เส้นทางของการพัฒนาจิตวิญญาณนั้นง่ายหรือไม่? จะละทิ้งโลกและเข้าสู่เส้นทางจิตวิญญาณได้อย่างไร? ลดจำนวนเพื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

สวัสดี,

แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าเส้นทางจิตวิญญาณของบุคคลคืออะไร? วิธีการเลือกมัน? จะเข้าใจได้อย่างไรว่าเส้นทางจิตวิญญาณที่เลือกเป็นของคุณ?

หัวข้อที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ อาจจะไม่ถึงขนาดอภิปรายในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ลองเข้าหามันอย่างระมัดระวัง พร้อมคำแนะนำพื้นฐานที่ทุกคนควรจดจำ

ที่สำคัญที่สุดและเรียบง่าย เราต้องแสวงหาเส้นทางจิตวิญญาณด้วยหัวใจของเรา. มีผู้สร้างหนึ่งคน มีแหล่งที่สูงกว่าหนึ่งแหล่ง และมีเส้นทางที่แตกต่างกันไป คุณเพียงแค่ต้องหาของคุณ

ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกศาสนาคริสต์เป็นการปฏิบัติทางจิตวิญญาณสำหรับตัวคุณเอง คุณต้องสร้างตัวเองในศาสนาคริสต์และปฏิบัติตามเส้นทางนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่จุดหนึ่ง

ทางจิตวิญญาณของมนุษย์เป็นเส้นทางของใจที่บริสุทธิ์

ความภาคภูมิใจ - เธอมีไหวพริบมาก ความหยิ่งจองหองความเห็นแก่ตัวเป็นที่ประจักษ์เป็นการประเมินไม่คำนึงถึงผู้อื่นความรู้สึกเหนือกว่า บ่อยครั้ง ผู้คนเมื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เริ่มดูถูกคนอื่น เช่น ผู้ที่ปฏิบัติเส้นทางจิตวิญญาณเดียวกันต่างกัน จากตำแหน่งที่เหนือกว่าบางตำแหน่งละเลย และนี่เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง

เพราะเส้นทางวิญญาณคือเส้นทาง บริสุทธิ์หัวใจ

เส้นทางของหัวใจที่เคารพรักและถ่อมตน คุณลองนึกภาพเช่นว่าพระเยซูคริสต์และมูฮัมหมัดต่อสู้กันอย่างไร ตำหนิซึ่งกันและกัน? มันเป็นไปไม่ได้. และในหมู่ผู้ติดตามของพวกเขา สิ่งนี้เกิดขึ้น ...

ดังนั้นบางครั้ง ไม่ว่าคุณจะเป็นประเพณีทางจิตวิญญาณแบบใด พยายามลองประเพณีอื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก

ทำไมมันถึงสำคัญ?

ไม่ใช่ในแง่ที่คุณเปลี่ยนทางเลือกของหัวใจ โดยทั่วไปแล้วทางเลือกของหัวใจสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรลองคิดดู มันแปลก ๆ. ถ้าใจคุณเลือกแล้ว ถ้ามันตอบสนองต่อเส้นทางจิตวิญญาณบางอย่างแล้ว มันจะสับสนได้อย่างไร? ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันแล้ว แต่คุณควรลองใช้แนวทางปฏิบัติอื่นๆ เพื่อขยายการรับรู้ว่ามีผู้สร้างเพียงคนเดียว และ - เส้นทางที่แตกต่างกันไป

นั่นคือเพียงแค่รู้สึกอารมณ์นี้จากภายใน ฝึกฝน สำรวจ สัมผัสพระเจ้าผ่านแนวทางปฏิบัติอื่นๆ

ดังนั้นเราจะขจัดความเห็นแก่ตัวเหล่านี้ออกไปและ มาลบแม่แบบการประเมินและความเหนือกว่ากัน

และจากนั้น - เพื่อกลับไปสู่ประเพณีของพวกเขาอีกครั้งและกลายเป็นเรื่องจริงจังที่นั่น แต่ - แล้วโดยไม่สนใจคนอื่นทั้งหมด

คุณรับรู้มันได้อย่างไร?

ป.ล.บทความนี้เปิดเนื้อหาชุดใหม่เกี่ยวกับเส้นทางจิตวิญญาณของบุคคล จิตวิญญาณที่ผิดและจริง ความแตกต่างระหว่างความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริงและความอดทนที่โง่เขลา เราจะดำเนินการต่อในอีกไม่กี่วัน

ป.ป.ส. หากนี่เป็นครั้งแรกของคุณที่นี่ คุณสามารถสมัครสมาชิกได้โดยคลิกที่นี่ หากคุณรู้จักใครที่อาจได้รับประโยชน์จากบทความนี้ โปรดส่งลิงก์มาที่หน้านี้ (ปุ่มโซเชียลด้านล่าง)

ตามการฝึกอบรมของ Oleg Gadetsky "เสรีภาพและการตระหนักรู้ในตนเอง เปลี่ยนความเชื่อเชิงลบ"

ข้อความของรายการคือ "อิสรภาพจากเผด็จการของสัตว์ร้ายในตัวคุณ" ตอนที่ 8

01:38:53 - 02:00:56

อะไรคือความแตกต่างระหว่างการพัฒนาบุคลิกภาพและการพัฒนาจิตใจ เส้นทางจิตวิญญาณเริ่มต้นที่ไหน?
ไดอารี่เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการทำงานกับตัวเอง วิธีเขียนความคิดอย่างถูกต้อง วิธีการแสดงบุคลิกภาพในการโจมตีของสติ จิตวิญญาณจะต้องมีชีวิตอยู่ไม่ใช่การปฏิบัติ

อันตรายจากภาพลวงตาบนเส้นทางจิตวิญญาณ

จีนน์:มีคำถามจากคนเก็บไดอารี่ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดีนั่นคือบุคคลนั้นเริ่มไดอารี่แล้วตอนนี้เขาเริ่มเขียนความคิด เขาพูดว่า: "มันไม่ช่วยเลย มันยังกด ก็ยังเจ็บอยู่" และนี่คือช่วงเวลาดังกล่าว บ่อน้ำ ราวกับจากการสังเกต และตัวเขาเอง อย่างที่มันเป็น ก็แบ่งปันเช่นกัน

นั่นคือเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาถามคำถามดังกล่าวซึ่งฉันได้ติดตามไปแล้วและฉันเห็นกลไกนี้ที่ใช้งานได้ด้วยเหตุผลบางประการ และก็ถึงจุดที่เขามักจะทำไดอารี่นี้เพื่อบอกคนอื่นว่าสติส่งผลต่อเขาอย่างไร ( อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ใช่แล้ว) วิธีจัดการกับพวกเขา และบอกกลไก

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:และคำถามง่ายๆ แต่คนๆ นั้นเลือกแล้วและรู้สึกว่าไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานหรือไม่? เลขที่ ใครเป็นคนเลือก? เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริง เขามีช่วงเวลาของการรับรู้ดังกล่าว แต่เวลานี้ใครเปิด? สัตว์. และสัตว์ร้ายในดวงใจนี้ เขาเพิ่งเริ่มเกมนี้ และเขากำลังเป็นผู้นำ และเขาต้องการที่จะดูเหมือนไม่เป็น ( จีนน์:หน้ากากของนักบุญ) ให้ปรากฏศักดิ์สิทธิ์ ใช่ แต่ไม่ใช่ที่จะเป็น

และทุกอย่างเข้าสู่เกม คุณจะได้รับบางสิ่งบางอย่าง? มันใช้งานไม่ได้เพราะส่วนที่สองของบุคคลในฐานะบุคลิกภาพเป็นส่วนที่ตายตัวของเขา และเธอเพิ่งแนะนำเขาให้เข้าสู่เกมและเข้าสู่การหลอกลวง ทำไม เพราะมนุษย์ไม่ได้ปรารถนาพระเจ้าจริงๆ เขาไม่ได้พยายามที่จะเข้าใจว่าเขาเป็นใคร นั่นคือประเด็น

จีนน์:เล่นแล้ว

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:นั่นคือเขาใช้ชีวิตในภาพลวงตา เขาชอบภาพลวงตานี้ “ทำไมฉันต้องเครียด ทำไม ในเมื่อทุกคนมีชีวิตแบบนี้ และฉันชอบแบบนั้น” - นี่คือการติดตั้งง่ายๆ ที่มาจากจิตสำนึก

วิธีเขียนความคิดในไดอารี่

ตาเตียนา: Igor Mikhailovich คุณช่วยไขคำถามนี้ได้อย่างไร:“ จะเขียนความคิดของคุณให้ถูกต้องได้อย่างไรไม่ว่าจะให้การวิเคราะห์หรือไม่? อะไร..."

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ไม่ การวิเคราะห์มีเพียงแค่... มีกลไกง่ายๆ อยู่ที่นี่ เมื่อความคิดมาถึงบุคคลเพื่อทำสิ่งที่เป็นลบ สดใส แต่บุคคลนั้นรับรู้แล้ว เมื่อเขาควบคุมความคิด เขาก็ตระหนักว่านี่ไม่ใช่ของเขา เขาเข้าใจว่าพวกเขามาหาเขาเขาไม่ได้สั่งความคิด

ตัวอย่างเช่น คุณรับมันและโกรธเธอไหม? ตัวอย่างเช่น เธอไม่ได้มองคุณแบบนั้น นั่นเป็นวลีธรรมดาใช่มั้ย? คุณเข้าใจว่ามันบดขยี้คุณ คุณจึงเขียนลงไป ว่าเวลาคือวันนี้ (มีตัวเลข, วันที่) ทุกวันมีการจดบันทึกไว้ที่นั่น เวลา 10:45 น. ความคิดหนึ่งก็มาถึงฉัน และนั่นแหล่ะ

และความคิดนี้จะหายไปทันทีที่คุณเขียนมันลงไป หากคุณวิเคราะห์ที่นี่ เหตุใดจึงเกิดความคิดเช่นนี้ คุณเปิดการทำงานของจิตสำนึกและกลายเป็นเรื่องโกหก ทันที ชิวาวาตัวนี้เริ่มหลอกคุณและเล่นกับคุณเหมือนตุ๊กตา

ตาเตียนา:มีบางอย่างผิดปกติกับคุณ

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แน่นอน.

จีนน์:มันยังฟังดูเหมือนคำสั่งโดยตรง

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:หรือมันผิดใช่

ทำไมความคิดถึงมาว่าคุณไม่ได้สั่ง

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:และคุณเขียนความคิดที่คุณไม่ได้สั่งอย่างชัดเจน พวกเขาไม่มาหาคุณ คุณกำลังยุ่งอยู่กับกระบวนการคำนวณบางอย่าง คุณคิดบวกและคำนวณบางอย่าง จากนั้นคุณก็คิดว่ามีคนคิดผิดเกี่ยวกับคุณ

ขอโทษนะ คุณกำลังคิดอะไรอยู่ มันคำนวณรากที่สองของสิ่งที่ไม่ชัดเจน แล้วคุณจะเข้าใจว่ามีคนทำผิดต่อคุณ ทำไมคุณถึงต้องการมันตอนนี้? ทำไมจิตสำนึกของคุณ แทนที่จะคิดเลขนี้ มันเริ่มหลอกหลอนคุณและเปลี่ยนคุณไปสู่บางสิ่ง?

เป็นเสรีภาพทางความคิดหรือไม่? เลขที่ นี่คือสิ่งที่ต้องบันทึกไว้ เข้าใจ? เพราะได้ไอเดียมาแบบนี้ ทำไมเธอถึงมาในช่วงเวลานี้โดยเฉพาะ? เพราะแทนที่จะบังคับและรักษาสติไว้แน่น บังคับให้คุณทำงาน คุณปล่อยสายจูงนี้ไป เข้าใจไหม?

และในขณะนี้ เมื่อคุณปล่อยมันไป คุณถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากบางสิ่งและให้ความสนใจมากกว่า กล่าวคือ ไม่ใช่เกี่ยวกับกระบวนการทางจิตวิญญาณภายใน แต่อยู่ที่เนื้อหา และเสรีภาพระดับหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในจิตสำนึกของคุณ และมันก็เริ่มสร้างความวุ่นวายใส่คุณทันที

นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่ามีการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสบนคอมพิวเตอร์ ทันทีที่เขาอ่อนแอ พวกมันก็เริ่มเต็มไปด้วยขยะ ใช่ไหม? ที่จริงมัน

วิญญาณต้องดำรงอยู่ไม่ฝึกฝน

จีนน์:ใช่. ที่นี่มีความเข้าใจที่ผิดพลาดเช่นกันเมื่อบุคคลเริ่มมีส่วนร่วมในสิ่งฝ่ายวิญญาณเขาเริ่มตำหนิปัญหาของเขาโดยทั่วไปสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาที่ไม่ดีเพียงแค่ความจริงที่ว่าเขาเริ่ม มีส่วนร่วมในสิ่งที่จิตวิญญาณ

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ฉันจะพูดแบบนี้: ถ้าคนเริ่มมีส่วนร่วมในสิ่งฝ่ายวิญญาณเขาจะโทษตัวเองอย่างถูกต้อง คนทางจิตวิญญาณจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ แต่คุณสามารถไปเล่นกีฬาอย่างอื่นได้ แต่ถ้าเขามีส่วนร่วมในจิตวิญญาณเขามีส่วนร่วมจิตสำนึกนี้มีส่วนร่วม ส่วนอาชีพ - สิ่งนี้ทำนายงานอดิเรกชั่วคราวแล้ว คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตไปชั่วคราวได้

แน่นอนว่าจิตสำนึกจะเล่นถ้าทัศนคติดังกล่าวดำเนินไป แต่คนไม่โกหกเมื่อเขาเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาพูดว่า: "ที่นี่ฉันมีส่วนร่วมในการพัฒนาจิตวิญญาณ" แม้จากวลีนี้ ไม่รู้จักบุคคลนั้น ไม่ฟังอะไรเลย จิตสำนึกก็เริ่มเล่นกับเขา

ทำไม เพราะบุคคลนั้นมีการระเบิดทางวิญญาณ เขาประสบความต้องการเสรีภาพและความรัก และเขารู้สึกว่ามันเป็นไปได้ เขารู้สึกว่าเขา... เขาไม่ใช่สัตว์ เขารู้สึกว่าเขายิ่งใหญ่กว่า จริง ๆ แล้วเขาเป็นส่วนหนึ่งของโลกฝ่ายวิญญาณ และเขาสามารถกลายเป็นองค์ประกอบของโลกไร้ขอบเขตนี้ได้

และในขณะเดียวกันสติก็ตอบสนอง มันเต็มไปด้วยอารมณ์ในทันที เต็มไปด้วยทุกสิ่งในโลก ให้เขาฝึกฝน ส่วนใหญ่มักจะมาจากจิตสำนึก นั่นคือเขาไม่ได้เอาเครื่องมือที่สะอาด ใช่ แม้ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีบริสุทธิ์ ความแตกต่างคืออะไร? มันให้เครื่องมือแก่เขา มันให้ทุกอย่างแก่เขา และกล่าวหาเขาทุกอย่างในทันที ฟุ้งซ่านทันทีและพูดว่า: “ คุณเอาจิตวิญญาณขึ้นมาและมองดู คุณสูญเสียที่นั่น ที่นั่น ที่นั่น นี่คือความสูญเสียที่คุณนำมา คุณได้อะไร»

ขอโทษนะ แต่คุณจะได้อะไรในโลกวัตถุจากอิสรภาพทางวิญญาณ? คำถามง่ายๆ

เส้นทางจิตวิญญาณเริ่มต้นที่ไหน?

จีนน์:คุณรออะไรอยู่

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:อะไรเนี่ย ตะเกียงอะลาดิน? แต่ถ้าคุณเริ่มที่จะมีชีวิต ในแต่ละขั้นตอนคุณจะได้รับชีวิตมากขึ้น ความรักมากขึ้น ความสุขมากขึ้น ความเข้าใจมากขึ้น เข้าใจภาพลวงตาของโลกวัตถุนี้มากขึ้น เผด็จการผ่านจิตสำนึกของคุณจากเผด็จการของใคร? ซาตานเหรอ? เราเรียกใครว่าซาตาน? ในศาสนาที่นั่นและทุกที่

และคุณจะเข้าใจว่าคุณเป็นคู่ ที่คุณมีส่วนจากพระเจ้าและส่วนหนึ่งจากซาตาน . มีส่วนที่มีชีวิตและส่วนที่ตายได้ และความหวังจากจิตสำนึกว่าสักวันหนึ่งร่างกายของคุณจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งใช่ไหม? แค่ในภาพยนตร์เรื่อง "ATLANTIDA" ก็ได้รับการบอกเล่าเป็นอย่างดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเทพนิยาย ไม่เคย. สิ่งที่ถูกทำลายก็ถูกทำลาย

ฉันพูดว่า: สิ่งแรกที่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณอย่างแท้จริงเริ่มต้นด้วยการควบคุมความคิด อย่ายอมรับความชั่วและคุณจะได้รับความดี อย่ารับคำแนะนำแย่ๆ อย่ารำคาญ อย่าเกลียดชัง - อะไรก็ตามที่ทำให้คุณท้อใจ . อย่าอารมณ์ไม่ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากความเห็นแก่ตัว พวกเขาบอกว่า "ภาวะซึมเศร้า" ภาวะซึมเศร้าคืออะไร? ความเห็นแก่ตัวในรูปแบบสูงสุด เราได้พูดถึงเรื่องนี้มากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว

ตาเตียนา:เฉยเมย

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ไม่ลงมือทำแน่นอน และการรักตัวเอง ทำไมคุณถึงโกหก คราง คราง ที่คุณรู้สึกแย่? ดีชอบมัน ดังนั้นคุณจึงสนุกกับมันเพราะคุณใช้ชีวิต มีอะไรผิดปกติ?

ตาเตียนา:ใช่ มันทำให้ฉันนึกถึงเมื่อคุณพูดว่า...

เพียงแค่เริ่มรักผู้คน ส่วนที่เป็นนางฟ้าของพวกเขา

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ใช่ เลิกสนใจชิวาวาของคุณแล้วเริ่มรักผู้คน ส่วนประกอบที่เป็นเทวทูตของพวกมัน คุณไม่สามารถรักสัตว์ได้ คุณสามารถเล่น เคารพ แต่... แต่คุณไม่ใช่สัตว์ร้าย ถ้าคุณเข้าใจว่าคุณยังมีชีวิตอยู่

จีนน์:ใช่. มันเหมือนกับกรณีนี้: “แต่ฉันจะคืนแรงบันดาลใจนี้ได้อย่างไร? นี่ฉันตื่นแล้ว...”

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:หากคำถามนี้มาจากจิตสำนึกก็ไม่มีทาง

จีนน์:ใช่.

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:เป็นแรงบันดาลใจอีกครั้งที่คุณต้องการหรือเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง? นั่นคือทั้งหมดที่

จีนน์:ใช่นั่นคือทั้งหมด

วิธีค้นหาชีวิตบนเส้นทางจิตวิญญาณ

ส่วนหนึ่งของโปรแกรม "อิสรภาพจากเผด็จการของสัตว์ร้ายในตัวคุณ" โดยมีส่วนร่วมของ I. M. Danilov

ตาเตียนา:นอกจากนี้ยังเป็นสถานการณ์ทั่วไป: หลังจากท้องร่วงหรือปัญหาบางอย่างในชีวิต คน ๆ หนึ่งถามคำถามว่า "ฉันจะคืนความรู้สึกได้อย่างไร" และมองหาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะสำหรับสถานการณ์เฉพาะ

จีนน์:"ได้โปรดตอบฉัน…"

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แน่นอน. และแสวงหาสติใช่ไหม?

ตาเตียนา:ใช่ อย่างน้อย...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:นี่คือวิธีที่ฉันจะได้รับ ขออภัย คุณสามารถรับถุงเท้าหรือหมวกใหม่ได้

ตาเตียนา:คำตอบใหม่ ใช่ วิธีใหม่

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ใช่ แต่คุณจะได้รับชีวิตได้อย่างไร? ไม่เป็นไร ทำงาน คุณเพียงแค่ต้องมีชีวิตอยู่

จีนน์:สติไม่ได้สนองคำตอบที่มีอยู่แล้ว นั่นคือราวกับว่าคำถามนี้ ...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ฉันต้องการสิ่งใหม่

ตาเตียนา:ใช่.

