Epidermophytosis ของเล็บ การรักษาเท้าของนักกีฬา: คำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังที่ดีที่สุด

Epidermophytosis ของเล็บเป็นโรคในกระบวนการพัฒนาที่แผ่นเล็บได้รับความเสียหายจากเชื้อราจากสกุล epidermophyte กรณีของโรคเป็นเรื่องปกติธรรมดา การปรากฏตัวของลายทางและจุดสีเหลืองบนเล็บเป็นสัญญาณแรกของเท้าของนักกีฬา เมื่อเวลาผ่านไปความเหลืองสามารถแพร่กระจายไปทั่วพื้นผิวทั้งหมดของเล็บ

แผ่นเล็บหนาขึ้นทำให้เสียรูปเปราะและเปราะ รอยโรคเชื้อราปรากฏบนเล็บของนิ้วเท้าที่หนึ่งและห้า (ประมาณ 90% ของกรณี) เนื่องจากรองเท้าได้รับบาดเจ็บเป็นระยะ กระบวนการทั้งหมดนี้นำไปสู่การสูญเสียเล็บอย่างสมบูรณ์ ในการวินิจฉัยโรคนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะตรวจสอบแผ่นเล็บที่ได้รับผลกระทบและทำการขูดจากพื้นผิวของเล็บเพื่อทำการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ในระหว่างที่ตรวจหาเชื้อโรค

คุณสามารถติดเชื้อ epidermophytosis ได้โดยการสัมผัส ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในที่สาธารณะที่ผู้คนสามารถเดินเท้าเปล่าได้ - ในสระว่ายน้ำ โรงยิม ห้องอาบน้ำและซาวน่า ผู้ใหญ่มักมีความเสี่ยงต่อการเกิดผิวหนังชั้นนอกของเล็บ กรณีของโรคนี้ในเด็กหายาก บ่อยครั้งที่ชาวเมืองต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคนี้

อาการของเท้าของนักกีฬา

การพัฒนาของผิวหนังชั้นนอกของเล็บเริ่มต้นด้วยการปรากฏตัวของจุดสีเหลืองและลายทางจากปลายเล็บที่ว่าง หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง จุดจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจนถึงความครอบคลุมของแผ่นเล็บ มีสองตัวเลือกสำหรับหลักสูตร epidermophytosis ของเล็บ

เท้าของนักกีฬา Hypertrophic

ประการแรกคือ hypertrophic epidermophytosis ของเล็บในระหว่างที่มีความหนาของแผ่นเล็บมันกลายเป็นเปราะจางหายไปและเริ่มสลายและขอบเล็บที่ว่างดูเหมือนว่าถูกกัด กระบวนการนี้มาพร้อมกับ subungual hyperkeratosis - การสะสมของมวลเงี่ยนใต้เล็บ

Onycholytic epidermophytosis

รุ่นที่สองของโรคนี้ไม่เป็นที่พอใจมากขึ้น เล็บจะบางลงและค่อยๆ หลุดร่วง ซึ่งเกิดขึ้นกับโรคเชื้อราที่เล็บจากเชื้อราที่เล็บ

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง epidermophytosis ของเล็บและโรค mycotic อื่น ๆ คือเล็บเท้าเท่านั้นที่ได้รับความเสียหายในมือแผ่นเล็บยังคงไม่บุบสลาย โรคนี้เป็นลักษณะระยะยาวในบางกรณีถึงสิบปี อาการกำเริบมักเกิดขึ้นในฤดูร้อน เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมสูง

ผู้ป่วยประมาณหนึ่งในสามต้องทนทุกข์ทรมานจาก epidermophytosis ที่เท้าพร้อมกันในขณะที่อาการแสดงคือการก่อตัวของรอยโรคบวมน้ำแดงและตกสะเก็ดที่ขาและบางครั้งก็มีผื่นขึ้น

การวินิจฉัยเท้าของนักกีฬา

ขั้นตอนแรกในการวินิจฉัย epidermophytosis ของเล็บคือการตรวจด้วยสายตาของผู้ป่วยและการระบุอาการทางคลินิก การวินิจฉัยขั้นสุดท้ายสามารถทำได้หลังจากการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ของแผ่นเล็บ ตาชั่ง หรือองค์ประกอบอื่นๆ ของเล็บที่ได้รับผลกระทบ ผลของการวิเคราะห์ดังกล่าวควรแสดงให้เห็นการมีอยู่ของเส้นใยไมซีเลียล ด้วยความช่วยเหลือของการหว่านบนอาหารของ Sabouraud จึงสามารถระบุชนิดของเชื้อโรคได้ ขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยโรคนี้คือการวินิจฉัยแยกโรคเพื่อแยกความแตกต่างของ epidermophytosis ออกจากโรคอื่นที่คล้ายคลึงกัน

รักษาเท้าของนักกีฬา

การรักษา epidermophytosis ของเล็บรวมถึงในกรณีส่วนใหญ่ชุดของมาตรการที่มุ่งกำจัดเล็บที่ได้รับผลกระทบ การผ่าตัดจะดำเนินการภายใต้การดมยาสลบหลังการทดสอบความไวต่อการดมยาสลบ หลังจากถอดแผ่นเล็บออก เตียงของมันถูกเคลือบด้วยสารละลายสีเขียวสดใสหรือฟูคาร์ซิน (สีย้อมอนิลีน) เช่นเดียวกับไนโตรฟุงกิน ของเหลวคาสเตลลานี (สารฆ่าเชื้อรา) น้ำสลัดใช้กับขี้ผึ้งต้านเชื้อรา ("Mikozolon", "Mikoseptin", "Kanesten", ครีมของ Wilkinson) หากเกิดภาวะ hyperkeratosis จะใช้ยา keratolytic การรักษา epidermophytosis ของเล็บอาจใช้เวลานานและสามารถลากไปได้หลายปี

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เกี่ยวกับการป้องกันโรค เพราะการป้องกันง่ายกว่าการใช้เวลาและความพยายามในการรักษาในภายหลัง

การป้องกัน epidermophytosis ของเล็บ

มาตรการป้องกัน epidermophytosis ของเล็บจะเป็นหลักสุขอนามัยอย่างง่าย เมื่อไปที่อ่างอาบน้ำ ฝักบัว หรือสระว่ายน้ำ คุณต้องใช้รองเท้าแตะยางแยกกัน มีแป้งแห้งและผ้าเช็ดตัวแยกต่างหากสำหรับเท้าของคุณ ควรให้ความสนใจกับการฆ่าเชื้อรองเท้า หากมีอาการแรกเกิดขึ้นควรปรึกษาแพทย์ทันที

เว็บไซต์ให้ข้อมูลอ้างอิงเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น การวินิจฉัยและการรักษาโรคควรดำเนินการภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ยาทั้งหมดมีข้อห้าม ต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ!

