การกระตุ้นการคลอดบุตรที่บ้าน ตำแหน่งร่างกายไม่สบาย

ในบทความนี้:

เมื่อการตั้งครรภ์สิ้นสุดลงและยังไม่เกิดการคลอดบุตรหรือกิจกรรมการใช้แรงงานอ่อนแอเกินไป จำเป็นต้องกระตุ้นการทำงานของแรงงาน การชักนำให้เกิดการใช้แรงงานเป็นการเร่งให้เกิดการกระตุ้นกิจกรรมด้านแรงงานโดยธรรมชาติหรือโดยวิธีเทียมผ่านการบริหารยาหรือขั้นตอนบางอย่าง

ข้อบ่งชี้สำหรับการชักนำให้เกิดแรงงาน

การชักนำให้เกิดการใช้แรงงานจะใช้ในกรณีที่ผู้หญิงไม่สามารถคลอดบุตรได้ด้วยตนเองเนื่องจากมีปัจจัยดังกล่าว: น้ำหนักตัวเกินของทารกในครรภ์หรือมารดา การปรากฏตัวของโรคร้ายแรงบางอย่างในประวัติศาสตร์ (เบาหวาน) การหยุดชะงักของรก น้ำคร่ำ ฯลฯ

การกระตุ้นแรงงานบังคับจะดำเนินการด้วยการหยุดชะงักของรกเมื่อมีความเป็นไปได้ที่จะมีเลือดออกและชีวิตของทารกในครรภ์มีความเสี่ยง กระตุ้นการทำงานของแรงงานเมื่อตั้งครรภ์เกินกำหนดและการคลอดบุตรไม่เกิดขึ้น การหดตัวไม่สม่ำเสมอที่หายากหรือการหยุดโดยสมบูรณ์ในกรณีที่ผู้หญิงหมดแรงหลังจากการหดตัวก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดแรงงาน ระยะยาวและ polyhydramnios เป็นตัวบ่งชี้สำหรับการกระตุ้นเทียมเนื่องจากในกรณีนี้การคลอดอาจล่าช้าและมีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนในทารกในครรภ์

วิธีการประดิษฐ์ของการเหนี่ยวนำแรงงาน

ในระหว่างการคลอดบุตรแพทย์จะตรวจสอบว่ากิจกรรมการใช้แรงงานมีความคืบหน้าอย่างไร: คลำช่องท้องของผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตรกำหนดความถี่และจำนวนการหดตัวระยะเวลา ตัวบ่งชี้ที่แม่นยำที่สุดคือการเปิดเผยของปากมดลูก หากปากมดลูกเปิดช้าเกินไปหรือการเปิดหยุดถ้าจำเป็นให้ทำการคลอด

การชักนำให้เกิดแรงงานสามารถทำได้ด้วยความช่วยเหลือของ:

1. ออกซิโทซิน;
2. พรอสตาแกลนดิน (เจล, เหน็บ);
3. การเจาะน้ำคร่ำ;
4. ไมเฟพริสโตน, เพนครอฟตัน, มิโรพริสตัน

ออกซิโตซิน

ในการเปิดปากมดลูกจะใช้ฮอร์โมนแอนะล็อกเพื่อส่งเสริมการเปิดและการสุกของปากมดลูก ยาที่มีประสิทธิภาพและพบได้บ่อยที่สุดคือออกซิโตซิน หมายถึงวิธีการกระตุ้นแรงงานโดยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ใช้สำหรับแรงงานที่อ่อนแอเพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำนมเพื่อรักษาอาการตกเลือดหลังคลอด

มีข้อห้ามบางประการต่อการใช้ออกซิโตซิน ดังนั้นจึงไม่สามารถกำหนดได้หากผู้หญิงมีกระดูกเชิงกรานแคบมากหรือมีความผิดปกติในตำแหน่งของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะให้ยาเกินขนาดหรือผลข้างเคียงอันเนื่องมาจากความไม่ถูกต้องของปริมาณ ผลข้างเคียงอาจเกิดการหดตัวของปากมดลูกมากเกินไปซึ่งนำไปสู่การไหลเวียนโลหิตบกพร่องและการขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ เลือดออกอาจพัฒนา

พรอสตาแกลนดิน

Prostaglandins ใช้ในทางการแพทย์เพื่อกระตุ้นแรงงาน มีการกำหนดในกรณีที่ปากมดลูกไม่พร้อมที่จะขยาย โดยปกติ prostaglandins จะพบในน้ำคร่ำและในปริมาณเล็กน้อยในเนื้อเยื่อของร่างกาย

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการใช้สารกระตุ้นการทำงานในรูปแบบของเจลหรือยาเหน็บ - วิธีนี้เป็นวิธีที่อ่อนโยนและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เจลชักนำให้เกิดแรงงานซึ่งประกอบด้วยพรอสตาแกลนดินช่วยปรับปรุงระดับฮอร์โมนและเตรียมปากมดลูกสำหรับการขยายและการคลอดบุตร กิจกรรมแรงงานเกิดขึ้นภายใน 4 ชั่วโมงหลังจากการแนะนำเจล ภายใต้การกระทำของ oxytocin การหดตัวของปากมดลูกจะกระตุ้นความเจ็บปวดจะนิ่มลง
เจลจะถูกฉีดเข้าทางช่องคลอดด้วยเข็มฉีดยาที่ปราศจากเชื้อเข้าไปในผนังด้านหลังของช่องคลอด หลังจากนั้นผู้หญิงต้องนอนลงเพื่อไม่ให้เจลรั่วออกมา หากคุณใส่เจลเข้าไปในปากมดลูกโดยตรง มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการคลอดก่อนกำหนด ในกรณีที่ไม่มีผลตามที่ต้องการหลังจากผ่านไป 6 ชั่วโมง เจลจะถูกนำมาใช้ใหม่ ปริมาณสูงสุดของเจลที่ฉีดคือไม่เกิน 3 มล.

แม้ว่าเจลในฐานะตัวแทนเร่งความเร็วแรงงานจะมีบทวิจารณ์ที่ดี แต่ก็ยังมีข้อห้ามหลายประการสำหรับการใช้เจลนี้ ซึ่งรวมถึงการนำเสนอของทารกในครรภ์, กระดูกเชิงกรานแคบทางคลินิกในผู้หญิง, การปรากฏตัวของข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัดคลอด

การเจาะน้ำคร่ำ

วิธีการกระตุ้นพื้นบ้าน

วิธีการพื้นบ้านในการกระตุ้นแรงงานรวมถึงการเยียวยาเช่นน้ำมันละหุ่ง (น้ำมันละหุ่ง), แชมเปญ, การใช้สาหร่ายทะเล ฯลฯ

น้ำมันละหุ่ง

การชักนำให้เกิดการใช้แรงงานที่บ้านสามารถทำได้โดยใช้น้ำมัน เช่น น้ำมันละหุ่ง น้ำมันละหุ่งเนื่องจากการผ่อนคลายสามารถนำไปสู่การเปิดปากมดลูกและเร่งการคลอดบุตรหากได้รับในปริมาณมาก เพื่อกระตุ้นการทำงานคุณต้องดื่มน้ำมันละหุ่ง 1 ช้อนโต๊ะ แต่ถึงกระนั้นยาแผนปัจจุบันก็ยังต่อต้านยาเช่นน้ำมันละหุ่งเพราะน้ำมันละหุ่งสามารถทำให้เกิดอาการท้องร่วงและนำไปสู่การคายน้ำ (น้ำมันละหุ่งยังใช้เป็นยาระบาย)

