อิตาลี. เวนิส คาร์นิวัล - หรูหรา มีเสน่ห์ ลึกลับ

“ หน้ากาก หน้ากาก ฉันรู้จักคุณ…” ปรากฎว่างานรื่นเริงนี้ถือกำเนิดขึ้นในเมืองเวนิส และมันก็ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นได้ วันหยุดตามระบอบประชาธิปไตยเช่นนี้เมื่อทุกคนสวมหน้ากากและทุกคนเท่าเทียมกันจะเกิดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยเซนต์มาร์กเท่านั้นซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบข้าราชบริพารระหว่างพลเมือง

“พวกเขาไม่ได้ดูถูกกันในเรื่องสิ่งใดๆ และไม่มีใครกลัวใครเลย ทุกคนทำสิ่งที่พวกเขาต้องการตามใจของตัวเอง อิสรภาพนั้นมีอยู่ในเวนิสเสมอ และชาวเวนิสก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขโดยสมบูรณ์ ปราศจากความกลัว ปราศจากความขุ่นเคือง และปราศจากภาระภาษี” เขียนโดย P. Tolstoy ผู้มาเยือนเวนิสเมื่อปลายศตวรรษที่ 17การกล่าวถึงงานรื่นเริงครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1094 และในปี 1296 ชาวเวนิสก็รับรองอย่างเป็นทางการเช่นกัน: วุฒิสภาแห่งสาธารณรัฐเวนิสประกาศวันสุดท้ายก่อนเข้าพรรษา เชื่อกันว่าคำว่า "carnival" นั้นมาจากภาษาละติน "carnevale" ซึ่งแปลว่า "อำลาเนื้อ" นี่คือเวอร์ชันคริสตจักรที่เป็นที่ยอมรับ ชาวเวนิสทั่วไปมีความคิดแตกต่างออกไป พวกเขาแปล "งานรื่นเริง" ดังนี้ carrus navelis - "รถม้าที่น่าขบขันเรือแห่งขบวนแห่รื่นเริง" และชอบให้ตรงกับ Festa della Marie ซึ่งเป็นวันหยุดโบราณที่อุทิศให้กับการช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวโดยโจรสลัด Istrian

งานคาร์นิวัลสมัยใหม่เริ่มต้นด้วยวันหยุดนี้เช่นกัน 12 สาวสวยที่สุดในเวนิสได้รับรางวัล - สำนักงานนายกเทศมนตรีจ่ายค่าล่องเรือสุดหรูให้พวกเขา

แต่ในความเป็นจริงต้นกำเนิดของงานรื่นเริงเวนิสนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น - ไปยัง Saturnalia ของโรมันโบราณ - วันหยุดประจำปีเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพเจ้าดาวเสาร์ซึ่งมีการเฉลิมฉลองในเดือนธันวาคมหลังการเก็บเกี่ยวในช่วงครีษมายันและมาพร้อมกับการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ พวกทาสนั่งอยู่ที่โต๊ะทั่วไป และเพื่อบรรเทาความอึดอัดใจในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทุกคนจึงสวมหน้ากาก

พูดอย่างเคร่งครัด งานรื่นเริงเกิดจากการสวมหน้ากากเมื่อถึงจุดหนึ่ง ชาวเวนิสก็พากันสนุกสนานจนเริ่ม "ปาร์ตี้" อย่างสนุกสนานตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ โดยจะมีการพักเล็กน้อยเพื่ออดอาหารและหน้ากากก็ "ขยาย" แนบสนิทกับใบหน้าจนกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุปกรณ์

พี.ลองโก. ในบ้านพนันแห่งหนึ่ง

“ในขณะที่งานรื่นเริงดำเนินไป ทุกคนสวมหน้ากาก เริ่มต้นด้วย Doge และลงท้ายด้วยสาวใช้คนสุดท้าย พวกเขาสวมหน้ากากเพื่อทำธุรกิจ ปกป้องกระบวนการ ซื้อปลา เขียนและเยี่ยมชม ในหน้ากาก คุณสามารถพูดได้ทุกอย่างและกล้าได้กล้าเสีย ทำอะไรก็ได้ - หน้ากากที่ได้รับอนุญาตจากสาธารณรัฐอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ คุณสามารถเข้าไปในทุกที่: เข้าไปในร้านเสริมสวย, เข้าไปในสำนักงาน, เข้าไปในอาราม, เข้าไปในลูกบอล, เข้าไปในวัง, เข้าไปในคาสิโน ไม่มีตำแหน่งอีกต่อไป ไม่มีขุนนางที่สวมเสื้อคลุมยาวอีกต่อไป ไม่มีพนักงานยกกระเป๋าที่จุมพิตอีกต่อไป ไม่มีภิกษุณี ไม่มีการรวมตัว ไม่มีขุนนาง ไม่มีผู้สอบสวน ไม่มีตัวตลก ไม่มีคนจน ไม่มีชาวต่างชาติอีกต่อไป ”

พี.ลองโก. ในบ้านพนันแห่งหนึ่ง

พี.ลองโก. ที่ร้านทันตแพทย์.

พี.ลองโก. ฮิปโปโปเตมัส

เมืองลึกลับและแปลกประหลาดที่ดูเหมือนทิวทัศน์อันงดงามได้กำหนดกฎเกณฑ์ของมันเอง เขาเรียกร้องชีวิตที่งดงาม ร่ำรวย และน่าทึ่งเป็นพิเศษ นอกเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามปกติ ความรัก ความหลงใหล ความตาย ล้วนเป็นแขกรับเชิญในวันหยุดอันแสนวิเศษนี้

“ฉันซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าและหน้ากากตัวตลก ความคิด ความตั้งใจ การกระทำของฉันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตลอดเวลาและหัวเราะในสิ่งที่หลายคนอาจดูเหมือนเป็นสิ่งต้องห้ามหรือลามก รักโดยไม่ต้องรัก…” Giacomo Casanova เขียนเกี่ยวกับงานรื่นเริง

อนุสาวรีย์ G. Casanova ในเมืองเวนิส โดย M. Shemyakin

แต่ทุกอย่างก็มีขีดจำกัดของมัน ไม่มั่นคงอยู่แล้ว เช่นเดียวกับน้ำในแกรนด์คาแนล ขอบเขตทางศีลธรรมถูกเบลอโดยสิ้นเชิงในช่วงวันเทศกาล ชายสวมหน้ากากเข้าไปในสำนักแม่ชี ลูกหนี้ซ่อนตัวจากเจ้าหนี้ และนักฆ่ารับจ้าง "ไชโย" กระทำการกระทำสกปรกของตนโดยไม่มีอุปสรรค

“ดังนั้นพวกเขาจึงสนุกสนานในเวนิสอยู่เสมอ และไม่เคยต้องการขาดความสนุกสนาน ซึ่งทำให้พวกเขาทำบาปมากมาย”

ในที่สุดสภาทั้งสิบก็ทนไม่ไหวและพูดว่า: "นั่นแหละ!"ในปี ค.ศ. 1608 มีมีการออกพระราชกฤษฎีกาโดยห้ามสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน จากจุดนี้เป็นต้นไป อนุญาตให้ใช้หน้ากากอนามัยได้เฉพาะในงานรื่นเริงหรือในงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการเท่านั้น สำหรับการละเมิดกฎหมายผู้ชายถูกตัดสินจำคุกสองปีและปรับจำนวนมากและผู้หญิงถูกเฆี่ยนตีในที่สาธารณะในจัตุรัสเซนต์มาร์กหลังจากนั้นพวกเขาถูกไล่ออกจากดินแดนของสาธารณรัฐเวนิสเป็นเวลาสี่ปี
เทศกาลคาร์นิวัลสั้นลงแต่ทำให้สว่างขึ้น เร็วขึ้น และมีสีสันมากขึ้น

ดี.บี. ติโปโล. คาร์นิวัล

บนจัตุรัสเซนต์. นักแสดงตลกของมาร์คแสดงละครหุ่นกระบอกนักโหราศาสตร์เดินทางทำนายอนาคตนักกายกรรมหมุนวนนักพากย์พูดด้วยเสียงที่ฝังศพผู้รักชาติแบ่งออกเป็นสองทีมเล่นเกมที่ชวนให้นึกถึงฟุตบอลสมัยใหม่ - พวกเขาพยายามโยนลูกบอลหนังไปที่ฝั่งศัตรู ระหว่างหน้าต่างของพระราชวังมีการขึงเชือกไว้ตามที่นักไต่เชือกเดิน นักโทษคนหนึ่งถูกปล่อยตัวบนเชือกเส้นเดียวกัน ถ้าเขาไปถึงจุดสิ้นสุด เขาก็เป็นอิสระ แต่ไม่ใช่ เขาจะเผชิญกับความตายอย่างร่าเริง "อย่างสันติ"

ผู้ชมที่เป็นสุภาพสตรีแขวนอยู่ใน "กลุ่ม" ที่สวยงามและงดงามราวกับภาพวาดจากระเบียง “เพศหญิงและเด็กผู้หญิงทุกระดับแต่งกายด้วยชุดสไตล์เวนิสที่พิเศษมาก และคลุมด้วยผ้าแพรแข็งสีดำตั้งแต่ศีรษะจนถึงเอว และคนอื่นๆ อีกหลายคนแต่งกายเป็นภาษาฝรั่งเศส ในเสื้อผ้าของผู้หญิง พวกเขาใช้ผ้าปูหญ้าหลากสีสัน และผู้หญิงในเวนิสก็หล่อและหุ่นเพรียวมากและมีการเมือง สูง ผอม และเหมาะสมในทุกสิ่ง แต่พวกเขาไม่กระตือรือร้นกับงานหัตถกรรม พวกเขาใช้ชีวิตมากกว่าในสภาพอากาศที่เย็นสบาย”

ไม่มีเวลาให้เสีย เราต้องสนุกไปกับทุกช่วงเวลา มีการนัดหมายในบ่อนการพนันที่มีชื่อเสียง - Ridotto - พวกเขาเล่นเพื่อเงินจำนวนมากการทะเลาะวิวาทระหว่างคู่แข่งดวงตาของผู้หญิงเวนิสผมสีแดงที่สวยงามกระพริบตาอย่างลึกลับในรอยกรีดของหน้ากาก คู่รักที่มีความสุขล่องเรือกอนโดลาปลายแหลม เสียงเพลงของคนแจวเรือดังก้องไปตามคลองหลายสาย

อากาศเต็มไปด้วยหมอก ความตื่นเต้น ความรัก ความริษยา...

และรอบๆ ก็มีหน้ากาก หน้ากาก หน้ากาก... พวกเขาหมุนวนเป็นวงกลมเต้นรำเป็นประกายไม่รู้จบ

อย่างไรก็ตาม หน้ากากยอดนิยมของชาวเวนิส - บัวตา - ไม่ได้เรียบง่ายในแบบของชาวเวนิส ที่นี่มีเพียงสองสีเท่านั้นคือสีดำและสีขาว สำหรับ "หน้ากาก" สีขาว - เสื้อคลุมสีดำ หน้ากากนี้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน - ผู้รักชาติและสามัญชนทั้งชายและหญิง เพื่อความเรียบง่ายและอเนกประสงค์ อย่างไรก็ตามมันไม่เพียงสะดวกที่จะพูดคุยเท่านั้นโดยไม่ต้องถอดหน้ากากออกคุณสามารถลิ้มลองอาหารจานโปรดของคุณ: "กั้งกุ้งหมี" แสนอร่อยทอดในเนยน้ำมะนาวและสมุนไพร langoustine ม้วนกับคาเวียร์ปลาหมึกปลาหมึกกับหน่อไม้ฝรั่ง ปลาไหลทะเลซึ่งเสิร์ฟย่าง หมักกับมะเขือเทศในไวน์ Marsala ของอิตาลี น้ำส้มสายชูและผักชีฝรั่ง บัคคาลา เมนูปลาคอด และแน่นอนว่าเป็นเป็ดย่าง เพราะเทศกาลเข้าพรรษากำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้

และชื่อแปลก ๆ “บาวตะ” นั้นเป็นสัตว์ประหลาดในจินตนาการ คล้ายกับ “บุกะ” และ “เบียกะ” ของเรา

หน้ากากคลาสสิกของเทศกาลเวนิสยังรวมถึง Bauta, Venetian Lady, Cat, Doctor Plague และ Volto

Volto - "พลเมือง" - เป็นหน้ากากที่เรียบง่ายซึ่งค่อนข้างคล้ายกับ bauta

แมวถูกแยกออกมาในหมู่สัตว์ต่างๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการยกย่องถึงข้อดีพิเศษของแมวเวนิสที่ต้องอาศัยอยู่ในเมืองโดยแท้จริงแล้ว "ยื่นออกมาจากน้ำแทบไม่ได้เลย"