จีนน์:ฉันต้องการใหม่ ฉันต้องการที่นี่สำหรับฉัน อาจจะไม่เกี่ยวกับฉัน นี่คือหัวข้อที่ว่า “แต่ฉันต่างจากคนนั้น เราต่างกับเขา”

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แน่นอนว่ามันแตกต่างกันใช่

จีนน์:สถานการณ์นี้ดีสำหรับเขา แต่ในกรณีของฉัน อาจเป็นอย่างอื่น

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แต่สำหรับฉันโดยเฉพาะเพราะชีวิตของฉันนั้นยากที่สุด

จีนน์:ใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังมีปัญหามากที่สุด

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ใช่ มันทำให้ฉันหดหู่มาก แต่ฉัน ... ฉันเข้มแข็งทางวิญญาณมากจนฉันกลัวที่จะทำร้ายผู้คนแล้ว รู้แล้ว...

จีนน์:ดังนั้นฉันคงไม่ทำอะไร

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แน่นอน ฉันจะยังคงเป็นหมา ก็อยากอยู่อย่างหมา แต่อยู่ให้ได้ ใครไม่อนุญาต? ไม่มีใครต่อต้านมัน

การพัฒนาตนเอง: เลือกความรักและมีความสุข

ตาเตียนา:ไม่จำเป็นต้องมองหาวิธีแก้ไขใหม่ๆ วิธีใหม่ๆ ในเมื่อทุกสถานการณ์ วิธีคืนสู่ความรู้สึกยังคงเหมือนเดิมเสมอ

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ทางเลือก.

ตาเตียนา:ทางเลือกของความรัก.

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แค่ทางเลือก และเรากลับมาเพื่ออะไร? เพื่อเป็นทางเลือกที่ซ้ำซากจำเจ ทางเลือกและความรัก เลือกรักแล้วมีความสุข . และถ้าคุณไม่มีความสุข ขอโทษด้วย คุณเป็นหมา อ้าวไม่ใช่เหรอ?

ตาเตียนา:ใช่.

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:มันแตกต่างออกไป ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร หากคุณอยู่ในความเศร้าโศก โชคร้าย ในการวิจารณ์ตนเอง หากคุณถูกทรมาน ทรมานด้วยความคิด คุณก็ชอบมัน ดังนั้น คุณเป็นส่วนหนึ่งของโลกของสัตว์ คุณให้ทุนกับมัน อยู่แบบนี้ขอให้ดีต่อใจถ้าชอบติชมทุกคนถ้าเป็นคนเดียวในโลกนี้

คุณชอบที่จะเป็นแบบนั้น - มันเป็นทางเลือกของคุณ แล้วทำไม สมมติว่า กังวลเกี่ยวกับบุคคลนี้หรือพยายามทำอะไรจากเขา เพื่ออะไร? ไม่ มัน...

เส้นทางสู่อิสรภาพที่แท้จริง

จีนน์:และเสรีภาพที่แท้จริงคืออะไร?

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:อิสรภาพที่แท้จริง? นั่นคือชีวิต. นี่คือความรัก. นี่คือความรักของพระเจ้า นี่คืออิสรภาพอย่างแท้จริง นี่คืออิสระจากเผด็จการของชิวาวาหรือช้าง ใครๆก็ชอบ นี่คือชีวิตแล้ว เพราะบุคคลรู้สึกถึงชีวิต

จีนน์:บุคคลจะเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างไร

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:จะเข้าใจได้อย่างไร? มาเลย. เริ่มมีชีวิตจริงๆ

จีนน์:นั่นคือถ้าเขายังคงเร่งรีบ:“ ฉันมีความสุขหรือไม่มีความสุข” ...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:นี่คือสติสัมปชัญญะ

จีนน์:หากตั้งคำถาม...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:หากมีคำถามเหล่านี้: "ฉันมีความสุขหรือไม่มีความสุข" แสดงว่าเขาไม่มีความสุข ดีไม่มีคำถามจากบุคลิกภาพ บุคคลไม่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ ใช่? ไม่ว่าเธอจะอยู่ในความเป็นทาสหรือเธอเป็นอิสระ

ใช่ คุณต้องต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ใช่ คุณต้องไปในทางที่ยาก การปฏิเสธความชั่ว - นี่คือการเผชิญหน้าแล้ว นี่คือการสนับสนุนของทูตสวรรค์แล้ว เมื่อคุณเลือกความดี เมื่อคุณเลือกความรัก ความรู้สึก เมื่อคุณเลือกชีวิต หรือคุณเพียงแค่เลือกด้านบวก... ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยแง่บวก

สติ พูดว่า: ทุกอย่างมันแย่และคุณพูดว่า "ฉันไม่ต้องการที่จะมีความคิดนั้น อยากเห็นของดีก็รู้ ฉันอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

มันบอกว่า: จะเห็นความดีได้อย่างไรถ้ามอง: เลวทุกที่". “ก็ได้ ฉันจะหันกลับไปดูของดีๆ” แต่สติพูดว่า: ก็มันแย่". “มันไม่ดีสำหรับคุณ แต่มันดีสำหรับฉันที่นี่ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสำหรับฉัน”

จีนน์:ฉันสามารถ..?

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ขอโทษนะคะ มันคือสีอะไรคะ? นี่คือผ้าปูโต๊ะสีนี้ เป็นอะไรไปเนี่ย เขาเป็นคนตลก งั้นเหรอ?

จีนน์:ใช่.

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:มีอะไรผิดปกติที่นี่? ชีวิตเอง กระบวนการของชีวิต แม้แต่ชีวิตในร่างกาย ในเรื่องก็ให้ความสุขอย่างยิ่ง มันทำให้มีความสุขในความหมายที่คุณเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องชั่วคราว เข้าใจไหม? ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น เพิ่มเติม และคุณสามารถค้นหาได้ ใช่ คุณได้พบมันแล้ว ถ้าคุณตระหนักได้ มันเยอะอยู่แล้ว

และสติจะคลุ้มคลั่งตลอดเวลา ก็สติสัมปชัญญะ นี่คือตัวกลางระหว่างโลกแห่งความตายกับโลกที่มีชีวิต ระหว่าง ฉันหมายถึง ระหว่างทูตสวรรค์กับสัตว์เดรัจฉาน แล้วยังไงต่อ?

การรับรู้ทางประสาทสัมผัส

ตาเตียนา:จะสื่อสารกับคนที่ทำผลงานได้ไม่ดีอย่างไร?

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ใช่ พูดแบบนี้ แต่ไม่มีคนที่ทำผลงานได้ไม่ดี มันไม่ดีสำหรับสัตว์ตัวน้อยของพวกเขา และคุณสื่อสารกับนางฟ้า หากชีวิตบังคับให้คุณทำงานที่นั่น เพื่อสื่อสารกับสัตว์ตัวน้อยในชีวิต สื่อสาร แต่คุณเข้าใจว่าคุณกำลังพูดกับใคร มันคือระบบ มันคือสัตว์เดรัจฉาน ตอนนี้เขาสั่งไก่ที่ดึงออกมาแล้ว แล้วคุณจะทำอย่างไร? ขอโทษนะไก่ ใช่เลย หากคุณสามารถช่วย - ช่วย ไม่ - เงียบไว้ดีกว่า มันเป็นทางเลือกของเธอ

ตาเตียนา: Igor Mikhailovich และเมื่อมีการเจรจาเกิดขึ้นในขณะที่จิตสำนึกทั้งสองคือบุคลิกภาพและบุคลิกภาพกำลังสื่อสารกันในระดับราคะมันตื่นขึ้นได้อย่างไร ..

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:รอ. บทสนทนาเมื่อจิตสำนึกทั้งสองสื่อสารกัน บุคลิกภาพและบุคลิกภาพ...

ตาเตียนา:จิตสำนึกเองสื่อสารแยกกัน

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ตอนนี้ ในขณะนี้ ขณะที่เรากำลังหาคำตอบอยู่ ใครเป็นคนสื่อสารกับเรา? สติสัมปชัญญะ จริงไหม? และทำไม? เพราะเราพยายามถอดความหรือเข้าใจวลีของคุณ ดี.

ตาเตียนา:ด้านเดียว.

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ฟัง เข้าใจ วิเคราะห์ แต่มีการรับรู้อีกอย่างหนึ่ง - เย้ายวน มันพูดถึงอย่างอื่น และเพียงแค่บทสนทนาภายในนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่วันนี้ไม่ได้แตะต้องการสนทนาของเราเลย แต่ไม่ thats จุด. หนึ่งไม่รบกวน อ้าวไม่ใช่เหรอ?

ดังนั้น. คุณจะบอกคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? และทำไมพวกเขาควร? นี่เป็นคำถามง่ายๆ: "ทำไมต้องบอกเด็กที่กำลังจะเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ว่านิวตริโนประกอบด้วยอะไร" ใช่ เป็นต้น ถ้าจนถึงตอนนี้หลายคนยังไม่ทราบว่าจริงๆ แล้ว นิวตริโนคืออะไร

และเราจะบอกว่ามันคืออะไรสำหรับเด็กที่จะไปชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งซึ่งขอโทษที่ไม่รู้จักตัวอักษรดี ดีทำไม? ถ้าเขาต้องการ เขาจะค้นหา เรียนรู้ ศึกษามัน

ตาเตียนา:หรือบุคลิกของเขาอาจจะตอบสนองเร็วขึ้น?

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ไม่ใช่บุคลิกภาพ สิ่งนี้จะสนใจการมีสติเป็นเวทมนตร์ เข้าใจ? ไม่มีอะไรน่าสนใจจะเกิดขึ้น และเวทมนตร์ก็ดึงดูด ฮีโร่บางตัว มหาอำนาจ

ใช่ ไม่มีมหาอำนาจและความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ทั้งหมดนี้เป็นเทพนิยาย สิ่งที่ออกมาด้านข้างเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้สำหรับสามมิตินี้เป็นที่ยอมรับในชีวิตอย่างแน่นอน หนึ่งไม่รบกวน

การพัฒนาตนเองและการพัฒนาจิตใจ - อะไรคือความแตกต่าง?

จีนน์:เกี่ยวกับการพัฒนาส่วนบุคคล เราได้สัมผัสกับปัญหาเหล่านี้แล้ว แต่สิ่งที่คน ๆ หนึ่งคิดว่าเขาพัฒนาบุคลิกภาพและทำมัน: เขาเรียนภาษา ศึกษาบางอย่างที่นั่น ทำ ...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:นี้ถูกต้อง ฉันจะพูดแบบนี้: มันวิเศษมาก ( จีนน์:ได้) หากบุคคลใดคิดว่าตนเองกำลังพัฒนาเป็นบุคลิกภาพ แนวความคิด บุคลิกภาพก็บิดเบือนไปตามความเข้าใจทั่วไป นี่คือองค์ประกอบของเทวทูต นั่นคือ บุคคลคือบุคลิกภาพ ส่วนประกอบของสัตว์คือจิตสำนึกในความตายของเขา นี่เป็นความเข้าใจที่เรียบง่ายชัดเจน: ขาวดำ ไม่มีอื่นที่สามสีเทา

แต่ในความเข้าใจของมนุษย์ทั่วไป เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมของจิตสำนึก บุคลิกภาพก็ถูกมองว่าเป็นจิตสำนึก - ซึ่ง ... นี่คือ "ฉัน" ผิวเผินที่บุคคลควรรับรู้ว่าเป็นตัวเอง จริงไหม? และโดยการพัฒนาตัวเองให้เป็นบุคลิกภาพ (หมายถึงการพัฒนาตัวเองเป็นชิวาวา) ฉันจะสามารถเติบโตขึ้นได้ สมมติว่าเป็นสัตว์ที่ใหญ่กว่า ไปจนถึงชาวปักกิ่ง เข้าใจไหม? เขาหนักกว่าสองสามปอนด์ นั่นคือ "การเรียนรู้ภาษา"

ความจริงที่ว่าจิตสำนึกเรียนรู้ภาษานั้นวิเศษมาก แต่สิ่งต่าง ๆ ควรจะแตกต่างกันเล็กน้อย หากคุณต้องการเรียนภาษาจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส ไม่เป็นไร มีอีกภาษาหนึ่ง คุณก็ทำได้ง่ายมาก

คุณเป็นบุคลิกภาพ ให้คำสั่ง และมันทำให้สำเร็จ เมื่อเขาเริ่มคร่ำครวญและไม่ทำอะไรเลย คุณหยุดให้อาหารเขา นั่นคือคุณลดความสนใจลง และมันเริ่มต้นด้วยความเอร็ดอร่อย เช่นเดียวกับแมวที่หิวโหยเริ่มกินหัวหอม ใช่แล้ว นั่นคือวิธีที่มันเริ่มเรียนภาษาจีน

ทุกอย่างง่ายมาก ทำไม เพราะมันจำเป็นสำหรับการทำงาน ถ้าจำเป็นก็ให้เขาสอน ไม่ควรเดินอย่างอิสระ มีสติสัมปชัญญะ ควรทำในสิ่งที่จำเป็น

บางคนอาจพูดว่า: “แล้วกระบวนการสร้างสรรค์ล่ะ?” เยี่ยมมากเยี่ยมมาก ในทำนองเดียวกันศิลปะใด ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอุบายเหล่านี้ เราก็คงไม่รู้เรื่อง Bartini, Tesla ฉันสามารถแสดงรายการเป็นเวลานานมาก เหล่านี้คือคนที่มีทักษะเบื้องต้น

อีกอย่าง สองคนนั้น (เราเคยพูดถึงพวกเขา) พวกเขาได้รับการฝึกฝนในสถาบันเดียวกันเกือบโดยใช้เทคนิคเดียวกันในวัยเด็ก หากพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ว่า... แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเลือกวัสดุ ไม่ใช่จิตวิญญาณ แต่ถ้าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็จะไม่เป็นอะไร

และที่จริงแล้ว พวกมันเคลื่อนที่โดยทั่วไป วิวัฒนาการเร็วมาก ในทางปฏิวัติ สมมุติว่า ( จีนน์:ใช่). แต่จะดีกว่าถ้าพวกเขาเข้มแข็งทางวิญญาณ

จีนน์:มีการพัฒนาทางจิตวิญญาณ

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แน่นอน.

จีนน์:มันมีค่ามากกว่านั้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นนิรันดร์

อิกอร์ มิคาอิโลวิช: … กว่าในเชิงเทคนิค

จีนน์:การได้มาซึ่งชีวิตเดียวกัน

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:นี่เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่พูดว่า: "แล้วความคิดสร้างสรรค์ล่ะ" นี่คือวิธีการสร้างสรรค์ สติทำงานภายในกรอบที่ต้องการ แต่ไม่ควรกำหนดบุคลิกภาพของคุณว่าคุณควรมีประสบการณ์อะไรและควรทำอย่างไร และสิ่งที่คุณควรรับรู้และไม่ควรรับรู้ ใครที่จะถูกทำให้ขุ่นเคือง ใครที่ควรมองด้วยความสงสัย และอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน

วิธีการแสดงบุคลิกภาพเมื่อถูกสติสัมปชัญญะ

จีนน์:นี่คือคำถามเกี่ยวกับการกระทำและความเกียจคร้าน นั่นคือเมื่อจิตสำนึกโจมตีบุคลิกภาพและบุคลิกภาพในขณะนั้นก็เช่นเดิม ... บุคคลไม่เข้าใจว่าเขาเป็นบุคลิกภาพและเริ่มไม่ทำอะไรเลยในแง่ของการยอมรับการโจมตีครั้งนี้ยอมรับ สิ่งที่ถูกกำหนด

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แต่แล้วไม่มีการโจมตี ฉันเข้าใจว่าคนเหล่านี้เป็นคนที่ถามคำถาม คุณบอกพวกเขาอีกครั้ง แต่นี่คือที่ที่พวกเขาสับสน บุคคลที่ไม่รู้จักตัวเองว่าเป็นบุคลิกภาพไม่สามารถสัมผัสการโจมตีจากสัตว์ได้ ( จีนน์:ใช่). เข้าใจ?

จิตสำนึกเริ่มที่จะแบ่งแยก แยกแยะส่วนหนึ่งของกระบวนการคิดออกเป็นลักษณะเฉพาะ ในรูปแบบของ "ฉัน" เล็กๆ แบบหนึ่ง และเริ่มปกป้อง นี่คือเกมของศิลปินในใจคุณ คนหนึ่งสวมหน้ากากแห่งบุคลิกภาพ อีกคนสวมหน้ากากดุร้าย ( จีนน์:เหมือนนักแสดงที่แย่และดี) และพวกเขาก็เริ่มแสดงต่อหน้าคุณใช่ และเมื่อคุณดูกระบวนการนี้ คุณจะเข้าใจ

นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ สำหรับคนที่จะแยกแยะเกมนี้ได้อย่างไร คุณจะเห็นได้ว่าศิลปินสองคนกำลังเล่นอยู่ในหัวคุณ คุณเป็นเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องโถง - นี่คือบุคลิกของคุณ มันเป็นแค่จิตสำนึกในตัวคุณ มันถูกแบ่งออกอย่างง่ายดาย นั่นคือวิธีที่รูปภาพอยู่ในคอมพิวเตอร์ใช่ไหม? นั่นคือ มันสามารถแบ่งออกเป็นมากเท่าที่คุณต้องการ จิตสำนึก - มันถูกแบ่งออกเป็นอะไรก็ได้ และพูดง่าย ๆ ว่าวัฒนธรรม หลอกลวงคุณ

จีนน์:ใช่. มีคำถามอีกอย่างว่า แล้วฉันล่ะ ถ้าฉันเป็นบุคลิกภาพ ฉันควรตอบสนองอย่างไร?

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:เพื่ออะไร?

จีนน์:นั่นคือฉันควรทำอย่างไรเมื่อ ...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:ใช่เพื่อห้ามพล่าม ประการแรก เป็นบุคลิกภาพหรือเพื่อให้เข้าใจถึงบุคลิกภาพ ...

จีนน์: การกระทำของบุคลิกภาพนี้คืออะไร?

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:การกระทำของบุคลิกภาพอยู่ในขณะนี้เพื่อให้ความคิดเกี่ยวกับความสวยงามเกี่ยวกับความอัศจรรย์ , เกี่ยวกับความจริงที่ว่าเพื่อนบ้าน (และคุณมีดวงตาสีเข้ม) ก็ดวงตาสีเข้มนั้นสวยงาม เรามีอะไรอีกบ้าง? เหล่านี้เป็นชุดที่สวยงาม ดูสีอะไรสวย สีอะไร อันที่สองคืออะไร จริงไหม? นั่นเป็นสีที่สวยงามที่กลมกลืนกันจริงๆ

ที่นี่จะอิ่ม สนุกกับมัน สัมผัสได้ถึงความสุขและความรัก และนั่นแหล่ะ เห็นไหม เขาพูดว่า: อย่างทุกคน?» และนั่นแหล่ะ เข้าใจ?

จีนน์:แต่แล้วปุ๊บปั๊บ ปั๊บปั๊บ ปั๊บปั๊บ ปั๊บ!

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:แต่นี่เป็นคำถามจากจิตสำนึก: “แล้วพอดูได้ล่ะ?” และคุณปิดสิ่งนี้ และคุณจะเข้าใจว่ามันหยุดนิ่งได้อย่างไรและมันเริ่มกระดิกหางอย่างไร และปรากฎว่านี่ไม่ใช่บุคลิกภาพและปรากฎว่านี่ไม่ใช่จิตสำนึกและไม่ใช่คุณและคุณเป็นใคร ... แต่ถ้าคุณฟังหางนี้มันจะเริ่มควบคุมคุณ

ทุกอย่างเรียบง่าย คุณเพียงแค่หยุดอย่างหนักชัดเจน - และในตำแหน่งที่สวยงามมีความสุขและดี แต่คุณรู้ไหม ในเวลานี้ คุณต้องทำเช่นนี้ นั่นคือ ไปที่ร้าน และสร้างอาคารสองสามชั้นของอาคาร ถ้าคุณเป็นช่างก่อสร้าง เป็นต้น ฉันไปที่ร้าน สร้างตึกสองสามชั้น คุณชื่นชมความงามของหินก้อนเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ที่คุณวางอาคาร ทำไมจะไม่ล่ะ?

จีนน์:สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อครอบครัว เพื่อการอยู่อาศัยที่นั่น...