น้ำมันละหุ่งไม่ถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ดีและเหมาะสมสำหรับการกระตุ้นแรงงาน คุณสามารถใช้วิธีการที่อ่อนโยนและมีประสิทธิภาพมากกว่าในการกระตุ้นแรงงานมากกว่าน้ำมันละหุ่งหรือน้ำมันละหุ่ง

ลามินาเรีย

คุณสามารถทำให้กระบวนการคลอดบุตรใกล้ชิดยิ่งขึ้นด้วยวิธีธรรมชาติที่บ้านด้วยความช่วยเหลือจากอาหารพิเศษซึ่งรวมถึงอาหารที่อุดมด้วยเส้นใย ในแง่นี้ สาหร่ายทะเล (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เคลป์) เป็นสิ่งที่ดีมาก ลามินาเรียมีไอโอดีนเป็นจำนวนมาก และวิตามินและองค์ประกอบที่มีอยู่ในสาหร่ายทะเลก็ไม่ด้อยไปกว่าการเตรียมวิตามินราคาแพง เพื่อให้ได้ผลที่ผ่อนคลาย การกินสาหร่ายทะเลเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว และจะมีผลกระตุ้นต่อร่างกาย

Laminaria ในสูติศาสตร์ไม่เพียงใช้ที่บ้านในการแพทย์อย่างเป็นทางการเท่านั้น เพื่อให้สะดวกต่อการใช้สาหร่ายทะเล พวกมันจะถูกทำเป็นแท่งยาว 6-9 ซม. แผ่นลามินาเรียดูดซับความชื้นได้ดี ดังนั้นเมื่อใส่เข้าไปในช่องคลอดจะขยายคลองปากมดลูก นอกจากนี้ เชื่อกันว่าสาหร่ายทะเลมีส่วนช่วยในการผลิตพรอสตาแกลนดิน ซึ่งจะขยายและทำให้คลองปากมดลูกนิ่มลง

ลามินาเรียใช้ในสองขั้นตอน: ขั้นแรกฉีด 6 แท่งเป็นเวลา 16 ชั่วโมงและหากยังไม่เริ่มการคลอดบุตรแท่งเหล่านี้จะถูกลบออกและฉีดอีก 6-12 แท่งในอีก 16 ชั่วโมงข้างหน้า

แอลกอฮอล์

เชื่อกันว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเล็กน้อยมีผลผ่อนคลายต่อร่างกายและนำไปสู่การเร่งคลอดตามธรรมชาติ ส่วนหนึ่งก็คือ ตัวอย่างเช่น หากคุณดื่มไวน์แดง มันจะไม่เป็นอันตรายต่อทารกและจะช่วยให้เกิดการหดตัวมากขึ้น ไม่แนะนำแชมเปญ แชมเปญไม่มีผลที่จำเป็นต่อร่างกายและสามารถทำร้ายได้เท่านั้น ดังนั้นแพทย์จึงไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้

วิดีโอที่มีประโยชน์

การคลอดบุตรเป็นกระบวนการทางธรรมชาติอันเนื่องมาจากธรรมชาติของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรอดพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บและโรคแทรกซ้อน ดังนั้นในบางกรณีจึงทำได้ยากหากไม่มีการแทรกแซงทางการแพทย์ บ่อยครั้งที่แพทย์กระตุ้นกิจกรรมการใช้แรงงาน: มันคืออะไรและอันตรายต่อทารกและแม่อย่างไร ผู้หญิงทุกคนที่ใช้แรงงานต่างให้ความสนใจ

แนวคิดนี้หมายถึงการชักนำให้เกิดการคลอดบุตรและการกระตุ้นหากกระบวนการทางธรรมชาติไม่สามารถดำเนินการได้เองด้วยเหตุผลบางประการ

แพทย์อาจแนะนำขั้นตอนนี้หากมีข้อบ่งชี้สำหรับการชักนำให้เกิดการคลอดบุตรที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ต่อไป ซึ่งรวมถึง:

• การยืดออก: อายุครรภ์เกิน 41 สัปดาห์;
• ไม่มีการหดตัวภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากน้ำแตก
• โรคเรื้อรังหรือเฉียบพลัน: ไตวาย, เบาหวาน, ภาวะครรภ์เป็นพิษ, ปัญหาหัวใจ;
• การตั้งครรภ์หลายครั้ง (อ่านเกี่ยวกับคุณลักษณะของการคลอดบุตรดังกล่าว);

นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเมื่อหญิงมีครรภ์ยืนยันที่จะให้กำเนิดด้วยการกระตุ้น แต่การตัดสินใจในแต่ละกรณีดังกล่าวยังคงอยู่กับแพทย์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก ควรใช้ความเป็นไปได้ของการใช้แรงงานตามธรรมชาติ เนื่องจากยาที่กระตุ้นการทำงานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียงได้ ดังนั้นจึงมักกล่าวกันว่าขั้นตอนนี้เป็นอันตราย อย่างนั้นหรือ?

ทำไมการกระตุ้นจึงเป็นอันตราย?

ความกลัวของผู้หญิงหลายคนนั้นเกินจริง เนื่องจากมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าการชักนำให้เกิดการคลอดบุตรนั้นเป็นอันตรายอย่างไรและจะส่งผลอย่างไรต่อแม่และลูก ในกรณีส่วนใหญ่จะผ่านไปได้โดยไม่มีความยุ่งยากและช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้ จุดลบ ได้แก่ :

• การหดตัวที่เจ็บปวดซึ่งผู้หญิงรู้สึกแข็งแกร่งกว่าในระหว่างการคลอดบุตรตามธรรมชาติ - ดังนั้นคำถามมักเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้ยาระงับความรู้สึกแก้ปวด ( รายการบ่งชี้ทั้งหมด);
• ตำแหน่งที่ไม่สบายใจที่ทำให้กระบวนการคลอดบุตรยุ่งยาก: ยากระตุ้นมักจะถูกฉีดผ่านหลอดหยดซึ่งบังคับให้ผู้หญิงนอนหงายเป็นหลักและ จำกัด การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
• ในบางกรณี แต่บางครั้งมันก็เกิดขึ้น กระบวนการนี้ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ด้วยผลที่ตามมาทั้งหมด

สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ยาที่เหมาะสมในการกระตุ้นการใช้แรงงานและการตัดสินใจในเวลาที่เหมาะสมของแพทย์ในการดำเนินการตามขั้นตอนส่วนใหญ่มักจะช่วยชีวิตแม่และทารกและไม่ทำให้สุขภาพของพวกเขาพิการ ในเวลาเดียวกัน ข้อดีและข้อเสียทั้งหมดจะได้รับการชั่งน้ำหนัก ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี

คำตอบสำหรับคำถามที่ว่าการชักนำให้เกิดแรงงานเป็นอันตรายหรือไม่นั้นเป็นวาทศิลป์ นี่คือการแทรกแซงที่ประดิษฐ์ขึ้นในกระบวนการทางธรรมชาติดังนั้นจึงเป็นอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตามข้อบ่งชี้ที่มีอยู่ วิธีนี้จำเป็น มันเกิดขึ้นที่การกระตุ้นนั้นไร้ประโยชน์ร่างกายของแม่ไม่ตอบสนองต่อมัน ในกรณีเช่นนี้ โอกาสสุดท้ายคือการผ่าตัดคลอดเท่านั้น