หมอโรคระบาด. หน้ากากที่เกิดจากชีวิตหรือความตาย โรคระบาดมาเยือนเมืองเวนิสมากกว่าหนึ่งครั้ง คร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคน แพทย์เดินไปรอบ ๆ เมืองร้างเพื่อเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ติดโรคร้าย พวกเขาสวมหน้ากาก น้ำมันอะโรมาติกและสารอื่นๆ วางอยู่ในจมูกรูปจะงอยปากยาวของเธอ เชื่อกันว่าน้ำมันเหล่านี้ป้องกันการติดเชื้อจากโรคระบาด แพทย์สวมเสื้อคลุมยาวสีเข้มที่ทำจากผ้าลินินหรือวัสดุแว็กซ์เหนือเสื้อผ้าของเขาแล้วหยิบไม้พิเศษไว้ในมือเพื่อไม่ให้มือสัมผัสคนที่เป็นโรคโรคระบาด

เวเนเชียนเลดี้. ที่บอกว่ามันทั้งหมด หินมีค่า ผ้าตะวันออกราคาแพง - ผ้า, ผ้าซาติน, ผ้ามัวร์, ธูปที่ประณีต

สตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนควรมีสาวใช้ เลดี้เวนิสก็ทำไม่ได้หากไม่มีเธอเช่นกัน

Moretta - "ผิวคล้ำ" - เป็นหน้ากากคาร์นิวัลที่โรแมนติกที่สุดที่ทำจากกำมะหยี่สีดำหรือผ้าซาติน

คาสโนวาชื่นชอบเธอ ความงามของชาวมอริเตเนียผิวคล้ำมักจะดูลึกลับและเงียบสงบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลนี้หรือด้วยเหตุผลอื่น หน้ากากนี้มีชื่ออื่นว่า "ความยินดีของสามี" ความลับก็คือว่าหน้ากากนี้ถูกยึดไว้บนใบหน้าด้วยความช่วยเหลือของหมุดที่ติดอยู่ด้านในซึ่งจะต้องยึดไว้ที่ฟัน

แต่ถึงกระนั้นก็มีเพียง Columbina เท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับความงามของ Venetian Lady ได้ เจ้าของหน้ากากนี้ได้รับอนุญาตให้แยกริมฝีปากอันเย้ายวนของเธอเพื่อชื่นชมสายตา

แต่โคลัมไบน์เป็นเพลงที่แตกต่าง เป็นเรื่องราวที่แตกต่าง Del arte - ตลกหน้ากาก แนววรรณกรรมและละครเวที มีบริษัทอยู่ที่นี่

Pantalone เป็นพ่อค้าชาวเวนิส ชายชรา ขี้ตระหนี่ คิดเลข แต่ถูกหลอกอยู่เสมอ

แพทย์เป็นทนายความจากโบโลญญา นักวิทยาศาสตร์ในจินตนาการ นักพูด และคนอวดรู้

Brigella เป็นคนรับใช้ที่ชาญฉลาด คล่องแคล่ว มีไหวพริบ เป็นอดีตชาวนา มักจะต่อต้านผู้เฒ่าที่ขัดขวางไม่ให้คนหนุ่มสาวใช้ชีวิต รัก และมีความสุข

Harlequin เป็นคนรับใช้ที่โง่เขลาเขามาจากแบร์กาโมเพื่อแสวงหาความสุขในเมืองที่ดีที่สุดในโลก - เวนิส, ร่าเริง, ขี้เกียจ, คนตะกละและเจ้าชู้ แต่ในขณะเดียวกันก็สุภาพและถ่อมตัว

โคลัมไบน์เป็นคนรับใช้ เด็กสาวร่าเริงและกล้าได้กล้าเสีย มีส่วนร่วมในแผนการและการพลิกผันของพล็อตเรื่อง

ด้วยความช่วยเหลือของหน้ากากเหล่านี้ การแสดงอันงดงามได้เกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่อิงจากการแสดงด้นสด Carlo Gozzi ผู้แต่ง "Turandot" อันโด่งดังเชื่อว่าแนวตลกของหน้ากากนี้เป็นของขวัญจากเวนิสสำหรับศิลปะการแสดงละคร

ซี. กอซซี่

คาร์โล โกลโดนีผู้โด่งดังอีกคนหนึ่งจากเวนิสก็ยกย่องประเภทนี้เช่นกัน

และ บริษัท ทั้งหมดนี้ - Harlequin, Pantalone, Brigella, Doctor - เข้าร่วมการเต้นรำรอบงานรื่นเริงอย่างถูกต้องและ Columbina กลายเป็นสัญลักษณ์ของวันหยุดของชาวเวนิส

ชุดเดรสเมืองหลวงของ Doge
ดาวทั้งหมดเปล่งประกายให้กับลูกบอล
เห็น หัวเราะ และพูดคุย
เทศกาลคาร์นิวัลหลากสีสันเปล่งประกาย
นี่คือ Harlequin ภายใต้หน้ากากสีดำ
ความร้อนแผดเผาผ้าขี้ริ้วของเขาอย่างไร
คาสซานดราพร้อมโน้ตที่กระปรี้กระเปร่า
เขาเต้นหุ้นหัวเราะของเขา
ขาวทั้งตัวเหมือนปากโต
นกเพนกวินเหนือหินทางเหนือ
เปียโรต์อยู่ในช่องว่างของโน้ตกลมๆ
สั่นศีรษะของเขา
แพทย์ชาวโบโลญญาพูดคุย
มีคำถามในเบสที่ทุกคนเข้าใจคือ
โพลิชิเนลก้มลงด้วยความโกรธ
จมูกยาวล้อเลียนโน้ตดนตรี
ผลัก Trivelin ออกไป
เป่าจมูกด้วยท่อ
ที่โคลัมไบน์ของ Scaramouche
เขาพาแฟนของเขาไปด้วยรอยยิ้ม
จังหวะดังขึ้นและในไม่ช้า
มีโดมิโนกำลังทะลุฝูงชน
แต่ในรอยกรีดของการจ้องมองเจ้าเล่ห์
ไม่สามารถปกปิดขนตาได้
โอ้ หนวดเคราบางๆ ของลูกไม้
ว่าเสียงถอนหายใจเบากว่าความฝัน
เมื่อค้นพบความลับทันที
ร้องเพลง Arpeggio: - เธอ!
และฉันเรียนรู้จากการได้ยินด้วยความรัก
ภายใต้หน้ากากอันน่ากลัว ริมฝีปาก
เหมือนลูกพลัมที่มีขนปุยสีทอง
และมีจุดดำบนหน้าผาก

ที. โกติเยร์. แปลโดย N. Gumilyov

แต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงสักวันหนึ่ง คาร์นิวัลเสียชีวิตเมื่อสาธารณรัฐเวนิสเสียชีวิต ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ท่ามกลางไฟแห่งสงครามนโปเลียน

ในช่วงทศวรรษที่ 70 ของศตวรรษที่ผ่านมา มีการตัดสินใจที่จะรื้อฟื้นวันหยุดอีกครั้ง โดยปกติจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และมีการประกาศธีมวันหยุดล่วงหน้าเป็นเวลา 10 วัน ในปีนี้มีสองคน - "ศตวรรษที่ 19" และ "การรวมอิตาลี" แต่อย่างที่เขาว่ากัน คุณไม่สามารถก้าวลงแม่น้ำสายเดิมซ้ำสองครั้งได้ ประเพณีมีการปฏิบัติตามอย่างระมัดระวัง เทศกาลคาร์นิวัลเริ่มต้นด้วย Festa della Marie นางฟ้า "บิน" จากกัมปาเนลลา - หอระฆังสูง 100 เมตรของมหาวิหารเซนต์มาร์ก โปรยกระดาษโปรยอยู่รอบตัวเขา หน้ากากงานรื่นเริงแบบเดียวกันนั้นเดินเตร่ไปตามถนน...

ทุกอย่างเป็นความจริง แต่อย่างที่ผู้เห็นเหตุการณ์พูดวิญญาณของงานรื่นเริงก็หายไป ปัจจุบันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์อันงดงามสำหรับนักท่องเที่ยวมากกว่าวิถีชีวิตของชาวเวนิสเอง

แต่เวนิสเป็นเมืองที่คาดเดาไม่ได้ บางครั้งปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นที่นี่ ในศตวรรษที่ 11 มีการพบพระธาตุของนักบุญมาระโก ซึ่งสูญหายไปอย่างไม่อาจแก้ไขได้ในระหว่างการบูรณะมหาวิหาร บางทีไม่ช้าก็เร็วปาฏิหาริย์อีกครั้งก็จะเกิดขึ้น: จิตวิญญาณที่แท้จริงของงานรื่นเริงเวนิสจะกลับมา - จิตวิญญาณแห่งความบ้าคลั่งร่าเริงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และการผจญภัยทางศิลปะ

มีการใช้สื่อจากวิกิพีเดียและเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตอื่นๆ

เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลเป็นเทศกาลเครื่องแต่งกายที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนกุมภาพันธ์ในเมืองเวนิส ผู้หญิงลึกลับในชุดหรูหราและหน้ากากครึ่งหน้าลูกไม้ สุภาพบุรุษใน bautas ขบวนแห่และขบวนพาเหรด การแสดงริมถนนและดนตรี... วันนี้งานรื่นเริงในเวนิสเป็นไปตามกฎที่กำหนดและมีธีมบางอย่าง แต่เมื่อหลายศตวรรษก่อนมันเป็นการจลาจลที่แท้จริง ของความตื่นเต้นและการเกี้ยวพาราสี

เวนิส คาร์นิวัล - หรูหรา มีเสน่ห์ ลึกลับ
บางครั้งคุณอยากจะเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก ซ่อนหน้าไว้ใต้หน้ากาก ละทิ้งอคติทั้งหมด และเปิดรับอารมณ์ต่างๆ เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลซึ่งจัดขึ้นทุกปีในอิตาลีทำให้เรามีโอกาสเช่นนี้ การแสดงอันน่าหลงใหลอันยิ่งใหญ่นี้เปลี่ยนเวนิสให้กลายเป็นละครประเภทหนึ่งที่ทุกคนมีบทบาทของตน นักท่องเที่ยวครึ่งล้านมาที่นี่ทุกปีเพื่อค้นหาอิสรภาพ แรงผลักดัน และความมหัศจรรย์ สองสัปดาห์แห่งเทพนิยายที่แท้จริง ความประทับใจอันน่ารื่นรมย์มากมาย และความทรงจำอันล้ำค่า


คาร์นิวัลในเวนิสเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้คนตั้งตารอมากที่สุดแห่งปี ทั้งสำหรับชาวเมืองโบราณแห่งนี้และสำหรับนักท่องเที่ยวนับหมื่นจากทั่วทุกมุมโลก ในช่วงระยะเวลาของการเฉลิมฉลอง เวนิสอันเงียบสงบจะกำจัดความรับผิดชอบและอคติใด ๆ ออกไป และกลายเป็นสถานที่ที่อิสระที่สุด (ทุกประการ) ในโลก

ประวัติความเป็นมาของเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล

ประวัติศาสตร์ของ Carnevale di Venezia พาเราย้อนกลับไปในสมัยกรุงโรมโบราณสำหรับ Saturnalia ประจำปี - เทศกาลนอกรีตเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพเจ้า Saturn (ผู้อุปถัมภ์การเกษตร) ซึ่งมีการเฉลิมฉลองในเดือนธันวาคมหลังการเก็บเกี่ยวในช่วงครีษมายันและมาพร้อมกับการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่
เฉพาะในช่วง Saturnalia เท่านั้นที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ข้อห้ามและอคติใด ๆ ก็ได้ถูกยกเลิก แม้แต่ทาสก็ยังสนุกสนานกับเจ้านายของพวกเขาด้วยเงื่อนไขที่เท่าเทียมกัน และเพื่อให้รู้สึกสบายใจและไม่เปิดเผยตัวตน ผู้คนจึงสวมหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าของตนโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้ว่าชายตรงหน้าเขาเป็นทาสหรือเจ้านายผู้สูงศักดิ์ คุณสามารถทำทุกอย่างที่คุณต้องการ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งและตำแหน่งในสังคม ในกรุงโรมโบราณ หน้ากากไม่มีหน้าและเหมือนกันสำหรับทุกคน

ด้วยการถือกำเนิดของประเพณีของชาวคริสต์ วันหยุดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย– ตอนนี้ไม่มีใครรบกวนวิหารเทพเจ้าแห่งโรมันโบราณ วันหยุดนี้ไม่ได้อุทิศให้กับเทพเจ้าอีกต่อไป ผู้คนแค่อยากสนุกสนานในวันหยุดที่อนุญาตให้เกือบทุกอย่างได้ คุณลักษณะที่ขาดไม่ได้ของวันหยุด - หน้ากากและชุดคาร์นิวัล - ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
แต่วันที่วันหยุดจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย งานรื่นเริงเริ่มจัดขึ้นในช่วงปลายฤดูหนาวในช่วงก่อนวันเข้าพรรษา

มีช่วงหนึ่งที่เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลเริ่มขึ้นในวันที่สองของวันคริสต์มาสนั่นคือในวันเซนต์สตีเฟนตามปฏิทินเกรกอเรียน (26 ธันวาคม) งานรื่นเริงดำเนินไปจนถึงวันอังคารก่อนเข้าพรรษา ซึ่งจะเริ่มในวันพุธในโบสถ์คาทอลิกเสมอ วันนี้บางครั้งเรียกว่า "วันอังคารอ้วน" แม้ว่าจะมีลำดับเหตุการณ์ของงานรื่นเริงในรูปแบบอื่น ๆ เช่นจากคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์และผู้ร่วมสมัยหลายคนในยุคบาโรกก็ชัดเจนว่ามันไม่ได้สิ้นสุดจริงๆ การหยุดพักเกิดขึ้นเฉพาะระหว่างการอดอาหารและในความเป็นจริงคือการเก็บเกี่ยว ในเดือนตุลาคม ความสนุกของงานคาร์นิวัลได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!