Epidermophytosisเป็นตัวแทน การติดเชื้อรา (โรคติดเชื้อราผิวหนังหรือกลาก) ที่ส่งผลต่อผิวหนังและอวัยวะ (ผมและเล็บ) การติดเชื้อเกิดจากเชื้อรา หนังกำพร้าหรือ ไตรโคไฟตัน. Epidermophytosis มีหลักสูตรระยะยาวเรื้อรังและติดต่อจากคนสู่คนเท่านั้น การรักษาเชื้อรา การติดเชื้อดำเนินการโดยยาต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา

ลักษณะทั่วไปของโรค

คำว่า "epidermophytia" (epidermophytia) แพทย์และนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หมายถึงกลุ่มของการติดเชื้อราที่ผิวหนังเรียบของร่างกาย เท้า มือ หรือเล็บในบางกรณี หนังศีรษะไม่ได้รับผลกระทบจาก epidermophytosis โดยทั่วไป คำว่า "epidermophytosis" ประกอบด้วยคำสองคำ - "epidermis" และ "phytia" หนังกำพร้าเป็นชั้นนอกสุดของผิวหนัง และไฟเทียเป็นชื่อเรียกรวมของเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคที่อาจส่งผลต่อผิวหนังชั้นนอก ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรังที่ยาวนานและเฉื่อยชา ดังนั้นความหมายทั่วไปของคำว่า "epidermophytosis" คือการติดเชื้อราที่ส่งผลต่อชั้นนอกของผิวหนัง (หนังกำพร้า)

เชื้อราที่ทำให้เกิด epidermophytosis เป็นโรคติดต่อและแพร่หลายในสิ่งแวดล้อม ดังนั้นโรคติดเชื้อนี้จึงถูกบันทึกไว้บ่อยมากในทุกส่วนของโลกและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ผู้ชายมีความอ่อนไหวต่อการติดเชื้อ epidermophytosis มากกว่าผู้หญิง อันเป็นผลมาจากการที่โรคติดเชื้อนี้มักจะพัฒนาในเพศที่แข็งแรงกว่า นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าชาวเมืองมีแนวโน้มที่จะเป็นโรค epidermophytosis มากกว่าประชากรในชนบท เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีไม่ค่อยได้รับ epidermophytosis และวัยรุ่นอายุ 15-18 ปีต้องทนทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อนี้บ่อยกว่าเด็ก แต่น้อยกว่าผู้ใหญ่

ผิวหนังที่ไวต่อการเกิด epidermophytosis ได้ง่ายที่สุดคือคนที่อายุยืนยาวและมักอยู่ในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงและมีความชื้นสูง รวมทั้งผู้ที่ผิวหนังมีเหงื่อออก เสียหาย หรือเป็นมลทินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่า epidermophytosis มักส่งผลกระทบต่อผู้ที่ไปเยี่ยมชมสระว่ายน้ำ ซาวน่า และชายหาดเป็นประจำ (รวมถึงพนักงานอาบน้ำ ซาวน่า สระว่ายน้ำ ชายหาด นักว่ายน้ำ ฯลฯ) และละเลยกฎสุขอนามัยส่วนบุคคล (เช่น การเดินโดยไม่มีรองเท้าแตะส่วนตัว ใช้ผ้าขนหนู ผ้าขนหนูอาบน้ำร่วมกัน ฯลฯ) นอกจากนี้ นักกีฬามืออาชีพ คนงานในร้านค้าร้อนและเหมืองถ่านหินมักประสบปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังชั้นนอกเนื่องจากผิวหนังมีเหงื่อออกตลอดเวลา นักวิจัยจำนวนหนึ่งระบุว่าในหมู่นักกีฬามืออาชีพ นักว่ายน้ำ พนักงานอาบน้ำ อาบน้ำ สระว่ายน้ำ ซาวน่า ร้านน้ำร้อน และเหมืองถ่านหิน อุบัติการณ์ของ epidermophytosis อยู่ที่ 60 - 80%

Epidermophytosis สามารถเกิดขึ้นได้ในสองรูปแบบทางคลินิกหลักคือ epidermophytosis ของเท้าและนักกีฬาขาหนีบ ขาหนีบของนักกีฬาเป็นรูปแบบหนึ่งของการติดเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อผิวเรียบส่วนใหญ่ในรอยพับขนาดใหญ่ เช่น ขาหนีบ ต้นขา รักแร้ พับตามร่องอก ต้นขาด้านใน รอยพับใต้ต่อมน้ำนมในผู้หญิง รอยพับที่หน้าท้องและเอวในคนอ้วน และยัง ช่องว่างระหว่างมือและเท้า เล็บมือและเท้าที่มีผิวหนังชั้นนอกขาหนีบนั้นไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะจุดโฟกัสของการติดเชื้อราอยู่ในขาหนีบและบนพื้นผิวด้านในของต้นขา รูปแบบของ epidermophytosis นี้เรียกว่า "ขาหนีบ"

Epidermophytosis ของเท้าเป็นรูปแบบหนึ่งของการติดเชื้อที่ผิวหนังของส่วนโค้งและช่องว่างระหว่างเท้าได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ด้วย epidermophytosis ของเท้าเล็บมักเกี่ยวข้องกับแผลติดเชื้อ เนื่องจากการติดเชื้อในรูปแบบนี้ ผิวหนังและ/หรือเล็บเท้าได้รับผลกระทบ จึงเรียกว่าเท้าของนักกีฬา การติดเชื้ออาจเกิดขึ้นได้ในรูปแบบทางคลินิกต่างๆ

Epidermophytosis ของขาหนีบและเท้าเกิดจากเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคหลายชนิด ดังนั้น epidermophytosis ขาหนีบจึงเกิดจากเชื้อรา Epidermophyton floccosum (หนังกำพร้าที่เป็นขุย) ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า Epidermophyton inguinale Sabourand (ภาพขวา) และเท้าของนักกีฬาเกิดจากเชื้อรา Trichophyton mentagrophytes ซึ่งเป็นตัวแปรของ interdigitale อย่างไรก็ตาม เชื้อราทั้งสองมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกัน ซึ่งส่งผลต่อผิวหนังชั้นนอกเป็นหลัก อันเป็นผลมาจากการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราเหล่านี้รวมกันเป็นกลุ่มโรค (nosological) กลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า "epidermophytosis"