วิธีการกระตุ้นการทำงานของแรงงาน

สำหรับผู้หญิงหลายคน ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับวิธีที่เจ็บปวดและอันตรายอีกครั้งเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าการกระตุ้นแรงงานเป็นอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับขั้นตอนของกิจกรรมแรงงานไม่ว่าจะมีอยู่จริงหรือไม่ หลังจากวิเคราะห์สภาพของหญิงตั้งครรภ์และเด็กแล้ว คำถามที่ว่าวิธีการกระตุ้นแบบใดแบบหนึ่งจะมีประโยชน์ในกรณีใดกรณีหนึ่ง

• การแยกตัวของน้ำคร่ำ

เทคนิคนี้ใช้สำหรับหลังการตั้งครรภ์ แพทย์ลอกเยื่อน้ำคร่ำออกด้วยมือ และสิ่งนี้จะกระตุ้นให้เกิดการหดตัว ปัญหาคือขั้นตอนมักใช้ไม่ได้ผลเนื่องจากสาเหตุหลายประการ (ขาดประสบการณ์ของแพทย์ ผนังเปลือกหนา ฯลฯ) ดังนั้นจึงต้องทำหลายๆ ครั้งหรือใช้วิธีการอื่น ในขณะเดียวกันความเสี่ยงต่อสุขภาพของแม่และลูกก็น้อยมาก และไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด

• พรอสตาแกลนดิน

พรอสตาแกลนดินเป็นสารออกฤทธิ์ทางสรีรวิทยาที่ร่างกายผลิตขึ้นอย่างอิสระ ทำให้เกิดการสุกและการเปิดปากมดลูก ยานี้ใช้ในรูปแบบของเจลหรือยาเหน็บทางช่องคลอดและภายในครึ่งชั่วโมงจะเริ่มใช้แรงงาน ขั้นตอนไม่บังคับการเคลื่อนไหว ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย ไม่มีผลข้างเคียงและข้อห้าม และไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์

• การเจาะถุงน้ำคร่ำ

การเจาะถุงน้ำคร่ำเป็นอันตรายต่อการติดเชื้อ ใช้เมื่อหดตัวนานเกินไป ใส่ตะขออะมิโน (เครื่องมือรูปตะขอพลาสติกแบบยาว) เข้าไปในช่องคลอด เกี่ยวเยื่อหุ้มน้ำคร่ำผ่านปากมดลูกแล้วเจาะเข้าไป ทำให้น้ำคร่ำไหลออกมา

• ออกซิโตซิน

Oxytocin เป็นยาสังเคราะห์ ซึ่งเป็นอะนาล็อกของฮอร์โมนธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก ใช้ในกรณีที่ลดทอนกิจกรรมแรงงานลดความเข้มของการหดตัว มันถูกฉีดเข้าเส้นเลือดดำด้วยหยด วิธีการกระตุ้นนี้เต็มไปด้วยการใช้ยาเกินขนาดซึ่งอาจนำไปสู่การขาดออกซิเจนของเด็กรวมถึงการหดตัวที่เจ็บปวดเกินไป

• แท็บเล็ต

การกระตุ้นทางการแพทย์สมัยใหม่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาเม็ดพิเศษที่มีสารต่อต้านฮีสโตเจนสังเคราะห์เทียม พวกเขาปิดกั้นตัวรับของมดลูกเร่งการเจริญเติบโตและการเปิดปากมดลูก ข้อดีของยาเม็ดคือไม่มีผลใดๆ ต่อสภาพของผู้หญิงและทารก

ในแง่ของความง่ายในการใช้งาน ประสิทธิภาพสูงสุด และจำนวนผลข้างเคียงที่น้อยที่สุด วิธีการชักนำให้เกิดแรงงานนี้ถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามหลายประการ: ตับและไตวาย, เบาหวาน, โรคหอบหืด, ปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด, การแพ้เฉพาะบุคคล

• วิธีการกระตุ้นตามธรรมชาติ

ผู้หญิงที่กล้าหาญที่สุดที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการเร่งคลอดและไม่สามารถทำเช่นนี้ในโรงพยาบาลได้กระตุ้นที่บ้าน ในเวลาเดียวกันจำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือเบื้องต้นกับแพทย์อย่างน้อยทางโทรศัพท์ วิธีการกระตุ้นตามธรรมชาติ ได้แก่ :

1. เพศในระหว่างที่มดลูกหดตัวซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการคลอดบุตรตามธรรมชาติ
2. น้ำมันละหุ่งที่นำมารับประทานจะนำไปสู่การทำงานของลำไส้ที่เพิ่มขึ้นซึ่งกระตุ้นให้เกิดแรงงาน วิธีการนี้น่าสงสัยเพราะทำให้ท้องเสียคลื่นไส้และขาดน้ำ
3. การออกกำลังกายเบาๆ จะทำให้รูปร่างหน้าตาของทารกเร็วขึ้น
4. การฝังเข็มยังส่งเสริมการเริ่มต้นของแรงงาน

การกระตุ้นด้วยแรงกระตุ้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายของผู้หญิงและเด็ก อย่ากลัวสิ่งนี้เพราะแพทย์รู้ว่ากำลังทำอะไร เชื่อใจพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น หากปราศจากความยินยอมของผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตร ก็ไม่มีใครมีสิทธิที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการคลอดบุตรตามธรรมชาติ แม้แต่แพทย์

เมื่อมีความจำเป็นในการกระตุ้นการใช้แรงงาน ผู้หญิงจะชอบวิธีการพื้นบ้านมากกว่าที่เสนอในโรงพยาบาล พวกเขากลัวที่จะคลอดบุตรภายใต้ออกซิโตซินเนื่องจากการหดตัวที่เจ็บปวดเกินไปและผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ของยานี้ พวกเขากลัวการเจาะน้ำคร่ำซึ่งเด็กจะได้รับบาดเจ็บในระหว่างขั้นตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพในการเร่งการคลอดบุตร

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่ครบกำหนดโดยสมบูรณ์ นั่นคือ วันที่คาดว่าจะเริ่มมีงานทำ (PDR) ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง สามารถลองใช้การชักนำให้เกิดการใช้แรงงานตามธรรมชาติที่บ้านได้

ยกเว้นสตรีมีครรภ์ที่ควรผ่าท้อง มีปัญหากับเด็ก (พัฒนาการของมดลูกล่าช้า ขาดออกซิเจน ฯลฯ) ภาวะโพลีไฮดรามนิโอส กล่าวคือ เฉพาะสตรีที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นพิเศษซึ่งมีบุตรที่มีสุขภาพแข็งแรงเช่นเดียวกันเท่านั้นควรพยายามได้รับการกระตุ้น

เกี่ยวกับ polyhydramnios ฉันอยากจะพูดแยกกัน ด้วยพยาธิสภาพนี้การปล่อยน้ำคร่ำออกนอกโรงพยาบาลค่อนข้างอันตราย ความจริงก็คือบางครั้งทารกในครรภ์ซึ่งหลังจากที่น้ำไหลออกก่อนเข้าสู่กระดูกเชิงกรานของแม่ลึกลงไปบีบสายสะดือซึ่งกำลังจะออกไป และในที่สุดก็นำไปสู่ภาวะขาดออกซิเจนเฉียบพลันหรือถึงขั้นเสียชีวิตของเด็ก ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการแตกของน้ำคร่ำในช่วงต้น และการกระตุ้นการใช้แรงงานที่บ้านในสัปดาห์ที่ 40-41 มักจะนำไปสู่

อ้อ และอีกอย่าง แม้ว่าคุณจะไม่มีโพลีไฮดรามนีโอ การทำให้น้ำแตกก่อนที่การหดตัวจะปรากฏขึ้นก็ไม่ดี การหดตัวอาจไม่เริ่มขึ้นเองเลย หรือปากมดลูกจะไม่พร้อมสำหรับการคลอดบุตร จากนั้นคุณจะได้รับการกระตุ้นทางการแพทย์ในโรงพยาบาลคลอดบุตร (ใช่ ร่วมกับออกซิโทซิน) หรือแม้แต่การผ่าตัดคลอด

มันไม่คุ้มค่าเลยที่จะรู้ว่าผู้หญิงที่มีแผลเป็นที่มดลูกแม้ว่าจะไม่ได้มาจากการผ่าตัดคลอด แต่จากการผ่าตัด myomectomy เช่นการผ่าตัดเอาเนื้องอกที่อ่อนโยนของมดลูกถูกกระตุ้นให้คลอดที่บ้าน ได้ด้วยตัวเอง.