เกี่ยวกับเวลาที่งานคาร์นิวัลเวนิสครั้งแรกเกิดขึ้นมีหลายเวอร์ชั่นด้วย
1) ในปี 1094 ภายใต้สนธิสัญญากับไบแซนเทียม สาธารณรัฐเวนิสได้รับบ้านในกรุงคอนสแตนติโนเปิลและสิทธิพิเศษทางภาษีเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สาธารณรัฐเวนิสมีข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การเฉลิมฉลองกิจกรรมนี้อาจเป็นงานรื่นเริงของชาวเวนิสครั้งแรก
2) ตามเวอร์ชันอื่น งานคาร์นิวัลเวนิสครั้งแรกจัดขึ้นในปี 998 เมื่อชาวเมืองเวนิสรุ่นเยาว์ส่งคืนเจ้าสาวที่ถูกโจรสลัดโครเอเชียลักพาตัวไป
3) รุ่นที่สามกล่าวว่างานรื่นเริงเวนิสครั้งแรกเกิดขึ้นเฉพาะในปี 1162 เพื่อเป็นเกียรติแก่การเฉลิมฉลองชัยชนะของสาธารณรัฐเวนิสในการทำสงครามกับปรมาจารย์อุลริโก ชาวเมืองหลั่งไหลออกมาในฝูงชนที่มีเสียงดังในจัตุรัสเซนต์มาร์ก ซึ่งพวกเขาดื่มด่ำกับงานเลี้ยงและความสนุกสนาน

ในปี 1296 ชาวเวนิสยังได้รับรองงานรื่นเริงอย่างเป็นทางการอีกด้วย: วุฒิสภาแห่งสาธารณรัฐเวนิสประกาศวันสุดท้ายก่อนเข้าพรรษาเป็นวันหยุด การเฉลิมฉลองนี้เกิดขึ้นก่อนวันเข้าพรรษา เช่น เทศกาลมาเลนิตซาของชาวสลาฟ และในขณะเดียวกัน มันคือความทรงจำถึงชัยชนะที่สดใสที่สุด ตลกที่สุด และน่าทึ่งที่สุดเหนือแบบเหมารวมทางสังคม (และอื่น ๆ !) ที่อาจเกิดขึ้นในยุโรปยุคกลาง

มีความเชื่อกันว่า คำว่า "งานรื่นเริง" นั้นมีต้นกำเนิดมามาจากภาษาลาติน "carne vale" แปลว่า "อำลาเนื้อ" นี่คือเวอร์ชันคริสตจักรที่เป็นที่ยอมรับ ชาวเวนิสทั่วไปมีความคิดแตกต่างออกไป พวกเขาแปล "งานรื่นเริง" ดังนี้ carrus navelis - "รถม้าที่น่าขบขันเรือแห่งขบวนแห่รื่นเริง" และชอบให้ตรงกับ Festa della Marie ซึ่งเป็นวันหยุดโบราณที่อุทิศให้กับการช่วยเหลือเด็กผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวโดยโจรสลัด Istrian
งานคาร์นิวัลสมัยใหม่เริ่มต้นด้วยวันหยุดนี้เช่นกัน 12 สาวสวยที่สุดในเวนิสได้รับรางวัล - สำนักงานนายกเทศมนตรีจ่ายค่าล่องเรือสุดหรูให้พวกเขา


สิ่งหนึ่งที่แน่นอนอยู่แล้วก็คือ ในศตวรรษที่ 13วันสุดท้ายก่อนเริ่มเข้าพรรษาได้รับการประกาศให้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองและการเฉลิมฉลองในที่สาธารณะ
ในปีต่อ ๆ มา งานคาร์นิวัลในเวนิสซึ่งมีวันที่ไม่คงที่ (การเฉลิมฉลองอาจเริ่มในเดือนตุลาคมซึ่งถึงจุดสูงสุดในช่วงเข้าพรรษา) ได้รับขอบเขตอันน่าทึ่ง สัปดาห์สุดท้ายของงานรื่นเริงกลายเป็นส่วนหลักและสว่างที่สุด ทุกวันนี้ไม่มีกฎเกณฑ์หรือข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น อนุญาตให้มีการล่อลวง การลักพาตัว การล่อลวง และการวางอุบาย ทุกคนสวมหน้ากากและเครื่องแต่งกายแปลก ๆ เดินไปรอบ ๆ คู่สมรสจำครึ่งของพวกเขาไม่ได้กำหนดเดทไว้เกือบทุกนาทีและความสนุกสนานและการเต้นรำยังคงดำเนินต่อไปตลอดเวลา

สองศตวรรษต่อมา มีการจัดตั้งกองทุนขึ้นในเมืองเวนิสเพื่อระดมทุนสำหรับเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลประจำปี ซึ่งในเวลานั้นได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตของเวนิส คนทั้งเมืองแห่กันไปที่จัตุรัสเซนต์มาร์กในช่วงวันหยุดเพื่อเข้าร่วม Sabantuy และชมการแสดง
นักกายกรรม ตัวตลก และนักเต้นต่างวิ่งออกไป และการแสดงดอกไม้ไฟอันงดงามก็ปิดท้ายการแสดง เมื่อเวลาผ่านไป หน้ากากเวนิสซึ่งเริ่มแรกคัดลอกเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ของศาสนานอกรีตเริ่มเปลี่ยนไป สะท้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของชาวเมือง และในระหว่างงานรื่นเริงในเมืองเวนิส ความสำเร็จที่มีชื่อเสียงที่สุดของชาวเวนิสได้รับการเฉลิมฉลอง ดังนั้นธีมของงานคาร์นิวัลเวนิสที่ตามมาหลายครั้งจึงได้รับจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสาธารณรัฐเวนิสในการต่อสู้กับพวกเติร์ก ในปี ค.ศ. 1571- เสียงสะท้อนของงานเลี้ยงนั้นยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะแม้แต่ตอนนี้ผ้าโพกหัวอันเขียวชอุ่มหรือกางเกงขายาวสีสดใสก็ยังปรากฏให้เห็นท่ามกลางฝูงชนในงานรื่นเริงที่ San Marco

เทศกาลคาร์นิวัลเวนิสค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วโลก คุณลักษณะหลักของงานรื่นเริงคือเครื่องแต่งกายและหน้ากาก ซึ่งออกแบบมาเพื่อซ่อนความแตกต่างทางสังคมและทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันในระหว่างการเฉลิมฉลอง


“ในขณะที่งานคาร์นิวัลดำเนินไป ทุกคนสวมหน้ากาก ตั้งแต่ Doge ไปจนถึงสาวใช้คนสุดท้าย พวกเขาสวมหน้ากากเพื่อดำเนินธุรกิจ ปกป้องกระบวนการ ซื้อปลา เขียนและเยี่ยมชม สวมหน้ากากคุณสามารถพูดได้ทุกอย่างและกล้าทำทุกอย่าง - หน้ากากที่ได้รับอนุญาตจากสาธารณรัฐอยู่ภายใต้การคุ้มครอง คุณสามารถเข้าไปในทุกที่โดยปลอมตัว: เข้าไปในร้านเสริมสวย, เข้าไปในสำนักงาน, เข้าไปในอาราม, เข้าไปในลูกบอล, เข้าไปในพระราชวัง, เข้าไปในคาสิโน ไม่มีอุปสรรคไม่มีชื่อเรื่อง ไม่มีขุนนางที่นุ่งห่มยาวอีกต่อไป ไม่มีลูกหาบที่จูบขอบ ไม่มีสายลับ ไม่มีแม่ชี ไม่มีนักสะสม ไม่มีสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์ ไม่มีพนักงานสอบสวน ไม่มีตัวตลก ไม่มีคนจน ไม่มีชาวต่างชาติ”


ตามกฎหมายที่ไม่ได้เขียนไว้ของงานรื่นเริงในยุคกลาง ในช่วงเวลานั้น การประชุมทางสังคมและกฎเกณฑ์ในชีวิตประจำวันทั้งหมดถูกยกเลิก ทุกคนสามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการ ในสมัยนั้นคนธรรมดาสามัญมักซ่อนตัวอยู่ใต้หน้ากากของสุภาพสตรีผู้เข้มงวดและขุนนางผู้สูงศักดิ์และคนชั้นสูงก็เดินไปรอบ ๆ ภายใต้หน้ากากของคนธรรมดาซึ่งทำให้งานรื่นเริงมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากความมั่งคั่งและความยากจนถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากาก สามัญชนทุกคนจึงสามารถวางใจในความสนใจของเจ้าหญิงและขุนนางสามารถเกลี้ยกล่อมช่างเย็บได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในชีวิตปกติบรรทัดฐานของความเหมาะสมไม่อนุญาตให้เขาทำ ช่างทำรองเท้าสามารถจีบสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์และในทางกลับกัน หน้ากากเหล่านี้เก็บความลับของเจ้านายอย่างระมัดระวัง...

เมืองลึกลับและแปลกประหลาดที่ดูเหมือนทิวทัศน์อันงดงามได้กำหนดกฎเกณฑ์ของมันเอง เขาเรียกร้องชีวิตที่งดงาม ร่ำรวย และน่าทึ่งเป็นพิเศษ นอกเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามปกติ ความรัก ความหลงใหล ความตาย ล้วนเป็นแขกรับเชิญในวันหยุดอันแสนวิเศษนี้

บางคนสวมหน้ากากเป็นเวลาหกเดือนตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์-มีนาคมและหน้ากากทำให้ผู้คนมีสิทธิที่จะไม่มีใครจดจำได้ แต่ความอดทนของเจ้าหน้าที่ก็หมดลง และตามคำสั่งอย่างเป็นทางการของศาสนจักรในปี 1608 ได้สั่งห้ามการสวมหน้ากากนอกงานรื่นเริง เพื่อไม่ให้ใครกล้ากระทำการที่ไม่สมควรภายใต้หน้ากาก
ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามต้องจ่ายเงิน ผู้ชายอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดสองเดือน และผู้หญิงถูกเฆี่ยนในที่สาธารณะในจัตุรัสกลาง

ในศตวรรษที่ 17 งานรื่นเริงเริ่มสั้นลงแต่สิ่งนี้ทำให้สว่างขึ้น เร็วขึ้น และมีสีสันมากขึ้น
บนจัตุรัสเซนต์. นักแสดงตลกของมาร์คแสดงละครหุ่นกระบอกนักโหราศาสตร์เดินทางทำนายอนาคตนักกายกรรมหมุนวนนักพากย์เสียงพูดด้วยเสียงฝังศพผู้รักชาติแบ่งออกเป็นสองทีมผู้เล่น 25 คนในแต่ละด้านเล่นเกมที่ชวนให้นึกถึงฟุตบอลสมัยใหม่ - พวกเขาพยายามโยนลูกบอลหนังไปที่ ฝั่งศัตรู ระหว่างหน้าต่างของพระราชวังมีการขึงเชือกไว้ซึ่งนักไต่เชือกเดิน มีการสู้วัวกระทิงที่จัตุรัสกลาง