ที่ epidermophytosis ขาหนีบแผลมักจะอยู่ในรักแร้, ที่ต้นขาด้านใน, หัวหน่าว, ในรอยพับของต่อมน้ำนมหรือในช่องว่างระหว่างเท้าหรือมือ ประการแรกมีจุดเล็ก ๆ ที่เป็นสะเก็ดและอักเสบปรากฏบนผิวหนังทาสีแดงขนาดของเม็ดถั่ว จุดเพิ่มขึ้นทีละน้อยทำให้เกิดรอยโรครูปไข่ค่อนข้างใหญ่พื้นผิวที่เป็นสีแดงทำให้เป็นมลทินปกคลุมด้วยถุงน้ำและเปลือกโลก ขอบของแผลถูกยกขึ้นเหนือพื้นผิวของผิวหนังโดยรอบเนื่องจากอาการบวมน้ำ ด้วยการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จุดโฟกัสจะรวมเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดทุ่งขนาดเท่าฝ่ามือ ในส่วนกลางจุดโฟกัสจะเปลี่ยนเป็นสีซีดและจมและตามขอบจะมีลูกกลิ้งของผิวหนังชั้นนอกที่ผลัดเซลล์ผิว แผลคัน. ตามกฎแล้วขาหนีบ epidermophytosis พัฒนาอย่างกะทันหันโดยมีลักษณะเป็นจุดสีแดงเล็ก ๆ หลายจุดพร้อมกัน หลังจากนั้นโรคจะกลายเป็นเรื้อรังและสามารถอยู่ได้นานหลายปี หลังจากเปลี่ยนไปสู่ระยะเรื้อรัง ขาหนีบ epidermophytosis จะดำเนินการกับช่วงเวลาของการกำเริบและการให้อภัย การให้อภัยเป็นช่วงเวลาที่เงียบมากหรือน้อยในระหว่างที่แผลไม่เพิ่มขนาดไม่คันและไม่รบกวนบุคคล และในช่วงเวลาของอาการกำเริบที่เกิดขึ้นหลังจากเหงื่อออกมาก จุดโฟกัสจะเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขนาด หน้าแดง และคัน

ที่ เท้าของนักกีฬาผิวหนังของเท้าได้รับผลกระทบและบางครั้งเล็บ เล็บไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางพยาธิวิทยาเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าโรคดำเนินไปอย่างไรและบริเวณใดของผิวหนังของเท้าได้รับผลกระทบ มีห้าประเภททางคลินิกของ epidermophytosis ของเท้า: ลบ, squamous-hyperkeratotic, intertriginous, dyshidrotic และเล็บ epidermophytosis ของเท้าที่ระบุไว้นั้นค่อนข้างไม่แน่นอนเนื่องจากโรคมักเกิดขึ้นในรูปแบบของอาการทางคลินิกของสอง, สามหรือสี่สายพันธุ์

แบบฟอร์มลบ epidermophytosis ของเท้ามีลักษณะของการลอกเล็กน้อยในบริเวณส่วนโค้งของเท้า จุดเน้นของการลอกมักจะอยู่ในบริเวณผิวที่มีสีแดงเล็กน้อย พื้นที่ลอกอาจมีทั้งขนาดเล็กและน่าประทับใจ แต่จะจำกัดอยู่ที่เท้าเสมอ ในบางกรณี อาการคันเล็กน้อยได้รับการแก้ไขในบริเวณที่มีสะเก็ด ซึ่งอาจเกิดขึ้นหรือหายไป เนื่องจากความรุนแรงเล็กน้อยและความรู้สึกไม่สบายในระดับต่ำของอาการทางคลินิก รูปแบบการลบของ epidermophytosis ของเท้ามักจะไม่มีใครสังเกตเห็น นั่นคือคน ๆ หนึ่งไม่ให้ความสำคัญกับการลอกและอาการคันเล็กน้อยที่ปรากฏบนผิวหนังของเท้าโดยพิจารณาว่าเป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวบางอย่างที่เกิดจากการระคายเคืองการเสียดสีหรือการขับเหงื่อที่เท้าอย่างรุนแรงในรองเท้า อย่างไรก็ตาม ลักษณะเด่นของรูปแบบอีพิเดอร์โมไฟโตซิสที่ถูกลบออกไปคือโรคนี้เริ่มต้นด้วยแผลที่ผิวหนังที่เท้าเพียงข้างเดียว และเมื่อเวลาผ่านไปจะส่งผลต่อขาที่สองเสมอ รูปแบบที่ลบของ epidermophytosis ของเท้าสามารถเปลี่ยนเป็น dyshidrotic และ dyshidrotic ในทางกลับกันมักจะจบลงด้วยการลบออก

แบบฟอร์ม Squamous-hyperkeratotic epidermophytosis ของเท้ามีลักษณะโดยการพัฒนาของ papules แบนแห้งและโล่ที่มีผิวหนาทาสีด้วยสีฟ้า - แดง โดยปกติโล่และเลือดคั่งจะอยู่ที่ส่วนโค้งของเท้า บนพื้นผิวของเลือดคั่งและคราบจุลินทรีย์ (โดยเฉพาะในส่วนกลาง) มีเกล็ดสีเทาอมเทาเป็นชั้นๆ การก่อตัวจะถูกคั่นอย่างชัดเจนจากผิวหนังโดยรอบและตามแนวเส้นรอบวงจะมีลูกกลิ้งของผิวหนังชั้นนอกที่ผลัดเซลล์ผิว การก่อตัวดังกล่าวสามารถรวมเข้าด้วยกันเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เกิดจุดโฟกัสขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นผิวฝ่าเท้าและด้านข้างทั้งหมด หากคราบจุลินทรีย์และเลือดคั่งเริ่มก่อตัวขึ้นในช่องว่าง interdigital เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาสามารถแพร่กระจายไปยังพื้นผิวด้านข้างและงอของนิ้วมืออันเป็นผลมาจากการที่หลังได้รับสีขาวเทา นอกจาก papules และ plaques ด้วย epidermophytosis แล้ว calluses สีเหลืองที่มีรอยแตกบนพื้นผิวสามารถเกิดขึ้นได้ อาการคันความรุนแรงและความแห้งกร้านของผิวหนังจะเกิดขึ้นในบริเวณที่ก่อตัว

แบบฟอร์ม Intertriginous epidermophytosis ของเท้ามีลักษณะเป็นรอยโรคในรอยพับ interdigital ส่วนใหญ่แล้ว รอยโรคของเชื้อราจะปรากฏในรอยพับระหว่างนิ้วเท้าที่สี่และนิ้วที่ห้า และค่อนข้างน้อยกว่าระหว่างนิ้วเท้าที่สามและที่สี่ ในบางกรณีที่พบไม่บ่อย การติดเชื้อราจะแพร่กระจายไปยังช่องว่างระหว่างดิจิทัล ที่ด้านหลังของเท้า หรือไปยังพื้นผิวงอของนิ้วเท้า รอยโรคคือรอยแตกในผิวหนัง ล้อมรอบด้วยหนังกำพร้าที่ผลัดเซลล์ผิวเป็นสีขาว นอกจากนี้การร้องไห้ (ปล่อยของเหลว) และมีอาการคันปรากฏขึ้นในบริเวณรอยแตก ด้วยรอยแตกขนาดใหญ่ความเจ็บปวดจะเกิดขึ้น ตามกฎแล้วรูปแบบของ epidermophytosis ที่แยกจากกันของเท้าพัฒนาจากรูปแบบ squamous แต่ในบางกรณีสามารถปรากฏได้ด้วยตัวเอง

