู้ใหญ่ การเตรียมการสำหรับชีวิตในวัยผู้ใหญ่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ในครอบครัวเท่านั้น เนื่องจากไม่เพียงแต่รวมถึงการศึกษา การฝึกอบรม การดูดซึมความรู้ (ในกระบวนการนี้ โรงเรียนสามารถแทนที่ครอบครัวได้) แต่ยังรวมถึงการมอบหมายชื่อ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หรือทรัพย์สิน สถานภาพและตำแหน่งทางสังคมในสังคม การระบุตัวตนด้วยเครือญาติเฉพาะทาง กล่าวคือ ลำดับวงศ์ตระกูล นอกจากครอบครัวแล้ว ไม่มีใครและสิ่งใดเลยที่สามารถจัดหาเป้าหมายที่กฎหมายกำหนดให้กับเยาวชน ซึ่งเป็น "การลงทะเบียน" ทางสังคมในสังคมนี้

หน้าที่ของครอบครัวคือวิธีการแสดงกิจกรรม วิถีชีวิตของทั้งครอบครัวและสมาชิกแต่ละคน ในบรรดาหน้าที่ต่างๆ ของครอบครัว สิ่งสำคัญที่สุดคือการสืบพันธุ์ การศึกษา เศรษฐกิจ นันทนาการ สถานะทางสังคม และการแพทย์

ฟังก์ชั่นการสืบพันธุ์เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ทางชีวภาพของสมาชิกในสังคม สังคมไม่สามารถดำรงอยู่ได้หากไม่มีระบบที่มั่นคงในการแทนที่คนรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง ครอบครัวเป็นวิธีการรับประกันและสถาบันในการเติมเต็มประชากร สถานการณ์ทางสังคมและประชากรในรัสเซียเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง อัตราการเกิดกำลังลดลง ประชากรมีอายุมากขึ้น จำนวนครอบครัวที่มีลูกคนเดียวและไม่มีบุตรเพิ่มขึ้น และการคลอดบุตรนอกสมรสก็เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 1992 ถึงปี 2000 จำนวนประชากรของรัสเซียที่ลดลงตามธรรมชาติมีจำนวน 4.9 ล้านคน เฉพาะในปี 2543 ที่มีแนวโน้มว่าจะมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้น จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี 2545 ประชากรของสหพันธรัฐรัสเซียมีประมาณ 145.5 ล้านคน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 จำนวนประชากรลดลงตามธรรมชาติในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง (0.7-0.9 ล้านคนต่อปี)

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้เกิดกลไกการลดจำนวนประชากรในภูมิภาคของประเทศ ซึ่งทำให้โครงสร้างอายุของประชากรเสื่อมโทรมลง และส่งผลให้กลุ่มประชากรฉกรรจ์ลดลง ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อเอาชนะแนวโน้มเชิงลบในการพัฒนาประชากรของรัสเซีย เพื่อเสริมสร้างบทบาทของนโยบายครอบครัวของรัฐในกระบวนการเหล่านี้

หน้าที่การศึกษาเชื่อมโยงกับการขัดเกลาทางสังคมของคนรุ่นใหม่ กล่าวคือ ด้วยการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ศีลธรรม และค่านิยมอื่นๆ ของคนรุ่นก่อน คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าสามารถเรียนรู้บทบาททางสังคมได้เฉพาะในกระบวนการขัดเกลาทางสังคมเท่านั้น

ครอบครัวเป็นเซลล์ของการขัดเกลาทางสังคมเบื้องต้น พ่อแม่ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตให้กับลูก ปลูกฝังมารยาทที่ดี สอนงานฝีมือและความรู้เชิงทฤษฎี วางรากฐานสำหรับการพูดด้วยวาจาและการเขียน และควบคุมการกระทำของพวกเขา

เมื่อเร็วๆ นี้ ศักยภาพทางการศึกษาของครอบครัวลดลง ฟังก์ชั่นการศึกษาของครอบครัวลดลงตามปัจจัยต่อไปนี้:

* องค์ประกอบครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์;

* ระดับความรู้และทักษะไม่เพียงพอของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตร

* ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างผู้ปกครอง;

* ความขัดแย้งไม่เพียงแต่ในประเด็นการศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเด็นอื่นๆ ด้วย

* การแทรกแซงของญาติในการเลี้ยงดูบุตร

หน้าที่ทางเศรษฐกิจครอบคลุมด้านต่างๆ ของความสัมพันธ์ในครอบครัว ได้แก่ การดูแลทำความสะอาด การจัดทำและใช้งบประมาณของครอบครัว การจัดการบริโภคของครอบครัว ปัญหาการแจกจ่ายงานบ้าน การสนับสนุนและการดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ

การดำเนินการตามหน้าที่ทางเศรษฐกิจของครอบครัวได้รับผลกระทบโดยตรงจากรายได้เงินสดและการค้ำประกันทางสังคมที่รัฐจัดให้

ในประเทศของเราที่ระดับการใช้เครื่องจักรในชีวิตประจำวันต่ำ เครือข่ายบริการภายในประเทศเข้าถึงได้ยาก และปัญหาในชีวิตประจำวันมักตกอยู่ที่ไหล่ของผู้หญิง ผู้หญิงมักจะต้องรวมกิจกรรมในด้านการผลิตทางสังคมและครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของชีวิตครอบครัว เนื่องจากรัฐไม่สามารถเลือกวิถีชีวิตที่ต้องการได้ การแก้ปัญหาการจ้างงานคู่ของสตรีจึงควรเกิดขึ้นที่ระดับฉันทามติของครอบครัว ตามลำดับการกระจายความรับผิดชอบของครอบครัวและครัวเรือนในทุกครอบครัว สมาชิก.

ความหมายของกิจกรรมนันทนาการคือ ครอบครัวควรเป็นที่ที่บุคคลจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและเป็นที่ยอมรับเสมอ ในสภาวะของจังหวะชีวิตที่เร่งตัวขึ้น การเติบโตของความเครียดทางสังคมและจิตใจทุกประเภท จำนวนสถานการณ์ที่ตึงเครียด ครอบครัวมีบทบาทในการบำบัดทางจิต มันกลายเป็น "โอเอซิส" ของความสงบและความมั่นใจ สร้างความรู้สึกปลอดภัยและสบายใจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุคคล ให้การสนับสนุนทางอารมณ์ และรักษาความมีชีวิตชีวาโดยทั่วไป ฟังก์ชั่นนันทนาการยังรวมถึงช่วงเวลาแห่งจิตวิญญาณและสุนทรียภาพ รวมถึงการจัดระเบียบการพักผ่อนและนันทนาการของครอบครัว

นางแบบดั้งเดิม เมื่อภรรยาได้พบกับสามีของเธอที่เตาไฟ การอดทนต่อคำดูหมิ่นและความรำคาญของเจ้านายอย่างอ่อนโยน กำลังกลายเป็นอดีตไปแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังทำงานและนำความเหนื่อยล้ามาสู่บ้านด้วย

การสังเกตแสดงให้เห็นว่าความเข้มแข็งเต็มที่ได้รับการฟื้นฟูในสภาพแวดล้อมของครอบครัวในการสื่อสารกับลูก ๆ ที่รัก ด้านนันทนาการของชีวิตครอบครัวสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับวัฒนธรรมความสัมพันธ์ในครอบครัว , และอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนส่งผลกระทบต่อชีวิตครอบครัวโดยทั่วไป ความมั่นคง และการดำรงอยู่ของคู่สามีภรรยาในท้ายที่สุด