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:คุณมาที่ครอบครัวและชื่นชมยินดีในสิ่งที่คุณมีครอบครัว

จีนน์:ใช่ แต่มันไม่รบกวนฉัน

อิกอร์ มิคาอิโลวิช:…แม้ว่าพวกเขาจะเกลียดคุณ พวกเขาต้องการเอาชนะคุณ เป็นสัตว์ร้ายของพวกเขาที่ต้องการกัดคุณ และพวกเขาก็เหมือนคน พวกเขาประสบกับความทุกข์ เห็นได้ชัดว่าคุณไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ คุณไม่ควรบังคับให้พวกเขาเรียนรู้สิ่งที่คุณฝึกฝนใช่ไหม? คุณไม่ควร

นี่เป็นเสรีภาพในการเลือกและคุณไม่สามารถกำหนดของคุณเองได้ แต่คุณสามารถเข้าใจพวกเขา คุณสามารถเห็นอกเห็นใจพวกเขาด้วยการเลือกพฤติกรรมของคุณอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้ระคายเคืองกับสัตว์ตัวน้อยของพวกเขา ทำไมต้องแกล้งสุนัข? คุณจะกัดน้อยลง

สวัสดีผู้อ่านที่รัก ยินดีต้อนรับสู่ความเป็นจริงของโยคะ

ในโลกฝ่ายวิญญาณมีกฎที่ไม่ได้พูด - อีกครั้งที่จะไม่พูดถึงความยากลำบากระหว่างทาง ดังที่คุณทราบ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเกิดขึ้นได้จากผู้ที่มุ่งเน้นที่มืออาชีพและ

แต่อย่างที่โยคีผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งในโลกสมัยใหม่เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า

“เนื่องจากการที่พวกเขาไม่พูดถึงความยากลำบาก ผู้คนที่เผชิญกับพวกเขาจึงเชื่อว่ามีบางอย่างผิดปกติกับตัวพวกเขาเอง หรือพวกเขาเชื่อว่าเส้นทางนั้นไม่ดีและพวกเขาจำเป็นต้องมองหาเส้นทางอื่น”

ฉันเห็นด้วยกับเขาดังนั้นในบทความนี้ฉันจะพูดถึงหัวข้อนี้

เป็นไปได้ไหมที่จะเดินบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณโดยไม่มีปัญหา?

เป็นไปได้ไหมที่จะปีนภูเขาโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม? มุมมองด้านบนน่าทึ่งมาก! และยิ่งสูงยิ่งสวยคุณต้องไปถึงระดับนี้

โดยทั่วไป ฉันเห็นผู้คนหลายร้อยคนกำลังเดินตามเส้นทางจิตวิญญาณอย่างจริงจัง พวกเขามีช่วงอายุต่างกัน สัญชาติต่างกัน พวกเขาต่างกันทั้งหมด ... แต่ถ้าพวกเขาตั้งใจที่จะรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของพวกเขาอย่างจริงจัง พวกเขาก็ต้องพยายามเอาชนะให้ได้ ความยากลำบากที่เกิดขึ้น

ไม่เป็นที่น่าสงสัยเมื่อมีปัญหา แต่เป็นที่น่าสงสัยเมื่อบุคคลประกาศว่าเขาไม่ได้และไม่เคยมีปัญหาในเส้นทางฝ่ายวิญญาณ

โดยปกติแล้วจะพูดโดยคนที่เลื่อนลงมาอย่างใจเย็นและอาจไม่สงสัยด้วยซ้ำ

ความยากลำบากไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย แต่เป็นขั้นตอนของการเติบโตฝ่ายวิญญาณ เป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาเจตจำนงและแนวทาง

ผู้ที่มีทุกอย่างตามเจตจำนงและสัญชาตญาณไม่หยุดที่จะเผชิญกับความยากลำบากและการทดลอง แต่สำหรับพวกเขา ได้เจอคนแบบนี้ด้วย น่าชื่นชม

อะไรทำให้เกิดความยากลำบากบนเส้นทางจิตวิญญาณ?

ในความหมายระดับโลก ความยากลำบากเป็นส่วนหนึ่งของโลกของเรา เขาทำอย่างนั้น มีพลังที่ช่วยให้ผู้คนตระหนักถึงธรรมชาติที่สูงขึ้นและเข้าใกล้ความสุขอย่างแท้จริง และมีแรงที่ไม่ต้องการให้บุคคลใดตระหนักถึงศักยภาพอันไร้ขอบเขตของเขา ฉันเขียนเกี่ยวกับมันในบทความเกี่ยวกับ (พลังนี้เรียกว่าซาตาน) ในบทความนี้ฉันจะให้ข้อความที่ตัดตอนมาจากหนังสือ:

วันหนึ่ง พระอาจารย์ตรัสกับผู้ฟังว่า “ข้าพเจ้าเคยคิดว่าซาตานเป็นเพียงจินตนาการของผู้คน แต่ตอนนี้ ข้าพเจ้ารู้และยืนยันคำให้การของผู้ที่มีชีวิตอยู่ก่อนข้าพเจ้าว่าซาตานมีจริง เขาเป็นพลังแห่งจิตสำนึกทั่วโลกที่มีจุดประสงค์เพียงเพื่อผูกมัดทุกคนไว้กับกงล้อแห่งภาพลวงตา”

"นักบุญเป็นคนบาปที่ไม่เคยยอมแพ้"

หากในความหมายสากล มายา - ซาตาน - เป็นพลังสากล แล้วในแผนส่วนตัวของเรา มันทำหน้าที่ผ่านนิสัยและความโน้มเอียงของจิตใต้สำนึกของเราเอง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องพยายามสังเกต บัญญัติของโยคะและศาสนาคริสต์คือยาครอบจักรวาลสำหรับมายาซึ่งสร้างอุปสรรคต่อความสุข

วิธีเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดบนเส้นทางจิตวิญญาณของชีวิต

หากพลังที่สร้างความยากลำบากนั้นยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง และมายาที่ไม่ต้องการความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณของผู้คนนั้นยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก คุณไม่สามารถรับมือกับมันได้ด้วยตัวเอง (และคุณไม่จำเป็นต้องคิดว่ามัน คุณเป็นคนที่สามารถรับมือได้หรือไม่ ฉันมักจะมีสหายที่มั่นใจในตนเองเช่นนี้ที่ฉันพบ และพวกเขาจ่ายแพงสำหรับความหยิ่งยโสและความภาคภูมิใจของพวกเขา อย่างน้อยก็ด้วยความจริงที่ว่าความคิดและความภาคภูมิใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากแนวทางนี้เท่านั้น มีวิดีโอที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ หัวข้อ :). เป็นการดีกว่าที่จะปฏิบัติตามวิธีที่ผ่านการทดสอบมาอย่างดีคำแนะนำของข้อที่ห้าและครบถ้วน

และฉันจะพูดอีกครั้ง: “ความยากลำบากเป็นขั้นตอนที่เป็นไปได้บนบันไดแห่งการพัฒนาทางจิตวิญญาณ” สิ่งสำคัญคือการใช้พินัยกรรมและ

ในความเป็นจริง ชีวิตสร้างความยากลำบาก ผู้คนค่อยๆ เอาชนะพวกเขาอย่างเงียบๆ เพราะทุกคนที่นี่อยู่บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แม้แต่ผู้ที่ไม่ตระหนักถึงสิ่งนี้

ฉันจะจบบทความด้วยคำพูดของครูคริสเตียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 7, St. จอห์นแห่งบันได:

“ถ้ารู้ว่าความทุกข์รอพระสงฆ์ ก็ไม่มีใครไปวัด แต่ถ้ารู้ว่าความสุขรอพระสงฆ์ในอาณาจักรสวรรค์ ทุกคนก็จะไปวัดโดยไม่ลังเล”

อาณาจักรสวรรค์ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการตายของร่างกาย… มันอยู่ที่นี่แล้ว…. คุณเพียงแค่ต้องเรียนรู้วิธีเข้าไปที่นั่นและมีอยู่จริง ความพยายามใด ๆ ที่ทุ่มเทไปนั้นคุ้มค่า

นี่เป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากหนังสือเกี่ยวกับความยากลำบากในเส้นทางจิตวิญญาณ:

ความสุขสำหรับคุณผู้อ่านที่รักของฉันเขียนความคิดเห็นและพบคุณในความจริงของโยคะ

เส้นทางที่สั้นที่สุดนั้นยากที่สุด ทำไมคนไปโบสถ์? การปฏิบัติทางจิตวิญญาณคือการกระทำที่แท้จริง เวลามีอยู่ในโลกฝ่ายวิญญาณและมันทำงานอย่างไรที่นั่น? โลกฝ่ายวิญญาณคืออะไร? ทำไมไม่เปลี่ยนคน? คุณตอบได้ไหมว่าทำไมกิจกรรมทั้งหมดนี้? สามสถานะของสติ ความต้องการทางวัตถุและจิตวิญญาณ สิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับคนที่มีจิตวิญญาณ?

การบรรยายสำหรับผู้ปฏิบัติงาน จากหัวข้อ "ปรัชญา"ด้วยความยากลำบากในการรับรู้: 5

Duration: 01:13:17 | คุณภาพ: mp3 24kB/s 12 Mb | ฟังแล้ว: 1184 | ดาวน์โหลด: 965 | สิ่งที่ชอบ: 11

ไม่สามารถฟังและดาวน์โหลดเนื้อหานี้โดยไม่ได้รับอนุญาตบนไซต์ได้
หากต้องการฟังหรือดาวน์โหลดบันทึกนี้ โปรดเข้าสู่ระบบ
ใครยังไม่ได้ลงทะเบียน ทำเลย
เมื่อคุณเข้าสู่ไซต์ ผู้เล่นจะปรากฏขึ้น และรายการ " ดาวน์โหลด»

519 การเลือกปลายทางจะเป็นตัวกำหนดปลายทาง

เรากำลังไปสู่เป้าหมาย ดังนั้น เมื่อเป้าหมายของเราตรงกับเป้าหมายของโลกฝ่ายวิญญาณ เราก็เข้าสู่โลกฝ่ายวิญญาณ ถ้าเป้าหมายของเราสอดคล้องกับเป้าหมายของเรือนจำ เราก็ติดคุก นั่นคือเป้าหมายของเราเราไปที่นั่น ดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว เราปรับเป้าหมาย พัฒนา และเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดังนั้น ถ้าเป้าหมายของเราคือมาหาพระเจ้า เราก็มาหาพระเจ้า หากเป้าหมายของเราคือการเป็นพระเจ้าด้วยตัวเราเอง เรามาที่นี่ มายังโลกวัตถุ และที่นี่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน

ทางที่สั้นที่สุดนั้นยากที่สุด

00:00:00 ใครไปถึงไหนเป็นเรื่องของตัณหา ทุกคนไปในที่ที่ต้องการ จากที่ซื้อตั๋วเขาไปถึงที่นั่น แต่วิถีของปราชญ์จะแตกต่างกันเล็กน้อย มันไม่ใช่วิถีของเวลาของเรา นี่เป็นเส้นทางจากสมัยอื่น ๆ เมื่อปราชญ์ก้าวหน้าอย่างช้าๆ ไปไกลกว่านั้นกับดาวเคราะห์ของพวกเขา เส้นทางของพวกเขาเอง นั่นคือมาจากเวลาอื่น จากเวลาอื่น ไม่ใช่ทางของเรา ดังนั้นเส้นทางของเราจึงแตกต่างกันเล็กน้อย แม้แต่ฟิสิกส์สมัยใหม่ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ศึกษาอวกาศก็บอกว่าพื้นที่นั้นใหญ่เกินกว่าจะมีโอกาสเคลื่อนที่ไปรอบๆ ดังนั้นจึงต้องมีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ดังนั้นพวกเขาจึงหยิบยกปรากฏการณ์อุโมงค์ทุกประเภท อย่างอื่น นั่นคือ แนวคิดคือคุณสามารถย้ายจากจุดใดก็ได้ตามเส้นทางของคุณไปยังจุดถัดไปที่เราต้องการ แนวคิดนี้ถูกต้อง พวกเขาแค่พยายามแสดงออกในทางวัตถุบางอย่าง แต่ไม่น่าจะสำเร็จ แต่คนคิดไปถูกทาง อันที่จริง มันอาจจะดูยาวเกินไปถ้าเราจะพูด ค่อยๆ เคลื่อนไปในทางวัตถุเช่นนั้น พูดเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้น ใช่ มีความก้าวหน้าเหล่านี้ และเส้นทางยาวนี้เรียกว่า . เป็นทางยาว เป็นทางแห่งปัญญา ค่อยเป็นค่อยไป ยาวไป และทางด่วนคืออุโมงค์ข้าม - นี่คือเส้นทางที่เราพยายามศึกษา นั่นคือ มีจุดเปลี่ยน แน่นอนว่าไม่ว่าเราจะเลือกอะไรก็ตาม ความเร็วในการเคลื่อนที่อยู่ในมือของเรา

00:02:08 ขณะที่เรากำลังขับรถอยู่ เราไปถึงรถติด แค่นั้นเอง ฉันลงจากรถและขึ้นรถไฟใต้ดิน เพราะโดยรถยนต์ ฉันจะไปถึงทันเวลาของการบรรยาย หรือแม้กระทั่งหลังจากนั้น , อาจจะ. ดังนั้นฉันจึงออกไปที่รถไฟใต้ดินสายแรกอย่างสงบแล้วขับ นั่นคือผ่านอุโมงค์ใช่โดยทั่วไปตามความเป็นจริง มีที่นี่ มีทางเลือก มีทางเลือก ใช่ บางทีในรถจะสะดวกกว่า ไม่ต้องสงสัยเลย มันนุ่มกว่า สบายกว่า แต่ต้องเร็วกว่านี้ ดังนั้นฉันจึงออกไปอย่างสงบ แม้กระทั่งทะเลาะกับใครบางคนระหว่างทาง แต่มาถึงอย่างมีความสุขและร่าเริง นั่นคือสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในโยคะ นั่นคือมีทางยาวมี varnashrama วิธีการยาวเพื่อที่จะพูดทีละขั้นตอนมีอัษฎางคโยคะมีบางวิธีง่ายๆอย่างรวดเร็วดังนั้นโดยทั่วไปแล้วพวกเขามีความแตกต่างบางอย่าง เป็นเจ้าของ. มีผลข้างเคียงบางอย่างเนื่องจากความเร็วสูง จึงมีบางอย่างเกิดขึ้นตลอดทาง แต่ไม่ว่าในกรณีใด ทางเลือกเป็นของเรา เราเลือกตัวเลือกนี้และโดยทั่วไปแล้วเราจะต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ในภายหลังว่าจะจบลงอย่างไร คำถามเพิ่มเติม

00:03:24 [คำถาม]: " Patita Pavana บอกฉันทีว่าสิ่งเหล่านี้เป็นตัวแทนที่ดีและจริงใจของนิกายอื่น ๆ เราจะสมมติว่าพวกเขาพัฒนาต่อไปได้อย่างไร? เช่น คริสต์ มุสลิม»

00:03:36 [Ruzov V.O.]: คุณเห็นความแตกต่างตรงไหน? นั่นคือตอนนี้คุณกำลังพยายามแยกแยะระหว่างพวกเขา

00:03:39 [คำถาม]: " ไม่ ฉันแค่ต้องการรวมเข้าด้วยกัน แค่บทความต่าง ๆ และฉันจะไม่พูดว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะอธิบายไว้ในศาสนาคริสต์ จากมุมมองของทัศนะไวษณวะของเรากับคุณ]»

00:03:59 [Ruzov V.O.]: นั่นคือคุณเห็นความแตกต่างในความจริงที่ว่ามีบางสิ่งอธิบายและบางสิ่งไม่ได้อธิบาย

00:04:03 [คำถาม]: " ใช่ ฉันเห็นความแตกต่างว่าจากมุมมองของ [ไม่ได้ยิน] เส้นทางของ Vaishnava นั้นซับซ้อนกว่า มีกฎที่กำหนดไว้มากเกินไปเมื่อเทียบกับ ....»

00:04:12 [Ruzov V.O.]: ตัวอย่างเช่น มีการกำหนดอะไรมากกว่านี้?

00:04:14 [คำถาม]: " ตัวอย่างเช่น หลักการกำกับดูแล».

00:04:17 [Ruzov V.O.]: พวกเขาเหมือนกันทุกที่ อย่าโกหก. ทุกที่เหมือนกันหมด ใช่ มันยังคงเป็นประเพณีที่กรุณาที่สุด หลักการที่ง่ายที่สุด

00:04:30 [คำถาม]: " แล้วการฝึกสวดมนต์ล่ะ?»

00:04:33 [Ruzov V.O. ]: การสวดมนต์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสดงประเพณีทางจิตวิญญาณโดยไม่ต้องสวดมนต์

00:04:38 [คำถาม]: " คนใจดีมีเยอะแต่พัฒนาได้มาก ...»

ทำไมคนไปโบสถ์?

00:04:43 [Ruzov V.O.]: พวกเขาพัฒนาอย่างไร?

00:04:45 [คำถาม]: " พวกเขาพัฒนาไปโบสถ์สัปดาห์ละครั้งอย่างดีที่สุด».

00:04:47 [Ruzov V.O.]: นี่ไม่ใช่การฝึกฝนทางจิตวิญญาณ มันไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ ระบุไว้อย่างชัดเจนบนนิ้ว คุณเพิ่งพูดว่า - ฝึกสวดมนต์ ดังนั้น หากบุคคลหนึ่งทำการละหมาด เขาจะเติบโตฝ่ายวิญญาณ และถ้าเขามาที่โบสถ์และละทิ้งมันไปอย่างโง่เขลา การพัฒนาก็จะเป็นศูนย์ ลองนึกภาพว่าคนบนท้องถนนมาที่สถาบันทุกเช้าที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก ออกไปข้างนอก เขากลายเป็นนักวิชาการจากสิ่งนี้ใช่หรือไม่? แล้วก็ไปกินเบียร์กัน สิ่งนี้ทำให้เขาเป็นนักวิชาการหรือไม่? แน่นอนไม่ เราขึ้นรถไฟใต้ดิน ลงป้ายเดิม ไม่เข้าไปข้างใน คุณไปที่ไหนสักแห่งใช่ไหม เราไม่ได้ไป เพื่อให้บางสิ่งบางอย่างเริ่มต้นได้จริง จำเป็นต้องมีกระบวนการ บุคคลต้องทำอะไรบางอย่าง บุคคลจะต้องมาที่วัด ไปโบสถ์ เพื่อจะสอนวิธีปฏิบัติทางจิตวิญญาณอย่างถูกต้อง นั่นคือต้องมีเนื้อหาในกำแพงเหล่านี้ ต้องเป็นศาสตร์แห่งชีวิตฝ่ายวิญญาณ ถ้าไม่มีศาสตร์แห่งชีวิตฝ่ายวิญญาณก็ไม่ต่างจากโกดังหรือยุ้งฉาง ไม่ต่างกันเลย อะไรจะสวยปานนั้น ต้องมีวิทยาศาสตร์ ดังนั้นหากให้กระบวนการ และมักมีคำถามอยู่ในกระบวนการเสมอว่า กระบวนการคืออะไร? คนทำอะไร? เขาเรียนที่สถาบันนี้หรือเพิ่งไปซื้อบุหรี่มา? ทำไมเขาไปที่นั่น? เขาต้องการอะไร? คุณเข้าใจไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่ ถ้าไม่มีกระบวนการก็ไม่มีการพัฒนา ถ้ามีกระบวนการก็ย่อมมีการพัฒนา. ง่ายมาก.

00:06:21 [คำถาม]: " [ไม่ได้ยิน] พวกเขาจำได้ พวกเขาได้ทำขั้นตอนแรกไปแล้ว ในที่นี้กฤษณะได้กล่าวไว้ในข้อความหนึ่งว่า...»

00:06:26 [Ruzov V.O.]: พวกเขาเป็นใคร มาดูกัน

00:06:28 [คำถาม]: " เอาล่ะ อย่างน้อยก็เอา Marmons ละกัน พวกนี้คือพวกที่...».

00:06:32 [Ruzov V.O.]: อะไรคือความแตกต่าง เดี๋ยวก่อน กระบวนการของบุคคลนี้เป็นอย่างไร อะไรคือขั้นตอนแรก อะไรคือขั้นตอนแรกในการปฏิบัติทางจิตวิญญาณ?

00:06:40 [คำถาม]: " ศึกษาพระธรรมเทศนาที่มีอยู่».