แบบฟอร์ม Dyshidrotic epidermophytosis มีลักษณะเฉพาะโดยการก่อตัวของรอยโรคที่ส่วนโค้งของเท้า รอยโรคเป็นกลุ่มของถุงน้ำขนาดต่างๆ ตั้งแต่ขนาดหัวเข็มหมุดไปจนถึงเม็ดถั่ว ฟองอากาศถูกปิดด้วยฝาปิดแน่น เมื่อเวลาผ่านไป ฟองจะรวมกันเป็นฟองขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยห้องแยกต่างหาก แทนที่ตุ่มพองดังกล่าว พื้นผิวที่สึกกร่อน (บริเวณที่เป็นสีแดง ผิวหนังอักเสบซึ่งคล้ายกับรอยถลอกใหม่) จะเกิดขึ้น โดยถูกจำกัดด้วยลูกกลิ้งที่ยกขึ้นของผิวหนังที่ย่น (บวมและบวมน้ำ) กระบวนการทางพยาธิวิทยาจากส่วนโค้งของเท้าสามารถแพร่กระจายไปยังพื้นผิวด้านนอกและด้านข้างได้ ในบริเวณที่เป็นแผลจะมีอาการคันและเจ็บอยู่เสมอ โดยปกติเนื้อหาของถุงและฟองอากาศหลายห้องจะโปร่งใส แต่เมื่อติดเชื้อแบคทีเรียก็จะกลายเป็นเมฆครึ้ม ในกรณีนี้เมื่อตุ่มพองออกหนองจะถูกปล่อยออกมา หลังจากการเปิดของแผลพุพองและการก่อตัวของการกัดเซาะ ปฏิกิริยาการอักเสบจะค่อยๆ บรรเทาลง ผิวหนังที่เสียหายจะฟื้นฟู (สมาน) และแผลพุพองใหม่จะไม่ก่อตัวขึ้น ส่งผลให้ระยะเวลาการให้อภัย ในช่วงเวลาของอาการกำเริบ ฟองอากาศปรากฏขึ้นอีกครั้งในตัวบุคคล รวมเป็นฟองอากาศหลายห้องขนาดใหญ่ ซึ่งในที่สุดจะแตกออก และพื้นผิวที่สึกกร่อนก่อตัวขึ้นแทนที่ หลังจากหายจากการกัดเซาะแล้ว ระยะการให้อภัยก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง รูปแบบ dyshidrotic ของ epidermophytosis ของเท้าสามารถไหลได้เป็นเวลาหลายปีเมื่ออาการกำเริบสลับกับการทุเลา อาการกำเริบมักเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเมื่อผิวหนังบริเวณขามีเหงื่อออกมากขึ้น ตามกฎแล้วผิวหนังของเท้าเพียงข้างเดียวได้รับผลกระทบกระบวนการติดเชื้อไม่ค่อยผ่านไปยังขาที่สอง

รูปร่างเล็บ epidermophytosis ของเท้า (epidermophytosis ของเล็บ) เป็นลักษณะความเสียหายต่อแผ่นเล็บ อย่างแรก จุดและแถบสีเหลืองปรากฏขึ้นที่ขอบเล็บที่ว่าง จากนั้นแผ่นเล็บทั้งหมดจะหนาขึ้น เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แตกและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมวลสารที่มีเขาหลวมสะสมอยู่ใต้เล็บ บางครั้งแผ่นเล็บจะบางลงและหลุดออกจากเตียงเล็บ นั่นคือ การเกิดเชื้อราที่เล็บ (onycholysis) (การละลายของเล็บ) เล็บของนิ้วเท้าที่หนึ่งและสองมักได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่เล็บบนมือที่มีผิวหนังชั้นนอกจะไม่ได้รับผลกระทบ
สาเหตุของหนังกำพร้า(ทั้งขาหนีบและขาหนีบ) เป็นเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคที่เกาะอยู่บนผิวหนัง อย่างไรก็ตาม การได้รับเชื้อราบนผิวหนังไม่เพียงพอต่อการเกิดโรค เพื่อให้ epidermophytosis ปรากฏขึ้นนอกเหนือจากการรับเชื้อราบนผิวหนังแล้วยังจำเป็นต้องมีปัจจัยจูงใจที่ทำให้ผิวอ่อนแอต่อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค หากไม่มีปัจจัยจูงใจใด ๆ epidermophytosis จะไม่พัฒนาแม้ว่าเชื้อราจะเข้าสู่ผิวหนังในปริมาณมากเนื่องจากคุณสมบัติในการป้องกันของมันไม่อนุญาตให้จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคแทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อและกระตุ้นกระบวนการอักเสบติดเชื้อ หากผิวหนังได้รับความเสียหายภายใต้อิทธิพลของปัจจัยจูงใจ เชื้อราที่เข้าสู่ผิวหนังจะนำไปสู่การพัฒนาของผิวหนังชั้นนอก

สำหรับ epidermophytosis ของเท้าปัจจัยจูงใจคือเหงื่อออกของเท้า, เท้าแบน, บีบขาด้วยรองเท้าคับ, ถลอก, ผื่นผ้าอ้อมที่ผิวหนังของขา นอกจากนี้ แพทย์ระบุโรคจำนวนหนึ่งว่าเป็นปัจจัยจูงใจสำหรับผิวหนังชั้นนอกของเท้า เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, acrocyanosis, โรคผิวหนัง ichthyosiform เช่นเดียวกับการขาดวิตามินและธาตุ

ทั้งสองรูปแบบทางคลินิกของ epidermophytosis (ทั้งขาหนีบและขาหนีบ) จะถูกส่งต่อจากผู้ป่วยไปยังคนที่มีสุขภาพดีเท่านั้นเมื่อใช้วัตถุทั่วไปที่อาจมีเชื้อราที่ทำให้เกิดโรค นั่นคือผู้ป่วยที่มี epidermophytosis ใช้วัตถุที่เชื้อราที่ทำให้เกิดโรคยังคงอยู่ และถ้าคนที่มีสุขภาพดีใช้สิ่งเดียวกันหลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เขาจะถ่ายโอนเชื้อราไปยังผิวหนังของเขาเองอันเป็นผลมาจากการที่เขาสามารถติดเชื้ออีพิเดอร์โมไฟโตซิสได้ ดังนั้นการติดเชื้ออีพิเดอร์โมไฟโตซิสที่ขาหนีบจึงมักเกิดขึ้นเมื่อใช้ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว ผ้าลินิน ผ้าน้ำมัน ผ้าคลุมเตียง ฟองน้ำ เทอร์โมมิเตอร์ ฯลฯ และการติดเชื้อที่ผิวหนังของเท้าส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อใช้พรม เครื่องนอน พื้น อ่างล้างหน้า ม้านั่ง ตลอดจนเวลาใส่รองเท้า ถุงเท้า กางเกงรัดรูป ถุงน่อง ฯลฯ ร่วมกัน เนื่องจากรายการทั้งหมดที่ติดเชื้อ epidermophytosis มักจะใช้ในห้องอาบน้ำสาธารณะห้องซาวน่าสระน้ำหรือบนชายหาดการติดเชื้อตามกฎเกิดขึ้นเมื่อเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้