นอกจากนี้ยังไม่แนะนำให้กระตุ้นการคลอดบุตรด้วยวิธีการพื้นบ้านที่บ้านสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาการคลอดบุตรที่มีปัญหากับการไม่ประสานงานกันกิจกรรมแรงงานที่อ่อนแอ

หากทุกอย่างเรียบร้อยดี และแพทย์อยากให้คุณคลอดบุตรโดยเร็วที่สุด ให้ใช้วิธีที่ปลอดภัยที่สุดอย่างน้อยหนึ่งวิธี การกระตุ้นตามธรรมชาติของแรงงานที่บ้านควรเป็นไปเพื่อประโยชน์เท่านั้น

1. การมีเพศสัมพันธ์หากเมือกที่มีน้ำยังคงอยู่ วิธีนี้เป็นทางเลือกที่ดีในการเร่งการคลอด เกือบ 100% น้ำอสุจิมีสารพรอสตาแกลนดิน - สารที่นำไปสู่การสุกและการเปิดปากมดลูกอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในระหว่างที่ใกล้ชิดกัน มดลูกจะมีน้ำเสียง และในบางกรณี การหดตัวเหล่านี้อาจกลายเป็นความเจ็บปวดจากการคลอดบุตรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้หญิงมีจุดสุดยอด โดยธรรมชาติ วิธีนี้เหมาะสมหากคุณไม่ใช้ถุงยางอนามัย

2. เดินขึ้นลงบันไดการออกกำลังกาย + ตำแหน่งแนวตั้งสามารถนำไปสู่การเดินผ่านของทารกในครรภ์ไปยังกระดูกเชิงกรานและเริ่มมีอาการหดตัว แต่ยังสามารถกระตุ้นการแตกของถุงน้ำคร่ำและการปล่อยน้ำ นอกจากนี้ ภาระดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับผู้หญิงที่มีอาการอิศวรรุนแรง (และส่วนใหญ่เป็นเวลานาน) และมีแนวโน้มที่จะบวม อาการบวมน้ำมักจะปรากฏขึ้นอย่างแม่นยำเนื่องจากการอยู่ในท่าตั้งตรงเป็นเวลานาน

หากการขึ้นบันไดเป็นเรื่องยาก คุณสามารถเปลี่ยนภาระนี้ด้วยการเดินในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เป็นประจำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในทุกกรณี โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์

3. การกระตุ้นหัวนมจะดำเนินการอย่างไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคืออย่าทำร้ายพวกเขา ในระหว่างการกระตุ้นหัวนม oxytocin จะถูกผลิตขึ้นอย่างแข็งขันซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกันที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ลองมัน!
คุณสามารถทำการเคลื่อนไหวแบบหมุนด้วยฝ่ามือของคุณเป็นวงกลม มันควรจะเป็นที่น่าพอใจไม่ว่าในกรณีใดเจ็บปวด

4. การรับอาหารรสเผ็ดประเด็นคือการบังคับให้ลำไส้หดตัวอย่างรุนแรง ภาพยนตร์หลายเรื่องแสดงให้เห็นถึงวิธีการเริ่มต้นแรงงานดังกล่าว อย่างไรก็ตามยังมีข้อเสียอยู่ ประการแรกอาการเสียดท้องเฉียบพลันรุนแรงมากซึ่งทรมานสตรีมีครรภ์แล้ว และประการที่สองพริกไทยที่กินเข้าไปและ "ความคมชัด" ที่คล้ายกันจะเผาผลาญลำไส้อย่างรุนแรงเมื่อออกไปข้างนอก โดยทั่วไป การเผาไหม้ในทวารหนักจะเหมือนกับการเผาไหม้ในปาก และถ้าแม่เป็นริดสีดวงทวารด้วยหรือมีรอยร้าวในทวารหนัก โดยทั่วไปจะเจ็บปวดมาก และไม่มีผลที่ตามมาในรูปแบบของการกำเริบของโรคจะไม่ทำ

หากคุณทนต่อกระเทียมได้ดีก็จะเพียงพอ

5. กินยาระบาย

• น้ำมันละหุ่ง.โดยปกติในหัวข้อของวิธีการกระตุ้นตามธรรมชาติแนะนำให้ใช้น้ำมันละหุ่ง นอกจากนี้ แพทย์บางคนยังรับรองประสิทธิภาพที่แน่นอนของสูตรต่อไปนี้: 1 ช้อนโต๊ะในตอนเช้าและน้ำมันละหุ่ง 1 ช้อนโต๊ะในตอนบ่าย และนั่นคือทั้งหมดในตอนเย็นหรือตอนกลางคืนหลังจากเข้าห้องน้ำหลายครั้งควรเริ่มหดตัว การทำความสะอาดลำไส้ก่อนการคลอดบุตรจะเป็นประโยชน์ในทุกกรณี
• สวนด้วยน้ำไม่รู้สึกเหมือนกำลังดื่มน้ำมันละหุ่งใช่ไหม จากนั้นคุณสามารถใช้ยาระบายอื่น ๆ - การกระทำทางกลหรือทางเภสัชวิทยา ตัวอย่างเช่น การให้น้ำเป็นประจำสามารถกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ มีปริมาณมากเท่านั้นเหมือนที่ทำในโรงพยาบาลคลอดบุตร นี่เป็นวิธีที่ดีมาก - เพื่อจูงใจให้ทำงานด้วยตัวเองที่บ้านได้ง่ายๆ และปลอดภัย ผู้หญิงที่คลอดบุตรจะไม่ยอมให้คุณโกหกว่าหลังจากสวนทวารซึ่งทำในโรงพยาบาลคลอดบุตร หลายคนจะปล่อยเมือกออกจากปากมดลูกทันทีและเริ่มหดตัว ด้วยเหตุผลนี้ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรจะไม่ได้รับศัตรู
• เทียนยาระบาย.ยาเหน็บกลีเซอรีนสามารถเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้อย่างมาก - นี่คือยาระบายที่ปลอดภัยซึ่งระคายเคืองต่อไส้ตรงหรือ Microlax microclysters แต่อย่างแรกมีประสิทธิภาพมากกว่า
• ชะเอม.สำหรับบางอย่างที่แปลกใหม่กว่านี้ ให้ลองใช้ชะเอมเทศ พืชตระกูลถั่วที่มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย เมื่อบริโภคในปริมาณมากจะกระตุ้นให้ลำไส้เป็นตะคริวและท้องเสีย โดยวิธีการที่ชะเอมยังขายในรูปแบบของยาเม็ด ตรวจสอบกับแพทย์ของคุณว่าคุณสามารถรับได้หรือไม่ การบีบตัวของลำไส้ที่กระฉับกระเฉงช่วยกระตุ้นมดลูกได้เป็นอย่างดี