00:06:42 [Ruzov V.O.]: แล้วไง? และความหมาย? นักศึกษาเข้าสถาบัน ห้องสมุด อ่านหนังสือ ศึกษา ทำให้เขาเป็นนักศึกษาสถาบันนี้หรือไม่? ไม่ เขาต้องไปวิทยาลัย เป็นนักเรียนและเริ่มสอบ มันจะต้องกลายเป็นประเพณี หากบุคคลใดไม่เข้าสู่ประเพณีและไม่ปฏิบัติทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง เขาเป็นเพียงผู้มาเยือน ไม่มีขั้นตอนใดๆ มันเหมือนกับดิสนีย์แลนด์ ผู้ชายไปที่นั่นไปที่นี่ คุณรู้ไหมว่ามีทัวร์เที่ยวชมวัดในมอสโก ชายคนหนึ่งไปทุกหนทุกแห่ง เยี่ยมชม 30 วัดในหนึ่งวัน ใส่เทียนทุกที่ ใส่ผ้าพันคอให้เขาทุกที่ ทุกที่ที่เขารู้สึกกลัว ทุกที่ ทุกย่างก้าวของเขาเป็นอย่างไร? ขั้นตอนศูนย์ ไม่มีอะไรทำ ทำไม? เขาอยู่ทุกที่แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ผลกระทบนี้สามารถติดตามได้ทุกที่ ไม่ว่าประเพณีนี้จะมีชื่อว่าอะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่สำคัญ - ไม่ว่าบุคคลนั้นจะปฏิบัติทางจิตวิญญาณจริงหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่เรียกว่าไม่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในประเพณีใดสถานการณ์ก็เหมือนกัน บางคนปฏิบัติทางจิตวิญญาณ ในขณะที่คนอื่นๆ มองทุกอย่างเหมือนละครสัตว์

การปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติจริง

00:08:02 [คำถาม]: " ในแง่เปอร์เซ็นต์ไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเขาติดตามอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง?»

00:08:05 [Ruzov V.O.]: ไม่ ฉันบอกได้คำเดียว ในประเพณีใด ๆ หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของคนที่อยู่ในนั้นปฏิบัติตามการปฏิบัติทางจิตวิญญาณลองนึกภาพว่าหน้าบ้านของคุณคือมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก และตอนนี้คุณกำลังดูมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโกแห่งนี้ เปอร์เซ็นต์การศึกษาของคุณในสถาบันนี้คืออะไร? ที่นี่ผู้คนอาศัยอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก ตรงหน้าต่างไปทางนั้น พวกเขาเดินผ่านมา ดูซิ การเรียนของพวกเขาคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ศูนย์. จนกระทั่งบุคคลนั้นเริ่มลงมือจริงๆ ดูสิ คุณมาที่ร้าน คุณไปดูสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด สิ่งของเหล่านี้อยู่ในบ้านของคุณกี่เปอร์เซ็นต์? ไม่มี เข้าใจไหม ดังนั้น จนกว่าคุณจะทำอย่างน้อยหนึ่งขั้นตอนจริงๆ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงเรียกว่าโยคะ โยคะเป็นเรื่องของการกระทำจริง ก้าวไปสู่เมื่อเราต้องทำบางสิ่งที่เป็นจริง นั่นคือเราต้องเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบางอย่าง เราต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้จริงๆ ต้องมีการกระทำ กิจกรรม คุณต้องลงมือทำ

00:09:21 เช่น เขาปรากฏตัวในสนามรบ เขามีความคิดว่าอาจมีวิธีอื่น: “ไปกันเถอะ ฉันจะนั่งเงียบๆ และดูสิ่งทั้งหมด ข้าจะดูให้ถ้วนทั่ว” แต่สิ่งที่เขาบอก? “ไม่มีอะไรจะทำงาน คุณต้องอยู่ในกระบวนการ ไม่เช่นนั้นคุณจะโทษตัวเองไปตลอดชีวิตที่คุณพลาดช่วงเวลานี้ไป มันก็เหมือนกันกับชีวิต บุคคลมีชีวิตราวกับว่าเขามีกล้อง Kuntz เขาเดินไปรอบ ๆ และรู้สึกประหลาดใจ: "โอ้เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ปรัชญาเช่นนั้น ทฤษฎีเช่นนั้น การปฏิบัติเช่นนั้น” เขาเดินแต่ไม่ทำอะไรเลย หน้าตา สงสัย วิจารณ์ เถียง คิด แต่ไม่ทำอะไร นั่นคือจนกว่าคนจะเริ่มทำอะไรก็ไร้ประโยชน์ก็จะไม่มีกระบวนการ นั่นคือ คนต้องตัดสินใจและเริ่มต้น.

00:10:16 แม่รบกวนฉันตลอดทั้งปี: “ฉันควรเริ่มซ่อมแซมหรือไม่” และฉันพูดว่า: "ทุกอย่างจะเริ่มต้นมันจะเป็นฝันร้าย" จากนั้นทุกอย่างก็เรียก: “มันได้เริ่มขึ้นแล้ว ฝันร้าย” แต่กระบวนการได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! ก็เป็นคนเหมือนกัน เขาเดินและมอง: “ใช่ ฉันจะเริ่ม มันจะเป็นฝันร้าย!” ทั้งหมดเรียกว่า Theosophy นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังพูดถึง การผจญภัยที่สวยงามเหล่านี้มีบางอย่าง เช่น การอ่านหนังสือ การใช้เหตุผล นี้เป็นเทววิทยา นี่ไม่ใช่เทววิทยา นั่นคือ นี่เป็นข้อโต้แย้งที่สวยงาม นี่เป็นการล้อเลียนอย่างแท้จริง ยกโทษให้ฉันด้วยบรรดานักปรัชญา นั่นคือไม่มีขั้นตอน รู้ไหม มันเหมือนกับชมรมสถาปนิกที่ไม่ได้สร้างยุ้งฉางด้วยซ้ำ พวกเขารู้จักสถาปัตยกรรมดีจนไม่เคยมีโรงเก็บของเลย รู้ไหม? คุณต้องวาดโครงการใหม่ วาด เข้าใจไหม? แต่ไม่มีเวลาพอที่จะสร้าง

00:11:24 ดังนั้น ปัญหามักอยู่ที่คนมีทฤษฎีมากเกินไปและเขาไม่มีการปฏิบัติเพียงพอหรือการปฏิบัติของเขาเป็นที่ว่างเปล่าดังนั้นไม่มีฐานอย่างน้อยในสิ่งที่สมเหตุสมผลที่เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้ประโยชน์ถอยหลังสองก้าวนั่นคือเขา เป็นเวลาทำเครื่องหมาย ,ที่เราคุยกันเมื่อวาน นั่นเป็นเหตุผลที่ เมื่อได้รับความรู้พอสมควรแล้ว บุคคลควรประยุกต์ใช้ทันที. ดังนั้น กฎหมายจึงง่ายมาก: เรียนรู้ - ประยุกต์ใช้ ถ้าเขารู้แล้วไม่สมัครก็จะมีปัญหา - ความภาคภูมิใจจะมา ปฏิกิริยาตอบสนองที่นั่น ดังนั้นสิ่งที่เราศึกษาคือความรู้เชิงปฏิบัติ นั่นคือจำเป็นต้องมีขั้นตอนจริง นั่นคือตามที่เรียกว่ามีคนมาที่สถาบันขั้นตอนที่แท้จริง - งานจะปรากฏขึ้นทันที ฉันต้องเรียนรู้สิ่งนี้ ฉันต้องเรียนรู้สิ่งนี้ ฉันต้องเรียนรู้สิ่งนี้ ฉันต้องผ่านการสอบเหล่านี้ พรุ่งนี้มีการทดสอบ ถ้าคนมาเอง เขาถอดหมวก ก้มตัว ทิ้งไป ไม่มีเหตุผล เพราะอะไร? ไม่มีการบ้าน! เข้าฟรี. ใช่มันน่าสนใจใช่มันสนุก แต่จะไม่มีประกาศนียบัตรนั่นคือขั้นตอนที่จำเป็น มองรถเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ต้องขึ้นรถ จ่ายค่าโดยสาร ขับไปเรื่อยๆ

00:12:51 สิ่งนี้ทันสมัย ​​กล่าวคือ คนนั่งสมาธิ เขาต้องการ เช่น ทำงานเพื่อเงิน และเขาปูพรมหน้าป้ายรถเมล์ นั่งสมาธิบนรถบัส ขณะเขาขี่ไปทำงาน ในนั้น. เขาจะได้รับ ? จะไม่รับ. นี่คือการทำสมาธิสมัยใหม่ นั่นคือจำเป็นต้องมีขั้นตอนจริง การทำสมาธิสมัยใหม่จึงเป็นการทำสมาธิที่แตกต่างกันเล็กน้อย นี้เป็นพระธรรมเทศนา

00:14:08 โดยทั่วไป นี่คือหลักการ เวลาเปลี่ยนการตระหนักรู้ของเราเป็นความเร็วใหม่ในการรับรู้ของโลก ดังนั้น ตามที่คุณสังเกตเห็น ในพื้นที่ต่างๆ ในระดับต่างๆ ของจักรวาล มีความเร็วชีวิตแตกต่างกันเล็กน้อย แตกต่างกันเล็กน้อย แม้แต่ที่นี่ เราก็สามารถเห็นได้ว่าเวลาทำงานอย่างไรด้วยวิธีที่น่าสนใจ เมื่อเรามีความสุข เวลาจะโบยบินอย่างไร? เร็วมาก. เมื่อเราทุกข์ เวลาผ่านไปอย่างไร ? ยาวมาก ลากต่อไป แม้ว่าถ้าเราจะพูดกันโดยใช้เครื่องวัดความเที่ยงตรงแบบใดแบบหนึ่งเราก็ได้เวลาเดียวกัน ห้านาทีที่คุณมีความสุขและห้านาทีที่คุณเป็นทุกข์ ความรู้สึกนั้นแตกต่างออกไป ดังนั้นขึ้นอยู่กับระดับของความทุกข์ เวลาดังกล่าวมีไว้เพื่อให้จิตสำนึกของเราอยู่ในสภาวะที่เพียงพอ ดังนั้น ตัวอย่างเช่น ตีหนึ่ง อาจไม่คงอยู่นานหลายพันล้านปี อาจอยู่นานหลายวินาที แต่รู้สึกเหมือนหลายพันล้านปี

00:15:43 แต่มันถูกสงวนไว้ ไม่ถูกทำลาย ลองนึกภาพว่าจริง ๆ แล้วคุณตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายเป็นเวลาหลายพันล้านปี ไม่มีอะไรจะคงอยู่ด้วยสติสัมปชัญญะ มันจะถูกทำลาย คุณสามารถไปที่โลกในฐานะโรงพยาบาลจิตเวชได้ทันทีไม่มีความรู้สึก ดังนั้น ความทุกข์จึงมา แต่เวลาจะกำหนด เพื่อรักษาโอกาสในการพัฒนานี้ไว้ ดังนั้น เวลาจึงเป็นปัจจัยควบคุม เช่น หัวฉีด แดมเปอร์ มันควบคุมสถานการณ์เพื่อให้เรารักษาความเป็นไปได้ของทางเลือกในตัวเรา เพื่อให้จิตสำนึกทำงานต่อไป โดยเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับ ขั้นตอนต่อไป ดังนั้น อันที่จริง นี่เป็นปรากฏการณ์ที่หมดสติ มันยากมากที่จะตระหนักถึงสิ่งนี้

00:16:37 พลังงานทางจิตวิญญาณ ซึ่งได้มาซึ่งตัวแปรพิเศษนี้ที่นี่ กลายเป็นเวลา และมีลักษณะชั่วคราวเช่นนั้น เวลามีลักษณะชั่วคราว ฟังดูเหมือนแม้ว่าจะพูดซ้ำซากก็ตาม มันอยู่ที่นี่อย่างแม่นยำสำหรับสถานที่แห่งนี้มันถูกสร้างขึ้นกลไกท้องถิ่นเช่นนี้ควบคุมตามกฎหมายจิตวิญญาณพิเศษเพื่อให้จิตสำนึกของเราอยู่ในจังหวะที่ใช้งานในช่องที่ใช้งานมากหรือน้อย ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะเข้าใจปรากฏการณ์นี้ สิ่งเดียวที่เราสามารถรู้ได้ก็คือความเร็วของการไหลของความเป็นจริงนั้นแสดงออกแตกต่างกันไปตามสถานที่ต่างๆ บนโลกของเรา ความเร็วของชีวิตแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้แต่เมืองก็เปลี่ยนไปและเวลาก็หมุนเวียนต่างกันไป ปีในเมืองหนึ่งแตกต่างจากปีอื่น คุณรู้ไหม มีสถานที่ในสองปี เมื่อก่อนเป็นอย่างนี้ มีที่ทางเหนือ เพราะหนาวจริง ๆ ไม่มีอะไรเลย และคน ๆ หนึ่งประสบความทุกข์มากมาย ยุง ยุง ทั้งหมดนี้มี ไม่มีอาหาร ไม่มีอะไร ซึ่งเป็นปีจริงๆ หรือ สอง นั่นคือ ความเป็นจริงอย่างแท้จริง

เวลามีอยู่ในโลกฝ่ายวิญญาณและมันทำงานอย่างไรที่นั่น?

00:18:08 [คำถาม]: " ในโลกแห่งวัตถุ เวลาเป็นเส้นตรง แต่ฉันได้ยินมาว่ามีบางเวลาที่ไม่เป็นเส้นตรง มันเป็นแนวตั้ง ฉันไม่รู้ว่ามันถูกต้องอย่างไร มีเวลาในโลกวิญญาณหรือไม่?»

00:18:25 [Ruzov V.O.]: ใช่ แต่อย่างที่ฉันพูด มันมีลักษณะที่แตกต่างออกไป หากเราลองคิดตามหัวข้อนี้คงจะยากอย่างแน่นอน ที่นี่เรามีฤดูใบไม้ผลิหลังฤดูหนาว ฤดูร้อนหลังฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วงหลังฤดูร้อน และมีทั้งหมดในเวลาเดียวกัน นั่นคือ ในที่อื่น มีเวลาที่แตกต่างกัน ใช่ ลองนึกภาพคุณมีสี่ผลลัพธ์จากไลบรารีนี้ ถ้าคุณออกไปทางซ้าย มีฤดูหนาว ออกไปทางขวา มีฤดูใบไม้ผลิ กลับไป มีฤดูร้อน ถ้าคุณไปข้างหน้า - ฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน ที่ไหนที่คุณชอบ อย่าพยายามคิดมากเกี่ยวกับมัน แต่นั่นเป็นเพียงวิธีที่มันเป็น

00:19:09 นั่นคือ มีทางเลือก ที่นี่เราไม่สามารถเลือกเวลา ที่นั่นเราสามารถเลือกมันได้ ดังนั้นจึงมีลักษณะที่แตกต่างออกไป และทำให้ชีวิตน่าสนใจเพราะทางเลือกเพิ่มขึ้นทันทีตามลำดับความสำคัญ ที่นี่ทางเลือกง่าย ๆ คุณสามารถหยุดและหยุดไม่ได้ คุณสามารถชื่นชมยินดีที่ฤดูหนาวมาถึงคุณสามารถอารมณ์เสียได้ โดยหลักการแล้วคุณสามารถเลือกได้แม้กระทั่งที่นี่ ตอนนี้ ภรรยาของฉันขึ้นเครื่องบินแล้ว และในหกชั่วโมงเธอจะมีความร้อน 30 องศา ตามหลักการแล้ว มีทางเลือก มีทางเลือกบางอย่าง แต่ทางเลือกที่ค่อนข้างเศร้า นั่นคือ ทางเลือกที่แพงมาก ยาก โดยทั่วไปแล้วไม่ง่ายนัก ตอนนี้เราไม่สามารถเลือกตัวเลือกนี้ได้ครั้งเดียว ดังนั้นจึงมีทางเลือกหนึ่ง แต่ทางเลือกที่ยาก นั่นคือ บางสิ่งบางอย่างต้องเสียสละ นั่นคือทางเลือกนี้แทบจะไม่คุ้มกับความแตกต่างนี้เลย

00:20:09 ดังนั้น โดยทั่วไป ระดับบนโลกใบนี้ต่ำมาก เพราะไม่มีทางเลือก เราเลือกไม่ได้ว่าเรามีความเจริญแบบไหน รู้ไหม? ตัวอย่างเช่น พลังงานแห่งความเจริญรุ่งเรืองเดียวกัน มันยังให้ทางเลือกใน คุณสามารถเลือกระดับของสิ่งที่คุณต้องการ ระดับของความเจริญรุ่งเรืองใด ๆ ถ้าคุณต้องการเลือกด้วยตัวเอง เช่น โซฟาสีทอง ถ้าคุณต้องการโซฟาไม้ ทางเลือกเป็นของคุณ นั่นคือคุณไม่จำเป็นต้องทำงานหนักหรือทำงานหนักเพื่อสิ่งนี้ คุณเพียงแค่เลือกระดับความเจริญรุ่งเรืองของคุณ โดยหลักการแล้วคุณสามารถเลือกรูปร่างของร่างกายคุณสามารถเลือกผู้ชายหรือคุณสามารถเลือกผู้หญิงคุณมีทางเลือกนี้ ไม่พูดมากก็ปวดหัวเหมือนกัน หลักธรรมคุณเลือกได้ ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ฉันจะบอกว่าแย่ยิ่งกว่านี้อีก คุณสามารถอยู่ในร่างกายทั้งสองในเวลาเดียวกันได้หากต้องการ คุณยังจะได้รับอนุญาตดังกล่าว อย่าแม้แต่พยายามคิด มันเป็นแค่หลักการ รู้ไหม? นั่นคือ ทางเลือกเป็นสากล แม้แต่การพูดถึงมันก็ไร้ประโยชน์ อย่าแม้แต่จะถามฉัน เราสามารถอธิบายมันได้ ดังนั้นฉันแค่อธิบายมัน หลักการเอง นั่นคือทางเลือกสูงสุด

00:21:25 เป็นอย่างไรเมื่อคุณมีทางเลือกที่ดี เมื่อคุณสามารถเลือกเป้าหมายที่แท้จริงได้ ที่นี่เรามีเป้าหมายได้มากเท่าที่คุณต้องการ แต่ไม่มีทางเลือก เราก็มีเป้าหมายที่ดี แต่ทางเลือกไหนล่ะ? เรามีสิ่งที่ดีมากมายที่ต้องทำ และมีความเป็นไปได้อย่างไร? เราสามารถเลือกอะไรได้บ้าง? เราเลือกอะไรได้บ้าง? เราไม่สามารถเลือกอะไรได้เลยใช่ไหม ตอนนี้เราสามารถเดินในทางเดินแคบๆ ของเราเองได้ และเศร้า รู้ไหม ทางเดินที่เป็นกระจก ตอนนี้พวกเขาสร้างสวนน้ำ นั่นคือ คุณเดินและมีความสงบสุข และนี่คือผู้ชายคนเดียวกันที่นี่ในตัวเขาเอง กรรมที่นี่เป็นเช่นทางเดินกระจก เราไปกัน หลายๆ อย่าง ฉันต้องการสิ่งนี้ ฉันต้องการมัน ทุกอย่างลอยไปมา แต่คุณแทบจะมองไม่เห็น แต่คุณไม่สามารถรับมันได้ ถ้าคนยังพยายามจะบุกเข้าไป นั่นคือ ขโมย เอาไป แล้วเจาะช่องนี้ แล้วถูกกระแสน้ำพัดปลิวไป เขาก็ไปอยู่ในคุกที่ไหนสักแห่ง เขาก็แค่ถูกกระแสน้ำพัดปลิวไป เราอยู่ที่นี่ทุกอย่างมองเห็นได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันไม่มีทางเลือก

โลกฝ่ายวิญญาณคืออะไร?