Epidermophytosis ของมือเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราที่ผิวหนัง โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในรูปแบบหนึ่งในสามรูปแบบ: intertriginous, dyshidrotic หรือ squamous-hyperkeratotic

ประเภทของมือนักกีฬา

ด้วย epidermophytosis intertriginous พื้นที่ของผิวหนังระหว่างนิ้วที่ 4 และ 5 ได้รับผลกระทบรอยโรคสามารถอยู่ระหว่างนิ้วมืออื่น ๆ แต่สิ่งนี้หายาก บริเวณที่ได้รับผลกระทบจะแดงและคัน ผิวหนังเป็นขุยมีรอยแตกผ่านศูนย์กลางของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แผลพุพองขนาดเล็กอาจเกิดขึ้นที่บริเวณที่เป็นแผล โรคนี้พบได้บ่อยในเด็ก

Dyshidrotic epidermophytosis ของมือพบได้บ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก ด้วยรูปแบบของโรคนี้ฟองอากาศขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นใต้ผิวหนังหนาแน่นเมื่อสัมผัส ลักษณะของฟองอากาศจะมาพร้อมกับอาการคันและลอก อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นที่ผิวด้านในของฝ่ามือและบนนิ้วมือ ในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ อาจมีอาการบวม การสึกกร่อนของผิวหนัง การก่อตัวของต่อมน้ำเหลืองอักเสบและต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่พึงประสงค์ และมีโอกาสสูงที่จะติดเชื้อทุติยภูมิ

Squamous-hyperkeratotic epidermophytosis มีลักษณะหนาขึ้นการแพร่กระจายของผิวหนังของฝ่ามือพื้นผิวของฝ่ามือแตกเป็นสะเก็ด โรคนี้ยังเกิดขึ้นในผู้ใหญ่เท่านั้นการปรากฏตัวของโรคนี้ในเด็กนั้นพบได้น้อยมาก

สาเหตุของโรค

สาเหตุหลักของการติดเชื้อราที่ผิวหนังของมือคือการเปลี่ยนแปลงของการติดเชื้อราจากผิวหนังของเท้า ดังนั้นหากตรวจพบโรคนี้ หากไม่มีอาการเจ็บป่วยที่ขาที่มองเห็นได้ ขอแนะนำให้ ทำกล้องจุลทรรศน์ที่แขนและขา สาเหตุอื่นๆ ของการติดเชื้อ: การสัมผัสกับผู้ป่วย, การใช้ผ้าขนหนู, ผ้าเช็ดตัว, ถุงมือของผู้ติดเชื้อ, การไม่ปฏิบัติตามกฎสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน ซึ่งประกอบด้วยสุขอนามัย การฆ่าเชื้อรายการสุขอนามัยส่วนบุคคล

การรักษาโรค

โดยหลักการแล้วเท้าของนักกีฬาได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับขา โดยปกติแพทย์จะสั่งยาพิเศษหรือขี้ผึ้งต้านเชื้อราซึ่งนำไปใช้กับผิวที่เสียหายหลังจากล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นและสบู่ แพทย์จะสั่งครีมหรือประคบขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหลักสูตร ฯลฯ ครีมมักใช้วันละ 3-4 ครั้ง บางครั้งบ่อยกว่านั้น

เมื่อใช้ครีมในวันที่สามอาการคันจะหายไปและอาการหลักของโรค เป็นไปไม่ได้ที่จะขัดจังหวะการรักษาหลังจากอาการดีขึ้น คุณต้องเรียนให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดโดยแพทย์ หากการรักษาถูกขัดจังหวะ ยังไม่เสร็จสิ้น โรคจะลุกเป็นไฟขึ้นอีกครั้ง และจะทำให้ยากต่อการใช้ยามากขึ้น นอกจากนี้ โรคนี้อาจกลายเป็นเรื้อรัง บางครั้งหายไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วกลับมามีอาการใหม่อีกครั้ง ดังนั้นการรักษาใด ๆ ควรเสร็จสิ้น นี่จะเป็นกุญแจสู่การฟื้นตัวที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เกิดโรคซ้ำ

ติดต่อกับ

เพื่อนร่วมชั้นเรียน

หนึ่งในโรคที่ไม่พึงประสงค์ของเล็บของมนุษย์คือ epidermophytosis ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่กระจายของเชื้อราทั้งที่ขาและเท้าและในมือและแม้แต่ในบริเวณขาหนีบ เชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคนี้เรียกว่า epidermophyton และลักษณะที่ปรากฏส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นระหว่างอายุ 40 ถึง 60 ปี ตามภูมิศาสตร์ โรคนี้แพร่กระจายไปทั่วโลกและพบได้บ่อยในคนงานเหมือง นักว่ายน้ำ พนักงานอาบน้ำ นักกีฬา คนงานในร้านค้ายอดนิยม ฯลฯ

แม้ว่าคุณภาพของบริการทางการแพทย์จะดีขึ้นอย่างมากในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่เท้าของนักกีฬายังคงเป็นอาการปกติ จำนวนผู้ติดเชื้อเชื้อรานี้ถึง 60-80% ของประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองใหญ่มีแนวโน้มที่จะติดโรคมากกว่าประชากรในชนบท

กระบวนการติดเชื้อ

การติดเชื้อราเกิดขึ้นระหว่างผู้คนในที่สาธารณะเสมอ เช่น ในห้องซาวน่า สระว่ายน้ำ และห้องอาบน้ำกับพวกเขา นอกจากนี้ โรคนี้สามารถติดต่อได้ทางพรม ผ้า และวัสดุปูพื้น สุดท้าย รองเท้าที่ผู้ติดเชื้อสวม ถุงเท้าและถุงน่อง ก็มีแหล่งที่มาของโรคเช่นกัน