ไม่มีเวลาให้เสีย เราต้องสนุกไปกับทุกช่วงเวลา มีการนัดหมาย มีการทะเลาะกันระหว่างคู่แข่ง ดวงตาของหญิงสาวชาวเวนิสที่สวยงามเปล่งประกายอย่างลึกลับในรอยกรีดของหน้ากาก คู่รักที่มีความสุขล่องเรือกอนโดลาปลายแหลม เสียงเพลงของคนแจวเรือดังก้องไปตามคลองหลายสาย อากาศเต็มไปด้วยหมอก ความตื่นเต้น ความรัก ความริษยา...
และรอบๆ ก็มีหน้ากาก หน้ากาก หน้ากาก... พวกมันหมุนวนเป็นวงกลมเต้นรำเป็นประกายไม่รู้จบ

หน้ากากเวนิสและเครื่องแต่งกาย

คุณลักษณะหลักของเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลคือการสวมหน้ากากมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่สวมหน้ากากในงานรื่นเริงจนกระทั่งศตวรรษที่ 13-14 ก็ตาม อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่แค่เครื่องประดับที่ครอบคลุมใบหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานศิลปะทั้งหมดอีกด้วย หน้ากากเวนิสมีความโดดเด่นด้วยความซับซ้อนและงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม ความลับของการผลิตได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยรักษาประเพณีพื้นฐานและซึมซับกระแสสมัยใหม่

ในตอนแรก หน้ากากทำจากหนัง ผ้า หรือใช้เทคนิคเปเปอร์มาเช่แบบดั้งเดิม ปัจจุบันยังคงทำด้วยมือ ตกแต่งด้วยเครื่องประดับ พลอยเทียม ขนนก เครื่องประดับ เงิน และทอง

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา ปรมาจารย์พิเศษได้ทำหน้ากาก- "มาสเชรี" ปรมาจารย์เหล่านี้มีสถานะพิเศษในสังคม - ท้ายที่สุดพวกเขาไม่เพียงทำมาสก์เท่านั้น แต่ยังทำมาสก์สำหรับงานรื่นเริงด้วย
maschereri แต่ละคนมีเด็กฝึกงานหลายคนที่มีส่วนร่วมในการพิมพ์ใบหน้าซึ่งเป็นพื้นฐานของหน้ากากในอนาคต

อย่างไรก็ตาม, หน้ากากยอดนิยมของชาวเวนิสคือ Bauta Mask (อิตาลี: Bauta)- แค่ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวในแบบเวนิส ที่นี่มีเพียงสองสีเท่านั้นคือสีดำและสีขาว หน้ากากสีขาวปิดทั่วทั้งใบหน้า โดยมีช่องสำหรับดวงตา มีส่วนที่ยื่นออกมาอย่างชัดเจนสำหรับสันจมูกและคิ้ว โดยไม่มีช่องเปิดสำหรับปาก ส่วนล่างยื่นออกมาเล็กน้อยเพื่อให้บุคคลสามารถกินและดื่มได้โดยไม่ต้องเปิดเผยใบหน้า
สำหรับ "หน้ากาก" สีขาว - เสื้อคลุมสีดำ หน้ากากนี้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน - ผู้รักชาติและสามัญชนทั้งชายและหญิง เพื่อความเรียบง่ายและอเนกประสงค์ อย่างไรก็ตามมันไม่เพียงสะดวกที่จะพูดคุยเท่านั้นโดยไม่ต้องถอดหน้ากากออกคุณสามารถลิ้มลองอาหารจานโปรดของคุณ: "กั้งกุ้งหมี" แสนอร่อยทอดในเนยน้ำมะนาวและสมุนไพร langoustine ม้วนกับคาเวียร์ปลาหมึกปลาหมึกกับหน่อไม้ฝรั่ง ปลาไหลทะเลซึ่งเสิร์ฟย่าง หมักกับมะเขือเทศในไวน์ Marsala ของอิตาลี น้ำส้มสายชูและผักชีฝรั่ง บัคคาลา เมนูปลาคอด และแน่นอนว่าเป็นเป็ดย่าง เพราะเทศกาลเข้าพรรษากำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้
และชื่อแปลก ๆ “บาวตะ” นั้นเป็นสัตว์ประหลาดในจินตนาการ คล้ายกับ “บุกะ” และ “เบียกะ” ของเรา


หน้ากากคลาสสิกของงานรื่นเริงเวนิส ได้แก่ยกเว้น Bauta (ที่ง่ายที่สุดและเป็นที่นิยมมากที่สุด), Moretta (“ Mute Maid”), Venetian Lady, Cat (การปรากฏตัวของหน้ากาก Cat มีเหตุผลที่ค่อนข้างง่าย: มีแมวน้อยมากในเวนิสและชาวเมืองบน น้ำมีความสนใจและความเคารพต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก), Doctor Plague (มาจากเครื่องแต่งกายในชีวิตจริงซึ่งเป็นความจำเป็นอันน่าเศร้าในช่วงที่มีโรคระบาด) และ Volto (หน้ากาก "พลเมือง" ที่เป็นกลาง)

เลดี้เวนิส (ดามา ดิ เวเนเซีย)– มาส์กที่บ่งบอกถึงความงามอันละเอียดอ่อนและอ่อนล้า นี่คือภาพของสตรีชาวเวนิสผู้มีเสน่ห์เย้ายวนตั้งแต่สมัยทิเชียนและยุคชิงเกวเซนโต: ชุดเดรสอันงดงาม เครื่องประดับมากมาย เครื่องประดับศีรษะแฟนซี หรือทรงผมที่ประณีตและหรูหรา หน้ากากนี้ติดด้วยริบบิ้นที่ศีรษะของเจ้าของ แต่ก็มีการใช้หน้ากากที่มีด้ามจับติดกับคางด้วย

Moretta (“ผู้หญิงผิวเข้ม” จากภาษาอิตาลี “la moretta”, “Mute Maid” จากภาษาอิตาลี “servetta muta”)- หน้ากากทรงกลมหรือวงรีของผู้หญิงทำจากกำมะหยี่สีดำ (บางครั้งก็เสริมด้วยริบบิ้นลูกไม้ที่ดวงตา) เธอมาเวนิสจากฝรั่งเศส ชื่อของหน้ากากนี้ (ตามเวอร์ชันหนึ่ง) มาจากคำว่า "มัวร์" ซึ่งในภาษาเวนิสแปลว่าสีดำ
หน้ากากไม่มีปากหรือสายรัดสำหรับคล้อง มันถูกยึดไว้บนใบหน้าด้วยหมุดภายใน ซึ่งเจ้าของจะหนีบไว้ระหว่างฟันของเธอ ซึ่งทำให้เธอพูดไม่ได้ คาสโนว่ายกย่องความเงียบขรึมนี้ว่าเป็นศักดิ์ศรี ความเย้ายวน ความลึกลับอันน่าหลงใหล ผู้หญิงที่ไม่มีใบหน้า มีน้ำเสียง และตอบสนองด้วยภาษามือเท่านั้น และนี่คือข้อความย่อยที่สะท้อนให้เห็นในชื่อประจำวันของหน้ากากนี้ ซึ่งสามารถแปลได้ว่า "ความสุขของสามี" และ "หน้ากากแห่งความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว" อย่างไรก็ตามตามความจริงแล้วมีเพียงผู้หญิงเวนิสเท่านั้นที่สามารถอิจฉาได้ - ตลอดเวลาพวกเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระและได้รับอนุญาตมากมาย นอกจากนี้ตามคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ สีดำของหน้ากากเน้นย้ำถึงความซีดเซียวของใบหน้าอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีคุณค่าอย่างยิ่งในสังคมชั้นสูงในสมัยนั้น

โมเร็ตต้าสมัยใหม่นั้นหายากและผลิตตามสั่งเท่านั้น

หมอโรคระบาด (Medico della Peste, หมอโรคระบาดชาวอังกฤษ, Pestarzt เยอรมัน, โรคระบาดทางฟิสิกส์ของอิตาลี)- หนึ่งในหน้ากากที่มีชื่อเสียงและน่ากลัวที่สุดโดยมีจมูกโค้งยาวเหมือนจะงอยปาก มันถูกคิดค้นโดยแพทย์ชาวฝรั่งเศส Charles de Lorme เพื่อป้องกันแบคทีเรีย ในช่วงที่มีโรคระบาด แพทย์สวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปเยี่ยมผู้ป่วย เกลือฆ่าเชื้อและพืชที่ปล่อยน้ำมันหอมระเหย: โรสแมรี่, กระเทียม, จูนิเปอร์ ฯลฯ ซึ่งควรจะป้องกันการติดเชื้อจากโรคถูกวางไว้ในจมูกยาว ในยุคกลางการปรากฏตัวของ "หมอโรคระบาด" ทำให้ชาวเมืองในยุโรปหวาดกลัวเพราะมันหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น - การมาถึงของความตายที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งหมดนี้ช่างเลวร้ายและหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนเมื่อโรคระบาดเริ่มมาเยือนเมืองต่างๆ น้อยลง ผู้คนจำเป็นต้องเยาะเย้ยและเปลี่ยนภาพลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัวของหมอโรคระบาด และภาพเก่าอันน่าเศร้าของผู้ส่งสารแห่งความตายซึ่งไม่สอดคล้องกับความสุขของเทศกาลคาร์นิวัลก็กลายเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเมื่อเวลาผ่านไป และ "หมอโรคระบาด" ที่ดีเนื่องจากความสว่างและความทรงจำของภาพของเขาจึงได้กลายเป็นหนึ่งในหน้ากากเวนิสที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

โวลโต– หน้ากากนี้เรียกอีกอย่างว่าพลเมือง เนื่องจากความกว้างขวางและความเป็นกลาง ชาวเมืองธรรมดาจึงชอบสวมใส่มัน นี่เป็นหน้ากากที่ "ไร้หน้า" ที่สุดในบรรดาหน้ากากทั้งหมด โดยมีลักษณะเป็นวงรีของใบหน้ามนุษย์ธรรมดาๆ โดยไม่มีคุณสมบัติหรือคุณสมบัติพิเศษใดๆ เนื่องจากความเรียบง่ายของวงรีและประเภทของตัวยึด หน้ากากนี้จึงคล้ายกับ Venetian Lady นั่นคือติดกับศีรษะด้วยริบบิ้นหรือมีที่จับที่คาง
ในตอนแรก หน้ากากจะเป็นสีขาวหรือสีทอง โดยไม่มีการตกแต่งใดๆ เมื่อไม่นานมานี้ หน้ากากของโวลโตเริ่มตกแต่งด้วยภาพวาด หิน เชือก ประกายไฟ และผ้า

แมว (กัตโตะ)- หน้ากากสัตว์ชนิดเดียวในช่วงวันหยุดในเวนิสซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นเวลานานแล้วที่แมวในเวนิสมีค่าเป็นทองคำ สำหรับคนจับหนูที่ดี พวกมันจะให้ทองคำมากเท่ากับน้ำหนักตัวของแมว
มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความรักที่มีต่อแมวของชาวเวนิส ชาวอังกฤษ John Locke ซึ่งทำหน้าที่เป็นกะลาสีเรือในปี 1553 บนเรือ Venetian เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเห็นแมวเรือลำหนึ่งตกลงไปบนเรือ จึงเขียนบันทึกนี้ไว้ในสมุดบันทึกว่า "แมวพยายามจะลอยลงจากเรือแล้ว และกัปตันของเราทันทีที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงสั่งให้เรือพร้อมกะลาสี 6 คน ส่งตามเธอไป... ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะช่วยเหลือได้เร็วขนาดนี้หากลูกเรือคนใดคนหนึ่งตกน้ำ”

โจ๊กเกอร์ (Jester, Jester, Fool, Buffon, Buffon, Narr หรือ Naaror, Juglar, หญิง - Joly, Jolli)- ภาพนี้อยู่บนขอบเขตระหว่างมาสก์แบบคลาสสิกและรูปภาพจากคอมเมเดียเดลลาร์เต
ทุกวัฒนธรรมมีภาพลักษณ์ของนักผจญภัยที่ร่าเริงนักหลอกลวง บางครั้งเขาก็เป็นพระเจ้า บางครั้งเป็นตัวตลกในราชสำนัก บางครั้งก็เป็นขอทานในชุดผ้าขี้ริ้ว ตัวตลกสามารถเยาะเย้ยข้าราชบริพารคนใดก็ได้ รวมทั้งตัวกษัตริย์เอง และยังคงไม่ได้รับการลงโทษ บูฟอนถือเป็นสัญลักษณ์คู่ตรงข้ามของผู้ปกครอง (เช่นหยินและหยาง) และพูดในสิ่งที่แม้แต่ผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลกนี้ยังไม่กล้าพูด
โจ๊กเกอร์มักจะสวมเครื่องแต่งกายที่ทำจากเศษสีสันสดใสหลากหลายชนิด ผ้าโพกศีรษะสามหางอันโด่งดังที่มีระฆังอยู่ที่ปลายเป็นสัญลักษณ์ของหูและหางของลา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตัวตลกมายาวนาน ไฮไลท์อื่นๆ ของรูปลักษณ์ของโจ๊กเกอร์คือเสียงหัวเราะตลอดเวลาของเขาและคทาปลอม หรือที่รู้จักกันในชื่อ bouble หรือ marotte