00:22:33 นี่คือความแตกต่างจากโลกฝ่ายวิญญาณ โลกแห่งวิญญาณ - คุณเห็นแล้วใช้มัน แต่เพื่อให้ได้โอกาสดังกล่าว เป้าหมายจะต้องสมบูรณ์แบบ ทำไมเราไม่มีทางเลือกแบบนี้ เพราะเป้าหมายของเราไม่สมบูรณ์ เป้าหมายของเราน่าสงสัย เราทุกคนล้วนเป็นผู้ก่อการร้าย ดังนั้นเราจึงไม่ได้รับโอกาสเหล่านี้ เพราะเรามีประเพณีที่ทำลายทุกสิ่งเล็กน้อย ประเพณีที่พิสูจน์แล้ว รู้ไหม? ตั้งแต่วัยเด็กเราฉีกขาดทำลายและทำลายทุกสิ่งเล็กน้อย ดังนั้น ทันทีที่จิตสำนึกของเราแข็งแกร่งขึ้น ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงอันน่ายินดีสู่ความเป็นจริงทางจิตวิญญาณก็เกิดขึ้น คุณจะเข้าใจว่าทางเลือกที่แท้จริงคืออะไร มีเอฟเฟกต์ดังกล่าวซึ่งเป็นเอฟเฟกต์ที่น่าสนใจมากพวกเขาพยายามถ่ายทำภาพยนตร์ทุกประเภทในหัวข้อนี้ เช่น "ความฝันไปถึงไหน" และอื่นๆ นั่นคือมีการแสดงความเป็นจริงบนมือถือดังกล่าว แต่ความฝัน...ทางนั้นเป็นอย่างไร? ดังนั้นเส้นทางจึงเศร้ามาก ทางนี้เป็นทางของคนใจดีอย่างที่เราพูดไป แต่นี่ไม่ใช่หนทาง คนดียังคงอยู่ในความเป็นจริงนี้ เขาทำได้แค่ทำให้ทางเดินกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่มีทางเลือกใหญ่โต . ทางที่กว้างกว่า ยังเป็นอุโมงค์ ยังไม่มีประโยชน์ อุโมงค์ที่น่าสนใจกว่า

00:24:05 นั่นเป็นสาเหตุที่เรียกคำนี้ว่า การปลดปล่อยจากพื้นที่ปิดเหล่านี้ที่เรามีอยู่ที่นี่ บุคคลใดมองดูทั้งหมดนี้ แม้ในโลกนี้ มันถูกปิด มันไม่ง่ายเลยที่จะหนีจากมัน นี่คือแรงดึงดูด มันไม่ยอมให้เราหนีไป เราดู เราเห็นดาวเคราะห์หลายพันล้านดวง และเราเข้าใจว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีบางอย่างอยู่ในนั้น แต่เราไม่สามารถออกไปได้ แม้ว่าเราจะแตกออก เราก็จะไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จักรวาลถูกจัดวางอย่างน่าสนใจ ไม่ให้โอกาสในการตระหนักถึงความเป็นจริง และลองนึกภาพว่า ณ จุดหนึ่ง นี่คือลูกบอลของจักรวาลที่มีลักษณะเป็นกระจก ลองนึกภาพว่าเรารับรู้ทั้งหมดนี้อย่างไร นั่นคือเราเห็นความเป็นจริงที่ไม่สิ้นสุดเหล่านี้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ และนักวิทยาศาสตร์ก็เดาด้วยว่า พวกเขายังเข้าใจด้วยว่ามีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา เรารู้สึกอย่างไร ณ ที่ใดที่หนึ่งที่นี่ จนถึงระดับของคลาวด์ ตรวจสอบอย่างใดวิธีหนึ่ง แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น มันไม่ชัดเจนอีกต่อไปว่ามันทำงานอย่างไร มันทำงานอย่างไร เพราะอันที่จริงเราอยู่ในขวดนี้ แค่ในขวด ในพื้นที่ปิดนี้ ซึ่งปิดอยู่และไม่ให้โอกาสเราหนี แต่มันสร้างเสรีภาพบางอย่างขึ้นมา อันที่จริงไม่มี ดังนั้นการเปรียบเทียบที่เศร้าที่สุดสำหรับเราคือการเปรียบเทียบกับคุก

ทำไมไม่เปลี่ยนคน?

00:25:42 [คำถาม]: " Vyacheslav Olegovich นี่เป็นคำถามเช่นนี้ ยังไงก็ตามตั้งแต่วัยเด็กมีความเข้าใจตั้งแต่แรกเริ่มว่าพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียว เมื่อฉันแต่งงาน สามีของฉัน เขาเป็นคริสเตียน เขาเกลี้ยกล่อมให้ฉันยอมรับศาสนาคริสต์ ศาสนา เขามีความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์บางอย่างกับพระเจ้าโดยตรง ศาสนาบางประเภทต้องได้รับการยอมรับ ตอนนี้เขาเป็นคริสเตียนด้วย แต่เมื่อฉันเริ่มศึกษาปรัชญานี้ และเรามีความเข้าใจผิดบางอย่าง เพราะเขาฟังการบรรยายด้วย และโดยหลักการแล้ว เขาชอบมันด้วย แต่เมื่อเป็นข้อกำหนดที่เข้มงวดสำหรับฉัน , แต่ข้อกำหนดที่เข้มงวดมากปรากฏขึ้น แต่เมื่อพูดถึงการกระทำบางอย่างของเขาแล้วอีกครั้งเช่นเดียวกับในศาสนาคริสต์นั่นคือพวกเขานับแปดในสิบฉันพูดคุยกับคนโดยเฉพาะพวกเขาเชื่อว่าการถือศีลอดบางอย่างกลับใจ สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับพวกเขา การมีส่วนร่วม และทุกสิ่ง และโดยหลักการแล้ว คุณสะอาด นั่นคือกลุ่มคริสเตียนออร์โธดอกซ์ส่วนใหญ่เชื่อว่า .... คำถามคือจะหาจุดร่วมได้อย่างไร?»

00:27:22 [Ruzov V.O.]: หากต้องการค้นหาสิ่งที่เหมือนกัน ทั้งคนหนึ่งและอีกคนหนึ่งต้องมีความคิดกว้างๆ ตราบใดที่ไม่มีการคิดแบบกว้างๆ คุณจะไม่พบสิ่งที่เหมือนกัน ดังนั้นเราไม่ควรอภิปรายเชิงปรัชญาในหัวข้อนี้เลย เพราะเราไม่มีความคิดแบบกว้างๆ ภาคทั่วไปควรเป็นอย่างนี้ เข้าใจไหม? ที่นี่เรามีวงกลมแห่งโลกทัศน์ และเขามีวงกลมแห่งโลกทัศน์ และเราก็สามารถตัดกันได้ บางพื้นที่ทับซ้อนกัน และเราสามารถหามันได้ในบริเวณนี้และพูดถึงมัน ดังนั้นคุณต้องพยายามหาพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนสนใจ แต่มันอาจจะไม่ใช่บริเวณนี้ก็ได้ รู้ไหม? ตัวอย่างเช่น นักปั่นจักรยานและนักเคมี พวกเขาอาจมีพื้นที่ส่วนกลาง - องค์ประกอบของยางรถจักรยาน แต่ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างที่เหมือนกันและไม่จำเป็นต้องมี

00:28:22 นั่นคือ ครอบครัวไม่ใช่แพลตฟอร์มทั่วไปสำหรับชีวิต. ไม่ใช่ว่าสามีและภรรยามีความคิดร่วมกันโดยสิ้นเชิง มีปรัชญาร่วมกันอย่างแท้จริง สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในธรรมชาติโดยทั่วไป ปัญหาคือเราเริ่มกังวลเรื่องนี้มากรู้ไหม? ตัวอย่างเช่น สามีชอบ Borscht แต่เธอชอบมัน ฉันไม่รู้ ซุปกะหล่ำปลีหรืออย่างอื่น เข้าใจไหม? แต่สามีภรรยากังวลเรื่องนี้มากไหม? ไม่ต้องกังวล. แต่เมื่อพูดถึงเทววิทยา มีความโกลาหลมากมาย ประเด็นคืออะไร? คุณเห็นไหมว่าไม่มีสหายสำหรับรสชาติและสี จะหาสิ่งที่เหมือนกันระหว่าง Borscht กับซุปกะหล่ำปลีได้อย่างไร? นั่นคือจะทำอย่างไร? ซุปถั่ว? จะหาได้อย่างไร? มองหามันทำไม? ให้เขากินบอร์ชท์ คุณจะได้ซุปกะหล่ำปลี นั่นคือ ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลยที่มีแนวคิดร่วมกันในครอบครัวอย่างแน่นอน,ไม่มีสิ่งนั้น ย่อมไม่มีในธรรมชาติ, พวกเราแตกต่าง. ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เราเริ่มให้ความสนใจกับช่วงเวลานี้ ควรมีโลกทัศน์ทางปรัชญาที่เหมือนกันทุกประการ ใช่ สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น มันไม่ได้เกิดขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องโฟกัสกับมัน ใครสน? ตามที่เขาต้องการก็เลยคิดว่า มีปัญหาอะไร เข้าใจไหม? ทำไมต้องมีเหมือนกัน นั่นคือ ไม่ควรมี ทุกอย่างควรจะแตกต่างกัน!

00:29:55 แม้จะอยู่ภายใต้กรอบของประเพณีหนึ่งอย่างแท้จริง คนสองคนยังคงมีโลกทัศน์ที่ต่างกัน เพราะชายคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งจะมีโลกทัศน์ที่ต่างกันเล็กน้อย นอกจากนี้ ฉันจะบอกคุณอย่างมืออาชีพในตอนนี้ - ภายในกรอบของประเพณีหนึ่ง ผู้คนสาบานในหัวข้อเชิงปรัชญามากกว่าในประเพณีที่แตกต่างกัน ดังนั้น จงชื่นชมยินดี คุณมีประเพณีที่แตกต่างกัน คุณจะสาบานน้อยลง คนหนึ่งคิดว่าถ้ามีประเพณีหนึ่ง เราก็จะขัดแย้งกันน้อยลง เราจะสู้มากขึ้น เข้าใจไหม? ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติของชีวิตที่สงบสุขมีความแตกต่างขอบคุณพระเจ้าที่น่าสนใจมาก เหมือนสามีชอบฮอกกี้ ภรรยาชอบละครทีวี มีปัญหาอะไร? ดี ซื้อทีวีสองเครื่อง ไม่มีปัญหา. และจะทำอย่างไรตอนนี้ ทำอย่างไรให้สามีรักละครโทรทัศน์ และทำให้ภรรยาของเขารักฮ็อกกี้ และทำไม? ไม่จำเป็น. วิธีหาทั่วไปเหมือนในรูป แต่ทั้งคู่จะไม่มีความสุข

00:31:08 ดังนั้น ปัญหาคือเรากำลังพยายามรวมเป็นหนึ่ง คุณไม่จำเป็นต้องเข้าร่วม เราต้องรักกันไม่เบียดเบียนกัน และการเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกันเป็นแนวคิดที่น่าเศร้า คุณจะเปลี่ยนไปอย่างไร? ถ้าอย่างนั้น พยายามเปลี่ยนรสนิยม ความหลงใหล ตัวละครของเขา มันเป็นไปไม่ได้ ปรัชญาก็เช่นกัน คุณจะเปลี่ยนมันได้อย่างไร? ไม่มีทาง. ดังนั้นในบางจุดเวลาจะทำให้เกิดจุดตัดเหล่านี้ซึ่งคุณสามารถพูดคุยสื่อสารได้ แต่สามีของคุณจะไม่สนใจแน่นอนถ้าคุณพูดถึงฮอกกี้กับเขาเพราะมันจะโง่ และสามีของคุณจะพูดเกี่ยวกับละครโทรทัศน์กับคุณเป็นเรื่องแปลก มันจะดูโง่ด้วย ดังนั้น หากเรามีความคิดเห็นที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในบางโอกาส แนวคิดที่ต่างออกไป คุณก็ไม่จำเป็นต้องแตะต้องหัวข้อนี้และแค่นั้น ปล่อยให้เป็นไป คุณไม่ต้องกังวลกับมัน เขามีผมยาวเหมือนคุณหรือเปล่า? มีกี่ครั้งที่คุณโต้เถียงเกี่ยวกับสิ่งที่ผมควรจะเป็นบอกฉันอย่างตรงไปตรงมา ไม่เป็นไร ไม่เคย คุณแต่งหน้า แต่เขาไม่เข้าใจ คุณเข้าใจ แต่คุณไม่ได้โต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าพฤติกรรมของพวกเขาจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

00:32:41 ดังนั้นจึงมีบางอย่างที่แตกต่างและดี เรามีหลายอย่างที่แตกต่างกัน เราแค่ไม่ต้องสนใจมัน ปัญหาคือสำเนียง แบบนี้เรียกว่าเจาะ เข้าใจ ไม่ต้องเจาะกัน ทุกอย่างจะดีเอง ดังนั้นเพียงแค่ถ่ายทอดสดดูและอย่าแตะต้องหัวข้อที่เจ็บปวด ความลับทั้งหมดของชีวิตครอบครัวคืออย่าแตะต้องหัวข้อที่ละเอียดอ่อน มีอาการเจ็บปวดปรากฏขึ้น มีคนกังวลเรื่องนี้ อย่าแตะต้องมัน แล้วมันก็จะผ่านไป อีกเรื่องที่น่าเจ็บใจก็จะปรากฏขึ้น การอยู่ด้วยกันเป็นภาพลานตาของหัวข้อที่เจ็บปวด มีบางอย่างเริ่มต้นที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องปกติ จากนั้นบางสิ่งก็เริ่มขึ้น นั่นคือภาพลานตาของหัวข้อที่เจ็บปวด เรื่องที่เจ็บครั้งใหม่ เรื่องที่หายไป เขาลืมไปหมดแล้ว เรื่องเจ็บเรื่องใหม่ เข้าใจไหม เรื่องนี้หายไปแล้ว เขาลืมไปแล้ว เรื่องใหม่ที่น่าเจ็บใจ ตอนนี้หัวข้อทางศาสนาได้ปรากฏขึ้น มันจะทิ้ง พวกเขาจะลืมเกี่ยวกับมัน ไม่มีใครจะจำ ชุดรูปแบบใหม่จะปรากฏขึ้น เข้าใจไหม นั่นคือทั้งชีวิตในลานตา

00:33:50 ดังนั้น งานของผู้หญิงคือการทำให้หัวข้อที่เจ็บปวดราบรื่นขึ้น คุณเข้าใจและอย่าเข้าสู่การโต้เถียงบางอย่างในการต่อสู้บางประเภท เป็นการดีที่สุดที่จะทำให้มันราบรื่นเพราะมันเป็นเรื่องปกติมันไม่เกี่ยวกับจิตวิญญาณหรือศาสนา มันเป็นเพียงเวลาที่จะมีความขัดแย้งในหัวข้อนี้ แต่คุณไม่ได้ขัดแย้ง คุณเห็นด้วยกับทุกสิ่ง เพราะประเพณีทางจิตวิญญาณใด ๆ พูดถึงสิ่งเดียวกัน เพียงในคำพูดที่ต่างกัน นั่นคือทั้งหมด มันเหมือนกับภาษา นั่นคือ ยังไม่มีการแปลด้วยคอมพิวเตอร์ระหว่างภาษา กล่าวคือ เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลแนวคิดบางอย่างเป็นภาษาอื่นอย่างไม่น่าสงสัย เป็นเรื่องยากมาก และยังไม่มีการแปลด้วยคอมพิวเตอร์ แปลคำได้ แต่แปลความคิดไม่ได้ คุณสามารถเป็นผู้ถือความคิดนี้และพยายามอธิบายให้คนอื่นฟัง นั่นคือผู้แปลต้องอธิบาย เป็นไปไม่ได้ทางกลไก เงาของความคิดนั้นแตกต่างออกไป และก็เช่นเดียวกันในประเพณีทางจิตวิญญาณ พวกเขาพูดในสิ่งเดียวกัน แต่ในภาษาต่าง ๆ เล็กน้อย สำหรับคนต่าง ๆ สำหรับระบบโลกทัศน์ต่าง ๆ สำหรับโรคจิตต่าง ๆ สำหรับอารมณ์ที่แตกต่างกันโดยทั่วไป พูดเหมือนกันแต่คนละภาษาเลยดูเหมือนต่างกันไม่มี

00:35:25 นักปรัชญารู้ว่าสิ่งเดียวกันนั้นถูกพูด ดังนั้นนักศาสนศาสตร์ก็รู้ด้วยว่าสิ่งเดียวกันนั้นพูดกันทุกที่ ภาษาต่างกัน ความหมายต่างกันเล็กน้อย ที่ใดที่มีความรู้สึกมากกว่า ที่ใดที่หนึ่งมีความปิติยินดี ที่ใดที่หนึ่งมีความรู้สึกว่าถูกหักหลัง ที่ใดที่หนึ่งมีการบำเพ็ญตบะมากกว่า ที่ใดที่หนึ่งมีความเสียสละมากกว่า นี่เป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างไรสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันในแต่ละครอบครัวดูสิ . ที่ไหนสักแห่งแบบนี้ ที่ไหนสักแห่งที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดนี้เป็นครอบครัว และเทววิทยาก็เช่นกัน แต่ในประเพณีหนึ่งมีมากกว่าหนึ่งอารมณ์ ในอีกอารมณ์หนึ่งมีมากกว่าอารมณ์อื่น ผู้คนต้องการอารมณ์บางอย่าง ดังนั้น เราจึงรวมตัวกันรอบๆ อารมณ์นี้ มันเหมาะกับเรา และเรารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับอารมณ์นี้ เราเหมาะสมกับอารมณ์นี้ มันจึงเหมาะกับเรา ทำให้เรามีความสุข แล้วอีกคนไม่มีความสุขแล้วไง? เขารับอีกอารมณ์หนึ่งสำหรับตัวเอง ความแตกต่างคืออะไร รู้ไหม?

00:36:32 เหมือนกับความหวาน เค้ก เพสตรี้ ทุกอย่างหวาน แต่อันหนึ่งมีรสเปรี้ยว อีกอันหวานจนหยดย้อย ดูสิว่าแผนกขนมจะใหญ่ขนาดไหน และคน ๆ หนึ่งเลือกความหวานบางอย่างสำหรับตัวเองซึ่งหวานทั้งหมด แต่เขาต้องการรสที่ค้างอยู่ในคอ แฝงด้วยความเปรี้ยว ชอบเปรี้ยวๆนะรู้ยัง? บางคนไม่ชอบมันบางคนไม่ชอบ ชอบแครนเบอร์รี่ใส่น้ำตาลค่ะ อันนี้เปรี้ยวค่ะ กินภูเขาได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ชอบค่ะ หวานมาก หวานน้อย แต่ตรงกลางเปรี้ยวมาก และอีกอันไม่ใช่ และอีกอย่างหนึ่ง คุณรู้ไหม และสำหรับบางคนก็ยังหวานอยู่ และจิตวิญญาณเดียวกัน ถนนทั้งหมดเหล่านี้นำไปสู่พระเจ้า ความจริง แต่รสชาติของถนนเหล่านี้แตกต่างออกไป คุณสามารถรู้สึกได้ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบนี้มันต่างจากบรรยากาศมาก ดังนั้นทุกคนจึงพบว่าตัวเองไม่มีปัญหา แต่สิ่งสำคัญคืออย่าดึงผมคนอื่นเข้าไปในบรรยากาศของคุณ มันจะมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้ง ความขัดแย้งคือเมื่อเราพยายามกำหนดรสนิยมของตัวเอง เมื่อเราเริ่มโต้เถียงเรื่องรสนิยม ด้วยความเปรี้ยวที่อร่อยที่สุดก็รู้แค่แยมสตรอเบอรี่ไม่มีความเปรี้ยวในนั้นจึงเป็นเรื่องไร้สาระ ตอนนี้เป็นการจัดเก็บภาษี ใช่คำถามเพิ่มเติมใช่

00:38:16 [คำถาม]: "[ไม่ได้ยิน]"

00:38:45 [Ruzov V.O.]: ที่นี่เราถูกปกคลุมด้วยวัตถุ แต่ไม่มีสิ่งปกคลุม นี่คือวิญญาณ มันคือวิญญาณ เธอเป็นศูนย์กลางของโลกฝ่ายวิญญาณเสมอ คุณมักจะเห็นมันตามที่เรียกว่า: "และอีกครั้งยอดแหลมสีทองของกองทัพเรือก็ปรากฏตัวต่อหน้าเรา" คุณเห็นไหม นั่นคือเขาอยู่ตรงกลางเสมอ และถนนทุกสายก็ไปที่ศูนย์กลางนี้ ฉันจำได้ว่าวลีนี้ทรมานฉันในวัยเด็กใช่ และนี่คือโลกฝ่ายวิญญาณเดียวกัน นั่นคือ เมื่อใดก็ตามที่คุณมอง ทุกที่ คุณจะเห็นจุดสำคัญของโลกฝ่ายวิญญาณ พระเจ้า และจิตวิญญาณมีรูปแบบที่สมบูรณ์ นั่นคือวิธีการอธิบายสมมติว่าหยาบคายอย่างใด บัดนี้เราปลิวไป กล่าวคือ ถูกพัดพาไปอยู่ในวัตถุธาตุ การปฏิบัติทางจิตวิญญาณ - เราปั๊มและปั๊มตัวเองพองนั่นคือร่างกายฝ่ายวิญญาณปรากฏขึ้นคุณเข้าใจไหม? ฉันอธิบายอย่างหยาบคายมาก นั่นคือ เราเอาร่างกายนี้ออก มันไม่จำเป็น นี่คือชุดอวกาศ เราต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดเบส

00:40:00 โลกวัตถุเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด-ด่าง ทุกอย่างกัดกร่อนที่นี่ คุณสังเกตเห็นไหม ไม่? เศษเหล็กขึ้นสนิมทุกอย่างเสื่อมสภาพที่นี่ทุกอย่างกัดกร่อนทุกอย่างเป็นอันตรายใช้งานได้เรียกสภาพแวดล้อมที่ก้าวร้าว ดังนั้นเพื่อให้วิญญาณไม่ต้องทนทุกข์ให้ใส่ไว้ในชุดอวกาศคุณเข้าใจ และชุดอวกาศก็ก้าวร้าวไม่แพ้กัน นั่นคือมันน่าขยะแขยงด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนั่น น้ำดี พูดได้เลย ทั้งหมดนี้ มีลักษณะก้าวร้าวเหมือนกันและปกป้องเรา เราอยู่ในชุดอวกาศนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่เจาะ ไม่เจาะ ไม่หัก นั่นคือ ทำให้มันทำงาน แค่นั้น เมื่อเราไปถึงที่นั่น นั่นคือ ตอนนี้เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นธรรมชาติ เช่น ใต้น้ำในชุดอวกาศ เมื่อเราออกไปสู่ธรรมชาติแวดล้อมสู่โลกฝ่ายวิญญาณ เราจะทำอย่างไร? เราถอดชุดอวกาศหายใจเข้าลึก ๆ ประมาณนี้ค่ะ ถ้ามันหยาบคายมาก ก็ประมาณนั้นค่ะ

00:40:55 ดังนั้น ใช่ คุณกำลังพูดว่า "ฉันเป็นวิญญาณ" ตอนนี้คุณกำลังพูดว่า "ฉันเป็นวิญญาณในร่างกายนี้" มันเหมือนนักดำน้ำ เขาพูดว่า: "ฉันเป็นนักดำน้ำในชุดดำน้ำ" เขาไม่ได้พูดอย่างนั้น ทำไม เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นเพียงนักประดาน้ำ แต่เขาเป็นนักประดาน้ำในชุดดำน้ำ เนื่องจากเราไม่ได้ตระหนักว่าเราเป็นเพียงนักดำน้ำ เราต้องเรียนรู้สิ่งนี้ เราต้องย้ำกับตัวเองว่า "ฉันคือวิญญาณในร่างวัตถุ" ลองนึกภาพว่าชั้นเรียนของนักดำน้ำกำลังนั่งและหัวหน้าผู้สอนดำน้ำพูดกับพวกเขาว่า: “สิ่งสำคัญในชีวิตคือต้องไม่ลืมว่าคุณเป็นนักดำน้ำในชุดดำน้ำ หากคุณลืมนั่นคือปัญหาจะเริ่มขึ้นที่นั่น” เข้าใจไหม? ดังนั้นทันทีที่นักประดาน้ำลืมไปว่าเขาอยู่ในชุดดำน้ำความบ้าคลั่งก็เริ่มขึ้นทันทีนั่นคือเขาทนทุกข์เขาเข้าใจความจริงผิดเขาประเมินทั้งสภาพของเขาหรือสภาพภายนอกอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้น หน้าที่ของเราคือฟื้นฟู เราต้องจำตำแหน่งตามธรรมชาติของเรา ว่าเราเป็นนักดำน้ำ ในชุดดำน้ำ ว่านี่คือสภาพแวดล้อมที่ก้าวร้าว ไม่ควรล้อเล่นเลย จะมีปัญหาใหญ่ตามมา หน้าที่ของเราคือออกไปให้เร็วที่สุด และตอนนี้เราก็คลั่งไคล้นิดหน่อย เราคิดว่า "ฉันเป็นชุดประดาน้ำ" ไม่สิ ออกซิเจนมีปัญหาในเชิงลึก ดังนั้น ภาพหลอน การรับรู้ที่ผิดของโลก แต่มันผ่านไป ใช่คำถามที่ดี อื่น ๆ อีก?

คุณตอบได้ไหมว่าทำไมกิจกรรมทั้งหมดนี้?

00:43:02 [คำถาม]: " มีการปลดปล่อยอย่างน้อยสามประเภทและสามเป้าหมายในโลกฝ่ายวิญญาณที่เราจะได้รับ เราจะกำหนดเป้าหมายเหล่านี้ที่เราควรมุ่งมั่นได้อย่างไร»

00:43:22 [Ruzov V.O.]: ง่ายมาก และถามตัวเองว่า "ทำไม" และรับคำตอบ จะกำหนดเป้าหมายได้อย่างไร? ถาม: "ทำไม?". ถาม: "ที่ไหน? ทำไมและที่ไหน” มันง่ายมากที่จะกำหนดเป้าหมาย ถามตัวเองและให้คำตอบกับตัวเอง ดังนั้น การคิดถึงคำถามเหล่านี้จึงเป็นขั้นตอนแรกในหัวข้อ “ทำไมฉันจึงต้องการทั้งหมดนี้ ที่จริงฉันจะไปที่ไหน? ทำไมฉันถึงอาศัยอยู่ที่นี่? จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? ฉันจะไปไหน" นี่คือขั้นตอนแรก การแก้ไขการเคลื่อนไหวเรากำลังเคลื่อนที่ในที่ที่ไม่ชัดเจนเราจำเป็นต้องแก้ไขการเคลื่อนไหว ดังนั้นเมื่อเราถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ เราก็เริ่มฝึกการตระหนักรู้ในตนเอง “ทำไมฉันถึงมีชีวิตอยู่? ฉันจะไปไหน"

00:44:15 และตามที่เราพูด ทันทีที่เราเข้าใจ "ทำไม" มันก็ชัดเจนในทันทีว่า "อย่างไร" ดังนั้นเราจึงคิดในหัวข้อนี้ว่า "ทำไม" อันที่จริงแล้วมันเกี่ยวกับอะไร เพราะคนเห็นเล่ห์เหลี่ยมสกปรกทั้งหมดของโลกวัตถุนี้ เขาเห็น เขาคิดว่า: “ทั้งหมดนี้เพื่ออะไร? ทำไม?" ฉันถูกถามคำถามอย่างต่อเนื่อง:“ ทำไมทั้งหมดนี้จึงจำเป็น? ทำไมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชีวิตของฉันและทุกอย่างจบลงอย่างเลวร้าย? ทำไมมันถึงเกิดขึ้นทั้งหมด? เหตุใดฉันจึงเรียนหนังสือหากไม่สามารถทำงานเฉพาะทางได้? ทำไมฉันถึงพยายามสร้างครอบครัวถ้ามันพังทลาย? ทำไมฉันถึงให้กำเนิดลูกถ้าเขาดื่มเอง? เพื่ออะไร? ทำไมฉันถึงทำทั้งหมดนี้ถ้าฉันจะตาย?" ทันทีที่ "ทำไม" ปรากฏขึ้น บุคคลสามารถปรับความสูงได้ ถ้าเขาไม่ถามว่า “ทำไม” ทำไมคุณถึงต้องการคนอื่นให้คำตอบ? ดังนั้น ถ้ามันเป็นเพียง "ทำไม" เช่นนั้นในอากาศและไม่มีคำตอบ มันก็จะเริ่มต้นขึ้น นั่นคือ ภาวะซึมเศร้าคือการไม่สามารถตอบคำถาม "ทำไม". บุคคลตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าในสภาวะที่เจ็บปวด

00:45:33 ดังนั้นถ้าคนรู้ว่าจะหาคำตอบจากใคร ความซึมเศร้าของเขาจะหายไป เขาได้รับคำตอบ งุนงง แน่นอน ขั้นตอนอื่นๆ เริ่มต้นการพัฒนา ดังนั้น คำถามควรรวมกับบุคคลทั่วไปที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ดังนั้นทันทีที่เรามีแนวโน้มที่จะค้นหา "ทำไม" เราควรมองหาบุคคลทันทีอย่าเอาหัวโขกกำแพงเพราะคนของเราซื้อวอดก้าแล้วนั่งถามคำถามนี้ต่อกันหรือแค่แก้ว แต่มันไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครตอบได้ เพื่อนไม่ตอบ เพื่อนติดเหล้าไม่ตอบ แต่ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าต้องมีใครสักคน คุณไม่สามารถทนทุกข์ทรมานและดื่มความขมขื่นได้ คุณก็ทำไม่ได้ คุณต้องดื่มกับใครซักคนเพื่อที่จะได้พูดคุยกันอย่างน้อยในหัวข้อนี้ "ทำไม? ทำไม?".

00:46:34 พวกเขาพยายามพูด ปรัชญา ฉลาด พยายามเข้าใจ แต่เนื่องจากผู้ฟังเหมือนกัน ปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไขในระดับนี้ คำถามเกิดขึ้นในใจ และด้วยความช่วยเหลือของจิตใจ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ปัญหานี้ จิตใจจึงมีความจำเป็นจึงต้องหาคนมีปัญญา เพราะคำถามเกิดขึ้นในใจ มันยังไม่เกิดในจิต มันเกิดในจิต ท่านเข้าใจ จิตคือขั้นของความเข้าใจผิด นี่คือแพลตฟอร์มทางจิต “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องการทั้งหมดนี้” เหตุผลคือความเข้าใจอยู่แล้ว นี่เป็นคำอธิบายอยู่แล้ว เหตุผลคือโอกาสในการหาคำตอบอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามส่วนใหญ่ของเราจึงเกิดขึ้นที่ระดับจิตใจ ดังนั้น เราจำเป็นต้องค้นหาบุคคลในระดับจิตใจ แล้วเธอจะอธิบายทุกอย่างให้เราทราบทันที แสดงความเชื่อมโยง แสดงว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เราต้องหาให้พบ คำถามนี้ ค้นหาคำถามนี้ การเชื่อมต่อเหล่านี้อยู่ที่ไหน

00:47:40 และ วิธีแก้ปัญหานั้นง่ายเสมอ มันไม่ได้อยู่ในระดับของเรา มันสูงกว่าหนึ่งก้าว ดังนั้นคำถามจึงดี แต่ถ้าเราไม่พบคนที่จะให้คำตอบ เราก็ไม่ตอบสนองของเรา ดังนั้นจึงเป็นธรรมชาติของเราที่จะถามคำถาม แต่เป็นหน้าที่ของเราที่จะหาคนที่สามารถตอบคำถามได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำเอง นี่เป็นความพยายามของเราแล้ว ที่นี่เราต้องพยายามและพยายามตั้งเป้าหมายในการแยกแยะคำถามทั้งหมดของเรา ค้นหาคำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้นคือต้องมีคนจากภายนอกมาชี้ทาง นี้จะกล่าวถึงในบทนี้ นี่คือสิ่งที่จะกล่าวถึงว่าใครควรจะแสดงทาง เมื่อคนออกจากรถไฟใต้ดิน ใครบางคนต้องชี้ทางให้เขา คุณเพียงแค่ต้องถามว่า: "โรงหนัง Pobeda อยู่ที่ไหน" พวกเขาจะแสดงนิ้วให้คุณดู บางคนต้องชี้ทางให้คุณ มิฉะนั้นคุณสามารถไปในทิศทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หลงทาง บางคนจากภายนอก ผู้รู้ คำถามเพิ่มเติม

00:49:30 [คำถาม]: " Vyacheslav Olegovich ฉันเข้าใจถูกต้องหรือไม่ว่าควรมีเป้าหมายในโลกฝ่ายวิญญาณด้วย?»

00:49:38 [Ruzov V.O.]: ใช่ มีเพียงทุกคนเท่านั้นที่จะรับใช้ได้เหมือนกัน นั่นคือ เราจะไปที่เป้าหมาย ดังนั้น เมื่อเป้าหมายของเราตรงกับเป้าหมายของโลกฝ่ายวิญญาณ เราก็เข้าสู่โลกฝ่ายวิญญาณ ถ้าเป้าหมายของเราสอดคล้องกับเป้าหมายของเรือนจำ เราก็ติดคุก นั่นคือเป้าหมายของเราคืออะไร เราไปถึงที่นั่น อะไรคือภารกิจของเรา ดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว เราปรับเป้าหมาย พัฒนา และเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ดังนั้น ถ้าเป้าหมายของเราคือมาหาพระเจ้า เราก็มาหาพระเจ้า หากเป้าหมายของเราคือการเป็นพระเจ้าด้วยตัวเราเอง เรามาที่นี่ มายังโลกวัตถุ และที่นี่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน. นี่คือโลกแห่งเทพเจ้า ที่นี่ทุกคนต้องการเป็นพระเจ้า ทุกคนมีเป้าหมายนี้ แต่พระเจ้าองค์หนึ่งแทรกแซงอีกองค์หนึ่ง นั่นคือปัญหา ดังนั้นพระเจ้าจึงสาบาน แทรกแซงตลอดเวลา พระเจ้าอื่น ๆ แทรกแซงการพักอย่างต่อเนื่อง แทรกแซงทุกวิถีทางที่เป็นไปได้พวกเขาเอาทุกอย่างจากเงินดังนั้นคุณต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มันกลับคืนมา

00:51:05 [คำถาม]: " [ไม่ได้ยิน] ที่นี่ในโลกวัตถุเขาจะเรียนรู้ [ไม่ได้ยิน] และโดยหลักการแล้วมันเป็นไปได้จริงๆ [ไม่ได้ยิน]»

00:51:17 [Ruzov V.O.]: ถ้าเราพูดถึงเส้นทางนี้ แน่นอนว่าตอนนี้เรากำลังพัฒนาความปรารถนา แต่เราอาจไม่เรียนรู้เพราะไม่มีวัตถุเช่นนั้นใช่ไหม นั่นคือเราไม่มีการติดต่อโดยตรงนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ ความละเอียดอ่อนของการกลับสู่โลกฝ่ายวิญญาณคือคุณจะต้องเกิดอีกครั้งในโลกวัตถุ แต่บนโลกที่พระเจ้าประทับอยู่ตอนนี้และเรียนรู้ที่จะบรรลุภารกิจบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว แต่นี่คือ ถือว่าไม่ใช่การเกิดทางวัตถุ สมมุติว่านี่คือห้องโถงที่เราออกไปแต่การออกไปข้างนอกโดยไม่รู้วิธีทำอะไรก็เป็นไปไม่ได้ เราจะเศร้าและเบื่อ จึงเกิดในช่วงเปลี่ยนผ่านเมื่อเราต้องมีคุณสมบัติ นั่นคือในฐานะที่เป็นสถาบันบางประเภท นั่นคือตอนนี้ในขณะที่เรากำลังบำรุงเลี้ยงความปรารถนาที่จะเข้าสู่สถาบันนี้และจากนั้นก็จำเป็นต้องมีสถาบันและหลังจากสถาบันแล้ววิทยานิพนธ์ได้โปรดออกไป

00:52:21 [คำถาม]: " เราสามารถลืมเกี่ยวกับสถาบันนี้ตั้งแต่แรกเกิดได้หรือไม่?»

00:52:21 [Ruzov V.O.]: ไม่ แค่นั้น เหมือนไปมหาลัยแล้วไม่ลืมว่าเป็นนักเรียนแล้วจะย้ำเตือนอย่ากลัว ไม่ นี่เป็นการเกิดที่มีความหมายอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่วัตถุในธรรมชาติ แม้ว่าสิ่งทั้งหมดนี้จะยังคงเกิดขึ้นในโลกวัตถุ แต่เมื่อพูดไปแล้ว การได้รับวุฒิการศึกษาจะไม่ใช่เรื่องฟรี [ไม่ได้ยิน] ไม่ ฉันบอกว่าเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นที่ไหน ไลล่าเรียกว่าเหตุการณ์ บางสิ่งบางอย่างมักจะเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่ง โลกเต็มไปด้วยการกระทำ เราพลาดไปเล็กน้อย เมื่อ 500 ปีที่แล้วมีเหตุการณ์ที่น่ายินดี เราพลาดไปเล็กน้อย เราเกิดมาคดเคี้ยวเล็กน้อย ดังนั้นตอนนี้เราต้องพัฒนาความปรารถนาของเรา แล้วคุณสมบัติของเรา แต่เราโชคดีมากเพราะอย่างน้อยมีโอกาสที่จะพัฒนาความปรารถนาซึ่งห่างไกลจากทุกครั้งที่มีโอกาสพัฒนาความปรารถนา ดังนั้นเราจึงพยายามอย่างดีที่สุด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกว่าเป็นการเกิดทางวัตถุอีกต่อไป แต่จะเป็นการบังเกิดทางวิญญาณเบื้องต้น เราจะพบกันที่นั่น ยินดีต้อนรับ. ที่นี่เพื่อพูดการเดินทางในอวกาศฟรี

00:54:11 [คำถาม]: " นี่เป็นดาวเคราะห์สวรรค์อีกดวงหนึ่ง?»

00:54:17 [Ruzov V.O.]: ไม่ ดินบางชนิด. ระดับโลก อีกโลกหนึ่ง มีหลายจักรวาลมีดาวเคราะห์มากมายในระดับของเรา ระดับของโลกเรียกว่าที่ซึ่งมีกระบวนการเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าในกรณีใด ฉันไม่ใช่ผู้แก้ไขเส้นทางของคุณ ดังนั้นดูหลักการนั้นให้ดี คุณจะไม่สนใจในหลักการเพราะมันจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้ว เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะพูดถึงหัวข้อนี้ เพราะนี่คือความเป็นจริงทางจิตวิญญาณ นี่คือสิ่งที่เกินความเข้าใจของเรา เราสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงของเรา แต่เราสามารถเข้าใจทางทฤษฎีทางออกจากความเป็นจริงในฐานะเวกเตอร์ แล้วดูว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร นั่นคือสามารถมองเห็นได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดคุยในเชิงลึก ฉันแนะนำให้อ่านบทความ "Journey of Gop Kumar" มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย มีการอธิบายดาวเคราะห์ การเคลื่อนไหว ขึ้น ลง ซ้าย ขวา งานที่น่าสนใจเช่นนี้

00:55:57 การเดินทางของ Gop Kumar ค้นหา มี ฉันอ่านและฟัง และมีสัมมนาขนาดใหญ่ หา ฟัง อ่าน นี่เป็นหัวข้อที่สูงมาก ดังนั้นฉันจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดในหัวข้อนี้ และเป็นการดีกว่าที่จะฟังผู้เขียนคนอื่นที่รอบรู้ในหัวข้อนี้ ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในโลกฝ่ายวิญญาณ หามัน ฟัง ตอนนี้มันไม่อยู่ในมือ โดยทั่วไปแล้ว แค่หามันเจอ มันมีทั้งหมด ใช้ความพยายามเล็กน้อย ถามไปรอบๆ หันไปหาหนังสือปรัชญา หามัน ทั้งหมดนี้สามารถแก้ไขได้ หลักการนั้นเอง

สามสภาวะของสติ

00:56:53 [คำถาม]: " คุณก็รู้ แม้กระทั่งตอนนี้ [ไม่ได้ยิน] ฉันมีแบบนี้อยู่แล้ว .... ยังไงก็ตาม ฉันลองทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ฉันมี [ไม่ได้ยิน] ฉันมีความรู้สึกเช่นนั้นแล้ว ความบ้าคลั่งเล็กๆ น้อยๆ ก็เริ่มต้นขึ้น และทุกอย่างดูไม่จริงจนคุณอยากจะร้องไห้ตลอดเวลา [ไม่ได้ยิน] ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเองสงบลง [ไม่ได้ยิน]?»