• น้ำมันพริมโรสอาหารเสริมที่รู้จักกันดีสำหรับสูตินรีแพทย์ พรีมูลาเป็นพืช ซึ่งหมายถึงอาหารเสริมจากพืช 100% น้ำมันนี้ เช่น สับปะรดและน้ำอสุจิ มีสารพรอสตาแกลนดิน แนะนำให้ทานก่อนคลอดบุตร 500 มก. วันละ 3 ครั้ง และคุณสามารถใส่วันละครั้งและทางช่องคลอด

6. ยาต้มใบราสเบอร์รี่ช่วยให้การคลอดบุตรเร็วขึ้น คุณต้องดื่มมันอุ่น

7. เนื้อสับปะรดประกอบด้วยสารโบรมีเลน ซึ่งบางคนบอกว่าทำหน้าที่เหมือนพรอสตาแกลนดิน สารกระตุ้นการหดตัว

8. เทียน "Buscopan", "Papaverin", "No-shpa" ในแท็บเล็ตเทียน "Buscopan" ใช้ทางตรง พวกเขาถูกกำหนดโดยแพทย์เพื่อเร่งการเจริญเติบโตของปากมดลูก อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก Papaverine และ No-shpa ใช้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน

แต่วิธีการทั้งหมดเหล่านี้ด้อยกว่าวิธีการทั่วไปในโรงพยาบาลคลอดบุตรมาก ตัวอย่างเช่น เมื่อมีปากมดลูกที่โตเต็มที่ แพทย์เพียงแค่เจาะถุงน้ำคร่ำ และผู้หญิงเกือบทุกคนจะหดตัวในชั่วโมงแรก นั่นคือแม้แต่ออกซิโตซินก็ไม่จำเป็นเสมอไป

ผู้เป็นแม่ทุกคนคาดหวังให้ลูกเกิดตรงเวลา เตรียมพร้อมสำหรับวันนี้อย่างระมัดระวัง บางทีอาจเลือกชื่อตามปฏิทินของคริสตจักรด้วยซ้ำ แต่แล้ววันที่หวงแหนก็มาถึง และ ... ไม่มีอะไรเหรอ?

หลังจาก 40 สัปดาห์หมอแนะนำให้แม่ไปโรงพยาบาลเพื่อ การเหนี่ยวนำแรงงานเทียมคำพูดนั้นไม่น่าพอใจและขั้นตอนในโรงพยาบาลก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาใส่ เคลป์, พวกเขาฉีดเจลพิเศษ, ให้ยาฮอร์โมน ... ผู้หญิงที่มีประสบการณ์สิ่งนี้กับตัวเองในการตั้งครรภ์ครั้งแรกของพวกเขาเป็นครั้งที่สองตามกฎแล้วให้อยู่บ้านจนกว่าจะหดตัว แต่แม้กระทั่งผู้ที่คลอดบุตรเป็นครั้งแรกก็สามารถจ่ายได้

หลักการสำคัญรอที่บ้าน - มั่นใจในความปลอดภัยของลูก การทำเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะผ่าน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ KTG (การตรวจหัวใจ) ทารกในครรภ์. เธอจะแสดงว่าทารกมี ความอดอยากออกซิเจนไม่ว่าเขาจะได้รับสารอาหารเพียงพอหรือไม่ สามารถทำอัลตราซาวนด์เพิ่มเติมเพื่อดูได้ การเจริญเติบโตของรก, ภาวะน้ำคร่ำ. นอกจากนี้ยังควรถามเกี่ยวกับประวัติการคลอดบุตรกับญาติของคุณ (แม่, ย่า, พี่สาว, ป้า) บางทีพวกเขาก็ให้กำเนิดหลังจาก 40 สัปดาห์ - แล้วคุณมี ความบกพร่องทางพันธุกรรมต่อการผัดวันประกันพรุ่งและอย่ากังวลมากเกินไป และหากทุกอย่างเรียบร้อยดี คุณสามารถรอกับการรักษาในโรงพยาบาลได้ในตอนนี้ แล้วก็ยุ่ง การชักนำให้เกิดการใช้แรงงานโดยธรรมชาติ.

หลักการที่สอง- ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในระหว่างตั้งครรภ์ (หรือในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา) ไม่ทั้งหมด แต่มาก สิ่งที่ได้ผลที่สุดคือการเริ่มต้นใหม่ ชีวิตที่ใกล้ชิดกับสามี.น้ำอสุจิเพศชายประกอบด้วย พรอสตาแกลนดินซึ่งเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกันบนพื้นฐานของการสร้างเจลกระตุ้นที่ใช้ในโรงพยาบาลคลอดบุตร มันจะทำให้ปากมดลูกนิ่มลง ค่อยๆ เตรียมการคลอดบุตร การจูบ การลูบหน้าอกเบาๆ ระหว่างมีเซ็กส์ ช่วยผลิตฮอร์โมนอื่น ออกซิโตซินซึ่งทำให้มดลูกหดรัดตัวและยัง ยากล่อมประสาท. นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในช่องท้องส่วนล่าง ซึ่งจะทำให้มดลูกกระชับและช่วยกระตุ้นให้เกิดการหดตัว

การออกกำลังกายในเวลานี้ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถดึงบาร์เบลล์ในโรงยิมหรือกระโดดจนกว่าคุณจะหน้าซีดในแอโรบิก และนี่คือความคลาสสิค ที่ชาร์จหรือเรียบง่าย การเต้นรำแบบตะวันออก- แค่นั้นแหละ. โดยส่วนตัวในช่วง ตั้งครรภ์ครั้งที่สองเธอเพียงแค่อุ้มลูกชายคนโตในอ้อมแขนของเธอบ่อยขึ้น และได้ผลมากที่สุดคือวิธีการของคุณยายของเราที่เรียกว่า " ถูพื้น» . คุณสามารถใช้ไม้ถูพื้นได้ แต่ควรใช้มือดีกว่า มีประสิทธิภาพมาก ปีนบันไดขึ้นและลงยังเป็นการออกกำลังกายกระตุ้นที่มีประโยชน์มาก และใช่ มันมีค่าใช้จ่ายมากกว่า เดิน-และวันเกิดจะช่วยให้ใกล้ชิดและรักษาสมรรถภาพทางกาย

ขั้นตอนการทำให้ร้อนต่างๆ ก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต: แพทช์พริกไทยที่หลังส่วนล่าง ตาข่ายไอโอดีนที่หลังส่วนล่าง มาก อบอุ่น(เกือบร้อน) หรือ อาบน้ำร้อนเย็นหรืออาบน้ำ

คู่รัก การเยียวยาพื้นบ้านแนะนำให้ดื่มช้อนโต๊ะ น้ำมันละหุ่ง. น้ำมันละหุ่งซึ่งมีคุณสมบัติในการผ่อนคลายจะช่วยให้ปากมดลูกเปิดเร็วขึ้น ต้องขอบคุณเธอ คุณจะทำความสะอาดลำไส้และจะสามารถหลีกเลี่ยงขั้นตอนการรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่น่าพอใจได้ แต่นี่เป็นกรณีฉุกเฉินมากกว่า โดยทั่วไป คุณสามารถเริ่มการกระตุ้นล่วงหน้า โดยปรับของคุณเล็กน้อย อาหาร: หากคุณรวมอาหารที่มีไฟเบอร์สูง (กะหล่ำปลี หัวบีต สลัดจากผักสด) ไว้ในอาหารของคุณ เนื่องจากการเคลื่อนตัวของลำไส้ที่เพิ่มขึ้น มดลูกก็จะหดตัวเช่นกัน สลัดปรุงรสด้วยน้ำมันพืชได้ดีที่สุด