ในศตวรรษที่ 18 ตัวละครหลักของงานรื่นเริงเวนิสคือวีรบุรุษของหนังตลกอิตาลี Del Arte: Harlequins, Pierrot, Pantalone, Pulcinello, Pedrolino, Zanni, Brighell นับแสนคนปรากฏตัวบนท้องถนน และ Columbine ที่น่ารักก็กลายเป็นใบหน้าหรือเป็นหน้ากากของงานรื่นเริง

หน้ากากโคลัมไบน์ปกปิดใบหน้าไม่หมดทำให้ริมฝีปากเปิดทิ้งไว้ มักตกแต่งด้วยทอง เงิน คริสตัล และขนนก ในตอนแรก หน้ากากเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ของนักแสดงหญิงโคลัมไบน์ในละครตลกเดลลาร์เต ตามตำนาน ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจนเธอไม่ต้องการปิดบังใบหน้าทั้งหมด ดังนั้นหน้ากากนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ ต่อมาได้รับความนิยมอย่างมากเพราะสะดวกในการรับประทานและจุบจิบ

ในเวลาเดียวกัน ประเพณีก็ได้ถือกำเนิดขึ้นและสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ในวันแรกของงานรื่นเริง โดยให้ลดนกพิราบจักรกล Columbina ลงจากหอระฆังเหนือจัตุรัสเซนต์มาร์ก ซึ่งมีลูกปาตกลงมา การโปรยกระดาษโปรยลงมาถือเป็นการเริ่มต้นงานคาร์นิวัลอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นไม่นานก็มาถึงช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานอันไร้ขีดจำกัด

เทศกาลคาร์นิวัลไม่เพียงแต่ได้รับการเฉลิมฉลองโดยขุนนางชาวเวนิสผู้มั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังเฉลิมฉลองงานเต้นรำสวมหน้ากากในพระราชวังอันหรูหราอีกด้วย ในช่วงรัชสมัยของ Venetian doges การเฉลิมฉลองเกิดขึ้นในสามเมือง ได้แก่ Piazzetta, Riva de 'Schiavoni และกิจกรรมหลักจัดขึ้นที่จัตุรัสเซนต์มาร์ก คนธรรมดาก็สนุกสนานตามท้องถนนและจัตุรัส นักกายกรรม นักเล่นกล นักเต้น นักมายากล นักดนตรีข้างถนน ผู้ล่าที่ได้รับการฝึกฝนซึ่งนำมาจากประเทศห่างไกลแสดงทุกที่ - ดูเหมือนแม่น้ำหลากสีไหลผ่านถนนในเวนิส ในร้านขายมือถือ คุณสามารถซื้อขนมหวานได้ทุกชนิดหรือแค่เติมความสดชื่นให้ตัวเองก็ได้ ในระหว่างการสวมหน้ากาก มีการซื้อขายกันอย่างรวดเร็วในผลไม้แห้ง เกาลัดคั่ว และขนมหวาน และสินค้าต่างๆ ไม่เพียงแต่ชาวเวนิสเองเท่านั้น แต่ยังนำเสนอโดยพ่อค้าจากต่างประเทศที่เดินทางมายังเวนิสเป็นพิเศษในช่วงวันเทศกาลอีกด้วย

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ด้วยความนิยมอย่างมากของวันหยุดในยุโรปและการหาประโยชน์ของนักผจญภัยผู้ล่อลวงที่มีชื่อเสียง จาโคโม คาซาโนวาเครื่องแต่งกายสำหรับงานรื่นเริงมีความหลากหลายและสดใสมากขึ้น “ฉันซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าและหน้ากากตัวตลก ความคิด ความตั้งใจ การกระทำของฉันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตลอดเวลาและหัวเราะในสิ่งที่หลายคนอาจดูเหมือนเป็นสิ่งต้องห้ามหรือลามก รักโดยไม่ต้องรัก…” Giacomo Casanova เขียนเกี่ยวกับงานรื่นเริง

ศตวรรษที่ 18 เป็นยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของงานคาร์นิวัลเวนิสตลอดประวัติศาสตร์ ศตวรรษที่ 18 หมายถึงการเต้นรำในจัตุรัส เครื่องแต่งกายคาร์นิวัลอันหรูหราที่ปักด้วยทองคำและประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า ซึ่งกลายเป็นตัวอย่างของแฟชั่นชั้นสูง จิตวิญญาณแห่งการเกี้ยวพาราสีและการทรยศที่ไม่สามารถควบคุมได้ความรู้สึกของอิสรภาพที่สมบูรณ์และความคาดหวังของการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นดึงดูดขุนนางจากทั่วยุโรปให้มาร่วมงานสวมหน้ากากครั้งนี้ ชื่อเสียงและความนิยมของงานคาร์นิวัลนั้นสูงมากจนแม้แต่ผู้มีอำนาจระดับสูงก็ไม่คิดว่ามันน่าละอายที่จะมีส่วนร่วมในความสนุกที่ไม่ระบุตัวตนอย่างไร้ขอบเขต ในช่วงงานรื่นเริง ทุกอย่างอยู่ภายใต้หน้ากากเวนิส การสวมหน้ากากไม่เพียงแต่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังไปใช้บริการ ช้อปปิ้ง ไปโรงละคร และออกเดทอีกด้วย หน้ากากนี้ได้ยกเลิกบรรทัดฐานของพฤติกรรมทั้งหมด และในวันและคืนของงานรื่นเริง เมื่อคริสตจักรคาทอลิกละสายตาจากถนนในเมืองเวนิสอย่างเขินอาย ก็ถือว่าเป็นรูปแบบที่ไม่ดีที่จะไม่ล้มลงภายใต้ที่กำบัง

สมัยนั้นแทบทุกอย่างจะได้รับอนุญาตในช่วงงานรื่นเริง ในวังวนแห่งการเฉลิมฉลอง การแสดงอาการที่ต้องห้ามของความหลงใหลและความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็เข้าถึงได้ คนรวยใช้เงินอย่างบ้าคลั่งในบ้านพนัน คู่สมรสบางคู่นอกใจสามีและภรรยาโดยไม่ลังเล เคานต์กลายเป็นตัวตลก คนรับใช้กลายเป็นกษัตริย์ กษัตริย์กลายเป็นคนยากจน และเจ้าหญิงที่มีมารยาทดีและสุภาพก็กลายเป็นโสเภณีที่เย้ายวนใจ ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายและเรียบง่ายเพราะใบหน้าถูกปกปิดด้วยหน้ากาก ในช่วงงานคาร์นิวัล เกือบทุกคนสวมมัน แม้แต่ในโบสถ์และที่บ้าน อย่างไรก็ตาม การเฉลิมฉลองแบบเปิดดังกล่าวเกิดขึ้นได้ไม่นาน

เป็นความจริงที่ว่าหลังจากความเจริญรุ่งเรืองย่อมมีความเสื่อมถอยอยู่เสมอ และแม้แต่งานรื่นเริงของชาวเมืองเวนิสก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมอันขมขื่นนี้ได้ ในปี ค.ศ. 1797 กองทหารฝรั่งเศสเข้ายึดครองอิตาลี และงานคาร์นิวัลเวนิสก็ถูกสั่งห้ามตามคำสั่งของนโปเลียนนโปเลียน โบนาปาร์ต ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของงานคาร์นิวัลและเกมสาธารณะ ได้สั่งห้ามการกระทำรุนแรงเหล่านี้

แต่เวนิสทำไม่ได้และไม่อยากบอกลาวันหยุดตลอดไปซึ่งเป็นจิตวิญญาณของเมืองมาหลายศตวรรษ น่าแปลกที่การฟื้นฟูเริ่มต้นด้วยการคำนวณเชิงพาณิชย์ซ้ำซาก หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เวนิสได้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการท่องเที่ยวหลักในยุโรป โรงแรม ร้านกาแฟ และร้านอาหารใหม่ๆ หลายแห่งเปิดในเมืองนี้ แต่ในไม่ช้าก็ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้ใช้งานเกือบตลอดฤดูหนาว จากนั้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ก็มีความคิดที่จะรื้อฟื้นงานรื่นเริงในตำนาน เมื่อปี 1979 รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศให้กลับมาเริ่มงานรื่นเริงประจำปีอีกครั้งโดยเลือกงานนี้เพื่อเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเวนิส

ตั้งแต่นั้นมา ในช่วงปลายฤดูหนาวของทุกปี เวนิสก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากอีกครั้ง ซึ่งมีจำนวนมากกว่าชาวเวนิสหลายเท่า จิตวิญญาณที่ร่าเริงและบ้าบิ่นของงานคาร์นิวัลซึ่งถูกลืมเลือนมาเกือบสองศตวรรษเมื่อเป็นอิสระก็ฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ที่สูญหายไปอย่างรวดเร็ว

เทศกาลสวมหน้ากากหลากสีสันนี้กลายเป็น "เครื่องหมายการค้า" ของเวนิส และผู้ชื่นชอบงานรื่นเริงก็พูดภาษาและภาษาถิ่นได้หลากหลายแล้ว ศิลปะ วรรณกรรม ละคร และภาพยนตร์ใช้ประโยชน์จากภาพงานรื่นเริงอย่างเต็มที่ เนื่องจากยังคงใช้ภาพเหล่านั้นอย่างเพลิดเพลินแม้ในปัจจุบัน

ในอิตาลีสมัยใหม่ งานรื่นเริงมีการเฉลิมฉลองเป็นเวลา 10 วัน การเฉลิมฉลองมักจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เคร่งขรึม การเปิดงานคาร์นิวัลตรงกับวันอาทิตย์เสมอแต่ตั้งแต่วันเสาร์ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากออกมาสัญจรไปตามถนนในเมือง งานพิธีเริ่มต้นด้วยเทศกาลยุคกลาง Festa delle Marieอุทิศให้กับการปลดปล่อยสตรีชาวเวนิสที่สวยงาม ขบวนแห่วิ่งจาก Palazzo San Pietro ไปยัง Piazza San Marco ซึ่ง Maries (ความงามทั้งสิบสองแห่งเวนิส) ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชม

หนึ่งในนั้นคือผู้ชนะการแข่งขันจะกลายเป็นตัวละครหลักในปีหน้า "การบินของนางฟ้า"และในเวลาเที่ยงบินเหนือฝูงชนจากหอระฆังของมหาวิหารซานมาร์โกในชุดสีขาวเหมือนหิมะ (ตามประเพณี) ตรงไปยังจัตุรัสหลักของเวนิส

จากนั้นงานรื่นเริงก็แพร่กระจายไปยังจัตุรัสเซนต์มาร์กและจัตุรัสอื่นๆ ซึ่งมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต การแสดง การแสดง และงานเต้นรำสวมหน้ากาก ภายหลังการรื้อฟื้นประเพณี งานรื่นเริงเป็นธีมอุทิศให้กับบุคคลที่โดดเด่นหรือเพื่อวัฒนธรรมของชนชาติอื่นหรือเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อหลายปีก่อนมีการอุทิศให้กับ Fellini และยังมีงานรื่นเริง "การเดินทางและนักเดินทาง" "ตะวันออกและวัฒนธรรม" ฯลฯ การแสดงทั้งหมดของเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลในอิตาลี รวมถึงเครื่องแต่งกายของตัวละครหลักและฮีโร่ เป็นไปตามธีมของวันหยุด ธีมสำหรับปี 2014 คือธรรมชาติ ปี 2015 คืออาหาร และปี 2016 คือศิลปะและหัตถกรรม

ในปี 1996 เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลก็มีเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นของตัวเองด้วยในการสร้างโดย Pierre Cardin ซึ่งเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าชื่อดังระดับโลกซึ่งเป็นชาวเมืองเวนิสเข้ามามีส่วนร่วม

ความงดงามของ Carnevale di Venezia คือเป็นงานเปิดที่นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศสามารถเข้าถึงได้ ใครๆ ก็สามารถลองสวมเครื่องแต่งกายสมัยศตวรรษที่ 18 หรือ 19 และเข้าร่วมกับกลุ่มผู้เฉลิมฉลองที่ส่งเสียงดังได้ เงื่อนไขบังคับคือการสวม bauta (หน้ากากคาร์นิวัลพิเศษ) หากไม่มีสิ่งนี้ วันหยุดจะไม่ถือเป็นวันหยุด
ความบันเทิงประกอบด้วย: ขบวนพาเหรด การแสดงดนตรีและละคร การแสดงตลก การแข่งขัน การแสดงลูกบอล การแสดงโดยกลุ่มสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดในอิตาลี นักมายากล นักเล่นกล การแสดงละครใบ้ ตัวตลกและกายกรรม การแข่งขัน เกมโบราณ และแน่นอนว่า ดอกไม้ไฟที่สดใส .