ฟังก์ชันสถานะทางสังคมช่วยให้นำเสนอสถานะทางสังคมบางอย่างแก่สมาชิกในครอบครัว การทำซ้ำโครงสร้างทางสังคม แต่ละคนที่เติบโตมาในครอบครัวจะได้รับสถานะบางอย่างที่ใกล้เคียงกับสถานะของสมาชิกในครอบครัวของเขาเป็นมรดก ประการแรก หมายถึงสถานะที่สำคัญของบุคคลเช่น สัญชาติ สถานะทางสังคม สถานที่ในวิถีชีวิตในเมืองหรือในชนบท เป็นต้น ในสังคมชนชั้น การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชั้นหนึ่งของครอบครัวทำให้เด็กมีโอกาสและผลตอบแทนที่มีลักษณะเฉพาะของชั้นนี้ และในกรณีส่วนใหญ่กำหนดชีวิตในอนาคตของเขา แน่นอนว่าสถานะทางชนชั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากความพยายามของบุคคลและสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย แต่จะต้องแสวงหาจุดเริ่มต้นของอนาคตในครอบครัวของบุคคลนี้ ครอบครัวจำเป็นต้องเตรียมการตามบทบาทของเด็กเพื่อให้มีสถานะใกล้เคียงกับสถานะของพ่อแม่และญาติของเขาโดยปลูกฝังความสนใจค่านิยมและการกำหนดวิถีชีวิตที่เหมาะสมในตัวเขา

หน้าที่ทางการแพทย์มักเป็นการป้องกันโดยธรรมชาติ ประกอบด้วยการสังเกตวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี การเลิกนิสัยที่ไม่ดี กิจกรรมนันทนาการ การเรียนรู้ทักษะด้านสุขอนามัย และการทำกิจกรรมสันทนาการ สมาชิกในครอบครัวควรมีข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ หันไปหาเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสม และปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขา

ตามปัจจัยเสี่ยงทางการแพทย์และสังคม ครอบครัวมีความโดดเด่น:

(1) ผิดปกติ (ไม่สมบูรณ์ ครอบครัวใหญ่ ยากจน มีเด็กพิการ)

(2) โรคจิตเภท (ครอบครัว ผู้ติดสุรา ผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนผู้ที่พ่อแม่และลูกเป็นผู้กระทำผิด โดยเบี่ยงเบนไปจากพฤติกรรมปกติ)

ในครอบครัวเหล่านี้ เปอร์เซ็นต์ของโรคเรื้อรังจะสูงขึ้น โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี การไม่ปฏิบัติตามกฎสุขอนามัย การควบคุมอาหาร และการพักผ่อนหย่อนใจ การขาดความตระหนักในประเด็นการป้องกัน การขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ในกรณีที่เด็กป่วยเป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวดังกล่าว หน้าที่เหล่านี้กำหนดชีวิตของครอบครัว มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด แม้ว่าอัตราส่วนและความถ่วงจำเพาะอาจแตกต่างกัน ในฐานะที่เป็นกลุ่มทางสังคมเล็กๆ ครอบครัวคือชุมชนของผู้คน ซึ่งก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานของการแต่งงานหรือความสัมพันธ์ทางสายเลือด ซึ่งสมาชิกมีความเชื่อมโยงกันด้วยชีวิตร่วมกัน การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความรับผิดชอบร่วมกันของคู่สมรสเพื่อสุขภาพที่ดีของเด็กและการเลี้ยงดู

ในการกำหนดครอบครัวเป็นกลุ่มทางสังคมขนาดเล็ก คุณลักษณะสามประการมีความสำคัญ: ครอบครัวทั่วไป เด็กทั่วไป และการมีความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างคู่สมรส มีมุมมองตามที่กลุ่มเล็ก ๆ ได้รับการยอมรับว่าเป็นครอบครัวหากมีคุณลักษณะสองประการที่ระบุไว้ หากมีเพียงหนึ่งในสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่าไม่ใช่ครอบครัว ดังนั้น ครอบครัวสมัยใหม่จึงอาจไม่มีครัวเรือนร่วมกันและยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน อาจไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างคู่สมรสและยังคงเป็นครอบครัว อาจอยู่ในสถานะสมรสที่จดทะเบียนอย่างเป็นทางการและยังไม่ใช่ครอบครัว