เพื่อเร่งกระบวนการสุกของปากมดลูก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 34 สัปดาห์เริ่มทานได้เลย น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสซึ่งขายเป็นแคปซูลในร้านขายยาเกือบทุกแห่ง - วันละ 1 แคปซูล. อุดมไปด้วยกรดไขมันและส่งเสริมการผลิตพรอสตาแกลนดิน การบริโภคน้ำมันสามารถเริ่มได้ในภายหลัง: จาก 36 สัปดาห์ - สองแคปซูลและสาม - ตั้งแต่วันที่ 39 ใบราสเบอร์รี่ถือเป็นวิธีการที่ดีในการคลอดบุตร แนะนำให้ชงและดื่มวันละ 2-3 แก้ว โดยเริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 34-36 สัปดาห์ ราสเบอร์รี่ทำให้เอ็นรอบๆ ช่องคลอดนิ่มลง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการหดตัวของมดลูก และยังช่วยลดความเสี่ยงของการแตกระหว่างการคลอดบุตร เพียงต้องแน่ใจว่าก่อนทำการเตรียมสมุนไพรและน้ำมัน คุณควร ปรึกษาแพทย์ที่สังเกตคุณในการให้คำปรึกษาหรือศูนย์การแพทย์ เรียนรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ ควบคู่ไปกับการเลือกวิธีการที่เหมาะกับคุณ

นักจิตวิทยาให้คำแนะนำสำหรับสตรีมีครรภ์: อย่าลืมพูดคุยกับลูกน้อยของคุณ พูดคุยเกี่ยวกับวิธีที่ทุกคนรักและรอเขา ลูบท้องของเขา ทำให้ทารกต้องการพบแม่โดยเร็วที่สุด รับรองว่าทุกอย่างจะดีเอง

และที่สำคัญที่สุด! ไม่มีผู้หญิงคนใดเคยตั้งครรภ์ หากคุณและลูกน้อยของคุณสบายดี อย่ารีบเร่ง! ทุกอย่างมีเวลาของมัน ตัวทารกเองกำหนดวันและเวลาเกิดของเขา

) แปลโดย Ekaterina Zhitomirskaya เผยแพร่ใน AIMS (AIMS - Alliance for the Improvement of Maternity Services) AIMS JOURNAL Vol:26 No:2 2014 6-8

ในวัฒนธรรมตะวันตกในปัจจุบัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ตระหนักถึงการชักนำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดก่อนตั้งครรภ์

พวกเขารู้ว่ามีการกระตุ้นหากถือว่าทารกเกิดจะปลอดภัยกว่าการอยู่ในครรภ์ ฉันยังสงสัยว่าผู้หญิงหลายคนทราบดีว่าสาเหตุหลักประการหนึ่งในการสั่งยากระตุ้นคืออายุครรภ์หลังจากที่ทารกถูกพิจารณาว่าเป็น "ระยะ" นอกจากนี้ ผู้หญิงหลายคนรู้จักผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ได้รับการกระตุ้น ดังนั้นพวกเขาจึงทราบเหตุผลอื่นๆ ที่ระบุไว้ในการกระตุ้น เหตุผลเหล่านี้อาจรวมถึงอายุของสตรีหากสูงกว่า "ปกติ" และน้ำออกก่อนกำหนดและ / หรือปัญหาสุขภาพตลอดจนภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการชักนำให้เกิดการคลอดบุตร
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด การตัดสินใจว่าจะชักจูงแรงงานหรือไม่มีอีกหลายแง่มุมที่ควรพิจารณาด้วย ฉันใช้เวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาค้นคว้าหัวข้อนี้ ผลที่ได้คือฉบับล่าสุด (แก้ไขและขยาย) ของหนังสือของฉัน Wickham S (2014) Inducing Labour: การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด AIMS, London ในเดือนพฤษภาคม สำหรับการนำเสนอหนังสือเล่มนี้ในบริสตอล ฉันได้เตรียมคำปราศรัยเรื่อง "ข้อเท็จจริง 10 ข้อเกี่ยวกับการชักนำให้เกิดการใช้แรงงานที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้" ฉันไม่ได้หมายความถึงความรู้ทั่วไป (ดูด้านบน) แต่ฉันต้องการดึงความสนใจของคุณไปยังข้อเท็จจริง สถานการณ์ และสมมติฐานบางอย่างที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และควรพิจารณาเมื่อเราตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งเร้า อันที่จริง ยังมีอีกมากที่ต้องรู้ ดังนั้นรายการข้อเท็จจริง 10 ข้อของฉันจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับการอภิปราย ไม่ใช่ข้อมูลที่ละเอียดถี่ถ้วนในประเด็นนี้

1. ไม่เหมือนการเกิดปกติ

สิ่งนี้ชัดเจนสำหรับบางคน แต่ฉันรู้จากประสบการณ์ว่าไม่ใช่ทุกคน การชักนำให้เกิดแรงงานแตกต่างอย่างมากจากแรงงานที่เริ่มต้นเองโดยธรรมชาติ แน่นอนว่าผู้หญิงแต่ละคนมีประสบการณ์ส่วนตัวในการคลอดบุตร แต่มีความแตกต่างที่เกือบจะเป็นสากล ประการแรก เพื่อกระตุ้นให้เกิดแรงงาน ผู้หญิงจะได้รับฮอร์โมนสังเคราะห์ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดมากกว่าการคลอดเองตามธรรมชาติ และความเจ็บปวดนี้มาเร็วขึ้น ฮอร์โมนสังเคราะห์ต่างจากฮอร์โมนของเราเอง ไม่ก่อให้เกิดการหลั่งยาแก้ปวดเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งร่างกายผู้หญิงผลิตขึ้นในระหว่างการคลอดบุตรตามปกติ นอกจากนี้การกระตุ้นอาจมีผลข้างเคียงซึ่งหมายความว่าผู้หญิงดังกล่าวจะได้รับการสังเกตอย่างใกล้ชิดมากขึ้น การสังเกตอย่างใกล้ชิดนี้อาจนำไปสู่การจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้หญิง ซึ่งเพิ่มความตึงเครียด และด้วยเหตุนี้ ความเจ็บปวด และในที่สุดก็สามารถทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้

2. มันเจ็บ

ฉันเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ในข้อ 1 แล้ว แต่มีที่มาของความเจ็บปวดอื่นๆ ที่ฉันคิดว่าผู้หญิงควรทราบก่อนตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น การหดตัวที่เกิดจากเจลหรือบอลลูนพรอสตาแกลนดิน ซึ่งมักใช้ในระยะแรกของการชักนำให้เกิดการคลอดบุตร อาจเกิดความเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีผลกระทบใดๆ ที่มองเห็นได้ สิ่งนี้สร้างประสบการณ์การคลอดบุตรในเชิงลบ และง่ายที่จะเหนื่อยและ/หรือเสียหัวใจเร็วกว่าในระยะแรกของการคลอดเองตามธรรมชาติ การหดตัวที่เกิดจากออกซิโตซินอาจรุนแรงมากเช่นกัน และบ่อยครั้งที่ผู้หญิงมีเวลาปรับตัวน้อยกว่าในการคลอดเอง การตรวจทางช่องคลอดบ่อยขึ้นและการปรับเปลี่ยนอื่นๆ (เช่น การใช้บอลลูน) อาจทำให้เกิดอาการปวดมากขึ้น