กระบวนการส่งผ่านของเชื้อราเกิดขึ้นได้อย่างไร? ในคนที่มีแนวโน้มเป็นโรค มีสปอร์ของเชื้อราและเส้นใยไมซีเลียลจำนวนมากในเกล็ดของชั้นหนังกำพร้า ดังนั้นพวกมันจึงลอกออกจากผิวหนังอย่างต่อเนื่องและกระจายไปตามพื้นผิวสัมผัสของเท้าด้วยสารเคลือบอื่น ๆ อนุภาคที่ขัดผิวเป็นตัวพา

สัญญาณของโรค

เช่นเดียวกับโรคใด ๆ สิ่งสำคัญคือต้องระบุสัญญาณเริ่มต้นซึ่งคุณต้องตรวจสอบสภาพของเล็บอย่างต่อเนื่อง ในกรณีของการติดเชื้อ การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่ขอบของแผ่นเล็บ: เล็บจะกลายเป็นสีเหลือง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของจุดหรือเป็นลาย

เล็บเริ่มหนาขึ้นทีละน้อยเมื่อไม่มีการรักษาความเปราะบางเพิ่มขึ้นและอาจเริ่มพังได้ มวลที่มีเขาสะสมอยู่ใต้มันซึ่งเรียกว่า hypercaratosis ใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ แผ่นเล็บอาจเริ่มแยกออกจากผิวหนังที่มือหรือเท้า ร่วมกับอาการคันและแสบร้อน ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ: การติดเชื้อส่วนใหญ่มักเริ่มต้นด้วยเล็บที่นิ้วที่หนึ่งและห้า

ในกรณีที่โรคติดต่อไปยังบุคคลในฤดูร้อน เมื่ออากาศร้อนภายนอก อาจมีตุ่มพองที่ผิวหนังที่นิ้วเท้า และเท้าจะเริ่มบวม ต่อมาโรคสามารถแพร่กระจายไปยังผิวหนังบริเวณเล็บได้ เช่น ระหว่างนิ้วมือ ซึ่งจะนำไปสู่การปรากฏตัวของรอยแตกขนาดเล็ก

การวินิจฉัยโรค

สำหรับการตรวจหาโรคในทางการแพทย์ จำเป็นต้องวิเคราะห์ subungual stratum corneum เพื่อหาว่ามีเส้นใยไมซีเลียลของเชื้อราที่อธิบายไว้ในนั้น อีกวิธีในการตรวจหาโรคคือการวิเคราะห์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ในกรณีนี้ สามารถใช้ชั้นผิวหนังและเกล็ดที่ผลัดเซลล์ผิวได้ วัสดุสำหรับการวิเคราะห์จะถูกขูดออกจากผิวหนังด้วยมีดผ่าตัดหรือตัดด้วยกรรไกร (หากจำเป็นต้องวิเคราะห์แผ่นเล็บ) จากนั้นนำอนุภาคที่เก็บรวบรวมมาแช่ในสารละลายด่างเข้มข้นและตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์

ในกรณีของผลการทดสอบในเชิงบวก ซึ่งหมายความว่ามีเชื้อราในชั้นผิวหนัง การรักษาทำได้ง่ายพอที่จะทำที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อวิธีการรักษา ประการแรกการมีโรคเบาหวานห้ามการรักษาที่บ้าน ประการที่สอง การติดเชื้อในมนุษย์ไม่ควรอยู่ในระยะเรื้อรัง

วิธีการรักษา

ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในสาขาโรคผิวหนังแนะนำให้ใช้ยาง่าย ๆ ซึ่งการซื้อไม่ต้องการคำแนะนำพิเศษจากแพทย์ ตัวอย่างของยาดังกล่าว ได้แก่ tolnaftate, clotrimazole, miconazole และ tebinafine สามารถบรรจุในรูปแบบต่างๆ: โลชั่น เจล ขี้ผึ้ง สเปรย์ ในบางกรณี คุณสามารถหาส่วนผสมที่เป็นผงได้

ระยะเวลาการรักษาคือตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ถึงหนึ่งเดือนครึ่ง ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับระยะของโรคระดับความไวของสิ่งมีชีวิตและระดับการแพร่กระจายของเชื้อรา

หากมีตุ่มน้ำใต้ผิวหนังเกิดขึ้นที่ผิวหนัง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รักษาบริเวณเหล่านี้ของชั้นผิวหนังด้วยสารละลายอะลูมิเนียมคลอไรด์ ซึ่งจะขจัดของเหลวออกจากตุ่มน้ำที่ผิวหนัง ควรทำขั้นตอนนี้หลายครั้งต่อวันเป็นเวลาสามวัน ทุกครั้งหลังการรักษาด้วยสารละลายควรทาครีมสมุนไพร

เครื่องมือช่วยเหลือเพิ่มเติม

การแช่เท้าด้วยเกลืออาจเป็นวิธีเสริมในการต่อสู้กับการติดเชื้อ องค์ประกอบของอ่างควรเป็นดังนี้: เกลือสองช้อนโต๊ะต่อน้ำห้าลิตร ระยะเวลาของการอาบน้ำอย่างน้อยห้านาทีต่อวันควรทำซ้ำขั้นตอนจนกว่าจะหายดี

ยาอีกตัวหนึ่งคือเบกกิ้งโซดา ควรผสมกับน้ำ (หนึ่งช้อนโต๊ะในน้ำปริมาณเล็กน้อย) หลังจากนั้นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการบำบัดด้วยสารละลายสำเร็จรูปอย่างระมัดระวัง สิ่งสำคัญคือต้องล้างมือให้สะอาดหลังจากนั้น

เชื้อราที่นิ้วเท้าเป็นโรคที่แพร่หลาย ดังนั้นแพทย์ผิวหนังจะสามารถแนะนำวิธีการป้องกันและรักษาโรคได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำให้เอาเซลล์ที่ตายแล้วออกจากใต้แผ่นเล็บ ซึ่งจะช่วยลดจำนวนสปอร์ในชั้นผิวหนัง มันสำคัญมากที่นี่ที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายมากขึ้นและไม่ทำลายผิว ดังนั้น คุณควรละเว้นจากการใช้เครื่องมือทำเล็บที่เป็นโลหะ และชอบไม้ ตะไบเล็บ หรือในกรณีที่รุนแรงมาก ให้ใช้ไม้จิ้มฟัน

แม้ว่าตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ขณะนี้มีหลายวิธีในการรักษาเชื้อรา แต่วิธีที่ดีที่สุดคือไม่ป่วย ซึ่งต้องได้รับการดูแลและป้องกัน งดสวมรองเท้า ถุงเท้า ถุงน่องของผู้อื่น และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

Onychomycosis หรือเชื้อราที่เล็บเป็นโรคที่พบได้บ่อยซึ่งรักษาได้ยากมากและมีการต่ออายุซ้ำหลายครั้ง จากสถิติพบว่าเชื้อราชนิดนี้พบได้ในหนึ่งในสี่ของประชากรในพื้นที่หลังโซเวียต เชื้อราที่เล็บที่พบบ่อยที่สุดบน...