00:57:24 [Ruzov V.O.]: มีสามสถานะ สภาวะแรก เมื่อจิตสำนึกของนักวัตถุนิยม ชีวิตฝ่ายวิญญาณดูเหมือนไม่จริงและบ้าคลั่งสำหรับเรา มีสถานะที่สองเมื่อเมื่อได้พัฒนาวิสัยทัศน์ทางวิญญาณในตัวเราแล้วดูเหมือนว่าชีวิตทางวัตถุนั้นบ้าและไม่จริงอย่างยิ่ง และมีสถานะที่สามอยู่ตรงกลางเมื่อทุกอย่างดูเหมือนกับเราเป็นบ้าอย่างแน่นอนไม่จริงและไม่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรโดยทั่วไปและจะไปที่ไหน อยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา ดังนั้น คุณเพียงแค่ต้องผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ รู้ไหม เวลาที่คุณไปที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกล และดูเหมือนไม่สมจริง ที่ฉันจะนั่งที่นี่ที่สนามบินตอนนี้ แล้วฉันจะออกไป เมื่อคุณบินไปอินเดียเป็นครั้งแรก นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่สมจริงอย่างยิ่ง ดังนั้น คุณนั่งลง คุณยังอยู่ที่นี่ และบินอยู่บนเครื่องบินแล้ว คุณรู้สึกว่ามีบางอย่างปล่อยวาง ความเป็นจริงนั้น และสิ่งนี้กำลังใกล้เข้ามาแล้ว คุณรู้สึกไหม ไม่ใช่หรือ และเมื่อคุณออกไปสนามบินนี้เอง นี่คือสถานที่เปลี่ยนผ่าน มันเป็น .... แล้ว: "ฉันอยู่ที่ไหน? ฉันเป็นใคร? “เขาผ่านด่านศุลกากรที่นี่แล้ว ยังไม่ผ่านที่นั่น และเขารู้แล้วว่าทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว แต่ยังไม่ถึง และพวกเขาเห็นทุกคนแบบนั้น ขาดการเชื่อมต่อ และพวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย: “ เราเป็นใคร ที่ไหน อะไร”

00:58:41 นี่คือสถานะ คุณต้องผ่านมันไปให้ได้ มีสภาพของการเปลี่ยนแปลงนี้ คุณเพียงแค่ไม่ต้องกังวลและไปต่ออย่างใจเย็น มันโง่ที่จะผ่านด่านศุลกากร รับกระเป๋าแล้วออกไป แค่นั้นเอง โดโมเดโดโว: “อ่า เห็นได้ชัดว่าฉันอยู่ที่ไหน เป็น” หรือออกไปสู่โลกฝ่ายวิญญาณ นั่นคือฉันต้องการถ่มน้ำลายใส่ทุกอย่าง มันใช้เวลานานมาก คิวเหล่านี้แย่มาก สิ่งต่าง ๆ ได้รับการตรวจสอบแล้ว ค้นหา: "คุณมีความปรารถนาทางวัตถุเหลืออยู่หรือไม่" เมื่อพวกเขาหยุดฉันที่นั่น ฉันก็พยายามที่จะไปที่นั่นกับภรรยาของฉัน พวกเขาพูดกับฉันว่า: “คุณมีอะไรจะสำแดงไหม” ฉันพูดว่า: "มันคงจะดีถ้าเป็นเช่นนั้น" และพวกเขาหัวเราะและปล่อยให้มันผ่านไป พวกเขาไม่ตรวจสอบ นั่นคือพวกเขาไม่ได้ส่องผ่านและดำเนินการค้นหาพวกเขาดำเนินการผ่าน X ทั้งหมดนี้ -ray นั่นคือหลักการเอง

00:59:38 ทุกอย่างต้องได้รับการตรัสรู้ และตอนนี้เราอยู่ในสภาพที่โปร่งแสงมาก รังสีเอกซ์แห่งชีวิตฝ่ายวิญญาณนี้ ฉายส่องผ่านตัวเรา และไม่ว่าเราต้องการไปที่นี่จริง ๆ หรือไม่ แต่เราต้องการมันจริง ๆ หรือไม่ และไม่ใช่แค่ว่าเราต้องการล้อเล่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับมัน ดังนั้นได้รับอนุญาตเมื่อเราแสดงความมุ่งมั่นเมื่อทุกคนผ่านไป: "แต่นี่ไม่จำเป็นน้ำที่นี่ไม่สามารถขนส่งได้" คุณเข้าใจ “คุณใช้กรรไกรไม่ได้ ใช้ไฟแช็คไม่ได้” นั่นคือพวกเขาเริ่มดึงมันออกมา และเรา: "แต่ฉันอยู่ที่นั่นโดยไม่มีน้ำได้อย่างไร" “พวกเขาจะให้คุณ” คุณเข้าใจ พวกเขาจะยังทรมานคุณ พวกเขาจะไม่ยอมให้คุณหลับ พวกเขาจะให้แต่น้ำ “แต่ถ้าไม่มีกรรไกรล่ะ” "ซื้อที่นั่น" คุณรู้ “แล้วถ้าไม่มีไฟแช็คล่ะ” “คุณสูบบุหรี่ที่นั่นไม่ได้อยู่แล้ว” คุณก็รู้ และตอนนี้พวกเขาเอาคนผ่านทั้งหมดนี้ ดึงมันออกมา และพระเจ้าห้ามมิให้มีการลักลอบนำความปรารถนาทางวัตถุ ที่นี่จนกว่าพวกเขาจะผ่านไป ค่อนข้างเศร้า

01:00:41 เราผ่าน เรานั่ง เราไป เราบิน ตรวจสอบครั้งสุดท้าย แต่จะทำอย่างไร ไม่มีอะไรจะให้เป็นของขวัญ อะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่ได้ถูกชื่นชม ดังนั้นคุณต้องจ่ายราคานี้ ผ่านสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ใครๆ ก็อยากเดินทาง แต่นักเดินทางคนใดจะบอกคุณว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของการเดินทางคือถนน คำที่น่ากลัวอย่างยิ่ง กล่าวคือ คุณจะกลายเป็นนักเดินทางเมื่อคำว่า "ศุลกากร" เริ่มเปลี่ยนคุณจากภายในสู่ภายนอก: "ศุลกากรอีกครั้ง!" นั่นคือทั้งหมดที่ นักเดินทางทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกัน: "ศุลกากร!" คำนี้แค่ตัดวิญญาณ นั่นคือคุณต้องจ่ายบางอย่างสำหรับมันทั้งหมด ดังนั้นเราจึงต้องผ่านประเพณีนี้ด้วย แต่ก่อนที่จะเปิดเผยความจริงทางวิญญาณแก่เรา จำเป็นต้องผ่านด่านศุลกากร กำจัดความปรารถนาทางวัตถุบางอย่างออกไป เพื่อไม่ให้เป็นมรดก

ความปรารถนาทางวัตถุและจิตวิญญาณ

01:01:50 [คำถาม]: " ความปรารถนาเหล่านี้เกี่ยวพันกัน เราจะเป็นอิสระจากความต้องการทางวัตถุโดยสมบูรณ์ได้อย่างไร? สมมติว่าตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าวันนี้ฉันไม่มีความปรารถนาเลยขอบคุณพระเจ้าอย่างน้อยฉันก็ถูกทิ้งให้ไปบรรยายและอ่านหนังสือเพียงลำพัง แต่ฉันเข้าใจว่าสิ่งนี้เชื่อมโยงกับภาพลวงตา ... แต่ความปรารถนาเหล่านี้บังคับเราอย่างใด เพื่อดูแลทั้งครอบครัว คุณต้องปรารถนาครอบครัวนี้ คุณต้องแต่งตัวที่ไหนสักแห่ง ไป อย่างอื่น เหมือนกันทั้งหมด ความปรารถนาเหล่านี้จำเป็นแม้เพื่อสำแดงจิตวิญญาณ ความปรารถนาเราต้องการวัตถุบางอย่างพวกเขาเพียงอย่างใด ... ฉันไม่สามารถเอามันมาแบ่งปันได้ - สิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นจิตวิญญาณ».

01:02:37 [Ruzov V.O. ]: พวกเขาไม่ได้แยกจากกัน พวกเขากำลังถูกทำให้บริสุทธิ์พวกเขากำลังถูกเปลี่ยนแปลง อย่าพยายามแยกพวกเขาออกจากกัน คนอยากกิน คำถามคือสิ่งที่เขาอยากกิน คนกระหายน้ำคำถามคือสิ่งที่เขาต้องการดื่ม คนอยากทำงาน คำถามคือ ทำไมเขาถึงอยากทำงาน เข้าใจไหม? นั่นคือสิ่งที่กำหนดวัสดุหรือจิตวิญญาณ ถ้าสำหรับตัวเองมันคือวัตถุ ถ้าสำหรับพระเจ้ามันคือจิตวิญญาณ คุณเข้าใจไหม? นั่นคือทั้งหมดที่ การเปลี่ยนแปลง ไม่มีการแตกแยก ไม่มีการแตกแยกดังกล่าว

01:03:13 มันเหมือนเค้ก เหมือนพาย ทำเสร็จแล้ว อบไม่สุก มันแยกอะไร? แค่บางเวลาก็ห่างกัน แต่เค้กก็เหมือนเดิม ที่นี่มันยังไม่อบที่นี่มันยังดิบอยู่บางครั้งมันก็ยืนและปึกอบแล้ว ความปรารถนาก็เช่นกัน นี่มันยังเป็นวัตถุอยู่ แต่เดี๋ยวก่อน งาน มันกลายเป็นจิตวิญญาณไปแล้ว เข้าใจไหม? นั่นคือไม่มีพายที่ไม่ได้อบแยกต่างหาก แต่เป็นพายอบ ไม่ นี่คือรัฐ ดังนั้นวัตถุนิยมจึงเป็นสภาวะของความปรารถนา และจิตวิญญาณก็คือสภาวะของความปรารถนา และที่นี่เรามาดูกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ดังนั้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง ความมีสาระนี้จะหายไป แต่จิตวิญญาณยังไม่ปรากฏ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเลย ไม่ มันเป็นเพียงจิตวิญญาณ คุณเพียงแค่ต้องไปต่อและจะมีความปรารถนาทางจิตวิญญาณ ง่ายมาก. มันเหมือนกับสถานะนี้บนเครื่องบิน คุณออกจากที่นั่นแล้ว คุณยังไม่ไปถึงที่นั่น คุณจึงนั่งโง่และรอ ไม่ได้อยู่ที่นั่นยังไม่ได้ที่นี่ คุณเพียงแค่ต้องรอและมาถึง แต่บนเครื่องบินเองมันน่าเศร้า มันไม่ชัดเจนว่าอะไร โดยหลักการแล้วไม่มีอะไรซับซ้อน เข้าใจแล้ว? มีคำถามทั้งหมดได้รับคำตอบ?

สิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับคนที่มีจิตวิญญาณ?

01:05:05 [คำถาม]: " และขออีกคำถามได้ไหม? ในที่นี้เราพูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าปฏิสัมพันธ์นั้น สมมุติว่า เมื่อบุคคลอยู่ในหัวข้อและไม่อยู่ในหัวข้อ แต่เมื่อมีคนสองคนอยู่ในเรื่องนี้ คุณกำลังพูดถึง ... ที่นั่น สมมุติว่าอยู่ในประเพณีเดียวกันใช่ไหม? ดังนั้นวันนี้ฉันจึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อฉันเพิ่งเริ่มศึกษาอะไรบางอย่างจากนั้นก็สื่อสารกับผู้คนในประเพณีนี้โดยไม่รู้ตัวและได้ดูหมิ่นเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ฉันเข้าใจเพียงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการดูหมิ่น . แต่สิ่งที่คุณสามารถพูดคุยกับบุคคลในประเพณีเดียวกันตอนนี้? เกี่ยวกับปรัชญา? แต่ในกรณีใด ๆ สิ่งนี้สูงและยกเว้นคำถามและคำตอบ การสื่อสารจะไม่ทำงานในส่วนของฉันใช่ไหม เพราะไม่มีอะไรจะพูด แต่เกี่ยวกับชีวิตทางวัตถุดูเหมือนว่าจะเหมือนกับบุคคลที่มีจิตวิญญาณ ... เพียงแค่คุณสามารถใช้เวลาพูดคุยกับเขาได้ และแม้แต่ในบางเทศกาล คุณเห็นผู้คน พวกเขาแค่อ่านมนต์และคุณไม่ต้องการสัมผัสกับธรรมชาติเลย และการสื่อสารกับคนเหล่านี้คืออะไร? จะหาจุดปฏิสัมพันธ์นี้ได้อย่างไรและเราจะพูดถึงอะไรกับคนคนหนึ่งได้อย่างไร [ไม่ได้ยิน]?»

01:06:27 [Ruzov V.O.]: หลักการสื่อสารโดยทั่วไปในระดับของเราคือการฝึกอบรม ดังนั้นเราจึงเห็นสิ่งที่บุคคลสามารถทำได้และเราเรียนรู้จากเขา คนอะไรทำได้ เราเอามาจากเขา เข้าใจไหม? ถ้ามีคนรู้วิธีอธิบายความรู้บางอย่างให้เราฟังอย่างมีเหตุมีผล เราก็จะได้ความรู้จากเขา ถ้าคนรู้วิธีท่องมนต์ในเชิงคุณภาพ เราก็เอามาจากเขา ถ้าคนรู้อย่างอื่นเราก็ถือว่าแตกต่างกัน นั่นคือเราเอาบางสิ่งบางอย่างจากบุคคลอื่นและเราให้เขาในสิ่งที่เราสามารถทำได้ สิ่งที่เราสามารถทำได้อยู่แล้ว นี่คือการแลกเปลี่ยน ที่นี่เรากำลังเปลี่ยนแปลง เราเอาสิ่งที่เขามีจากเขา เราให้เขาในสิ่งที่เรามี มีการแลกเปลี่ยน ง่ายมาก

01:07:17 [คำถาม]: " ถามพระไวษณะว่าครูประเภทไหน ระดับไหน ปกติทั่วไปหรือไม่? หรือเป็นเหมือนกันหมดก็ขอบอกหน่อยเถอะ .., ไม่รู้จะถามอะไรและจะไม่ทำเพื่อไม่ให้ขุ่นเคือง».

01:07:35 [Ruzov V.O.]: ไม่มีการดูถูกที่ซับซ้อนโดยตรงนั่นคือคำถามนั้นไม่ใช่การดูถูกเข้าใจไหม ดังนั้น โดยหลักการแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ใครซักคนขุ่นเคืองใจ คุณถาม. นั้นก็หมายความว่าท่านไม่รู้ ดังนั้นคุณได้รับคำตอบและเมื่อได้รับคำตอบแล้วคุณสามารถขุ่นเคืองเข้าใจไหม? ตัวอย่างเช่น ฉันแค่บอกว่า คุณถามเกี่ยวกับระดับใช่ไหม ตัวอย่างเช่น: "บุคคลนี้เป็นระดับที่สูงขึ้นหรือไม่" เขาพูดว่า: "สูงส่ง" และคุณพูดว่า: "ระดับสูงสุดของเขาคืออะไร" ตอนนี้เป็นการดูถูก ถ้าถามแบบนี้ไม่ใช่ดูถูก แต่ถ้าลองดูถูกทันที เช่น นี่เป็นการดูถูกไปแล้ว เข้าใจไหม?

01:08:16 ดังนั้น คำถามนี้จึงไม่เป็นที่น่ารังเกียจ ไม่มีการดูถูกในคำถาม ไม่มีการดูถูก ดังนั้น เส้นทางของเราจึงง่ายมาก - เป็นคำถามและคำตอบ และไม่มีการดูหมิ่นเช่นนี้ในเส้นทางนี้ เส้นทางที่ปลอดภัยมาก ถ้าเราพูดออกไปตรงนี้ เป็นไปได้ที่จะทำลายฟืนที่นี่ ตัวอย่างเช่น เราพูดคุยเกี่ยวกับสังคมเชิงปรัชญา ทุกคนพูดในทางกลับกัน ไม่มีคำถามและคำตอบ ที่นี่คุณสามารถได้ยินเรื่องไร้สาระมากมาย เรื่องไร้สาระ การดูถูก ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะระบบเองไม่ปลอดภัย และที่นี่ได้รับการคุ้มครอง ตัวเองคือคำถามและคำตอบ และเรายังดำเนินต่อไป ง่ายมาก.

01:09:09 ดังนั้น แม้หลังจากได้รับคำตอบและถามคำถามใหม่ เราก็ไม่สามารถดูหมิ่นได้อีก การดูถูกปรากฏขึ้นเมื่อเราแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ ซึ่งไม่ใช่คำถามหรือคำตอบ แต่เราแสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์ ที่นี่คุณสามารถทำลายฟืน ดังนั้นถ้าเราแค่สื่อสารกัน แม้แต่คนธรรมดาก็สื่อสารแบบนั้น “เกิดอะไรขึ้นกับเขา” นั่นคือเราไม่พูดออกมาทันที ก่อนอื่นเราถาม: "คุณมีความสัมพันธ์แบบไหน" คุณเข้าใจไหม? และพวกเขาพูดว่า "เอาล่ะ เราต้องการสร้างครอบครัว" รู้ไหม? “แล้วจะสร้างครอบครัวยังไงล่ะ” ใช่ คุณจะเห็นว่ามันปลอดภัยไม่มากก็น้อย และถ้าคุณขึ้นมาทันทีและพูดว่า: "คุณติดต่อเพื่อนที่ยากจนคนนี้แล้วคุณอยากสร้างอะไรที่นั่นและคุณจะไปถึงที่นั่นอย่างไรคิดเอาเอง" นี่เป็นการดูถูกทันทีคุณเห็นได้อย่างไร และถ้ามาถามก็ไม่เชิง ใช่ มันอาจดูทะลึ่งแต่ไม่ก้าวร้าว คนถามทำไม่เป็น เขาก็มีสิทธิถาม เข้าใจไหม? มีปัญหาอะไร? ไม่มีปัญหา. ดังนั้นวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยไม่มีการดูหมิ่น ง่ายมาก.

01:10:22 สิ่งนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับความเงียบจริงๆ คำถาม & คำตอบเป็นระดับของความเงียบเพราะในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดอะไร เราไม่ออกเสียงความคิดที่ขาดหายไปของเรา เราถามคำถาม เราได้คำตอบ แต่ไม่มีคำพูดจริง ไม่มีการสนทนาจริง มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลล้วนๆ 100% แต่ไม่มีการพูดคุย คำพูดเริ่มต้นเมื่อบุคคลเริ่มแสดงมุมมองที่ยอดเยี่ยมของเขา นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาทันที “และฉันคิดว่า” และนั่นคือทั้งหมดเริ่มต้นที่นี่ ทันทีที่มีคนพูดว่า: “แต่ฉันคิดว่า” คุณเห็นไหม ทุกอย่างเริ่มต้นที่นั่น หากมีคนถามทุกอย่างก็ปลอดภัย ดังนั้นโดยทั่วไป 20 ปีแรกจะดีกว่าในระดับคำถามและคำตอบ ถามใครก็ได้ ปลอดภัยแน่นอน ไม่มีใครจะขุ่นเคืองไม่ขุ่นเคืองใคร ไม่มีใคร แม้แต่คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มีคำถามที่โง่ที่สุด ไม่มีใครจะขุ่นเคือง ไม่มีการดูถูก

01:11:30 น. สิ่งนี้มักจะเกิดขึ้น สิ่งที่โง่ที่สุดมักถูกถามถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รู้ไหม? ฉันต้องการมันด้วยเหตุผลบางอย่าง และก็ไม่น่าอาย และคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ตอบคำถามโง่ ๆ และไม่มีใครโกรธเคืองไม่มีใครโกรธเคืองและไม่มีใครโกรธเคือง ไม่เป็นไร เข้าใจไหม? คุณเห็นทุกอย่างไม่ง่าย แต่ระบบเมื่อห้าพันปีที่แล้วยังคงทำงานอยู่ เป็นเพียงการที่เราไม่คิดเกี่ยวกับวิธีการทำงาน แต่ที่จริงแล้ว ระบบได้รับการคิดออก นั่นคือเหตุผลที่เราพยายามอย่างหนัก คุณเห็นไหม และเรากำลังเรียนรู้มัน เราเรียนรู้อะไรในการบรรยาย? ตรงนี้. ถามคำถาม ฟังคำตอบ และทุกอย่างจะปลอดภัย ตอนนี้ถ้าคุณเพียงแค่มีชีวิตอยู่อย่างนั้น ทุกอย่างก็จะปลอดภัย แม้แต่ชีวิตทางวัตถุตามคำถามและคำตอบก็ยังปลอดภัยอย่างแน่นอน แม้แต่ตำรวจก็เข้ามาถามได้ “ขอโทษนะ ฉันควรทำอย่างไรถ้าฉันสูญเสียสิทธิ์ของฉัน” และพวกเขาจะช่วยคุณ คุณรู้ไหม? พวกเขาจะช่วย นี่คือความลับ ดังนั้นบทความทั้งหมดจึงได้รับด้วยวิธีนี้ ถาม-ตอบ ถาม-ตอบ ทุกอย่าง ไม่มีบทพูดคนเดียว ทุกคำถาม-คำตอบ คำถาม-คำตอบ เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก.