3. "บริการมาแบบแพ็คเก็จ"

ฉันเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้มากบนเว็บไซต์ของฉัน () ดังนั้นฉันจะไม่พูดซ้ำมากเกินไป แต่การที่คนถามมาเรื่อยๆ ว่า การจัดการทางสรีรวิทยาในระยะที่ 3 (การคลอดของรก) เป็นไปได้ไหม รวมถึงการปฏิเสธ CTG และ/หรือการตรวจทางช่องคลอดว่าได้รับการกระตุ้นด้วยแรงงานหรือไม่ ทำให้ผมคิดว่านี่ไม่ใช่ ข้อเท็จจริงที่รู้จักกันดี ไม่ใช่ว่ามีคนต้องการป้องกันไม่ให้ผู้หญิงตัดสินใจถูกต้อง แต่ยาที่ใช้กระตุ้นแรงงานค่อนข้างมีประสิทธิภาพ พวกเขาปิดกั้นการหลั่งฮอร์โมนของตัวเองและอาจทำให้เกิดปัญหากับผู้หญิงและเด็กได้ และต้องมีการประเมินติดตามผลของยากระตุ้นการใช้แรงงานเหล่านี้และชดเชยหากจำเป็น หากผู้หญิงรู้สึกว่าผลข้างเคียงของการกระตุ้นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ อาจเป็นการดีกว่าที่จะถามตัวเองว่าจำเป็นต้องมีการกระตุ้นนี้ด้วยหรือไม่

4. การหลุดของเยื่อหุ้มไม่เป็นอันตราย

ปัจจุบัน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติในหลายๆ แห่งที่จะแนะนำให้ผู้หญิงในช่วงใดช่วงหนึ่งของการตั้งครรภ์ว่า "ลอกออก" หรือ "แยกเยื่อหุ้ม" ออกด้วยตนเอง ด้วยความหวังว่าจะลดจำนวนผู้หญิงที่ต้องได้รับยากระตุ้น แม้ว่าเราจะเพิกเฉยต่อสมมติฐานที่ว่าผู้หญิงทุกคนที่ได้รับการเสนอสิ่งกระตุ้นจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เราต้องเข้าใจว่าการแยกตัวของเมมเบรนอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย มีเลือดออกและหดตัวผิดปกติ ในขณะที่การศึกษาบางชิ้นได้แสดงขั้นตอนนี้เพื่อเร่งการคลอดบุตรโดย เพียง 24 ชม. . . ผู้เขียนบทวิจารณ์ที่ตีพิมพ์ใน Cochrane สรุปว่า "การใช้ปลอกหุ้มด้วยตนเองเป็นประจำโดยเริ่มตั้งแต่ 38 สัปดาห์ไม่ได้ให้ประโยชน์ทางคลินิกอย่างมีนัยสำคัญ การยักย้ายถ่ายเทเพื่อจูงใจแรงงานต้องได้รับการพิจารณาร่วมกับความรู้สึกไม่สบายของผู้หญิงและผลข้างเคียงอื่น ๆ ของขั้นตอน .: CD00451 DOI: 10.1002/14651858.CD000451.pub2)

5. "การกระตุ้นตามธรรมชาติ" เป็นคำเปรียบเทียบ

คุณแม่รับทราบ!

สวัสดีสาว ๆ) ฉันไม่คิดว่าปัญหาของรอยแตกลายจะส่งผลกระทบต่อฉัน แต่ฉันจะเขียนเกี่ยวกับมัน))) แต่ฉันไม่มีที่ไปดังนั้นฉันจึงเขียนที่นี่: ฉันกำจัดรอยแตกลายได้อย่างไร หลังคลอด? ฉันจะดีใจมากถ้าวิธีการของฉันช่วยคุณได้เช่นกัน ...

ฉันได้เขียนเกี่ยวกับสิ่งนี้ที่อื่นแล้ว และบทความนี้สามารถอ่านได้บนเว็บไซต์ของฉัน (Wickam S (2012) การเหนี่ยวนำไม่เหนี่ยวนำเมื่อใด โดยพื้นฐานแล้ว MIDRIS 3(9): 50-51) แต่แนวคิดหลักนั้นง่ายต่อการระบุ: ไม่ว่าเราจะรอการคลอดบุตรตามธรรมชาติ ดังที่เกิดขึ้นตามกฎธรรมชาติ หรือเรากำลังพยายามเข้าไปแทรกแซงและทำให้เกิดการคลอดบุตรก่อนที่พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยตนเอง บางครั้งมีเหตุผลที่ดีที่จะชักนำให้เกิดการคลอดบุตร แต่ถ้าผู้หญิงใช้น้ำมันละหุ่งหรือขอให้ผดุงครรภ์แยกเยื่อด้วยมือทุกวันหรือเลือกวิธีการกระตุ้นแบบ "พื้นบ้าน" แบบอื่น เธอจะทำให้เกิดการไม่ใช้ยา วิธี. โปรดทราบว่าฉันไม่ได้พยายามจะบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ฉันเชื่อว่าเนื่องจากเราอาศัยอยู่ในวัฒนธรรมที่ลดคุณค่าการทำงานของร่างกายของผู้หญิง จึงต้องมีความชัดเจนว่าเจตนาของเราคืออะไร

6. ไม่ใช่กฎหมาย

ขณะที่ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ ฉันรู้สึกประหลาดใจที่ทราบว่าสายด่วน AIMS ได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผดุงครรภ์กล่าวว่า "เราต้องกระตุ้นคุณ 24 ชั่วโมงหลังจากที่คุณขาดน้ำ นี่คือกฎหมาย" ผู้หญิงคนนี้ตกลงที่จะชักนำให้เกิดการใช้แรงงานซึ่งกลายเป็นเรื่องบอบช้ำอย่างมากสำหรับเธอ ฉันต้องการให้ผู้หญิงทุกคนรู้ว่าไม่มีกฎหมายใดที่กำหนดสิ่งที่หญิงตั้งครรภ์ควรทำหรือไม่ควรทำ ทั้งฉันและ AIMS กังวลเรื่องนี้มาก แพทย์ที่อ้างสิทธิ์ดังกล่าวควรรายงานต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง ผู้หญิงคนใดที่ถูกคุกคามไม่ว่าด้วยวิธีใดหรือเพียงแค่พูดแบบนี้ เราขอให้คุณติดต่อ AIMS เพื่อขอข้อมูลและการสนับสนุนอื่นๆ

7. ไม่ใช่ "แค่หยดเดียว"

มันทำให้ฉันกังวลเสมอเมื่อฉันได้ยินหมอผดุงครรภ์หรือแพทย์ดูถูกดูแคลนการแทรกแซงที่แนะนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันไม่ชอบนิพจน์ "หยด" หรือ "ความช่วยเหลือเล็กน้อย" ที่เกี่ยวข้องกับการหยดออกซิโตซินทางหลอดเลือดดำ เป็นยาที่ทรงพลัง และนั่นคือวิธีรักษา อาจทำให้ทารกในครรภ์รู้สึกไม่สบาย และในคลินิกบางแห่งยอมรับโดยทั่วไปในการเพิ่มขนาดยาออกซิโตซินจนกว่าเด็กจะมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยความทุกข์ (!) จากนั้นจึงหยุดเพิ่มขนาดยา - เชื่อกันว่าระดับของออกซิโทซินจะถูกกำหนดใน ทางนี้. แต่ถึงแม้ว่าปริมาณของออกซิโตซินจะหยุดเพิ่มขึ้นทันทีที่มีการหดตัวที่มีประสิทธิภาพ ยานี้ควรได้รับการเอาใจใส่และผู้เชี่ยวชาญไม่ควรประมาทไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