เชื้อราที่เท้า (เชื้อราที่เท้า) เป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดที่เกิดจากการกระทำของเชื้อราประเภทต่างๆ อาการของโรคคือผิวแห้งลอกแตกและมีอาการคันที่ผิวหนังของเท้า นอกจากนี้ บริเวณผิวหนังที่ได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อราจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนหน้านี้เชื้อราที่เท้า (mycosis) ได้รับความทุกข์ทรมานจากเชื้อราขนาดใหญ่ ...

Epidermophytosis ของเท้าเป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยที่สุดของ mycoses ในร่างกายมนุษย์ สิ่งนี้อำนวยความสะดวกไม่เพียงแค่ความไม่มั่นคงของเราต่อหน้าโรคผิวหนังจากเชื้อรา แต่ยังรวมถึงแง่มุมทางสังคมของโรคนี้ด้วย โรคติดเชื้อราที่เท้า (syn. Epidermophytosis ของเท้า, โรคติดเชื้อราภายนอก, ไม่ค่อยเรียกว่า epidermophyton) เป็นโรคที่ค่อนข้างไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มักไม่มีผลกระทบร้ายแรง แต่เนื่องจากความชุกและปัจจัยทางจิตวิทยาในรูปแบบของข้อบกพร่องของผิวหนัง มันเป็นหนึ่งในโรคที่มีปัญหามากที่สุดในการแพทย์แผนปัจจุบัน

มาดูกันว่า epidermophytosis ของเท้าคืออะไร โรคนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของเชื้อราหรือเชื้อราจากภายนอก (ผิวหนังชั้นนอก) เกิดจากเชื้อรา Trihophyton Interdigitalis ซึ่งเป็นตัวแทนของพืชที่ฉวยโอกาสสำหรับมนุษย์

นอกจากเชื้อก่อโรคนี้แล้ว เชื้อราที่ผิวหนังอาจเกิดจากเชื้อราในสปีชีส์ต่างๆ เช่น:

• แคนดิดา;
• เพนนิซิลลิน;
• หน่อไม้ฝรั่ง

สิ่งนี้เกิดขึ้นเฉพาะในกรณีที่มีการปราบปรามระบบภูมิคุ้มกันอย่างรุนแรง (ด้วยโรคเรื้อรังที่รุนแรง, พยาธิสภาพของระบบภูมิคุ้มกัน, การทานยากดภูมิคุ้มกัน)

Epidermophytosis เป็นโรคที่พบบ่อยมาก ความจริงก็คือส่วนใหญ่มักเป็นพาหะซึ่งก็คือคนที่ไม่มีอาการของโรค

ตั้งแต่โรคเชื้อรา
โรคติดต่อได้มาก ถ่ายทอดจากคนสู่คนอย่างรวดเร็วผ่านปัจจัยในครัวเรือน:

• ที่อาบน้ำสาธารณะ
• อาบน้ำ;
• ห้องล็อกเกอร์ทำงาน
• หอพัก โรงเรียนประจำ ค่ายทหาร

เชื้อราส่วนใหญ่รวมถึงสาเหตุของ epidermophytosis ของเท้าเป็นจุลินทรีย์ที่ฉวยโอกาสนั่นคือภายใต้สภาวะปกติพวกมันไม่สามารถก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ได้ เพื่อให้จุลินทรีย์เหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อเราที่จะกลายเป็นเชื้อโรคต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขบางประการและปัจจัยต้านทานของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโรคเชื้อรา:

• สถานะของระบบภูมิคุ้มกัน (โรคเอดส์, เบาหวาน, โรคโลหิตจาง aplastic);
• เท้าแบน;
• สภาพการทำงาน - โหลดคงที่ที่แขนขาส่วนล่าง, อัตราส่วนการทำงาน / การพักผ่อนที่ไม่ลงตัว หุ่นยนต์ที่อุณหภูมิสูง (วิศวกรรม การถลุงโลหะ);
• รองเท้าที่ไม่สบายหรือใช้ยางอย่างต่อเนื่อง, รองเท้ากันลม (ทหาร);
• ผื่นผ้าอ้อมที่เท้า;
• การสัมผัสใกล้ชิดกับพาหะของโรคเชื้อรา

แม้จะมีรอยโรคที่เท้าเป็นหลัก แต่ Trihophyton Interdigitalis ยังสามารถทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น epidermophytosis ของมือหรืออยู่ที่รอยพับของเล็บ ทำให้เกิด epidermophytosis ของเล็บ

Epidermophytosis ของเล็บเป็นอันตรายไม่เพียง แต่สำหรับรูปลักษณ์ที่ไม่พึงประสงค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นไปได้ที่แผ่นเล็บจะหลุดออกมาหากไม่มีการรักษาอย่างทันท่วงที ความจริงก็คือว่าด้วย epidermophytosis ของเล็บลูกกลิ้งการเจริญเติบโตของกลุ่มเล็บอาจได้รับผลกระทบซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างเล็บใหม่ในช่วงระยะเวลาของการอักเสบ

ไม่ใช่เชื้อราทั้งหมดที่มีอันตรายเท่ากัน

ภาพทางคลินิกของ epidermophytosis ของเท้าและเล็บเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทุกคนและแม้แต่คนที่ไม่มีการศึกษาทางการแพทย์มักจะทำการวินิจฉัยที่คล้ายกันด้วยตนเองและเริ่มรักษาตัวเอง

1. บ่อยที่สุด mycosis ภายนอกของเท้าเป็นที่ประจักษ์ในรูปแบบเกล็ด (squamous):

• การแปลโดยทั่วไป - พื้นผิวฝ่าเท้าและส่วนโค้งของเท้าในบริเวณที่สัมผัสกับรองเท้ามากที่สุด
• จุดโฟกัสเดี่ยวเล็ก ๆ ของผิวหนังที่มีเกล็ดเป็นสีแดงในบางกรณีพวกมันรวมกันและกลายเป็นที่กว้างขวาง
• ส่วนใหญ่มักจะแปลเป็นภาษาท้องถิ่นบนแขนขาเดียวหรือในบริเวณเล็บที่อยู่ติดกันหลายแห่ง

รูปแบบทางคลินิกนี้ทำให้เกิดอาการคันรุนแรง ซึ่งจะรุนแรงขึ้นเมื่อเกาเท่านั้น ด้วยกลไกนี้เองที่เชื้อราจะแพร่กระจายไปตามเท้าหรือส่งผ่านไปยังแขนขาด้านบนทำให้เกิดโรคติดเชื้อราเช่น epidermophytosis ของมือ

2. Interdigital หรือรูปแบบ interdigital นั้นพบได้น้อยกว่าเล็กน้อย แต่สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้