มีโรงเรียนลัทธิเต๋าหลายแห่ง แต่โดยรวมแล้ว มีสามเส้นทางแห่งการเพาะปลูก: ล่าง กลาง และสูง การจำแนกประเภทนี้เก่าแก่มากและถูกใช้โดยผู้เฒ่าผู้ยิ่งใหญ่อมตะ Lu Dongbin ศิษย์ของเขา Wang Chunyang และอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ไม่มีอะไรผิดปกติในการแบ่งออกเป็นสามวิธีของการปรับปรุง และระบบการจำแนกที่คล้ายกันมีอยู่ในประเพณีตะวันออกอื่น ๆ และในชีวิตประจำวันของเราเช่นในการศึกษา: โรงเรียนโรงเรียนเทคนิคมหาวิทยาลัย

เส้นทางที่ด้อยกว่า

ผู้ด้อยกว่าหรือเส้นทางแห่งความชอบธรรมสามารถติดตามได้เกือบทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น อันที่จริงการปฏิบัติของเส้นทางนี้มีดังต่อไปนี้:

• ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมตามหลักศีลธรรม (ห้ามฆ่า ห้ามหลอกลวง ห้ามลักขโมย ห้ามสาบาน ฯลฯ)
• พัฒนาคุณสมบัติคุณธรรมในตัวเอง เช่น ความเห็นอกเห็นใจ ความรัก ความเมตตา การให้อภัย ความกล้าหาญ ความสงบ ความสูงส่ง เป็นต้น
• ห้ามทำ พูด หรือคิดสิ่งใดที่อาจเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือธรรมชาติโดยรวม
• ช่วยเหลือด้านความคิด คำพูด และการกระทำแก่ผู้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือพืช
• ปฏิบัติด้วยความเคารพและให้เกียรติไม่เฉพาะกับคนที่คุณรักและชื่นชมเท่านั้น แต่รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดด้วย

แน่นอนว่า เส้นทางนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแนวทางปฏิบัติข้างต้น มีเพียงวิธีการทั่วไปที่สุดเท่านั้นที่ให้ไว้ที่นี่ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจว่าสาระสำคัญของเส้นทางนี้คืออะไร

นอกจากนี้ ตามเส้นทางนี้ เป็นที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะไปเยี่ยมปราชญ์และปรมาจารย์ผู้รู้แจ้ง เพื่อรับคำแนะนำและคำแนะนำต่าง ๆ จากพวกเขาที่จะช่วยบุคคลในการพัฒนาจิตวิญญาณของเขา มันจะดีเช่นกันถ้ามีโอกาสเข้าร่วมและ / หรือทำพิธีกรรมด้วยตัวเองเป็นระยะ ๆ สิ่งสำคัญคือการหันไปสู่โลกที่สูงขึ้นเพื่อหนีจากความกังวลและปัญหาทางโลกชำระวิญญาณของคุณจากทุกสิ่งที่เลวร้ายและทางวิญญาณ เข้าหาเต๋า

แม้ว่าเส้นทางนี้จะถือว่าด้อยกว่า แต่ความจริงแล้วอาจกลายเป็นว่าไม่ต้องใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย จิตสำนึกของคนธรรมดาอยู่ภายใต้การควบคุมของแนวคิดและมุมมองของแต่ละบุคคลอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม เวลา และปัจจัยอื่นๆ ทุกประเภท และอันที่จริงนี่เป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากความคิดเห็นและมุมมองที่ผิดพลาดทางอัตวิสัยเกี่ยวกับสถานการณ์หรือบุคคลนั้นหรือบุคคลนั้น และแท้จริงเกี่ยวกับโลกทั้งใบ ในเวลาเดียวกัน คนๆ หนึ่งมักจะไม่มีความคิดเห็นในทุกแง่มุมของชีวิตเราด้วยซ้ำ มีคำถามมากมายที่ทำให้สับสนหรือกลัว

ตัวอย่างเช่น ความตายคืออะไร และเกิดอะไรขึ้นหลังจากร่างกายนี้ตาย? ฉันจะตายกับเขาหรือฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในรูปแบบอื่นหรือไม่? ถ้าอย่างหลังเป็นความจริง แล้วการดำรงอยู่แบบนี้คืออะไร? และอื่น ๆ โฆษณาไม่สิ้นสุด เป็นไปได้ว่าแต่ละคนอาจมีคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นผลมาจากประสบการณ์ส่วนตัวและขึ้นอยู่กับศรัทธาในแนวคิดหนึ่งหรืออีกแนวคิดหนึ่งของโครงสร้างของจักรวาล และสิ่งนี้ไม่ได้มีค่ามาก เฉพาะสิ่งที่เคยสัมผัส รู้สึก และรู้จักจากประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้นที่จะเข้าใจและยอมรับได้อย่างแท้จริง

ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่าบุคคลแม้จะพัฒนาจิตใจและร่างกายแล้ว ความสำเร็จในชีวิตทางสังคมและความเป็นอยู่ที่ดี ก็ยังคงดำรงอยู่ในความไม่รู้และความมืดมน นี่หมายความว่ามันจะไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมอย่างแท้จริง แต่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุกคน ไม่ว่าจะยุ่งหรือไม่มีพรสวรรค์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาสามารถเข้าใจความหมายและวิธีการของเส้นทางนี้และเริ่มปฏิบัติได้ และจำนวนเขาจะสามารถรวบรวมพวกเขาในชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับความพยายามและความสามารถส่วนบุคคล

เส้นทางนี้เรียกว่าด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับทางอื่นเท่านั้น (ทางสายกลางและทางสูง) ซึ่งให้ความเป็นไปได้ของความก้าวหน้าในเส้นทางแห่งการตระหนักรู้ในตนเองอย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น ในเวลาเดียวกัน คนที่รู้ตัว แม้ว่าเขาจะเป็นนักบุญ จะไม่สามารถออกจากวัฏจักรของการกลับชาติมาเกิดได้ โดยอาศัยเพียงเส้นทางแห่งความชอบธรรมเท่านั้น ดังนั้นเพื่อที่จะเข้าใจเต๋าอย่างถ่องแท้ เขาจะต้องไปเกิดใหม่ในร่างมนุษย์และเรียนรู้วิธีปฏิบัติเพื่อให้ความก้าวหน้าในเส้นทางแห่งการพัฒนาจิตวิญญาณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น โดยทั่วไป การปฏิบัติของเส้นทางนี้ช่วยให้คุณสะสมกรรมที่ดี ซึ่งหมายความว่าบุคคลจะมีเงื่อนไขและโอกาสที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับการปฏิบัติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและการพัฒนาตนเองที่ประสบความสำเร็จในชาติหน้า

ทางสายกลาง

ทางสายกลางรวมถึงการฝึกฝนทางเบื้องล่าง เช่นเดียวกับวิธีการต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณสามารถเร่งกระบวนการพัฒนาจิตวิญญาณของบุคคลได้ นี้ในตัวเองหมายความว่าบุคคลหนึ่งอุทิศความสำคัญมากขึ้นและเป็นผลให้เวลาในกระบวนการพัฒนาตนเองของเขามากกว่าผู้ปฏิบัติในเส้นทางล่าง ทางสายกลางสามารถเรียกได้ว่าเป็นศาสนาในความหมายที่ดีที่สุดของคำ ทั้งนี้เป็นเพราะวิธีการปฏิบัติบนเส้นทางสายกลางเกี่ยวข้องกับการแสดงภาพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าและวิธีการบูชาทุกประเภท

วิธีการบูชาและถวายเหล่านี้ ซึ่งแสดงโดยข้อเท็จจริงว่าผู้ปฏิบัติด้วยความสำนึกคุณอย่างสุดซึ้งถวาย ถวายของกำนัลทุกชนิด (อาหารหรือสิ่งของอื่น ๆ ที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์) แก่เทพเจ้าหรือเทวดาสามารถแสวงหาสิ่งที่แตกต่างกันได้ เป้าหมาย ตัวอย่างเช่น การลดอิทธิพลของอัตตาของตนเองและการเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิตนี้ขึ้นอยู่กับบุคคลเท่านั้น นอกจากนี้ เมื่อประกอบพิธีกรรมหรือถวายสังฆทาน ผู้บำเพ็ญเพียรสามารถปรับให้เข้ากับคุณสมบัติที่มีอยู่ในวัตถุบูชา / เคารพและพยายามปลุกสิ่งที่คล้ายคลึงกันในตัวเอง (เช่นความเห็นอกเห็นใจสูงสุด) หรือกำจัดแง่ลบของเขา คุณสมบัติ.

พิธีกรรมเพิ่มเติมบางอย่างเป็นภาพสะท้อนเชิงสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงภายในบางอย่างที่ต้องเกิดขึ้นในกระบวนการแห่งความสมบูรณ์แบบของมนุษย์ ดังนั้น ลักษณะและคุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดประการหนึ่งของทางสายกลางก็คือ มีผลกระทบต่อสภาวะภายในผ่านการกระทำภายนอก และหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง การปฏิบัติที่เหมาะสม สิ่งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แน่นอน แน่นอน ผู้บำเพ็ญตนที่ดีในเส้นทางนี้เข้าใจดีว่าเทพบางองค์ไม่ได้เป็นอะไรนอกจากการสำแดงแง่มุมต่างๆ ของเต๋า ซึ่งเป็นการปลดปล่อยออกมา

เทพแต่ละคนมีรูปแบบที่แน่นอนและมีคุณสมบัติลักษณะและความสามารถบางอย่าง ดังนั้น อันที่จริง ผู้ประกอบวิชาชีพใช้รูปแบบขั้นกลางของเต๋าที่เลือกสรรแล้ว ซึ่งแสดงออกในรูปของเทพองค์หนึ่งที่มีคุณสมบัติและ/หรือคุณสมบัติเด่นที่จำกัดหรือเด่น นอกจากนี้ เพื่อความชัดเจนและความง่ายในการรับรู้ที่มากขึ้น Supreme ได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ ดังนั้นเทพเกือบทั้งหมดจึงดูเหมือนผู้คน สมบูรณ์แบบกว่าเท่านั้น

ประการหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้การปฏิบัติเป็นที่เข้าใจมากขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่ง ความยากลำบากบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ในความจริงที่ว่า เนื่องจากความจริงสูงสุดถูกวางไว้ในรูปแบบเฉพาะ สิ่งนี้ย่อมจำกัดและบิดเบือนมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตามตำรา "เต๋าเต๋อจิง" กล่าวว่า: "เต๋าที่แสดงออกมาเป็นคำพูดไม่ใช่เต๋าที่แท้จริง" นอกจากนี้ เนื่องจากการเปล่งออกมาและการแสดงออกของเต๋าเหล่านี้ กล่าวคือ เทวดายังมีรูปแบบการดำรงอยู่ส่วนตัวด้วย บ่อยครั้งผู้ปฏิบัติลืมไปว่าความหมายดั้งเดิมของการแสดงตนนี้คือการนำผู้ปฏิบัติไปสู่แหล่งกำเนิด (เต๋า) และใช้วิธีการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์

ดังที่พวกเขากล่าวในสมัยโบราณว่า: "ใช้นิ้วที่ชี้ไปที่ดวงจันทร์เหมือนดวงจันทร์เอง" และด้วยเหตุนี้บุคคลจึงไม่สามารถก้าวต่อไปในการปฏิบัติของตนได้เพราะ หยุดในระดับหนึ่ง จึงต้องรับคำสั่งสอนด้วยวาจาจากพระศาสดาเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างความจริงกับความเท็จ ต้องเข้าใจด้วยว่าเนื่องจากในการปฏิบัติบางประการของทางสายกลาง การเปลี่ยนแปลงภายในบางอย่างเกิดขึ้นโดยการกระทำภายนอก กล่าวคือ บุคคลนั้นหันไปใช้รูปแบบของเต๋า (เทพ) ในรูปแบบบางอย่างอีกครั้ง หลังจากนั้นชั่วขณะหนึ่ง สาระสำคัญของการกระทำที่กระทำอาจถูกลืมและเหลือเพียงการทำซ้ำที่ว่างเปล่าซึ่งจะไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ และข้อผิดพลาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ถ้าอย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติของทางสายกลางสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่กล่าวถึงในที่นี้และที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ เขาก็จะสามารถบรรลุผลที่ดีมากได้ ซึ่งหมายความว่าอย่างน้อยบุคคลจะสามารถออกจากวงล้อแห่งการเกิดใหม่ (สังสารวัฏ) และก้าวหน้าต่อไปในการพัฒนาจิตวิญญาณของเขา แต่เขาก็ยังไม่สามารถบรรลุผลสูงสุดได้ นี่เป็นเพราะวิธีการที่ใช้เริ่มกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงภายในด้วยความเร็ว "ปานกลาง/ปานกลาง" ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดท้ายและการได้มาซึ่ง Body of Light จึงไม่มีเวลาเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ เส้นทางดังกล่าวจึงได้ชื่อว่าเป็นทางสายกลาง

เส้นทางที่สูงขึ้น

เส้นทางที่สูงกว่านั้นยากที่สุดสำหรับทั้งความเข้าใจและการปฏิบัติ แต่ในขณะเดียวกัน เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้บรรลุผลสูงสุดในการพัฒนาจิตวิญญาณในช่วงชีวิตหนึ่ง เป็นเวลานานมาก วิธีการของเส้นทางนี้ถูกเก็บเป็นความลับและส่งต่อไปยังนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกและมีความสามารถเท่านั้น และเฉพาะในสมัยของเราเท่านั้น เนื่องจาก "เวลาแห่งการขยายเส้นทาง" ได้มาถึง ปรมาจารย์แห่งโรงเรียนแห่งเส้นทางที่สูงกว่าบางคนได้เริ่มสอนระดับพื้นฐานอย่างเปิดเผย

วิธีการขั้นสูงของโรงเรียนเหล่านี้ไม่ได้ส่งต่อให้กับทุกคน แต่เฉพาะกับผู้ที่พิสูจน์ความปรารถนาอย่างจริงใจที่จะเข้าใจความจริงเท่านั้นมี Te (คุณสมบัติคุณธรรม) ระดับสูงและเชี่ยวชาญวิธีการพื้นฐานอย่างดีจึงเตรียมของแข็ง รากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงการเล่นแร่แปรธาตุต่อไป

ทางที่สูงกว่านั้นรวมถึงทางเบื้องล่างอย่างครบถ้วน และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถใช้วิธีการทางศาสนาที่เป็นลักษณะของทางสายกลางได้เลย ลักษณะของการปฏิบัติของเส้นทางที่สูงขึ้นคือบุคคลที่พยายามเข้าถึงระดับเริ่มต้นของการรับรู้ของโลกและการปรากฏตัวของแง่มุมต่าง ๆ ของเต๋าโดยไม่สรุปในรูปแบบเฉพาะ ดังนั้นนักเรียนจึงมีโอกาสน้อยที่จะยึดติดกับรูปแบบกลางหรือวิธีการนำไปใช้เนื่องจาก ความจริงสูงสุด (เต๋า) ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่มีลักษณะของประสบการณ์ภายใน การเปลี่ยนแปลง และความเข้าใจในระดับดึกดำบรรพ์ที่ลึกที่สุด จากที่ซึ่งทุกสิ่งปรากฏและกำเนิดขึ้น

โดยใช้หลักการนี้ ผู้ปฏิบัติสามารถหลีกเลี่ยงขอบเขตของจิตและจิตสำนึกที่จำกัด (เมื่อเปรียบเทียบกับหนทางอื่น) ได้อย่างรวดเร็วที่สุด (กล่าวคือ ที่เปลี่ยนอเวจีไร้ขอบเขตให้กลายเป็นสามัญ แม้ว่าจะประกอบด้วยปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติก็ตาม) แล้วมา ให้เข้าใจเต๋ามากขึ้น แต่ในข้อได้เปรียบนี้ความซับซ้อนของการปฏิบัติอยู่ที่ บุคคลคุ้นเคยกับความจริงที่ว่ามีรูปแบบเฉพาะหรือกฎเกณฑ์บางอย่างที่เขาอาศัย แต่ที่นี่จำเป็นต้องรับรู้ผู้สูงกว่าในสถานะดั้งเดิมเช่น นำสิ่งที่อยู่ในระดับจิตสำนึกปกติที่อาจขัดแย้งกันได้ และการพึ่งพาสิ่งที่คุณไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยจิตธรรมดาและไม่เห็นด้วยตาซึ่งบางครั้งคุณไม่เข้าใจด้วยซ้ำนั้นเป็นเรื่องยากมาก

นั่นเป็นเหตุว่าทำไมในหนทางสายกลางจึงใช้รูปที่ประจักษ์ - เทพ - เป็นเครื่องมือในการทำให้เข้าใจได้ง่ายและเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีผู้ฝึกหัดจำนวนมากที่สามารถฝึกฝนเส้นทางที่สูงขึ้นได้ เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเอาชนะความโน้มเอียงของจิตใจไปสู่ความเป็นรูปธรรมและความไม่ชัดเจนได้ แม้จะอยู่ในขอบเขตของเรื่องจิตวิญญาณที่สูงขึ้น จิตสำนึกจะยังคงพยายามลดความจริงให้เป็นชุดของหมวดหมู่และแนวความคิดที่เป็นนิสัย และสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ตามคำนิยาม เนื่องจากผู้สูงสุดไม่สามารถล้อมรอบอย่างสมบูรณ์ในขอบเขตของจิตใจที่จำกัด และเข้าใจมันจนถึงที่สุด

และเนื่องจากเส้นทางที่สูงกว่าไม่อาจใช้การปฏิบัติที่มีการแสดงอย่างเป็นแผนของเต๋า (เทพ) แต่เทศนาถึงหลักการของการรับรู้เบื้องต้นโดยตรงของทุกสิ่งตามที่เป็นอยู่ จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นศาสนาในความหมายปกติของคำนี้ แทนที่จะเป็นการปฏิบัติภายนอกและการกระทำ (พิธีกรรม ฯลฯ) ลักษณะเฉพาะของทางสายกลางและออกแบบมาเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน วิธีการของเส้นทางที่สูงขึ้นใช้การทำงานโดยตรงกับสภาวะภายในและพลังงานในกระบวนการของการแช่ในสภาวะที่สงบลึก สิ่งนี้ช่วยให้คุณบรรลุการเปลี่ยนแปลงภายในที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในทุกระดับ - ร่างกาย พลังงาน และจิตสำนึก/วิญญาณ/วิญญาณ ซึ่งหมายความว่าสามารถบรรลุผลลัพธ์สูงสุดได้ในเวลาที่สั้นที่สุด

ผลลัพธ์สูงสุดที่นี่เป็นที่เข้าใจกันว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย พลังงาน และจิตสำนึก / วิญญาณ / วิญญาณ และการรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งเรียกว่าการได้มาซึ่งร่างกายแห่งแสง (ร่างกายสีรุ้ง) ระดับนี้เป็นระดับสูงสุดไม่เฉพาะในประเพณีลัทธิเต๋าเท่านั้น แต่ยังอยู่ในระดับพุทธบางทิศทางด้วย ซึ่งหมายความว่าในระดับนี้ บุคคลดำรงอยู่ทั้งในรูปแบบที่ปรากฏและไม่ปรากฏ เป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า และในขณะเดียวกันก็เป็นปัจเจก ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดที่เป็นไปได้ทั้งหมด (เช่น เวลาและพื้นที่)

เมื่อปรมาจารย์เช่นนี้จากโลกนี้ไป เขาก็สลายไปในแสงอันบริสุทธิ์ด้วยแสงสีรุ้ง ด้วยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แม้แต่ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งหมายความว่าหลังจากการจากไปของอาจารย์ผู้นั้น ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่ เส้นทางที่สูงกว่านี้เรียกอีกอย่างว่า "เน่ยด่าน" หรือ "เส้นทางสูงสุดของการเล่นแร่แปรธาตุภายใน" มันซับซ้อนที่สุดและมีเพียงคนที่มีความสามารถสูงกว่าเท่านั้นที่สามารถศึกษามันได้และด้วยเหตุนี้จึงตระหนักได้

แต่เนื่องจากมีคนเช่นนี้ไม่มากนัก ดังนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่ ทางสายกลางจึงเหมาะสมและเข้าใจได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับวิธีขั้นสูงของการฝึกเล่นแร่แปรธาตุภายใน ตามกฎแล้วคนที่มีความสามารถโดยเฉลี่ยจะรวมการปฏิบัติทางศาสนากับวิธีการเล่นแร่แปรธาตุภายในขั้นพื้นฐาน หากความสามารถของบุคคลต่ำกว่าค่าเฉลี่ย วิธีการเล่นแร่แปรธาตุภายในจะไม่ถูกนำมาใช้เลย แต่มีการศึกษาเฉพาะวิธีการที่สามารถเตรียมร่างกาย พลังงาน และจิตสำนึกของเขาสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้น

เมื่อบุคคลเริ่มฝึกฝน เป็นสิ่งสำคัญมากที่เขาเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา เพราะจากนั้นจะบรรลุผลที่ดีที่สุดในช่วงชีวิตของเขา นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นว่าในระหว่างการศึกษาปกติและถูกต้อง ความสามารถสามารถเพิ่มขึ้น จากนั้นโปรแกรมภาคปฏิบัติของระดับหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยอีกระดับหนึ่ง สิ่งนี้สามารถทำได้โดยครูที่แท้จริงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเนื่องจากนักเรียนสามเณรไม่มีปัญญาและความรู้เพียงพอที่จะประเมินความสามารถและเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา

เมื่อคุณตัดสินใจเลือกเส้นทางได้แล้ว คุณสามารถ...