ไม่กี่วันก่อนการเปิดงานคาร์นิวัลอย่างเป็นทางการความโรแมนติกจากทั่วยุโรปเข้ามาในเมืองและขบวนออเคสตร้าและโรงละครริมถนนที่แออัดเริ่มเดินไปตามถนน: นักเดินขบวนกำลังหลอกไปรอบ ๆ เป่าแตรและตีกลองร้องเพลงตะโกนจุดประทัด - กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พรรณนาถึงงานรื่นเริงนี้ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
พ่อค้าวางสินค้าคาร์นิวัลมากมายบนชั้นวาง: หน้ากาก เสื้อกันฝน หมวก - ตอนนี้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในงานคาร์นิวัลที่กำลังจะมาถึง มีการประกาศธีมของวันหยุดล่วงหน้า ในวันเปิดวันหยุดอย่างเป็นทางการ การแสดงของ Commedia dell'Arte จะจัดขึ้นที่จัตุรัสเซนต์มาร์ก: ทายาทของ Scaramouche ผู้ยิ่งใหญ่ตบกัปตันและหมออย่างขยันขันแข็ง จากนั้นกระดาษโปรยจำนวนมากตกลงบนจัตุรัส และลูกโป่งหลายพันลูกก็ถูกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า นี่คือวิธีที่งานรื่นเริงเริ่มต้นขึ้น ผู้คนที่สวมหน้ากากราคาแพงและเครื่องแต่งกายที่สวยงามต่างผลัดกันขึ้นเวที

เตรียมงานเฉลิมฉลองหลักในบ้านเกิดของคุณชาวเมืองเวนิสเลือกเครื่องแต่งกายอย่างระมัดระวังและเป็นเวลานาน ในช่วงวันหยุด คุณสามารถแปลงร่างเป็นใครก็ได้ ดังนั้นเสื้อผ้าของแต่ละคนจึงเป็นงานศิลปะอย่างแท้จริง นักท่องเที่ยวไม่ได้มีโอกาสเตรียมตัวสำหรับงานรื่นเริงด้วยความระมัดระวังแบบเดียวกันเสมอไปและนำชุดของตัวเองติดตัวไปด้วย แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ก่อนถึงวันเฉลิมฉลอง เครื่องแต่งกาย หน้ากาก และคุณลักษณะแบบดั้งเดิมจะมีจำหน่ายอย่างเสรีทั่วทุกมุม พวกเขาทำจากขนสัตว์ ผ้าหรือกำมะหยี่ จริงอยู่เครื่องแต่งกายมีราคาค่อนข้างแพง แต่การเข้าร่วมในโครงการคาร์นิวัลในฐานะหน้ากากก็คุ้มค่าที่จะแยก

กำลังทำหน้ากากอนามัยตั้งแต่ปูนปลาสเตอร์ชนิดพิเศษ เปเปอร์มาเช่ สี ผ้า ฟอยล์ และวัสดุตกแต่งต่างๆ การตกแต่งและทาสีหน้ากากเวนิสของจริงนั้นเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความอุตสาหะ ช่างฝีมือใช้ทั้งส่วนประกอบที่เรียบง่ายและมีคุณค่ามากในการทำเช่นนี้ เช่น ดิน ทองคำเปลว ขนนกธรรมชาติ และอัญมณี กิจกรรมที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของงานรื่นเริงคือการแข่งขันเพื่อชิงหน้ากากที่ดีที่สุด

ถือเป็นชุดเวนิสคลาสสิกหน้ากากสีขาวเสริมด้วยเสื้อคลุมกว้างสีดำ เสื้อคลุมไหม หมวกทรงสามเหลี่ยมและถุงมือ โปรดจำไว้ว่าเมื่องานคาร์นิวัลในเวนิสได้รับขอบเขต จะต้องสวมเครื่องแต่งกายและหน้ากากตามกฎ นั่นคือในขณะที่สวมชุดคาร์นิวัลและหน้ากาก คุณไม่สามารถพูดภาษาใด ๆ ได้ คุณสามารถสื่อสารโดยใช้ท่าทางเท่านั้น

พวกเขาเฉลิมฉลองในเวนิสไม่เพียงแต่ในจัตุรัสและถนนในเมืองเท่านั้น แต่ยังเฉลิมฉลองด้วย ในพระราชวังอันหรูหราซึ่งมีการจัดงานบอลคาร์นิวัล

การเฉลิมฉลองที่คล้ายกันนี้จัดขึ้นที่ Palazzo Pisani Moretta และคาสิโนแห่งเวนิส อย่างไรก็ตาม หากต้องการเข้าไปข้างในคุณต้องสวมชุดสูท หน้ากาก และดูแลคำเชิญล่วงหน้า

หากไม่สามารถซื้อชุดสูทและหน้ากากได้อย่าอารมณ์เสีย สำหรับผู้ชมทั่วไปและแขกของเมือง มีงานเฉลิมฉลองอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณสามารถผ่อนคลายจิตใจและทำให้ดวงตาของคุณเบิกบาน นอกจากนี้ หากคุณถูกทิ้งไว้โดยไม่มีหน้ากาก คุณสามารถดื่มไวน์ได้อย่างปลอดภัยและเพลิดเพลินกับโดนัทฟริเตลลีในงานรื่นเริง คุณจะไม่สามารถเพลิดเพลินกับพวกมันเมื่อสวมชุดสูทได้อย่างแน่นอน

เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลในปัจจุบันคือวันแห่งอิสรภาพของงานรื่นเริง วันแห่งการละคร ดนตรี และอาหารข้างทาง 16 กุมภาพันธ์มีขบวนเรือไปตามแกรนด์คาแนล การแข่งขันสวมเสื้อผ้าและหน้ากากแบบดั้งเดิม ลูกบอลเครื่องแต่งกาย และการสร้างใหม่ทางประวัติศาสตร์ และใกล้กับโบสถ์ San Giacomo dell'Orio ตัวแทนของบริษัทอิตาลีจะปฏิบัติต่อทุกคนด้วยขนมหวานและเครื่องดื่มสไตล์เวนิสดั้งเดิม

นอกเหนือจากความบันเทิงแบบดั้งเดิมแล้ว ส่วนสำคัญของงานรื่นเริงเวนิสคือการแข่งขันฟุตบอลซึ่งโดยปกติจะจัดขึ้นในวันที่ห้าแห่งความสนุกสนาน ชาวเวนิสมั่นใจว่ากีฬานี้เกิดในเมืองของพวกเขา และในช่วงวันหยุดพวกเขาก็ได้จัดการสร้างฟุตบอลยุคกลางขึ้นมาใหม่อย่างแท้จริง

เทศกาลคาร์นิวัลสิ้นสุดลงการเผาหุ่นจำลองและการเต้นรำทั่วไปในจัตุรัสเซนต์มาร์ก วันสุดท้ายของงานรื่นเริงคือ Fat Tuesday ตามด้วยการอดอาหารสี่สิบวันก่อนวันอีสเตอร์ การปิดงานรื่นเริงมีการแสดง "การบิน" อีกครั้ง - นี่คือ "Flight of the Lion" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ติดปีกของเวนิสและสัญลักษณ์ของผู้อุปถัมภ์ชาวคริสเตียนหลักของเมืองนั่นคือ Evangelist Mark วันรุ่งขึ้นเมืองก็หลับใหล และจะระเบิดอีกครั้งในอีกหนึ่งปีต่อมาเป็นเวลาสิบวันพร้อมกับน้ำพุแห่งความสนุกสนาน และแขกที่มาร่วมงานจะต้องปั่นป่วนไปกับกระแสพายุของงานรื่นเริง

คุณต้องการที่จะกระโดดเข้าสู่บรรยากาศของความสนุกสนานไร้การควบคุม รับพลังมหาศาล และอารมณ์โรแมนติกหรือไม่? จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเวนิสในเดือนกุมภาพันธ์ มุมโรแมนติกของโลกแห่งนี้ที่ตัดผ่านคลองเป็นเครือข่าย เป็นแรงบันดาลใจให้กับกวี นักดนตรี และนักเขียนมาตั้งแต่สมัยโบราณ สัญลักษณ์ที่แท้จริงของเมืองนี้คือเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลอันโด่งดังซึ่งจัดขึ้นในต้นเดือนกุมภาพันธ์ นี่คืองานรื่นเริงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่งานเวนิสคาร์นิวัล คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นโสเภณีผู้วิจิตรงดงาม เจ้าชายรูปงาม หรือคาสโนวา ที่ชนะใจผู้หญิง

ในช่วงวันงานคาร์นิวัล ทั่วทั้งเวนิสดูเหมือนจะกลายเป็นเวทีละครที่มีเครื่องแต่งกายหรูหรา หน้ากาก และกระดาษโปรยมากมาย เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลกินเวลาสิบวันและไคลแม็กซ์ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการไปงานคาร์นิวัลเวนิสกับคนที่คุณรักจึงเป็นเรื่องดี เพราะบรรยากาศโรแมนติกของวันหยุดส่งเสริมการแสดงความรักและความรู้สึกจริงใจ หรือคุณสามารถไปร่วมงานคาร์นิวัลในเวนิสเพื่อลืมเรื่องชีวิตประจำวันของคุณและกระโจนเข้าสู่วันหยุดที่มีเสียงดัง

จากประวัติศาสตร์ของเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล

เชื่อกันว่างานคาร์นิวัลดังกล่าวเกิดที่เมืองเวนิส คำว่า "งานรื่นเริง" นั้นมาจากภาษาละติน "carnis laxatio" ซึ่งแปลว่า "อิสรภาพของเนื้อหนัง" อย่างแท้จริงนั่นคือโอกาสที่จะกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ก่อนเริ่มเข้าพรรษา ตามเวอร์ชันอื่นคำว่า "carnival" หมายถึงภาษาละติน "carrus navalis" หรือ "รถม้าที่น่าขบขัน" ในสมัยโบราณเป็นชื่อที่ตั้งให้กับเกวียนซึ่งใช้ขนส่งรูปเคารพการเจริญพันธุ์ในช่วงวันหยุด

อาจเป็นไปได้ว่าประเพณีการเฉลิมฉลองงานรื่นเริงกลับไปสู่ชาวโรมัน พวกเขาจัดงานเลี้ยงใหญ่ในวันบูชาเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวและความอุดมสมบูรณ์ ดาวเสาร์ เพื่อนำช่วงเวลาแห่งความเท่าเทียมและความเจริญรุ่งเรืองสากลกลับมา ในวันหยุดดังกล่าว ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทาสกับเจ้านายของเขาแทบจะหายไป - ทาสสามารถนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับขุนนางโรมันและเพลิดเพลินกับอาหารตามเทศกาล บางทีอาจเป็นเพราะสมัยนั้นที่หน้ากากคาร์นิวัลอันโด่งดังมาหาเราเพื่อว่าอคติทางโลกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความสนุกสนานที่ไร้การควบคุม หน้ากากคาร์นิวัลทำให้สามารถซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของแต่ละคนเพื่อที่เขาจะได้ทำทุกอย่างที่ต้องการในช่วงวันหยุดโดยไม่ต้องคิดถึงผลที่ตามมา

นักประวัติศาสตร์ไม่เห็นด้วยกับวันเฉลิมฉลองเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลครั้งแรก งานรื่นเริงครั้งแรกในเวนิสอาจเกิดขึ้นในปี 1094 เมื่อสาธารณรัฐเวนิสได้รับบ้านในกรุงคอนสแตนติโนเปิลและสิทธิพิเศษต่างๆ จากจักรวรรดิไบแซนไทน์ ซึ่งทำให้เมืองนี้มีความได้เปรียบอย่างมากในการค้าขายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การเฉลิมฉลองของงานนี้กลายเป็นเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลครั้งแรก

นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันที่การเฉลิมฉลองงานรื่นเริงเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 998 จากนั้นชาวเมืองเวนิสก็สามารถคืนเจ้าสาวของตนได้อย่างปลอดภัยจากการถูกโจรสลัดจับจอง ข่าวความสำเร็จดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองในทันทีและส่งผลให้มีการเฉลิมฉลองวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 13 เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในเมือง แนวคิดหลักของเขาคือโอกาสที่จะลืมข้อห้ามทางโลกและศาสนาในช่วงเวลาสั้น ๆ และละทิ้งความปรารถนาของคุณ ขุนนางชาวเวนิสผู้มั่งคั่งถือลูกบอลเครื่องแต่งกายและการแสดงละครในพระราชวังอันหรูหราของพวกเขา ชาวบ้านทั่วไปแห่กันไปที่จัตุรัสซานมาร์โกอันโด่งดังเพื่อมีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองพื้นบ้านและชมการแสดงที่เกี่ยวข้องกับสุนัขต่อสู้ นักกายกรรม นักเต้น และตัวตลก

ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลคือศตวรรษที่ 18 เมื่อตัวแทนของชนชั้นสูงจากทั่วยุโรปเริ่มแห่กันไปที่เมืองเพื่อค้นหาความรู้สึกอิสระและความโรแมนติกที่สมบูรณ์ ความสนใจในงานเฉลิมฉลองเพิ่มขึ้นอย่างมากจนปัจจุบันแม้แต่บุคคลระดับสูงก็ไม่ถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองในที่สาธารณะและความสนุกสนานไร้ขอบเขต ตัวละครหลักของงานรื่นเริงคือวีรบุรุษของละครตลกชาวอิตาลี Del Arte ซึ่งเป็นโรงละครริมถนนประเภทพิเศษ - Harlequin, Pierrot, Pantalone และ Colombina มันอยู่ในเครื่องแต่งกายและหน้ากากที่รวบรวมฮีโร่เหล่านี้ที่ชาวเมืองเวนิสเริ่มแต่งตัว ในวันแรกของงานรื่นเริงมีประเพณีที่จะลดนกพิราบกลลงจากหอระฆังเหนือจัตุรัสเซนต์มาร์ก ลูกปาตกลงมาจากมันลงบนจัตุรัส ซึ่งทำหน้าที่เป็นสัญญาณในการเริ่มงานรื่นเริงอย่างเป็นทางการ

หลังจากที่อิตาลีถูกยึดครองโดยกองทหารของนโปเลียน โบนาปาร์ต งานรื่นเริงในเมืองเวนิสก็ถูกห้าม และในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ของศตวรรษที่ผ่านมาเท่านั้นที่มีการตัดสินใจที่จะฟื้นฟูประเพณีการเฉลิมฉลองงานรื่นเริงในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในเมือง เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลได้ขยายขนาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และในปัจจุบัน ในช่วงวันหยุดนี้ จำนวนผู้คนที่มาเยือนเวนิสมีจำนวนมากกว่าชาวเมืองเสียอีก

เฉลิมฉลองเทศกาลคาร์นิวัลในเมืองเวนิส

ไม่กี่สัปดาห์ก่อนเริ่มเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล คู่รักและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่เมืองนี้ งานรื่นเริงนี้นำหน้าด้วยเทศกาลโบราณ "Festa delle Marie" ซึ่งอุทิศให้กับการปล่อยตัวหญิงสาวชาวเวนิสที่สวยงามจากการถูกจองจำ ตั้งแต่ Palazzo San Pietro อันงดงามไปจนถึง Piazza San Marco มีขบวนแห่อันศักดิ์สิทธิ์พร้อมดนตรี ที่จัตุรัสกลางเมืองเวนิส แมรี่ทั้งเจ็ดชาวเมืองที่อายุน้อยและสวยงามเจ็ดคนปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชม ในวันเปิดงานคาร์นิวัลอย่างเป็นทางการ การแสดงละครที่ยิ่งใหญ่จะจัดขึ้นที่จัตุรัสซานมาร์โกแห่งเดียวกัน โดยมีลูกปาจำนวนมากตกลงมาจากหอระฆังลงบนจัตุรัส ลูกโป่งเฉลิมฉลองถูกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า

เมื่อมีการเปิดงานคาร์นิวัล ถนนในเมือง จัตุรัส และสะพานเริ่มที่จะคึกคัก นักท่องเที่ยวและชาวเมืองเวนิสก็พบปะกับฝูงชนที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายและหน้ากากที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยนักดนตรีข้างถนน ขบวนจากวงออเคสตราและโรงละคร ไวน์เริ่มไหลเหมือนแม่น้ำในร้านอาหารและร้านกาแฟ และคอนเสิร์ตและดอกไม้ไฟตามเทศกาลก็จัดขึ้นที่จัตุรัสหลัก

แม้กระทั่งก่อนเริ่มงานรื่นเริง พ่อค้าก็สวมหน้ากาก เครื่องแต่งกายงานรื่นเริง หมวก และเสื้อคลุมที่หลากหลายบนเคาน์เตอร์ เพื่อให้ทุกคนสามารถกระโจนเข้าสู่บรรยากาศของการแสดงเครื่องแต่งกายนี้ หน้ากากเวนิสยังคงเป็นส่วนสำคัญของการแสดงคาร์นิวัล ในสมัยก่อน หน้ากากช่วยปกปิดตัวตนและสถานะทางสังคมที่แท้จริง นอกจากนี้พวกเขายังมีประโยชน์มากสำหรับเด็กชายและเด็กหญิงที่มีความโน้มเอียงโรแมนติกซึ่งสามารถทำความรู้จักกันโดยไม่ลังเลใจ และทุกวันนี้ หน้ากากงานคาร์นิวัลยังคงรักษาความสำคัญไว้ ช่วยให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความสนุกสนานและความโรแมนติกที่ไร้ขีดจำกัด

หน้ากากทั่วไปของเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลได้แก่ Harlequin, Columbina, Pedrolino และตัวละครอื่นๆ จากภาพยนตร์ตลกเรื่อง Dell'Arte ของอิตาลี นอกจากนี้ยังมีการใช้มาสก์แบบคลาสสิกที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรงละครอีกด้วย ตัวอย่างเช่นหน้ากากของ Venetian Lady ที่สง่างามและประณีตมากซึ่งความงามทางสังคมตั้งแต่สมัยทิเชียนชอบที่จะโอ้อวด หรือหน้ากาก Plague Doctor ที่น่ากลัวพร้อมจมูกรูปจะงอยยาว แพทย์สวมหน้ากากนี้เมื่อไปเยี่ยมผู้ป่วยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคระบาดในเมืองเวนิส สวมเสื้อคลุมผ้าลินินยาวและหน้ากาก Plague Doctor คุณจะกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับนกที่เป็นลางร้าย หน้ากากที่น่ากลัวเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ใครกลัวในช่วงเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล แต่กลับทำให้วันหยุดมีเสน่ห์เป็นพิเศษ

โดยทั่วไป งานคาร์นิวัลในเวนิสนำเสนอโอกาสมากมายสำหรับการเปลี่ยนแปลง คุณสามารถแต่งกายด้วยชุดคาร์นิวัลที่เรียบง่ายและราคาไม่แพง พร้อมด้วยเสื้อคลุม หมวก และหน้ากาก หรือเลือกชุดที่หรูหราซึ่งถือเป็นงานศิลปะอย่างแท้จริง หน้ากากและเครื่องแต่งกายในงานคาร์นิวัลทุกวันนี้ทำจากวัสดุน้ำหนักเบา จึงไม่รบกวนความสนุกสนานตลอดทั้งวัน

ในระหว่างการเฉลิมฉลองเทศกาลคาร์นิวัล มีการจัดงานเต้นรำสวมหน้ากากหลายงานในพระราชวังโบราณของเมืองเวนิส ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยการซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าเท่านั้น แต่แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเข้าชมงานเต้นรำสวมหน้ากากสุดพิเศษได้ แต่ก็ยังมีโอกาสเข้าร่วมการแสดงเครื่องแต่งกายหลากสีสันที่จัดแสดงตามจัตุรัสและถนนในเมืองเวนิสเสมอ รับประกันว่าคุณจะได้รับความสนุกสนานอย่างแท้จริงเป็นเวลาสิบวันโดยที่แต่ละคนลืมเกี่ยวกับแบบแผนและกฎเกณฑ์ในชีวิตประจำวันเพียงแค่ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่น่าทึ่งของวันหยุด เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลจบลงด้วยพิธีเผารูปจำลองและงานเฉลิมฉลองพื้นบ้านในจัตุรัสซานมาร์โก

เวนิสเป็นเมืองโบราณของอิตาลีซึ่งอย่างที่คุณทราบทุกปีจะจมลงไปในน่านน้ำของทะเลเอเดรียติกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลที่วุ่นวายอาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เห็นเมืองที่สวยงามแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและน้อมรับประเพณีที่มีมายาวนานหลายศตวรรษ การเดินทางไปเวนิสในเดือนกุมภาพันธ์จะทำให้คุณได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของการแสดงเครื่องแต่งกาย ความโรแมนติก และความสนุกสนาน ขอให้สนุก มีส่วนร่วมในเทศกาลคาร์นิวัล และรับความประทับใจไม่รู้ลืมมากมายในมุมที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก - อะไรจะดีไปกว่านี้?

เวนิสตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติจากถนนใต้น้ำเป็นหลัก แต่ไม่เพียงแต่การนั่งเรือกอนโดลาเท่านั้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมสามารถไว้วางใจกิจกรรมความบันเทิงประจำปีที่จัดขึ้นในเมืองทางตอนเหนือแห่งนี้ แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงงานแต่งกายที่โด่งดังที่สุดงานหนึ่งนั่นคืองานคาร์นิวัลเวนิส

ประวัติความเป็นมาของวันหยุด

ประวัติความเป็นมาของงานรื่นเริงในเมืองเวนิสนั้นย้อนกลับไปในอดีตอันไกลโพ้น: ทุกๆ ปีในช่วงครีษมายันหลังการเก็บเกี่ยว ชาวโรมันโบราณจะจัดงานเฉลิมฉลองจำนวนมากเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพเจ้าดาวเสาร์ที่เรียกว่าดาวเสาร์ ตอนนั้นเองที่แนวคิดเรื่องหน้ากากงานรื่นเริงเกิดขึ้น ความจริงก็คือในระหว่างการเฉลิมฉลองมวลชนทาสจะนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันกับเจ้านายของพวกเขาและเพื่อให้อคติในชั้นเรียนไม่ทำให้เสียความสนุกสนานใบหน้าของผู้เลี้ยงจึงถูกซ่อนไว้ใต้หน้ากาก

ยังไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าชื่อ "คาร์นิวัล" มีที่มาอย่างไร หนึ่งในเวอร์ชันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือคำแถลงของคริสตจักรคาทอลิกเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของคำว่า "งานรื่นเริง" กับภาษาละติน "carne vale" ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า "อำลาเนื้อ" คริสตจักรคาทอลิกพยายามปรับการเฉลิมฉลองก่อนคริสต์ศักราชให้เข้ากับศาสนาใหม่เพื่อเตรียมการถือศีลอดที่เข้มงวดที่สุดและยาวนานที่สุดของปีก่อนวันอาทิตย์อีสเตอร์ การกล่าวถึงงานรื่นเริงเวนิสเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นในปี 1094 และในปี 1296 วุฒิสภาแห่งสาธารณรัฐเวนิสได้ประกาศวันสุดท้ายก่อนเข้าพรรษาเป็นวันหยุดราชการ

เทรนด์งานรื่นเริงของชาวเวนิสถูก “จับตามอง” โดยชาวเมืองและประเทศอื่นๆ คุณลักษณะหลักของงานรื่นเริงคือหน้ากากและเครื่องแต่งกาย โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อซ่อนความแตกต่างทางสังคม ในหมู่ชาวเมืองเวนิสเอง หน้ากากคาร์นิวัลเวนิสได้รับความนิยมอย่างมากจนไม่เพียงสวมใส่ในวันงานรื่นเริงเท่านั้น แต่ยังสวมใส่ในวันธรรมดาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้ามักถูกซ่อนไว้เพื่อกระทำการที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เช่น การโจรกรรม ด้วยเหตุนี้ การสวมหน้ากากคาร์นิวัลในเวนิสนอกกิจกรรมจึงถูกห้ามโดยคริสตจักรคาทอลิก และในปี 1608 ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาตามที่ผู้ชายที่ละเมิดพระราชกฤษฎีกาถูกตัดสินให้ปรับและจำคุกสองปีและผู้หญิงถูกเฆี่ยนในที่สาธารณะในจัตุรัสกลางเมือง