ในกรณีนี้ สำหรับรูปแบบ "กระจัดกระจาย" ทั้งหมดของครอบครัว (ผู้ปกครองที่ไม่มีการสมรส การแต่งงานโดยไม่มีบุตร การพลัดพราก ฯลฯ) คำว่า "กลุ่มครอบครัว" เหมาะสมกว่า ซึ่งเข้าใจว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นผู้นำในครัวเรือนร่วมกันหรือมีส่วนสนับสนุนบางส่วนในงบประมาณของครอบครัวและรวมกันได้เฉพาะทางเครือญาติ ความเป็นพ่อแม่ หรือการแต่งงานเท่านั้น คำจำกัดความของกลุ่มครอบครัวรวมถึงครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ ที่ซึ่งผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งไม่อยู่หรือไม่มีรุ่นพ่อแม่เลยด้วยเหตุผลบางประการ (เช่น เมื่อลูกอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายโดยไม่มีพ่อแม่) ประเภทของโครงสร้างครอบครัวมีความหลากหลายและขึ้นอยู่กับลักษณะของการแต่งงาน เครือญาติ ความเป็นพ่อแม่

ดังนั้น ครอบครัวในฐานะชุมชนของผู้คนที่เชื่อมต่อกันด้วยความสัมพันธ์ของการแต่งงาน ความเป็นพ่อแม่ เครือญาติ ครอบครัวร่วมกัน ในฐานะหน่วยหลักของสังคม ทำหน้าที่ทางสังคมที่สำคัญที่สุด: มันมีบทบาทพิเศษในชีวิตของบุคคล การคุ้มครองของเขา การสร้างบุคลิกภาพ ความพึงพอใจของความต้องการทางจิตวิญญาณ การสร้างหลักประกันการขัดเกลาทางสังคม ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นตัวกลางระหว่างบุคคลและรัฐ เป็นผู้แปลค่านิยมพื้นฐานจากรุ่นสู่รุ่น ประกอบด้วยศักยภาพอันทรงพลังที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการพัฒนาสังคม การสืบพันธุ์ของกำลังแรงงาน และการก่อตัวของความสัมพันธ์ทางแพ่ง ครอบครัวมีค่านิยมในการรวมกัน ต่อต้านการเผชิญหน้าทางสังคมและความตึงเครียด

3. แนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวและการแต่งงาน

จำนวนการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาทำให้ในสหรัฐอเมริกามีความคิดเห็นเกี่ยวกับวิกฤตของครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม จุดสูงสุดของการสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงต้นยุค 70 อย่างไรก็ตามในช่วงปลายยุค 70 มีการฟื้นตัวของค่านิยมของครอบครัว ขบวนการเรียกร้องครอบครัวได้เกิดขึ้น ทุกวันนี้ นักสังคมวิทยาชาวอเมริกันและชาวยุโรปส่วนใหญ่หยุดสร้างสถานการณ์ให้เป็นจริงและได้ดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างจริงจัง (รูปที่ 1)

ในรัสเซีย การอภิปรายเกี่ยวกับปัญหานี้เกิดขึ้นในช่วงต่อมา ในปี 1990 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในสาขาสังคมวิทยาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับวิกฤตของสถาบันครอบครัว นี่หมายถึงการที่ครอบครัวไม่สามารถทำหน้าที่เป็นสถาบันในการปฏิบัติหน้าที่และบทบาทที่ครอบครัวเรียกให้ปฏิบัติมาโดยตลอดและเคยรับมือมาก่อน

รูปที่ 1 - วิกฤตสถาบันครอบครัว

เกี่ยวกับวิกฤตการณ์สถาบันครอบครัว Gurko ข้อเท็จจริงต่อไปนี้เป็นพยาน:

1) การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสัดส่วนของมารดา (และในตะวันตก, พ่อ) เลี้ยงลูกโดยไม่มีสามี (ภรรยา);

2) การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ปกครอง (พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง แม่บุญธรรม) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเด็กที่ถูกเลี้ยงดูโดยสายสัมพันธ์ทางสายเลือด เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการหย่าร้างและการเกิดนอกสมรส พ่อหลายคน (บางครั้งแม่) ไม่ได้อาศัยอยู่กับลูก บางคนเป็น "เหตุการณ์" ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังคงเป็นเพียงพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดโดยไม่รักษาการติดต่อใด ๆ กับเด็ก

3) การแต่งงานและความอุดมสมบูรณ์ลดลง

4) เนื่องจากอัตราการเกิดลดลงจำนวนผู้ปกครองที่มีบุตรคนเดียวเพิ่มขึ้น

5) วิกฤตบทบาทการศึกษาของพ่อ;

6) การเพิ่มขึ้นของจำนวนการหย่าร้าง เด็กที่ถูกทอดทิ้งและเด็กกำพร้า

นักวิจัยบางคนโดยเฉพาะ A. I. Kuzmin เชื่อว่าสถาบันของครอบครัวในสังคมรัสเซียสมัยใหม่ไม่เพียง แต่มีปัญหาที่ลึกที่สุดที่ทำให้คนพูดถึงวิกฤตที่ร้ายแรง แต่ยังรวมถึงแนวโน้มเชิงบวกอย่างไม่ต้องสงสัย:

“ในสังคมอย่างเป็นทางการไม่มีวิกฤตครอบครัวแม้ว่าจะมีความตึงเครียดในการดำเนินการชีวิตและการสื่อสารระหว่างรุ่นและคู่สมรส 9/10 ของประชากรทั้งหมดอาศัยอยู่ในครอบครัวสัดส่วนของคนเหงาโดยสิ้นเชิงลดลง เหงา คนหนุ่มสาวสามารถนำเสนอเป็นศักยภาพของครอบครัว , ขั้นตอนของการก่อตัวของมัน กระบวนการหย่าร้างช้าลงและอาจกล่าวได้ว่าในหลายพื้นที่ (โดยเฉพาะในชนบท) เริ่มลดลง อัตราการแต่งงานสามารถรับรู้ได้ว่าเป็น สูงตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้ หลังจากสิบห้าปีของการปฏิรูปเศรษฐกิจในภูมิภาคที่พัฒนาทางเศรษฐกิจของรัสเซีย (ด้วยราคาที่สูง แต่ยังเป็นตลาดที่อิ่มตัว) ครอบครัวก็เริ่มปรับตัวเข้ากับรูปแบบชีวิตใหม่และพบแหล่งตลาดของ การทำมาหากิน ในแรงจูงใจในเชิงบวกสำหรับภาวะเจริญพันธุ์เสียงสูงต่ำและความปรารถนาอย่างมีสติของผู้ปกครองที่จะมีลูกโดยไม่คำนึงถึงเงื่อนไขทางวัตถุเริ่มดังขึ้นสำหรับชะตากรรมของเด็กความกลัว ก่อนอนาคต... อุดมคติของความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวกำลังมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในครอบครัวที่สามีทำหน้าที่เป็น "คนหาเลี้ยงครอบครัว" ในขณะที่ภรรยาในขณะเดียวกันก็ควบคุมสถานการณ์ภายในครอบครัวและการเงิน ค่าใช้จ่าย .. การแปรรูปอพาร์ทเมนท์และที่ดินทำให้คนรุ่นหลังสามารถสืบทอดที่อยู่อาศัยและที่ดินในครอบครัวได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานะของครอบครัวเล็กในเรื่องมรดกของครอบครัว ... ลดบทบาทของรัฐ สถาบันสวัสดิภาพผู้สูงอายุและผู้สูงอายุ ความสำคัญของการสนับสนุนบำเหน็จบำนาญในวัยชราอันเนื่องมาจากราคาและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ค่าอาหาร ค่าเช่า ค่าเสื้อผ้า ยารักษาโรค และบริการงานศพที่เพิ่มขึ้น และรุ่นน้องโดยรวมเป็นหลักประกันวัยชราที่มั่นคง...ด้านแรงบันดาลใจของการเกิดในอนาคต ty... การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจในปัจจุบันเพิ่มบทบาทของพ่อและอำนาจของมนุษย์ในครอบครัว ในอนาคต เมื่อบรรทัดฐานของพฤติกรรมการสืบพันธุ์ถูกส่งไปยังคนรุ่นหลัง นี่อาจทำให้การปฐมนิเทศของลูกกตัญญูแข็งแกร่งขึ้น... การรวมรัสเซียในประชาคมโลก ความเป็นไปได้ของการเดินทางไปทำงานและที่อยู่อาศัยในต่างประเทศเป็นแง่บวกของการล่มสลาย ของระบบการเมืองแบบเก่าที่มีอิทธิพลต่อการเลือกเส้นทางชีวิตของครอบครัว .. ครอบครัวไม่เพียงได้รับเสรีภาพใหม่ในการเคลื่อนย้ายดินแดนและการอพยพย้ายถิ่น การเลือกที่อยู่อาศัย แต่ยังเข้าถึงมาตรฐานโลกของอาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, บริการ, สังคม สุขอนามัย นิเวศวิทยา และความตระหนักในสิ่งแวดล้อมของพวกเขา"

แม้จะมีแนวโน้มเป็นกระแสหนุน แต่ครอบครัวโดยรวมกำลังเผชิญกับวิกฤต ซึ่งควรถือเป็นวิกฤตทางสถาบันและวัฒนธรรม เหตุผลหลักคือความจริงที่ว่าในสถาบันของครอบครัว ความผูกพันทางประวัติศาสตร์ที่ยึดถือมาตลอดนั้นพังทลายลง โดยหลักแล้วความสัมพันธ์ระหว่างรุ่น พ่อแม่และลูก ความสัมพันธ์ในครอบครัวและชาติพันธุ์ "วิกฤตในปัจจุบันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงระยะยาวที่ไม่เอื้ออำนวยในสถาบันของครอบครัว"

บ่อยครั้งที่นักสังคมวิทยาชาวรัสเซียพูดเกินจริงถึงคุณสมบัติของรัสเซียโดยพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นที่ไม่เหมือนใคร อันที่จริง หลายรูปแบบที่ตอนนี้มีลักษณะเฉพาะของรัสเซีย: เศรษฐกิจ (ตัวอย่างเช่น แนวโน้มที่กินสัตว์อื่นในยุคของการสะสมดั้งเดิม) รูปแบบทางประชากรศาสตร์และครอบครัว (การลดอัตราการเกิด การเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมการสมรส การเพิ่มขึ้นใน จำนวนการหย่าร้าง ฯลฯ) ในคราวเดียวหรือหลายครั้งมีอยู่ในประเทศอุตสาหกรรมทั้งหมด แต่อยู่ในขั้นตอนก่อนหน้าของการพัฒนา เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้อโต้แย้งหลักที่เสนอต่อวิกฤตสถาบันของครอบครัว - การเติบโตของการหย่าร้าง

ในรัสเซีย มีอัตราการหย่าร้างเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่จำนวนการแต่งงานครั้งที่สองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างเช่น จากการสำรวจทางสังคมวิทยาในมอสโก 17% ของสามีและภรรยาแต่งงานกันครั้งที่สองในปัสคอฟและซาราตอฟ - ประมาณ 10% ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า "ชาวรัสเซียต้องผ่านประสบการณ์เดียวกันกับพฤติกรรมการสมรสที่มีข้อสังเกตในประเทศอุตสาหกรรม: สัดส่วนที่สูงของการหย่าร้างและการแต่งงานใหม่"

บทสรุป

ในสังคมใด ๆ - โบราณหรือสมัยใหม่ - ครอบครัวถูกสร้างขึ้นตามกฎโดยการแต่งงาน การสมรสคือชุดของข้อกำหนดที่เป็นทางการซึ่งกำหนดสิทธิ หน้าที่ และเอกสิทธิ์ของสามีในส่วนที่เกี่ยวกับภรรยาของเขา และของทั้งสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับลูกๆ ญาติๆ และสังคมโดยรวม พันธมิตรดังกล่าวมักจะสรุปผ่านพิธีพิเศษ - พิธีเปิด, บทสรุปเคร่งขรึมของพันธบัตรการแต่งงาน

เมื่อพูดถึงสถาบันทางสังคมที่สำคัญที่สุด - เสาหลักของสังคม ครอบครัวคือกลุ่มแรก ดังนั้น ครอบครัวจึงเป็นสถาบันหลักของสังคมมนุษย์ ในทางกลับกันก็รวมถึงสถาบันเอกชนอีกมากมาย เช่น สถาบันการแต่งงาน สถาบันเครือญาติ สถาบันความเป็นแม่และพ่อ สถาบันทรัพย์สิน สถาบันคุ้มครองทางสังคมของเด็กและผู้ปกครอง เป็นต้น

ตามกฎแล้วปัญหาครอบครัวเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือใช้งานไม่ดี ความไม่มั่นคงของการแต่งงานและครอบครัว จำนวนการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้น การสืบพันธุ์ของครอบครัวที่ลดลงเป็นลักษณะเฉพาะของประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมดในโลก

วิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายในรัสเซียยังไม่ช่วยให้สถานการณ์มีเสถียรภาพและใช้มาตรการต่างๆ เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ในครอบครัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเวลาดังกล่าวจะมาถึง แม้ว่าอาจจะล่าช้าไปก็ตาม: "ครอบครัวสามารถกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาชนชั้นกลางที่มีเสถียรภาพและมีส่วนทำให้เกิดการฟื้นฟูของรัสเซีย"

รายชื่อแหล่งที่ใช้

1. http://biozhiogs.narod.ru/KINDER/program_soc_razv.htm

2. http://www.blyo.ru/referaty_po_sociologii/referat_semya_kak_socialnyj_institut.html

3. http://referatwork.ru/refs/source/ref-37962.html

4. http://www.referat.ru/referats/view/17026

5. http://bibliofond.ru/view.aspx?id=6590

6. http://www.0zn.ru/referaty_po_psixologii/referat_semya_kak_socialnyj_institut_i.html

7. โกลด์ เอส.ไอ. ครอบครัวและการแต่งงาน: การวิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์และสังคมวิทยา - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: LLP KT "Petropolis", 1998

8. Dobrenkov V.I. , Kravchenko AI. สถาบันและกระบวนการทางสังคม มอสโก: Moscow State University, 2000, v. 3

9. สังคมวิทยา: ตำราสำหรับมหาวิทยาลัย / V.N. Lavritenko, N.A. Nartov, โอเอ ชาบาโนวา, G.S. ลูกาโชวา; เอ็ด. ศ. ว.น. ลาฟริเทนโก - ม.: UNITI, 2000.

10. Perov G.O. สังคมวิทยา: ตำรา / G.O. Perov, S.I. Samygin.- Rostov n / a: เอ็ด ศูนย์ "มีนาคม", 2545

โฮสต์บน Allbest.ru

เอกสารที่คล้ายกัน

แนวคิดและประเภทของสถาบันทางสังคม การแต่งงานเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ในครอบครัว แนวโน้มทางประวัติศาสตร์ในสังคมวิทยาของครอบครัวและการแต่งงาน ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญที่สุด: วงจรชีวิต รูปแบบ หน้าที่ การกระจายบทบาทในครอบครัว วิกฤติของครอบครัว อนาคตของมัน

ภาคเรียนที่เพิ่ม 12/07/2007


การแต่งงานและครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคมและหน้าที่ของพวกเขา แรงจูงใจทางสังคม จิตวิทยา และเศรษฐกิจของการแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัว โอกาสในการพัฒนาครอบครัวและการแต่งงาน คุณภาพชีวิตครอบครัวกลุ่ม รูปแบบของการแสดงบทบาทภายในครอบครัว

ภาคเรียนที่เพิ่ม 06/03/2009


ครอบครัวเป็นหนึ่งในรูปแบบทางสังคมที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ สถาบันครอบครัว รูปแบบ ประเภทและหน้าที่ บุคคลผู้เสียสละในการแต่งงานที่ไม่ได้จดทะเบียน เกณฑ์การแยกการแต่งงานที่ไม่เท่าเทียมกัน รวมทั้งเหตุผลทางกฎหมายสำหรับการเลิกรา

บทคัดย่อ เพิ่มเมื่อ 02/23/2014


คุณภาพชีวิตครอบครัวกลุ่ม การแต่งงานและครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคมและหน้าที่ของพวกเขา เนื้อหาของการแต่งงาน แรงจูงใจทางสังคม จิตวิทยา และเศรษฐกิจของการแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัว หน้าที่ของครอบครัวและการแต่งงาน แนวโน้มการพัฒนา

กระดาษภาคเรียนเพิ่ม 10/22/2008


การแต่งงานและครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่สำคัญที่สุดและหน้าที่ของพวกเขา แรงจูงใจทางสังคม จิตวิทยา และเศรษฐกิจของการแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัว โอกาสในการพัฒนาครอบครัวและการแต่งงาน สาเหตุทางเศรษฐกิจและสังคมของสถานการณ์วิกฤตของครอบครัวสมัยใหม่

ภาคเรียนที่เพิ่ม 10/31/2011


แก่นแท้ โครงสร้าง และความจำเพาะของครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคมและกลุ่มย่อย หน้าที่การสืบพันธุ์และการเข้าสังคม ความสำคัญทางสังคมและปัจเจกบุคคล แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง รูปแบบ และปัญหาของการแต่งงานและครอบครัวในสังคมรัสเซียสมัยใหม่

ทดสอบเพิ่ม 05/03/2012


คุณสมบัติของสถานภาพทางสังคมของชายและหญิงในสังคมสมัยใหม่ สาระสำคัญรูปแบบหลักของการแต่งงานและครอบครัวในสังคมสมัยใหม่ การกระจายบทบาทในครอบครัว แนวโน้มหลักในการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวและการแต่งงานในสหพันธรัฐรัสเซีย

ทดสอบเพิ่ม 12/23/2010


การแต่งงานและครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคม บทบาทของครอบครัวในการพัฒนาบุคลิกภาพ แนวโน้มการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวและการแต่งงาน หน้าที่ทางสังคมของครอบครัว รูปแบบของการแต่งงาน บทบาทในครอบครัว บรรทัดฐานและการลงโทษที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการในด้านการแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัว

บทคัดย่อ เพิ่ม 01/28/2554


การแต่งงานเป็นรากฐานและแก่นแท้ของครอบครัว ศึกษาประวัติความเป็นมาของสถาบันครอบครัวในวัฒนธรรมต่างๆ ครอบครัวเป็นเซลล์ของการขัดเกลาทางสังคมเบื้องต้น คุณสมบัติของฟังก์ชั่นการศึกษาของครอบครัว แนวโน้มหลักในการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวและการแต่งงาน วิกฤติสถาบันครอบครัว.

บทคัดย่อ เพิ่มเมื่อ 25/11/2559


วิวัฒนาการของความสัมพันธ์ในครอบครัวจากฝูงชนดึกดำบรรพ์ไปจนถึงตระกูลปิตาธิปไตย การพิจารณาสาระสำคัญ ลักษณะเฉพาะ และหน้าที่หลักของครอบครัวในฐานะสถาบันทางสังคม ลักษณะของรูปแบบหลักของการแต่งงาน - การมีภรรยาหลายคน, คู่สมรสคนเดียวและการแต่งงานแบบกลุ่ม