• แปลเป็นภาษาท้องถิ่นในรอยพับของผิวหนัง
• ส่วนใหญ่มีรูปแบบของรอยแตกและการกัดเซาะที่มีขนาดและความลึกต่างกัน
• ข้อบกพร่องของผิวหนังเหล่านี้ทำให้หน้าที่หลักอ่อนแอลง - ปกป้องและสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการแทรกซึมของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคผ่านข้อบกพร่อง สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การพัฒนาของไฟลามทุ่งสเตรปโตเดอร์มาและแม้แต่เสมหะที่เท้าหรือมือ
• มีฤดูกาลที่เด่นชัดโดยมีอาการกำเริบในฤดูร้อนและฤดูหนาว และการให้อภัยที่เกี่ยวข้องในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

Epidermophytosis ของเล็บมักจะพัฒนาจากรูปแบบนี้ซึ่งไม่เพียง แต่ส่งผลกระทบต่อเล็บ แต่ยังรวมถึงลูกกลิ้งกระดูกด้วย

3. รูปแบบ papular-erosive:

• รูปแบบที่รุนแรงและอันตรายที่สุด มักซับซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียทุติยภูมิและมีแนวโน้มสูงที่จะสรุป (แพร่กระจาย) มันเกิดขึ้นเฉพาะในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องในระดับลึกเมื่อร่างกายไม่สามารถตอบสนองและ จำกัด การอักเสบได้อย่างเพียงพอ
• มีถุงน้ำกลุ่มที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่เป็นหนองหรือเซรุ่ม พวกมันคืบหน้าภายใน 5-7 วันหลังจากนั้นจะแตกออกภายใต้อิทธิพลของแรงกดดันภายใน สารหลั่งหนองที่มีเชื้อราจำนวนมากไหลออกจากช่องว่าง หลังจากนั้นสถานที่ของ papule จะกลายเป็นแผลที่ค่อยๆเติบโตรวมกับข้อบกพร่องที่อยู่ใกล้เคียง แผลดังกล่าวสามารถคงอยู่ได้ 2-3 สัปดาห์หลังจากนั้นจะหนาขึ้นและค่อยๆหาย ในเวลาเดียวกัน papules ปรากฏขึ้นอีกครั้งในส่วนอื่น ๆ ของเท้าและกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นซ้ำ

การตรวจและวินิจฉัย

Epidermophytosis ของเท้าและมือสามารถวินิจฉัยได้ง่ายและขั้นตอนการวินิจฉัยก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาใด ๆ

1. ส่วนใหญ่มักจะทำการวินิจฉัยบนพื้นฐานของการตรวจสอบจุดโฟกัสของการอักเสบ มีลักษณะเฉพาะและการแปลเป็นภาษาท้องถิ่นขึ้นอยู่กับรูปแบบทางคลินิก
2. ในกรณีที่น่าสงสัย แพทย์ผิวหนังจะทำการทดสอบอัลคาไลน์กับ KOH ตามด้วยกล้องจุลทรรศน์ของวัสดุ ในการทำเช่นนี้จะมีการทารอยเปื้อนที่ขอบของผิวหนังอักเสบและปกติหรือใช้สารหลั่งของถุงน้ำในรูปแบบ papular-erosive หากผู้ป่วยมีผิวหนังชั้นนอกของเล็บ ควรใช้เล็บเป็นวัสดุ

โรคติดเชื้อราที่มีผิวหนังชั้นนอกมีเส้นใยสองเส้นที่มีลักษณะเฉพาะของไมซีเลียมและสปอร์ ซึ่งมองเห็นได้ง่ายภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ในกรณีเดียวกัน ส่วนหนึ่งของวัสดุจะถูกส่งไปยังวิธีการวิจัยทางแบคทีเรีย (ปลูกในอาณานิคมของเชื้อรา) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

วิธีกำจัดเชื้อราอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากความชุกสูงจึงมักใช้การรักษา epidermophytosis ของเท้าด้วยการเยียวยาพื้นบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าวิธีการเหล่านี้ไม่มีผลดีเท่ากับยาแผนโบราณ ดังนั้นจึงควรเริ่มด้วยวิธีการนี้ ไม่ว่าจะเป็นการรักษา epidermophytosis ของเล็บหรือเท้ากลยุทธ์การรักษาจะเป็นดังนี้:

1. ก่อนอื่นคุณต้องกำจัดปัจจัยที่นำไปสู่การพัฒนาของโรคติดเชื้อรา - ควบคุมโรคเบาหวานอย่างระมัดระวัง เปลี่ยนงาน สวมรองเท้าที่สบายขึ้น งดใช้ห้องอาบน้ำสาธารณะและสระน้ำ
2. แก้ไขระบบภูมิคุ้มกันโดยเพิ่มปริมาณการพักผ่อน รับประทานอาหารที่สมดุลด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เพียงพอ
3. การรักษาด้วยยา: ยาต้านเชื้อราในท้องถิ่นที่ใช้กันมากที่สุด ได้แก่ Clotrimazole, Lamisil, Triderm, การเตรียม Griseofulvin, Sertoconazole, Natamycin, Naftivin ไฮโดรคลอไรด์ ยาทั้งหมดเหล่านี้มักมีอยู่ในรูปของขี้ผึ้งหรือสเปรย์สำหรับใช้ภายนอก ในกรณีที่รุนแรงกว่า (รูปแบบ papular-erosive กำเริบ) ขี้ผึ้งสามารถใช้ร่วมกับยาต้านจุลชีพแบบโต๊ะ
4. วิธีการกายภาพบำบัด - การบำบัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ, UHF - การบำบัด, อ่างโคลน, การบำบัดด้วยบาโร

Epidermophytosis ของเท้าคล้อยตามการรักษาได้ง่ายเพื่อให้ได้ผลในเชิงบวกหลักสูตรการรักษาที่เหมาะสมที่สุดคือ 6-8 สัปดาห์ Epidermophytosis ของเล็บต้องใช้เวลาในการรักษา 3-6 สัปดาห์ ควรใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ การใช้ยาเกินขนาดอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงได้

บทสรุป

อนาคตของยาอยู่ในการป้องกัน นั่นคือเหตุผลที่แม้แต่ในผู้ที่ไม่เคยมีโรคผิวหนังจากเชื้อราก็ควรแยกปัจจัยทั้งหมดในการพัฒนาโรคติดเชื้อราซึ่งจะช่วยป้องกันโรคในตา แต่สถานการณ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเสมอไป และในกรณีของเท้า epidermophytosis อย่าลืมว่าการใช้ยาด้วยตนเองอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้ ดังนั้นแม้ในกรณีที่เป็นโรคเชื้อราที่ไม่รุนแรง จะดีกว่า ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