เทศกาลเวนิสคาร์นิวัลกลายเป็นช่องทางที่แท้จริงสำหรับชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ภายใต้การกดขี่อันโหดร้ายของข้อห้ามทางศาสนา ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่น่าละอายหรือต้องห้ามสำหรับบุคคลที่สวมชุดสูทและหน้ากาก เกือบจนถึงปลายศตวรรษที่ 18 งานรื่นเริงยังคงเป็นงานที่สว่างที่สุดในชีวิตทางสังคมของชาวเวนิส แต่แล้วความสนใจก็จางหายไป ประวัติความเป็นมาของงานรื่นเริงเวนิสพบว่ามีความต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 เท่านั้น

สัญลักษณ์ดั้งเดิมของงานรื่นเริงประจำปีที่จัดขึ้นในเมืองเวนิสคือหน้ากาก ในชีวิตประจำวัน หน้ากากของงานรื่นเริงเวนิสได้รับความนิยมอย่างมาก: ใช้ทั้งในช่วงโรแมนติกและสำหรับการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมาย

หนัง กำมะหยี่ และเปเปอร์มาเช่เป็นวัสดุหลักที่ใช้ทำหน้ากากเวนิส หน้ากากคาร์นิวัลรุ่นแรกๆ มีการออกแบบที่ไม่โอ้อวดและใช้งานได้จริง แต่หน้ากากสมัยใหม่ของงานคาร์นิวัลเวนิสนั้นเป็นงานศิลปะที่แท้จริง ทาสีด้วยมือโดยใช้แผ่นทองคำเปลวและสีรองพื้น ตกแต่งด้วยขนนกและอัญมณี หน้ากากคาร์นิวัลเวนิสส่วนใหญ่เป็นตัวละครจากละครตลก dell'arte ซึ่งเป็นการแสดงริมถนนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวอิตาลี

หน้ากากที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ bauta ซึ่งไม่เพียงแต่สวมใส่โดยคนยากจนเท่านั้น แต่ยังสวมใส่โดยคนรวยที่ต้องการ "ไปอยู่ท่ามกลางผู้คน" ในขณะที่ยังคงไม่เปิดเผยตัวตนอีกด้วย การออกแบบที่น่าขนลุกเล็กน้อยไม่เพียงแต่เปลี่ยนเสียงของเจ้าของเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาสามารถกินได้โดยไม่ต้องถอดหน้ากากอีกด้วย

หน้ากากแบบครึ่งหน้าของโคลัมไบน์ตกแต่งด้วยขนนก สีทอง คริสตัล และสีเงิน ตำนานการปรากฏตัวของเธอเล่าถึงนักแสดงหญิงที่สวยงามที่ไม่ต้องการปิดบังความงามของเธอ มีการสร้างหน้ากากขึ้นมาเพื่อเธอ โดยปกปิดใบหน้าของเธอเพียงบางส่วนเท่านั้น

เรื่องราวที่น่าสนใจมากเกิดขึ้นก่อนการปรากฏตัวของหน้ากากแมว Venetian Carnival แม้ว่าจะมีแมวไม่กี่ตัวในเมืองที่กำลังจม แต่พวกมันก็ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างสูง ชายชาวจีนคนหนึ่งเดินทางมาอิตาลีโดยไม่มีเงินเลย แต่มีแมวตัวหนึ่งไปด้วย แม้จะอายุค่อนข้างมาก แต่สัตว์ก็สามารถจับหนูและหนูทุกตัวในวังได้ Doge มีความสุขมากที่ได้อาบน้ำทองคำให้กับชาวจีนเพื่อที่แมวจะได้อยู่ในเวนิส เมื่อตัดสินใจว่าพวกเขาจะจ่ายเงินเพื่อซื้อผ้าไหมที่สวยงามเกินบรรยายมากกว่าซื้อแมวที่ทรุดโทรม ชาวจีนจึงเดินทางกลับอิตาลีพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ผ้าที่พ่อค้านำมาทำให้ Doge พอใจมากจนบอกลาสิ่งที่มีค่าที่สุดที่เขามีในขณะนั้นโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย นี่คือวิธีที่แมวกลับบ้านเกิด

เวนิสคาร์นิวัลวันนี้

นักท่องเที่ยวประมาณครึ่งล้านคนจากส่วนต่างๆ ของโลกมาร่วมงานเวนิสคาร์นิวัลทุกปี Festa delle Marie เปิดฉากด้วยการเฉลิมฉลองที่อุทิศให้กับการปล่อยตัวเด็กผู้หญิงที่ถูกโจรสลัดลักพาตัวจากอิสเตรีย การแสดงในรูปแบบของละครตลก dell'arte จะแสดงบนจัตุรัส หลังจากนั้นลูกปาจำนวนมากก็ตกลงมาสู่ผู้ชม และเมื่อขบวนแห่เริ่มขึ้นเท่านั้น คอนเสิร์ตริมถนน ดอกไม้ไฟ การแสดงละคร บอลในพระราชวัง และการแสดงสวมหน้ากาก - สิ่งเหล่านี้คือบางสิ่งที่ทำให้งานคาร์นิวัลเวนิสน่าพึงพอใจ เครื่องแต่งกายของชาวเวนิสที่รวบรวมตัวละครยอดนิยมของนักแสดงตลกชาวอิตาลี - Pierrot, Columbine, Harlequin, Pantalone - กลายเป็นสัญลักษณ์ของเวนิสเป็นเวลาหลายวัน คาร์นิวัลในปัจจุบันเป็นความพยายามที่จะสะท้อนถึงบรรยากาศที่ร่าเริง บ้าบิ่น และมีเสน่ห์ของ Saturnalia โรมันโบราณ

ในปี 1996 ปิแอร์ คาร์ดิน นักออกแบบเสื้อผ้าชื่อดังระดับโลกได้เขียนเพลงสรรเสริญเทศกาลเวนิสเป็นการส่วนตัว และคุณลักษณะที่โดดเด่นของการผลิตงานรื่นเริงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือการมีส่วนร่วมของศิลปินชาวรัสเซีย มิคาอิล เชมยาคิน เครื่องแต่งกายของสมาชิกระดับสูงจากประเทศต่างๆ ได้รับการออกแบบตามการออกแบบของเขา แต่นักเดินทางที่มีความต้องการน้อยกว่าต้องการทำมาสก์เวนิสสุดพิเศษด้วยมือของตัวเอง นี่ไม่เพียงแต่ราคาถูกกว่ามากทางการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักท่องเที่ยวทั่วไปได้รู้สึกมีส่วนร่วมในงานโบราณและยิ่งใหญ่ที่เรียกว่างานรื่นเริงเวนิส (jcomments on)

Venice Carnival 2019: โปรแกรมเทศกาลและวันที่ จะทำอย่างไรและใช้เวลาอย่างไรหากคุณโชคดีพอที่จะอยู่ในเวนิสในช่วงเทศกาลฤดูหนาว

#2. ซาโวเอีย แอนด์ โจลันดา 4*

คุณภาพสูงจากยุโรป "สี่" ทางออกที่ชาญฉลาดคือการเลือกโรงแรมในย่าน Castello และหลีกหนีจากความวุ่นวายของ San Marco ในคืนนี้ โรงแรมมีห้องพักสไตล์พระราชวัง (เราเตือนแฟน ๆ ของความเรียบง่าย) และระเบียงที่มองเห็นแกรนด์คาแนล

โรงแรม Savoia & Jolanda 4* (เวนิส คาร์นิวัล 2019)

#3. สเปลนดิด เวนิส 4*

มีข้อดีมากมาย: ทำเลที่ตั้ง ความสามารถในการสั่งแท็กซี่น้ำไปที่ทางเข้า ระเบียงดาดฟ้าแบบพาโนรามา ใกล้กับ San Marco (500 เมตร) โรงแรมมีเตียงที่นุ่มสบายและอาหารเช้าแสนอร่อย เราหลงรักเขา! 8.7 คะแนนใน booking.com + 9.5 (!) สำหรับสถานที่ตั้ง

โรงแรมสเปลนดิดเวนิส 4* (คาร์นิวัลในเวนิส 2019)

#4. โรงแรมอนาสตาเซีย 3*

หนึ่งในโรงแรมราคาประหยัดที่สุดในย่านซานมาร์โก จัตุรัสที่มีชื่อเสียงอยู่ห่างออกไป 300 ม. - ไม่มีกิจกรรมการเฉลิมฉลองใดที่จะเลี่ยงคุณไปได้! ห้องพักได้รับการตกแต่งอย่างดี และผู้เข้าพักยังทราบถึงการต้อนรับและความเป็นมืออาชีพของพนักงาน

ห้องคู่ที่ Hotel Anastasia 3* (เวนิส)

#5. โรงแรมเบลซิโต แอนด์ แบร์ลิโน 3*

โรงแรมในสไตล์เวนิสดั้งเดิมในราคาที่เอื้อมถึง ดีไซน์ห้องพักโรแมนติกมาก ใครๆ ก็ชอบ โดยเฉพาะคู่รัก! อาหารอร่อย wifi ใช้งานได้ดี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ อยู่ใกล้เคียง

ข้อควรจำ - Hotel Concordia (เวนิสคาร์นิวัล 2019)

สิ่งที่ต้องซื้อในเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล

เมื่อถึงงานรื่นเริง คุณอาจต้องการให้ของขวัญตามใจตัวเอง ของที่ระลึกที่คุณไม่คิดจะใช้จ่ายเงินในเมืองราคาแพงอย่างเวนิส:

Arcana I The Magician (Tarocco del Carnevale di Venezia) เป็นของมีค่าที่สุดในเทศกาลเวนิสคาร์นิวัล!

• หน้ากากคาร์นิวัลคุณไม่น่าจะออกจากเมืองโดยปราศจากความงามนี้ สำหรับของขวัญ ให้ซื้อสำเนาหลายชุดในราคาเฉลี่ย และถือว่าโปรแกรมขั้นต่ำเสร็จสมบูรณ์
• แชมเปญ เบลลินี- เครื่องดื่มอัดลมรสแอปริคอท หากคุณต้องการอะไรที่หรูหรากว่านี้ลองดู ไวน์เวเนโต- ในราคา 10-12 ยูโร คุณจะได้รับของขวัญที่คุ้มค่า
• ไพ่ทาโรต์ในธีมเวนิสสำรับที่สามารถใช้เป็นแนวทางได้คือ - ทาร็อคกี้ ดิ เวเนเซียจัดพิมพ์โดย ดาล เนโกร เลิกผลิตแล้ว แต่พบได้ในร้านค้าสไตล์เวนิสเป็นครั้งคราว ไพ่ทาโร่คาสโนวาจาก Lo Scarabeo ยังพอใจกับวิวเมืองอีกด้วยคุณสามารถซื้อได้ทุกที่ ทารอกโก เดล คาร์เนวาเล ดิ เวเนเซียปี 1988 อุทิศให้กับเทศกาลคาร์นิวัลในเมืองเวนิสโดยสิ้นเชิง หายาก แต่ถ้าคุณทำเช่นนั้น โปรดทราบว่านักสะสมยินดีจ่าย 500 ยูโรสำหรับหนึ่งสำเนา
• หนึ่งในพัน ลูกปาซึ่งนกพิราบจะกระจัดกระจายในระหว่างพิธีเปิด ของที่ระลึกฟรีแน่นอน แต่มีค่าที่สุด

ทัศนศึกษาในเมืองเวนิสและบริเวณโดยรอบ

ทัศนศึกษาที่ดีที่สุดในเวนิสไม่ใช่ "การนั่งเรือกอนโดลา" จำนวนมาก แต่เป็นเส้นทางที่ไม่ธรรมดาจากคนในท้องถิ่น พวกเขาถูกสร้างขึ้นโดยคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งมีบางสิ่งบางอย่างที่จะบอกและแสดง ทัศนศึกษาทั้งหมดดำเนินการเป็นภาษารัสเซีย

การผลิตหน้ากากคาร์นิวัลในเมืองเวนิส

โดยสรุปแล้ว วิดีโอที่สวยที่สุดที่อุทิศให้กับเทศกาลเวนิสคาร์นิวัลที่เราหาเจอ รับชมและรับแรงบันดาลใจ!

เยี่ยมชมและดูว่าอันไหนคุ้มค่ากับการใช้จ่ายเงินของคุณ ค้นหาว่ามันเป็นยังไงและเป็นของที่ระลึกด้วย