8. ร่างกายผู้หญิงจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง การกระตุ้นและระบบ - อย่างง่ายดาย

ชื่อพูดสำหรับตัวเอง การกระตุ้นไม่ได้ผลเสมอไปและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ต้องตำหนิ ฉันต้องการสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิงทุกคนที่ได้รับการกระตุ้นการทำงานอย่างไม่ประสบความสำเร็จว่าทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกับพวกเขาและกับร่างกายของพวกเขา นี่เป็นอีกกรณีหนึ่งที่สำนวนบางสำนวนที่ใช้ในสิ่งกีดขวางบนถนนนั้นควรค่าแก่การกลับมาดูอีกครั้งอย่างชัดเจน

9. ความเสี่ยงของการเปิดรับแสงมากเกินไปจะเกิดขึ้นในภายหลัง ต่ำกว่า และป้องกันได้ยากกว่า

ด้านล่างฉันให้ข้อมูลที่ฉันใช้ทั้งที่นี่และในหนังสือ นี่คือภาพรวมของผลการศึกษาที่ศึกษาความเสี่ยงของการตายคลอดในระยะต่างๆ ของการตั้งครรภ์ ถ้าคุณดูค่า - และฉันขอให้คุณเปรียบเทียบความเสี่ยงโดยเฉพาะ
ในสัปดาห์ที่ 37 และ 42 ของการตั้งครรภ์ คุณจะเห็นว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เร็วอย่างที่หลายคนคิด และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นไม่รุนแรงเท่าที่ควร อันที่จริง ผลลัพธ์ของการคลอดบุตรในสตรีที่รอการคลอดบุตรโดยธรรมชาติและผู้ที่คลอดบุตรด้วยการกระตุ้นมีความคล้ายคลึงกันมากจนไม่มีการศึกษาใดเปรียบเทียบการใช้แรงงานกระตุ้นกับการคลอดเองตามธรรมชาติที่สามารถแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการกระตุ้นได้ เมื่อนำการศึกษาเหล่านี้มารวมกันเท่านั้นจึงจะสังเกตเห็นความแตกต่างเล็กน้อยได้ อย่างไรก็ตาม คุณภาพของการศึกษาชิ้นหนึ่ง (เพียงชิ้นเดียวที่ผลักตาชั่ง) ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก จากสิ่งนี้ ฉันต้องการถามว่ามีประโยชน์จริง ๆ จากโปรโตคอลปัจจุบันที่มีการกระตุ้นแรงงานหลังจาก 40 แต่นานถึง 42 สัปดาห์หรือไม่ มีกล่าวอีกมากในหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงการทบทวนวรรณกรรมในหัวข้อนี้อย่างครบถ้วน

ความเสี่ยงต่อการคลอดบุตรของสาเหตุที่ไม่ทราบสาเหตุ
ที่ 35 สัปดาห์ 1:500
ที่ 36 สัปดาห์ 1:556
ที่ 37 สัปดาห์ 1:645
ที่ 38 สัปดาห์ 1:730
ที่ 39 สัปดาห์ 1:840
ที่ 40 สัปดาห์ 1:926
ที่ 41 สัปดาห์ 1:826
ที่ 42 สัปดาห์ 1:769
ที่ 43 สัปดาห์ 1:633

ดัดแปลงจาก Cotzias CS, Paterson-Brown S, Fisk NM (1999) ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการคลอดก่อนกำหนดโดยไม่ทราบสาเหตุในการตั้งครรภ์เดี่ยวที่การวิเคราะห์ตามระยะเวลา บีเอ็มเจ 1999; 319:287. ดอย: dx.doi.org/10.1136/bmj.319.7205.287

10. ความเสี่ยงสำหรับคนรุ่นเก่าไม่แน่นอนอย่างที่เชื่อกันทั่วไป

จุดสุดท้ายหมายถึงการยืนยันว่าเมื่อผู้หญิงมีอายุมากขึ้น ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นควรกระตุ้นแรงงานของพวกเธอ แท้จริงแล้ว การศึกษาบางชิ้นชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอายุมารดาที่เพิ่มขึ้นกับภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่เพิ่มขึ้น แต่มีเหตุผลหลายประการที่ควรปฏิบัติกับข้อมูลเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่ามักจะได้รับการตรวจและมีแนวโน้มที่จะได้รับการแทรกแซงต่างๆ มากขึ้น และสิ่งนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ผู้หญิงที่ "สูงวัย" มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพมากกว่า และเป็นการยากที่จะบอกว่าอะไรเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อน - สุขภาพของผู้หญิงหรืออายุของเธอ การศึกษาที่แก้ไขปัญหานี้ไม่ได้แยกจากกันเสมอไป และการศึกษาที่ทำเช่นนั้นได้เกี่ยวข้องกับสตรีที่คลอดบุตรเมื่อนานมาแล้วและไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับสตรีในปัจจุบัน ดังนั้นจึงมีการขาดเนื้อหาอย่างมากในพื้นที่นี้ และการวิจัยสมัยใหม่ในหัวข้อนี้ น่าเสียดาย ได้นำไปสู่ความจริงที่ว่า แม้แต่ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าก็ถูกกระตุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และในวันก่อนหน้า ดังนั้นผู้หญิงก็ไม่ได้รับอะไรมากจาก ผลการศึกษาดังกล่าว ประโยชน์

หนึ่งหรือสองวันหลังจากการนำเสนอของฉัน ฉันถามเพื่อนร่วมงานบางคนว่าพวกเขาจะเพิ่มข้อเท็จจริงอะไรในรายการ และพวกเขาเสนอประเด็นที่น่าสนใจมากมาย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริงสิบประการ แต่เป็นหลายสิบและเกือบหลายร้อยสิ่งที่เราอยากให้ผู้หญิงรู้ แต่อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้น คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ (และอื่น ๆ ) ได้ในหนังสือ Inducing Labour: Making an Informed Decision จัดพิมพ์โดย AIMS เป้าหมายปัจจุบันของเราคือให้ข้อมูลนี้แก่ผู้หญิงให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจชักชวน

Sarah Wickam เป็นพยาบาลผดุงครรภ์ ครู นักเขียน และนักวิจัย ผู้มีประสบการณ์ด้านการผดุงครรภ์ การวิจัย บทความ และหนังสืออย่างกว้างขวางและหลากหลาย
ปัจจุบัน Sarah จัดเวิร์คช็อป Recipes for Normal Birth สำหรับผดุงครรภ์และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่ทำงานด้านสูติศาสตร์ เขียนหนังสือสำหรับ AIMS พูดในงานสัมมนาและการประชุมต่างๆ ให้คำปรึกษาอย่างกว้างขวาง และเขียนคอลัมน์รายปักษ์บนเว็บไซต์ของเธอที่ www.sarawickham.com ซึ่งคุณ สามารถอ่านบทความของเธอได้มากมาย หนังสือเล่มล่าสุดของเธอคือการเหนี่ยวนำแรงงาน: การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล

คุณแม่รับทราบ!

ไงพวกเธอ! วันนี้ฉันจะบอกคุณว่าฉันมีรูปร่างอย่างไร ลดน้ำหนักได้ 20 กิโลกรัม และในที่สุดก็กำจัดสิ่งที่ซับซ้อนที่น่ากลัวของคนอ้วน ฉันหวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับคุณ!