การบำบัดด้วยปัสสาวะสำหรับรอยแตกลาย กรณีเฉพาะของความจำเป็นในการบำบัดด้วยปัสสาวะ

หนึ่งในแนวทางปฏิบัติในการชำระล้างที่มีประสิทธิภาพในอายุรเวทคือ Amaroli (การบำบัดด้วยปัสสาวะ) ผู้พูดชาวรัสเซียส่วนใหญ่รู้จักการบำบัดด้วยปัสสาวะด้วยหนังสือและโปรแกรมของเขา G. Malakhov ฝ่ายตรงข้ามของเขาฟาดอย่างโกรธจัด: "ฉันมากับเรื่องสยองขวัญบางอย่าง" และไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่เขาพบหนังสือที่จำเป็นเกี่ยวกับโยคะและอายุรเวทซึ่งมีอยู่น้อยมากในขณะนั้น ดังนั้นเขาจึงเล่าถึงเทคนิคการทำความสะอาดแบบโบราณ

เมื่อหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับการบำบัดด้วยปัสสาวะปรากฏในมอสโกเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว มีเรื่องอื้อฉาวอย่างมาก ผู้คนเริ่มทำความสะอาดตัวเองและดื่มปัสสาวะอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนที่ฉันรู้จักมีการปรับปรุงที่สำคัญ แต่เช่นเคย มันอยู่ในรูปแบบของบริษัทมวลชน และไม่มีใครเพียงพอเป็นเวลานาน

ฉันได้พูดคุยเกี่ยวกับการบำบัดปัสสาวะเล็กน้อยแล้ว แต่อยู่ในบทความ “และฉันคิดว่าทุกคนที่ไม่มีโรคข้ออักเสบจะพลาดมันไปอย่างปลอดภัย

และหลังจากผ่านไปหลายปีหลังจากรับอายุรเวท ฉันพบว่าการบำบัดด้วยปัสสาวะคือ "อมาโรลิ" ในอายุรเวท และเป็นที่รู้จักเร็วกว่าที่นักโฆษณาชวนเชื่อ "ค้นพบ" มาก

ผู้ปฏิบัติงานบำบัดปัสสาวะหลายคนไม่ได้มองหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ พวกเขาแค่เห็นว่ามันช่วยได้มากเพียงใด

ความเห็นที่ว่าการบำบัดด้วยปัสสาวะจะแพร่ระบาดในวงกว้างและจะรักษาโรคได้ทุกคนคือยูโทเปีย อคติมากเกินไป

หลายคนถูกขัดขวางจากการบำบัดด้วยปัสสาวะด้วยความรังเกียจ แต่เมื่อบุคคลมีโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย ทุกวิถีทางก็ดี ไม่ให้รังเกียจ

อคติยังทำให้ตกใจ แล้วปัสสาวะก็เป็นของเสีย แต่ปัสสาวะของเราไม่ใช่ของเสีย แต่เป็นผลิตภัณฑ์จากการกรองเลือด ในทางเทคนิค นี่คือพลาสมาเลือดบริสุทธิ์พิเศษ

ปัสสาวะปลอดเชื้ออย่างสมบูรณ์ มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านไวรัส ต้านอาการกระตุก และต้านมะเร็ง ไม่พบสารพิษในนั้น

แต่ในปัสสาวะมีสารประกอบที่มีประโยชน์ทุกประเภทประมาณ 1,000 ชนิด (ตามที่ Dr. Free หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Miles Laboratories หนังสือ "การวิเคราะห์ปัสสาวะในห้องปฏิบัติการทางคลินิก" 1975)

ฉันอ้างชื่อเป็นภาษาอังกฤษเพราะกลัวจะแปลผิด:

อะลานีน, อาร์จินีน, กรดแอสคอร์บิก, อัลลันโทอิน, กรดอะมิโน, ไบคาร์บอเนต, ไบโอติน, แคลเซียม, Creatinine, Cystine, DHEA, โดปามีน, อะดรีนาลีน, กรดโฟลิก, กลูโคส, กรดกลูตามิก, ไกลซีน, อิโนซิทอล, ไอโอดีน, เหล็ก, ไลซีน, แมกนีเซียม, แมงกานีส, เมลาโทนิน เมไทโอนีน ไนโตรเจน ออร์นิเทน กรดแพนโทธีนิก ฟีนิลอะลาลีน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โปรตีน ไรโบฟลาวิน ทริปโตเฟน ไทโรซีน ยูเรีย วิตามิน B6 วิตามินบี 12 สังกะสี

เหตุใดสารดังกล่าวจึงมีประโยชน์ต่อร่างกายขับออกทางปัสสาวะ? ทำไมไม่เก็บไว้ในร่างกาย?

มันทำงานเช่นนี้ - หากองค์ประกอบบางอย่างเกินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ และไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ดี แต่เพราะว่าตอนนี้มีธาตุนี้ในร่างกายเพียงพอแล้ว แต่ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้ถูกนำกลับเข้าสู่ร่างกายพร้อมกับปัสสาวะ จะเพิ่มการป้องกันภูมิคุ้มกันของร่างกายและกระตุ้นการรักษา

มีการกล่าวถึงการบำบัดด้วยปัสสาวะในบทความอายุรเวท เช่น Yogaratnaakaram, Sushruta Samhita (Sushruta Samhita), Bhaava Prakaasa และ Ashtaanga Sangraha ในหนังสือทางจิตวิญญาณและการรักษาหลายเล่มของมหาภารตะ พระคัมภีร์ ที่มาของความสุขนิรันดร์ ไม่จำเป็นสำหรับผู้ไม่รู้ และอื่นๆ บน.

แหล่งที่มาของการบำบัดด้วยปัสสาวะที่เก่าแก่ที่สุดและสมบูรณ์ที่สุดคือ "(5000 ปี) - ซึ่งหมายถึง "การฝึกใช้ปัสสาวะเพื่อฟื้นฟูร่างกาย" ประกอบด้วย 107 โองการและรวมอยู่ใน Damar Tantra ที่มีชื่อเสียง ในรูปแบบของการสนทนาระหว่าง God Shiva และ Parvati ภรรยาของเขามีการสนทนาเกี่ยวกับวิธีการใช้การบำบัดด้วยปัสสาวะอย่างเหมาะสม

Shivambu Shastra ได้รับการพิจารณาว่าเป็นยาครอบจักรวาล การบำบัดด้วยปัสสาวะ (amaroli, shivambha) มีประสิทธิภาพในโรคมากกว่า 175 โรค

นอกจากนี้ยังมี คำอธิบายลึกลับการบำบัดด้วยปัสสาวะ ปัสสาวะถือเป็นอาหารที่มีชีวิตตามธรรมชาติมาก เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากเลือดและประกอบด้วย (พลังชีวิต) การใช้ปัสสาวะคือการใช้สารรักษาภายในของเราในระดับต่างๆ สารโฮโลแกรมมีความสามารถในการมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตทุกระดับ ตั้งแต่ทางกายภาพ ผ่านสนามแม่เหล็กไฟฟ้าของอารมณ์และจิตใจ ไปจนถึงการสั่นสะเทือนที่ละเอียดอ่อนของจิตวิญญาณ

ในบรรดานักวิจัยสมัยใหม่ ดร. จอห์น อาร์มสตรอง ปฏิวัติงานของเขาในปี 2487 ด้วยหนังสือเรื่อง The Water of Life

มีการศึกษาหลายร้อยครั้งในทศวรรษที่ผ่านมา ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ในห้องปฏิบัติการ นักวิทยาศาสตร์สังเกตว่าปัสสาวะทำลายไวรัสต่างๆ เช่น โปลิโอ วัณโรค ไข้ไทฟอยด์ หนองใน โรคบิด และทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างไร

ยังได้รับการยืนยันว่า ปัสสาวะช่วยในการรักษาโรคต่อไปนี้:

– กลาก, โรคสะเก็ดเงิน, สิว, แผลพุพอง, การติดเชื้อรา, กลาก, แผลไฟไหม้, แผลพุพอง, บาดแผล, แมลงกัดต่อย, แผลเปิด, เน่าเปื่อย

- โรคเกาต์, โรคกระดูกพรุน, เบาหวาน, โรคโปลิโอไมเอลิติส

- ความเป็นกรดเพิ่มขึ้น โรคกระเพาะ ดีซ่าน บวม

– เจ็บคอ (กลั้วคอ), (ล้างและถูปัสสาวะ), หูอักเสบ (หยอด), ไซนัสอักเสบ (หยอด)

- การอักเสบของทางเดินปัสสาวะ, เชื้อรา, ตกขาว (douching)

– ปัญหาเท้า (เชื้อราที่ผิวหนังและเล็บ) – (แช่เท้าด้วยปัสสาวะ)

ผลข้างเคียง

แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบรื่นและสวยงามด้วยการบำบัดด้วยปัสสาวะ เนื่องจากขั้นตอนนี้จะระดมสารพิษในร่างกายและกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตี ซึ่งอาจปรากฏเป็นผื่น อักเสบ มีไข้ ฯลฯ นี่เป็นปฏิกิริยาปกติ เนื่องจากการล้างสารพิษเริ่มต้นขึ้น และบ่อยครั้งที่พวกเขาไม่มีเวลาออกจากลำไส้ แต่จะผ่านเลือดเข้าสู่ผิวหนัง - จึงเป็นผื่น

ผลของการทำความสะอาดที่เริ่มต้นสามารถแสดงออกได้ในรูปแบบต่างๆ - อุจจาระหลวม ผื่นที่ผิวหนัง (สิวและฝี) อาเจียน มีไข้ ไอ อ่อนแรง ไร้สมรรถภาพ สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ปกติและไม่มีสาเหตุให้เกิดความกังวลและการใช้ยา มีกระบวนการทางธรรมชาติของการทำความสะอาดอย่างล้ำลึกของสารพิษในระดับเซลล์ ซึ่งไม่เคยเข้าถึงมาก่อน หากอาการค่อนข้างรุนแรง แสดงว่าปริมาณปัสสาวะนี้สูงเกินไปสำหรับคุณ ลดหรือหยุดไปเลย คุณสามารถหิวได้ในเวลานี้ หรืออย่างน้อยก็อย่ากินมากเกินไป เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติแล้ว ให้เริ่มใหม่ด้วยปริมาณเล็กน้อยและสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย ไม่มีใครรู้จักร่างกายของพวกเขาดีไปกว่าคุณ

ด้านล่างคือ ปฏิกิริยาทางร่างกายที่พบบ่อยที่สุดที่จุดเริ่มต้นของการบำบัดด้วยปัสสาวะและวิธีการบรรเทาที่เป็นไปได้:

อุจจาระหลวมเป็นเหตุการณ์ปกติ สารพิษเริ่มสลายตัวและออกมาเร็วกว่าปกติ อดอาหาร 1 วัน ดื่มน้ำต้มหรือน้ำกลั่นด้วยน้ำมะนาวเท่านั้น วันที่ 2 ให้กินข้าวต้มหรือข้าวหมงดาล (แทบไม่ใส่เครื่องเทศเลย วันที่ 3 ลำไส้จะกลับเป็นปกติ และสามารถบำบัดปัสสาวะต่อไปได้)

ผื่นที่ผิวหนัง- เป็นปรากฏการณ์ปกติในการบำบัดด้วยปัสสาวะ สารพิษในร่างกายเริ่มออกอย่างรวดเร็วและเส้นทางการขับถ่ายปกติไม่สามารถรับมือกับงานนี้ได้ ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มออกทางผิวหนังด้วย ในระยะแรกเจิมด้วยปัสสาวะแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นโดยไม่ใช้สบู่หลังจากผ่านไป 1-2 ชั่วโมง อย่าหวีหรือบีบอะไร ทุกอย่างจะหายไปภายใน 3-7 วัน เมื่อสารพิษหยุดปล่อย อาหารที่ดีที่สุดในปัจจุบันคือผลไม้เบา ๆ

อาเจียนบางทีถ้าคุณกินอาหารที่ทำให้ปัสสาวะมีรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ หรือถ้าคุณเพิ่งเป็นโรคติดเชื้อ ในกรณีเช่นนี้ ให้เจือจางปัสสาวะด้วยน้ำมากขึ้น และรสชาติที่ไม่พึงประสงค์จะหายไป หากอาการอาเจียนไม่รุนแรงและไม่ยืดเยื้อก็ไม่ควรกังวล การอาเจียนเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการทำความสะอาดกระเพาะอาหารแบบอายุรเวท หลังจากอาเจียนคุณจะรู้สึกโล่งใจ เพื่อทดแทนการสูญเสียของเหลว ให้ดื่มน้ำมาก ๆ โดยเฉพาะน้ำมะนาว

อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย. ในกรณีนี้ให้พักผ่อนและบริโภคของเหลวจำนวนมากเท่านั้น หลังจากอุณหภูมิลดลง อาหารที่ดีที่สุดคือผลไม้และอาหารเบา ๆ ระวังอุณหภูมิร่างกายของคุณ - ไม่ควรสูงเกินไป หากเป็นเช่นนี้ ให้ประคบเย็นที่หนังศีรษะและนวดฝ่าเท้าด้วย เป็นทางเลือกสุดท้าย ให้ใช้ยาแอสไพริน

ไออาจปรากฏเป็นตัวบ่งชี้การขับเสมหะออกจากปอดและทางเดินหายใจ มีเสมหะมาก ควรงดปัสสาวะจนกว่าจะทรงตัว ครั้งนี้ทำดี คุณสามารถใช้น้ำเกลือ (1 ช้อนชาต่อน้ำ 500 กรัม) หรือคุณสามารถผสมน้ำเปล่ากับปัสสาวะครึ่งหนึ่ง ในสถานะนี้ ไม่รวมอาหารที่สร้างเมือกทั้งหมด - ผลิตภัณฑ์นม ชีสทั้งหมด เป็นต้น

จุดอ่อนทั่วไปรู้สึกได้จากการเคลื่อนตัวของสารพิษมากเกินไป และสิ่งที่ดีที่สุดในกรณีนี้คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พักผ่อน และทานอาหารเบาๆ

นอกจากนี้ หากคุณกำลังใช้ยาสำหรับโรคบางโรค การทำเช่นนี้อาจขัดแย้งกัน ดังนั้น (โดยไม่ต้องหยุดใช้ยา) - เริ่มต้นด้วยขนาดเล็กและสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย - ให้หยุดทันทีหากอาการแย่ลงและกลับสู่ขั้นตอนเมื่ออาการฟื้นตัว .

หากคุณตัดสินใจลองใช้เป็นครั้งแรก ให้เริ่มด้วยการหยดเจือจางด้วยน้ำสักสองสามหยดเป็นเวลาหนึ่งเดือน

Damar Tantra เตือนว่า การใช้ปัสสาวะสดในปริมาณมากอาจทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้เพื่อป้องกันสิ่งนี้ จะดีกว่าถ้าใช้ปัสสาวะต้มหรือระเหย

ความอดอยากในระหว่างการบำบัดด้วยปัสสาวะแทบทุกคนเป็นเรื่องยากมากโดยเฉพาะผู้ป่วย () ในกรณีเหล่านี้ เป็นการดีกว่าที่จะทำทุกอย่างช้าๆ และในปริมาณเล็กน้อย ผลลัพธ์จะเกือบดีกว่าของผู้ที่กระตือรือร้นทำตามขั้นตอนและในกรณีที่ปฏิกิริยารุนแรงของร่างกายต้องถอยกลับ

การใช้ปัสสาวะบำบัด ระหว่างตั้งครรภ์เป็นที่ถกเถียง. ผู้เขียนบางคนยืนยันว่าสตรีมีครรภ์ไม่ควรทำเช่นนี้ ผู้เขียนคนอื่นๆ บอกว่าสตรีมีครรภ์สามารถให้ผลดีกับการบำบัดด้วยปัสสาวะได้ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือต้องเทปัสสาวะในช่วงเช้าวันแรกโดยไม่ดื่ม หลังจากดื่มของเหลวใด ๆ - น้ำ, นม, ชา ปัสสาวะที่สะสมในครั้งต่อไปจึงเหมาะสมสำหรับการบริโภค

ผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะควรงดเว้นจากการบำบัดด้วยปัสสาวะ

แน่นอนว่าการบำบัดด้วยปัสสาวะไม่ใช่ยาครอบจักรวาลสำหรับทุกโรค ท้ายที่สุดโรคต่างกัน - กรรม

นี่คือสิ่งที่กล่าวไว้ในบทที่ 5 ของ Ashtanga Hridaya Samhita "The Science of Fluids":

“วัว, แพะ, แกะ, ควาย, ช้าง, ม้า, อูฐและฉี่ลา - เพิ่ม pitta, ไม่มันเยิ้ม, แทรกซึมลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อ, ร้อนใน virya, ฉุนและเค็มในรสชาติรอง (หลังจากย่อยอาหาร), ปฏิบัติต่อหนอนพยาธิ, ท้องมาน, ท้องอืด, เป็นลม, อาการจุกเสียด, โรคโลหิตจาง, kapha และ vata dosha เพิ่มขึ้น, บวมในช่องท้อง, เบื่ออาหาร, เป็นพิษ, เม็ดเลือดขาว, โรคเรื้อน (และโรคผิวหนังอื่น ๆ ), เลือดออก; ย่อยง่าย"

UPD: 14 ​​กรกฎาคม 2556:

ที่:
“ผู้นับถือในวัฒนธรรมเวทกล่าวว่าในกาลียูกะ ปัสสาวะไม่สามารถใช้ในทางใดทางหนึ่ง มีเพียงวัวและปัสสาวะของเธอเท่านั้นที่ยังคงสะอาด ฉันเปิดใจเกี่ยวกับการรักษานี้ด้วยตัวเอง แต่ก็น่าสนใจที่จะรู้ว่า David Frawley คิดอย่างไรกับการรักษานี้ บางทีคุณอาจรู้เรื่องนี้?

อ:
“ผู้เชี่ยวชาญการเรียกร้องวัฒนธรรมเวท” - รายละเอียดเพิ่มเติม? แหล่งที่มา - พวกเขาอ้างถึงอะไร

ปัจจุบันงานหลักคือ "หฐโยคะประทีป"

Shlokas 96, 97 - "Amaroli Mudra"

«…. การแสดงของอามาโรลีประกอบด้วยการดื่มปัสสาวะส่วนตรงกลางสด.. "

“ตำราที่แตกต่างกันเกี่ยวกับหฐโยคะมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการปฏิบัติของ Amaroli….ส่วนใหญ่มักจะยอมรับ Amaroli เป็นการปฏิบัติที่อธิบายไว้ที่นี่ ..:

… ปัสสาวะถูกใช้เป็นยารักษาโรคในหลายวัฒนธรรมมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องนี้ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วปัสสาวะจะถือว่า "ไม่สะอาด" ปัสสาวะของคนที่กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพและร่างกายไม่สะอาดนั้นน่าขยะแขยงจริง ๆ เพราะมีสารพิษและสารตกค้างจากการเผาผลาญที่เป็นอันตรายต่อการกินและแม้กระทั่งใช้ภายนอก
อย่างไรก็ตาม ส่วนตรงกลางของปัสสาวะของโยคีนั้นสะอาดและไม่เป็นอันตราย

ใน Tantra และ Yoga อะมะโรลียังเป็นที่รู้จักกันในนาม Shivambhu นั่นคือองค์ประกอบพื้นฐานของ "ฉัน" ของมนุษย์ การใช้ส่วนตรงกลางของปัสสาวะนั้นมีคุณค่าอย่างมากในโยคะ ยาแผนปัจจุบันยังใช้การบำบัดด้วยปัสสาวะ แต่วิทยาศาสตร์ยังไม่ได้พิจารณาอย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

ผู้คนคิดว่าปัสสาวะ "สกปรก" เพราะคิดว่าเป็นของเสียประเภทเดียวกับอุจจาระ (ขยะมูลฝอย)
แต่มันไม่ถูกต้องทั้งทางกายวิภาคและทางสรีรวิทยาที่จะรวมปัสสาวะและอุจจาระไว้ในชั้นเดียว เนื่องจากมีการผลิตในร่างกายในรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและปล่อยให้ร่างกายผ่านประตูที่แตกต่างกันและแยกจากกัน

ปัสสาวะคือสิ่งกรองสูงสุดของเลือด …..

ขยะมูลฝอยเกิดขึ้นในลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง …

เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะอคติต่อปัสสาวะด้วยการให้เหตุผลด้วยสติปัญญา อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติของอามาโรลีสามารถขจัดสิ่งอุดตันในจิตใต้สำนึกได้อย่างรวดเร็ว

หากคุณรู้สึกว่าปัสสาวะของคุณไม่บริสุทธิ์ นี่คือการหลอกลวงความเชื่อในจิตใต้สำนึกของคุณเกี่ยวกับร่างกายของคุณเองและที่มาของมัน ในระดับจิตใต้สำนึก คุณได้สืบทอดความเชื่อที่ว่าร่างกายของคุณไม่บริสุทธิ์….

.... Amaroli เป็นที่รู้จักในนาม yoginis ว่าเป็นยาคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากการดูดซึมกลับของปัสสาวะที่มีเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนยับยั้งการตกไข่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจนสังเคราะห์และโปรเจสเตอโรนป้องกันการตกไข่

ความแตกต่างก็คือใน Amaroli ฮอร์โมนเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติซึ่งช่วยขจัดผลข้างเคียงมากมายของยาสังเคราะห์

ในทำนองเดียวกัน ในผู้ชาย การดูดซึมฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนซ้ำจากปัสสาวะจะสร้าง "ผลป้อนกลับเชิงลบ" ที่ทำหน้าที่ในต่อมใต้สมองและยับยั้งการหลั่งของ gonadotropins ต่อไป ส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและสเปิร์มลดลงชั่วคราว ในกรณีนี้ปริมาณของตัวอสุจิจะลดลงแม้ว่าน้ำอสุจิจะยังคงก่อตัวอยู่ก็ตาม

พึงระลึกไว้เสมอว่าอามาโรลีเป็นความลับที่ได้รับการปกป้องอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งเปิดเผยต่อโยคีผู้ริเริ่มเท่านั้น นี่เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่หลังจากนั้นไม่กี่ปี ร่างกายมนุษย์ก็เข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง

มีกฎหลายข้อสำหรับผู้ที่ต้องการฝึก Amaroli ประการแรก Sadhana of Amaroli ไม่เหมาะสำหรับทุกคนดังนั้นจึงควรดำเนินการตามคำแนะนำของปราชญ์

ประการที่สอง ความรุนแรงและระยะเวลาของการฝึกต้องระบุโดยปราชญ์
ประการที่สาม นิสัยและวิถีชีวิตปกติบางอย่างมีความจำเป็น
และสุดท้าย อมะโรลีคืออาสนะที่เป็นความลับ เมื่อทำแล้วไม่ควรพูดในที่สาธารณะ ประสบการณ์บางอย่างที่คุณจะได้รับจากการปฏิบัตินี้เป็นที่รู้จักของกูรูและสามารถพูดคุยกับเขาได้เท่านั้นและไม่สามารถพูดคุยกับคนอื่นได้

(นี่คือความคิดเห็นเกี่ยวกับ "หฐโยคะประทีป" ของผู้ก่อตั้งโรงเรียนพิหารแห่งโยคะ - พื้นฐานที่สุด)

ดังนั้น สำหรับคำถามต่อไปของคุณเกี่ยวกับทัศนคติของ Frawley ต่อการบำบัดด้วยปัสสาวะ คำตอบนั้นสูงกว่า - Frawley เป็นนักแปลตำราโบราณและเขาไม่สามารถเห็นด้วยกับงานหลักของโยคะได้

เกี่ยวกับอิทธิพลของ Kali Yuga - "เพิ่งเริ่มต้นเมื่อ 5 พันปีก่อน" และเราจะต้องรออีก 427,000 ปีสำหรับการสิ้นสุด ไม่นาน:)

และตอนนี้คุณต้องปรับปรุงสุขภาพของคุณ โดยวิธีการที่เป็นไปได้ทั้งหมด
Yugas (ยุคโลกยาวนานหลายร้อยหลายพันปี) มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อบุคคลธรรมดาและ "ปัญหาเล็ก ๆ " ของเขา (ในระดับของจักรวาล) พวกเขาทำหน้าที่ในยุคนั้น”

B - ข้อความที่ตัดตอนมาจาก Shivambhu Kalpa (การบำบัดด้วยปัสสาวะ) แปลโดย Mezentsev

UPDพฤศจิกายน 2558:
ในความคิดเห็นมากมาย ฉันอ้างถึงหนังสือของ G. Malakhov (ไม่ว่าจะวิจารณ์เขากี่คน เขาก็เล่าถึงการบำบัดด้วยปัสสาวะจากอายุรเวทสำหรับผู้อ่านยุคใหม่อย่างถูกต้อง) หนังสือของเขามีคำถามและคำตอบโดยละเอียด ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดด้วยปัสสาวะที่แคบ ฉันแสดงให้คุณเห็นทิศทางที่คุณสามารถมองได้ แต่ฉันไม่สามารถแยกแยะรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ได้ สำหรับการอภิปราย คุณสามารถค้นหาไซต์หลายพันแห่งบนอินเทอร์เน็ตที่ผู้ปฏิบัติงานแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขา

การบำบัดด้วยปัสสาวะ ส่วนที่ 1ถูกแก้ไขล่าสุด: 14 มีนาคม 2019 โดย ที่ปรึกษา

การรักษาด้วยปัสสาวะ (ปัสสาวะ) เป็นวิธีการทั่วไปในการรักษาโรคต่างๆ ในการแพทย์พื้นบ้าน ปัสสาวะมีองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์และมีสารออกฤทธิ์มากมายที่สามารถช่วยให้เกิดโรคและพยาธิสภาพได้หลายอย่าง ข้อดีของการใช้ปัสสาวะเองคือ ร่างกายไม่มีอาการแพ้ตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์นี้ ไม่รับรู้ว่าสารที่มากับปัสสาวะเป็นสิ่งแปลกปลอม

มีสูตรต่าง ๆ สำหรับการใช้ปัสสาวะ: พวกเขาดื่ม, ประคบ, ทำความสะอาดสวนจากมัน หลายคนสนใจในสิ่งที่ช่วยปัสสาวะ การบำบัดนี้ใช้สำหรับโรคของระบบทางเดินอาหาร, ตับอ่อนอักเสบ, โรคต่อมไร้ท่อ, โรคของข้อต่อ, กระบวนการติดเชื้อ, ปัญหาผิวหนัง, ปัสสาวะทำความสะอาดลำไส้และร่างกายทั้งหมดจากสารพิษและสารพิษ

แง่จิตวิทยาของการรักษาปัสสาวะ

สำหรับคนจำนวนมาก การรักษาปัสสาวะเป็นข้อห้ามที่ทรงพลัง พวกเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับความคิดที่จะใช้วิธีการรักษานี้ทั้งภายนอกและภายใน ข้อห้ามนี้เป็นผลมาจากข้อห้ามทางศีลธรรมที่สังคมกำหนด เราถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าปัสสาวะเป็นสิ่งไม่ดี น่ารังเกียจ ศีลธรรมอันดีของประชาชนทำให้กระบวนการทางสรีรวิทยาทั้งหมด (การถ่ายอุจจาระ การปัสสาวะ แง่มุมทางเพศต่างๆ ของชีวิตมนุษย์) อยู่ภายใต้การห้าม มันเป็นเรื่อง "อนาจาร" "น่าละอาย" ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ในกระบวนการของสังคมศึกษา เด็กสร้างบล็อกที่เกี่ยวข้องกับความต้องการทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งยากมากที่จะข้าม

ในวัยเด็กยังไม่มีข้อห้ามทางจิตวิทยาเหล่านี้ เด็กเกิดมาโดยปราศจากทัศนคติทางศีลธรรมที่สังคมกำหนด ดังนั้นเด็ก ๆ จึงพูดอย่างอิสระและเป็นธรรมชาติเกี่ยวกับกระบวนการทางสรีรวิทยาเหล่านี้: พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็น "สิ่งต้องห้าม", "ไม่เหมาะสม", "ไม่เป็นที่พอใจ" แต่ความจริงก็คือไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมและน่ารังเกียจในเรื่องนี้ซึ่งเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ

หากเด็กสัมผัสกับปัสสาวะของตัวเอง สิ่งนี้จะไม่ทำให้เขารู้สึกไม่สบาย กลัว หรือรังเกียจ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถึงอายุที่กำหนด กระบวนการนี้เป็นไปตามธรรมชาติอย่างยิ่ง ทารกจะปัสสาวะในผ้าอ้อมหรือกางเกง ผิวหนังของเขาสัมผัสกับปัสสาวะเป็นประจำ ในเวลาเดียวกัน ผิวของเขา (โดยปกติ) ไม่พบผลที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ จากการสัมผัสกับปัสสาวะ ในทางตรงกันข้าม ไม่มีอะไรที่ละเอียดอ่อนและมีสุขภาพดีไปกว่าผิวของทารก ดังนั้น นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความจริงที่ว่าปัสสาวะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ช่วยให้สภาพดีขึ้น
นอกจากนี้ ในกระบวนการพัฒนามดลูก ทารกในครรภ์จะอยู่ในน้ำคร่ำของมารดา ไตและระบบขับถ่ายของทารกในครรภ์เริ่มทำงานในสัปดาห์ที่ 14 ของการตั้งครรภ์ เป็นการเริ่มขับปัสสาวะซึ่งผสมกับน้ำคร่ำของแม่ เป็นเรื่องปกติที่ทารกจะอยู่ในสารละลายปัสสาวะของตัวเอง กลืนมัน ดูดซับกับผิวหนังในช่วง 2/3 ของการตั้งครรภ์ ดังนั้นปัสสาวะจึงไม่สามารถทำร้ายบุคคลได้ทางสรีรวิทยา

แน่นอนว่าคำกล่าวนี้เป็นความจริงหากเรากำลังพูดถึงปัสสาวะของคนที่มีสุขภาพดีซึ่งไม่มีสารอันตรายและหากการบำบัดด้วยปัสสาวะดำเนินไปอย่างถูกต้อง

ข้อห้ามความกลัวและความรังเกียจในปัสสาวะของบุคคลนั้นปรากฏในกระบวนการศึกษา สิ่งเหล่านี้เป็นบล็อกทางจิตวิทยาเทียมที่ไม่เพียงแต่ป้องกันการใช้ปัสสาวะในการรักษาโรคต่าง ๆ และการทำความสะอาดทั่วไปและการรักษาร่างกาย แต่ยังขัดขวางการตระหนักถึงศักยภาพของบุคคล ยิ่งมีอุปสรรคและข้อห้ามในใจของบุคคลมากเท่าใด บุคคลก็จะยิ่งรู้สึกสบายใจน้อยลงเท่านั้น เด็กมีอิสระและมีความสุขมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะพวกเขาไม่กลัวที่จะพูดออกมาดัง ๆ ในสิ่งที่พวกเขาคิด ถามในสิ่งที่ต้องการ ตระหนักถึงตนเองโดยไม่คำนึงถึงความคิดเห็นของผู้อื่น เสรีภาพนี้ถูกแทนที่ด้วยทัศนคติทางศีลธรรม แนวคิดเรื่อง "ดี" และ "ไม่เหมาะสม" ซึ่งกำหนดโดยสังคมและป้องกันไม่ให้บุคคลมีชีวิตที่สมบูรณ์ เป็นผลให้เกิดโรคประสาทความไม่พอใจ

การเอาชนะข้อห้ามและทัศนคติดังกล่าวมีความสำคัญมากต่อความสบายใจทางจิตใจของแต่ละบุคคล ขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการนี้อาจคือการยอมรับว่าปัสสาวะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ต้องห้าม การบำบัดและทำให้บริสุทธิ์ด้วยปัสสาวะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย

การรักษาปัสสาวะ: วิธีการใช้

คุณสามารถดื่มปัสสาวะ, ประคบ, อาบน้ำ, หล่อลื่นผิว, ฝังไว้ในจมูกหรือหู, ใช้สำหรับกลั้วคอ, ทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ด้วยสวน วิธีการใช้ปัสสาวะขึ้นอยู่กับโรคและสภาพร่างกายโดยทั่วไปของบุคคล

การกลืนกินของปัสสาวะ

ดังนั้นสิ่งที่ช่วยให้การบริโภคปัสสาวะทางปาก? ในช่องปาก สารนี้มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียที่เน่าเสียและกลิ่นปาก หากคุณล้างปากและกล่องเสียงด้วยปัสสาวะเป็นประจำทุกวัน สิ่งนี้จะช่วยเสริมสร้างเหงือกและเยื่อเมือกของช่องปาก บางคนใช้ปัสสาวะแทนยาสีฟัน สารนี้ทำความสะอาดคราบพลัคและฆ่าเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ปัสสาวะเป็นเวลานานช่วยเพิ่มคุณภาพของเคลือบฟัน เนื่องจากธาตุที่อุดมไปด้วยปัสสาวะทำให้ฟันแข็งแรง และคุณสมบัติต้านจุลชีพของสารนี้ช่วยหยุดฟันผุ การกลั้วคอด้วยปัสสาวะใช้สำหรับต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังและเฉียบพลัน

ปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะอาหารผ่านทางหลอดอาหาร ปัสสาวะมีผลดีต่อเยื่อเมือกของทางเดินอาหาร มีการทำความสะอาดเยื่อเมือก หากมีบาดแผลหรือแผลเปื่อยด้วยการใช้ปัสสาวะเป็นประจำ พวกมันจะรักษาและสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ผลกระทบของปัสสาวะนี้อธิบายได้จากฮอร์โมนสเตียรอยด์และสารต้านการอักเสบในนั้น

หลังจากที่กระเพาะอาหาร ปัสสาวะผ่านลำไส้เล็กส่วนต้นแล้วเข้าไปในลำไส้เล็ก เนื่องจากเกลือแร่มีความเข้มข้นสูง ปัสสาวะจึงดูดน้ำเข้าไปในรูของลำไส้ ช่วยทำความสะอาดเยื่อเมือกและไมโครวิลลีของลำไส้เล็ก สารพิษที่เกาะตามผนังจะละลายในปัสสาวะ การรักษาปัสสาวะเป็นประจำช่วยทำความสะอาดและทำให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติปรับปรุงการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร ความอยากอาหารจึงดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การรักษาได้ผล สิ่งสำคัญคือต้องกินให้ถูกต้อง ไม่กินมากเกินไป และให้ความสำคัญกับอาหารที่ปรุงเองจากพืชเป็นหลัก ลำไส้ที่ทำงานได้ดีจะได้รับประโยชน์สูงสุด แต่โภชนาการต้องแข็งแรงจึงจะทำเช่นนั้นได้ หากคนกินอาหารขยะไขมันอาหารทอดอาหารจานด่วนการบำบัดด้วยปัสสาวะจะเพิ่มผลกระทบเชิงลบของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่อร่างกายเนื่องจากสารพิษและสารก่อมะเร็งทั้งหมดจะเข้าสู่กระแสเลือดจากลำไส้ .

ในลำไส้เล็ก ปัสสาวะจะถูกเจือจางด้วยน้ำจนมีศักยภาพในการดูดซับเมื่อเทียบกับของเหลวคั่นระหว่างหน้า ตามด้วยการดูดซึมของปัสสาวะ ส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์ทั้งหมดของสารนี้เข้าสู่กระแสเลือด สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าปัสสาวะไม่มีสารที่ซับซ้อนที่ย่อยสลายในทางเดินอาหาร ฮอร์โมนสเตียรอยด์และกรดอะมิโน วิตามิน มีขนาดเล็กจึงดูดซึมได้อย่างอิสระผ่านระบบลำเลียงเซลล์ของเซลล์ในลำไส้เล็กและเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้แร่ธาตุที่มีอยู่ในปัสสาวะจะเข้าสู่กระแสเลือด

ด้วยเลือดปัสสาวะจะเข้าสู่ตับก่อน การรักษาดังกล่าวช่วยได้เนื่องจากปัสสาวะช่วยละลายนิ่ว การทำงานของเซลล์ตับก็ดีขึ้นเช่นกัน และร่างกายก็ได้รับการชำระล้างอย่างเป็นธรรมชาติ

ในอนาคต ส่วนประกอบทั้งหมดของปัสสาวะจะมีเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายและมีผลในเชิงบวกที่ซับซ้อนต่อร่างกาย ยูเรียมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและส่งเสริมการกำจัดน้ำส่วนเกิน วิตามินที่มีอยู่ในปัสสาวะเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟู และปรับปรุงสภาพทั่วไปของร่างกาย ฮอร์โมนที่มีอยู่ในปัสสาวะช่วยให้ระดับฮอร์โมนเป็นปกติและปรับปรุงการทำงานของต่อมไร้ท่อ

ผลของการบำบัดด้วยปัสสาวะทำให้การทำงานของทั้งร่างกายดีขึ้นเพราะการทำงานของลำไส้ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบอวัยวะทั้งหมด การบริโภคปัสสาวะทางปากเป็นประจำจะช่วยขจัดกระบวนการติดเชื้อและการอักเสบ มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายให้เป็นปกติ ปรับปรุงสภาพผิวและผิวหนัง การใช้ปัสสาวะมีผลในเชิงบวกที่ซับซ้อนต่อสถานะของระบบหัวใจและหลอดเลือดช่วยปรับปรุงการทำงานของไต การใช้ปัสสาวะยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคของข้อต่ออีกด้วย การบำบัดด้วยปัสสาวะใช้สำหรับโรคข้ออักเสบ ด้วยความช่วยเหลือของการรักษาดังกล่าวข้อต่อจะทำความสะอาดคราบเกลือขจัดความเจ็บปวดและฟื้นฟูความคล่องตัว

ยาสวนปัสสาวะมีไว้เพื่ออะไร?

สวนปัสสาวะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ ปัสสาวะมีผลดีต่อสภาพของเยื่อเมือกช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียเน่าเปื่อยที่กำลังพัฒนาในลำไส้
ดังที่คุณทราบ ลำไส้ใหญ่เป็นที่ที่มีมลพิษมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ ตะกรันและสารพิษสะสมที่นั่นในกระบวนการของการก่อตัวของมวลอุจจาระบนผนังของลำไส้จะเกิดการตกตะกอนจากผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากการย่อยอาหาร ในกรณีของ dysbacteriosis แบคทีเรียเน่าเสียจะพัฒนาในลำไส้ซึ่งทำให้การทำงานปกติของระบบย่อยอาหารเป็นอัมพาต ทำให้เกิดอาการท้องผูกและการก่อตัวของก๊าซ และทำให้ร่างกายเป็นพิษด้วยผลิตภัณฑ์จากกิจกรรมที่สำคัญของพวกเขา ปัสสาวะสวนทำให้ลำไส้เป็นปกติและทำให้สภาพของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดดีขึ้น

สำหรับสวนจะใช้ปัสสาวะ 500–100 มล. ขั้นตอนจะดำเนินการหนึ่งวันหลังจากการเคลื่อนไหวของลำไส้
เริ่มต้นหลักสูตรการบำบัดด้วยปัสสาวะด้วยปัสสาวะทั้งหมด หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือน คุณสามารถเริ่มทำสวนทวารด้วยปัสสาวะระเหยได้ ปัสสาวะระเหยไปครึ่งหนึ่งแล้วหนึ่งในสี่ของปริมาตรเดิม
เริ่มทำสวนด้วยปัสสาวะระเหย 100 มล. สำหรับแต่ละขั้นตอนที่ตามมา ให้เพิ่มปริมาณขึ้น 500 มล. ศัตรูยังคงได้รับวันเว้นวัน หลังจากที่ปริมาณปัสสาวะในหนึ่งขั้นตอนถึง 500 มล. ปริมาณของสวนจะเริ่มค่อยๆลดลง เมื่อปัสสาวะระเหยถึง 100 มล. การทำความสะอาดลำไส้ถือว่าสมบูรณ์ การรักษานี้จะทำซ้ำหากจำเป็น เพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ และทำความสะอาดลำไส้อย่างสม่ำเสมอ ควรทำสวนปัสสาวะทุก ๆ หกเดือนถึงหนึ่งปี
การรักษาดังกล่าวช่วยทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ปรับปรุงการทำงานของมัน หลักสูตรการบำบัดด้วยปัสสาวะช่วยรับมือกับอาการท้องผูก dysbacteriosis ทำความสะอาดและปรับปรุงสภาพของเยื่อเมือกป้องกันการพัฒนาของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

คุณต้องระวังการใช้ยาสวนทวารสำหรับโรคริดสีดวงทวาร ในบางกรณีอาจนำไปสู่อาการริดสีดวงทวารย้อยและอาการของผู้ป่วยแย่ลง

ทำไมต้องฝังปัสสาวะในหูและจมูก?

ปัสสาวะสามารถใช้ในการรักษาและป้องกันโรคติดเชื้อของช่องจมูก: ไซนัสอักเสบ, ไซนัสอักเสบ, ต่อมทอนซิลอักเสบ การใส่ปัสสาวะเข้าไปในหูช่วยต่อสู้กับการอักเสบในหู
สำหรับการรักษาล้างช่องจมูกด้วยปัสสาวะสดวันละ 1-2 ครั้ง ปัสสาวะ 5-10 หยดเข้าหูวันละหลายครั้ง

ปัสสาวะยังใช้สำหรับสูดดม ขั้นตอนนี้จะช่วยรับมือกับอาการน้ำมูกไหลเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ จะช่วยรักษาโรคปอดบวมได้ ปัสสาวะมีฤทธิ์ต้านจุลชีพจึงต่อสู้กับการติดเชื้อ

การบำบัดด้วยปัสสาวะเฉพาะที่ใช้สำหรับอะไร?

ผิวหนังมีคุณสมบัติในการดูดซับ ดังนั้นการใช้ภายนอกของยารักษาโรค โดยเฉพาะปัสสาวะ ไม่เพียงแต่มีผลเฉพาะในท้องถิ่น แต่ยังส่งผลที่ซับซ้อนต่อร่างกายด้วย

การทำความสะอาดร่างกายผ่านทางผิวหนังจะเกิดขึ้นหากคุณใช้การถูและนวดด้วยปัสสาวะ ฮอร์โมน กรดอะมิโน และยูเรียถูกดูดซึมผ่านผิวหนังและช่วยทำความสะอาดและปรับปรุงสภาพร่างกาย ส่วนประกอบที่เป็นประโยชน์ของปัสสาวะจะถูกดูดซึมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการนวด

สำคัญ! หากมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นและมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง จะต้องหยุดทำหัตถการ

ปัสสาวะมีผลดีต่อสภาพผิว ดังนั้นจึงใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในเครื่องสำอาง เมื่อต้องการทำเช่นนี้ ให้ใช้ปัสสาวะสดหรือลอกออกไม่เกินหนึ่งในสี่ของปริมาตรเดิมของปัสสาวะ แนะนำให้เช็ดผิวหน้าและลำคอทุกเช้า หลังจากทำหัตถการ คุณต้องรอจนกว่าผิวจะแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นและน้ำเย็นก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ผงซักฟอกที่ทำให้ผิวแห้ง นอกจากนี้ ปัสสาวะยังมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมอีกด้วย แนะนำให้ถูสารนี้ลงในรากผมก่อนสระผม
สำหรับการรักษาแผลไฟไหม้แผลเป็นหนองและการติดเชื้อที่ผิวหนังใช้การประคบด้วยปัสสาวะซึ่งนำไปใช้กับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ แนะนำให้ใช้การบีบอัดวันละ 2 ครั้ง สำหรับขั้นตอนนี้จะใช้ปัสสาวะสดหรือระเหย

การทำความสะอาดข้อต่อจากการสะสมของเกลือและการรักษาโรคข้ออักเสบนั้นดำเนินการโดยการประคบจากปัสสาวะสดและปัสสาวะเก่าไปยังบริเวณข้อต่อที่เสียหาย การบำบัดจะต้องครอบคลุม การทำความสะอาดองค์ประกอบอย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปได้เฉพาะกับการใช้ปัสสาวะภายในคู่ขนานและการใช้สวนทวาร

เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หลายประการสำหรับการบำบัดด้วยปัสสาวะ การใช้การรักษาดังกล่าวอย่างไร้การควบคุมและไร้ความคิดอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี

กฎพื้นฐานสำหรับการดื่มปัสสาวะ:

สิ่งที่อาจเป็นอันตรายของการบำบัดด้วยปัสสาวะ?

ผลการรักษาของปัสสาวะนั้นสัมพันธ์กับองค์ประกอบที่เข้มข้น ประกอบด้วยวิตามินที่ละลายในน้ำ แร่ธาตุ กรดอะมิโน ยูเรีย และฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ ไตขับฮอร์โมนออกจากร่างกาย ดังนั้นปัสสาวะจึงอุดมไปด้วยสารเหล่านี้ ฮอร์โมนมีฤทธิ์ต้านการอักเสบกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นอันตรายจากการบำบัดด้วยปัสสาวะ เนื่องจากปริมาณฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่มีปริมาณมากเข้าสู่ร่างกายด้วยปัสสาวะ การบำบัดดังกล่าวจึงคล้ายกับการใช้ยาฮอร์โมน

การรับประทานฮอร์โมนในปริมาณมากอาจนำไปสู่การหยุดชะงักของการทำงานของต่อมไร้ท่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อมหมวกไต ข้อเสนอแนะที่เรียกว่าดำเนินการ: ความเข้มข้นของฮอร์โมนในเลือดควบคุมการสังเคราะห์สารเหล่านี้โดยต่อมของร่างกาย หากเกินความเข้มข้นของคอร์ติโคสเตียรอยด์ ต่อมหมวกไตจะหยุดผลิตและอาจฝ่อเมื่อเวลาผ่านไป นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณปัสสาวะเป็นเวลานาน การกลืนกินปัสสาวะในเด็กอาจทำให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการหยุดชะงัก

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าการบำบัดด้วยฮอร์โมนช่วยขจัดอาการของโรค: ลดการอักเสบมีผลยาแก้ปวด อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่เท่ากับการรักษาเสมอไปเนื่องจากสาเหตุของโรคยังไม่ถูกกำจัด การรักษาด้วยปัสสาวะควรเสริมด้วยการระบุและกำจัดปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคโดยเฉพาะ

เพื่อให้การใช้ปัสสาวะทั้งภายนอกและภายในปลอดภัย คุณต้องแน่ใจว่าปัสสาวะปลอดเชื้อและไม่มีสารก่อโรค การปรากฏตัวของแบคทีเรียในปัสสาวะอาจบ่งบอกถึงสีขุ่นซึ่งเป็นกลิ่นเน่าเปื่อยที่ไม่พึงประสงค์ แต่การไม่มีสัญญาณเหล่านี้ไม่ได้รับประกันความเป็นหมันของปัสสาวะเสมอไป

เขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณในการรักษาโรคช่วยผู้อ่านคนอื่น ๆ ของเว็บไซต์!
แบ่งปันเนื้อหาบนโซเชียลเน็ตเวิร์กและช่วยเหลือเพื่อนและครอบครัวของคุณ!

การบำบัดด้วยปัสสาวะหมายถึงวิธีการแพทย์ทางเลือกวิธีหนึ่ง สาระสำคัญของมันอยู่ที่การใช้ปัสสาวะภายนอกหรือภายในเป็นยา โปรดทราบว่าปัญหาของการบำบัดด้วยปัสสาวะเป็นเรื่องที่หลายคนกังวลและมีการหยิบยกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่นในมอสโกในทศวรรษที่ 1930 พวกเขายังเปิดสถาบันบำบัด urogravid ซึ่งในไม่ช้าก็ปิดได้สำเร็จ การศึกษาที่ดำเนินการในนั้นเผยให้เห็นว่าไม่มีผลทางคลินิกอย่างสมบูรณ์ของการใช้การบำบัดด้วยปัสสาวะ การรักษาร่างกายด้วยปัสสาวะถูกนำมาใช้ในอินเดียโบราณจากที่นั่นแนวโน้มนี้มาถึงเรา

ปัสสาวะคืออะไร?

เกิดขึ้นจากกระบวนการไหลผ่านไตของพลาสมาในเลือดซึ่งเป็นสารละลายของ metabolites และ catabolites รวมถึงสารแปลกปลอมสำหรับร่างกายของเรา ลองนึกภาพ ในเวลาเพียงหนึ่งวัน ผ่านหลอดเลือดของไตของเราประมาณ 1,500 ลิตร เลือดไหลเวียน ไตจะกรองเลือด

ผลที่ได้คือปัสสาวะปฐมภูมิ - ประมาณ 180 ลิตร องค์ประกอบของมันคล้ายกับพลาสมาเลือด การเคลื่อนไปตามท่อไต สารที่มีค่าและน้ำจะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด สารพิษที่ละลายในน้ำทำให้เกิดปัสสาวะรองซึ่งออกมาตามธรรมชาติ

ปัสสาวะของคนที่มีสุขภาพดีประกอบด้วยยูเรีย แอมโมเนีย กรดยูริก และครีเอตินีน ปัสสาวะของผู้ป่วยยังประกอบด้วยอะซิโตน แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค เกลือของโลหะหนัก และสิ่งสกปรกทางพยาธิวิทยาอื่นๆ

องค์ประกอบของปัสสาวะ

ปัสสาวะเป็นผลิตภัณฑ์เคมีที่ค่อนข้างซับซ้อน ปัสสาวะประกอบด้วย purine base, กรดยูริก, ที่สำคัญที่สุด, ชุดของกรดนิวคลีอิก, เช่นเดียวกับเอนไซม์, ฮอร์โมนและวิตามิน.

เป็นที่เชื่อกันว่าองค์ประกอบที่อุดมไปด้วยดังกล่าวสามารถชำระร่างกายของสารพิษและสารพิษและจะเติมเต็มบางส่วนของยาเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

การบำบัดด้วยปัสสาวะมีกี่ประเภท?

• การบำบัดภายใน - เมื่อปัสสาวะเข้าทางปาก
• การบำบัดภายนอก - การใช้ปัสสาวะเป็นประคบ, ห่อ, ล้างบริเวณที่เสียหาย
• ล้างโพรงในร่างกาย - หู, ช่องจมูกและลำไส้ใหญ่ หลังถูกล้างด้วยสวน

คุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ของการบำบัดด้วยปัสสาวะ

1. ปัจจุบันการบำบัดด้วยปัสสาวะเป็นวิธีการชำระร่างกายและการกำจัดโรค
2. การบำบัดด้วยปัสสาวะยังใช้เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
3. นักวิทยาศาสตร์บางคนเห็นด้วยกับข้อเท็จจริงที่ว่าปัสสาวะมีสารเมตาบอไลต์ของฮอร์โมนสเตียรอยด์ จากนี้ไป การบำบัดด้วยฮอร์โมนและการบำบัดด้วยปัสสาวะเป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างเกี่ยวข้องกัน
4. ปรากฎว่าการใช้ปัสสาวะภายในที่ปล่อยออกมาในระหว่างวันจะทำให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนในปริมาณยาโดยเฉลี่ย

คุณสมบัติที่เป็นอันตรายของการบำบัดด้วยปัสสาวะ

1. ยาตามหลักฐานบ่งชี้ว่าปัสสาวะของมนุษย์สำหรับใช้ภายในเป็นอันตรายและเป็นอันตราย จะสังเกตเห็นว่าในคนที่มีสุขภาพดีที่ใช้การบำบัดด้วยปัสสาวะเพื่อตัวเองจะมีอาการท้องร่วงอาเจียนเรื้อรังระคายเคืองในลำไส้และกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยการวินิจฉัยที่ผิดพลาด - ไข้ไทฟอยด์ การศึกษาเพิ่มเติมแสดงให้เห็นว่าไม่มีการติดเชื้อ และอาการทั้งหมดจะหายไปทันทีหลังจากหยุดการบำบัดด้วยปัสสาวะ
2. ผู้ที่ยังคงต้องการเข้ารับการบำบัดด้วยปัสสาวะจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์
3. หลายคนทราบถึงผลดีของการใช้ยาฮอร์โมน แต่หลายคนต้องเผชิญกับผลข้างเคียง เช่น การปราบปรามการผลิตฮอร์โมนของร่างกายเอง ส่งผลให้สมองหยุดชะงัก, แก่ก่อนวัย, น้ำหนักเพิ่มขึ้น และสมรรถภาพทางเพศลดลง

ข้อห้ามในการรักษาทางเดินปัสสาวะ

ด้วยการวินิจฉัยที่รุนแรง การบำบัดด้วยปัสสาวะอาจทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น ในขณะที่เวลาอันมีค่าจะหายไปในขั้นตอนเหล่านั้นซึ่งจำเป็นต้องมีการแทรกแซงการผ่าตัด

ผู้ที่ทุกข์ทรมานจาก pyelonephritis และโรคอื่น ๆ ของระบบสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศไม่ควรใช้ปัสสาวะของตัวเอง เมื่อเข้าไปในร่างกาย เชื้อโรคสามารถทำให้เกิดเลือดเป็นพิษ และยังสามารถทำให้เกิดเนื้อตายเน่า

การบำบัดด้วยปัสสาวะกับตัวเองหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคุณ แต่เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ ให้ทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง

Anna Mironova

เวลาในการอ่าน: 6 นาที

อา

การบำบัดด้วยปัสสาวะเป็นวิธีการรักษาที่มาจากอินเดียแต่ยังไม่ได้รับสถานะอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงเป็นยาทางเลือก นักวิทยาศาสตร์และแพทย์สมัยใหม่ไม่สามารถให้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า "การบำบัดด้วยปัสสาวะมีประโยชน์อย่างไร" ดังนั้นวันนี้เราจึงตัดสินใจบอกคุณเกี่ยวกับวิธีการรักษาพื้นบ้านนี้ในรายละเอียดเพิ่มเติม

การบำบัดด้วยปัสสาวะ: องค์ประกอบของปัสสาวะ

ปัสสาวะเป็นของเสียจากร่างกายมนุษย์ ส่วนประกอบหลักคือ น้ำและทุกอย่างก็ละลายอยู่ในนั้น ผลิตภัณฑ์เมตาบอลิซึม สารพิษ ธาตุและฮอร์โมนที่หมดอายุการใช้งานแล้ว และโดยทั่วไปแล้ว ปัสสาวะมีสารที่ร่างกายไม่ต้องการอีกต่อไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

ในกรณีที่มีพยาธิสภาพ ปัสสาวะอาจมีสิ่งเจือปนที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น, ในผู้ป่วยเบาหวาน ตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะ , กับพยาธิสภาพของไต - โปรตีนที่มีความผิดปกติของฮอร์โมนมาโครและองค์ประกอบขนาดเล็กจำนวนมากถูกขับออกทางปัสสาวะ ภาวะทุพโภชนาการจะเกิดปัสสาวะขึ้น กรดยูริก (ออกซาเลต ยูเรต คาร์โบเทน ฟอสเฟต ฯลฯ)

การรักษาปัสสาวะ - โรคใดบ้างที่ได้ผล?

วันนี้ใช้ปัสสาวะเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ เพื่อความงาม การปฏิบัติตามวิธีการรักษานี้มีข้อโต้แย้งมากมายที่ยืนยันถึงประสิทธิผล

• ตัวอย่างเช่นมีความเห็นว่าน้ำในร่างกายมนุษย์รวมทั้งปัสสาวะมีโครงสร้างพิเศษ โมเลกุลของมันถูกจัดเรียงในลักษณะที่แน่นอน เพื่อให้น้ำได้รับโครงสร้างที่ต้องการ ร่างกายมนุษย์ใช้พลังงานจำนวนมากในการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณดื่มปัสสาวะ ร่างกายไม่ต้องแปลงน้ำ ซึ่งหมายความว่ามันสึกหรอน้อยลงตามลำดับบุคคลจะมีอายุยืนยาวขึ้น

ปัสสาวะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก องค์ประกอบของมันรวมถึง ส่วนประกอบต่างๆ กว่า 200 รายการ. ด้วยเหตุนี้การใช้งานจึงทำให้คุณสามารถชำระร่างกายของสารพิษได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทดแทนยาและอาหารเสริมได้หลายชนิด

จนถึงปัจจุบัน การบำบัดด้วยปัสสาวะประสบความสำเร็จในการรักษาโรคของระบบทางเดินอาหาร ไต ตับ ระบบหัวใจและหลอดเลือด การติดเชื้อและโรคหวัด โรคผิวหนังจากเชื้อรา และโรคตา

อันตรายของการบำบัดด้วยปัสสาวะ: ความเข้าใจผิดที่ใหญ่ที่สุดในการบำบัดด้วยปัสสาวะ

ผู้ชื่นชอบการบำบัดด้วยปัสสาวะซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของตำนานถือว่าเป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่กรณีจริง ตอนนี้เราจะบอกคุณเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการบำบัดด้วยปัสสาวะที่สามารถนำไปสู่ผลร้ายแรงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ

• ความเชื่อที่ 1: การบำบัดด้วยปัสสาวะมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคทั้งหมด
  โปรดจำไว้ว่า วันนี้ไม่มียา (ทั้งพื้นบ้านหรือเภสัชวิทยา) ที่ช่วยกำจัดโรคทั้งหมด และการบำบัดด้วยปัสสาวะก็ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล มันทำหน้าที่เหมือนยาฮอร์โมนและสามารถบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยได้ชั่วคราว แต่ไม่มีใครสามารถทำนายผลของการรักษาดังกล่าวได้ จนถึงปัจจุบันประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยปัสสาวะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และกรณีเหล่านั้นเมื่อการรักษาเกิดขึ้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลของยาหลอก
• ความเชื่อที่ 2: การบำบัดด้วยปัสสาวะไม่มีผลข้างเคียง
  สถานการณ์จริงตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง การรักษาด้วยปัสสาวะมีผลข้างเคียงมากมาย นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าประสิทธิภาพของการรักษาปัสสาวะนั้นมั่นใจได้จากการมีฮอร์โมนสเตียรอยด์ซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่เด่นชัด อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่พบการกล่าวถึงเรื่องนี้ในหนังสือใดๆ เกี่ยวกับการบำบัดด้วยปัสสาวะ เนื่องจากสังคมระมัดระวังเรื่องการรักษาด้วยฮอร์โมนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การใช้ปัสสาวะเป็นเวลานาน เช่น ยาฮอร์โมนอื่นๆ อาจทำให้ระบบฮอร์โมนของคุณหยุดทำงานตามปกติและปิดสนิท ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ากระบวนการนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้และบุคคลนั้นจะพิการไปตลอดชีวิต
• ความเชื่อที่ 3: ยาทางเภสัชวิทยาเป็นฮอร์โมนเทียม และปัสสาวะเป็นไปตามธรรมชาติ
  ในหนังสือเกี่ยวกับการบำบัดด้วยปัสสาวะ คุณสามารถพบคำกล่าวที่ว่าร่างกายจะไม่ได้รับอันตรายจากฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นเอง แต่ในความเป็นจริง นี่ไม่ใช่กรณีอย่างแน่นอน ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายของเรานั้นควบคุมโดยต่อมใต้สมองและไฮโปทาลามัสอย่างเข้มงวด แต่ตราบใดที่มันอยู่ในเลือด เมื่อผ่านกระบวนการและขับออกทางปัสสาวะแล้ว จะไม่นับอีกต่อไป ดังนั้น หากคุณดื่มหรือถูปัสสาวะ แสดงว่าร่างกายของคุณอิ่มตัวด้วยฮอร์โมนที่
• ความเชื่อที่ 4: การบำบัดด้วยปัสสาวะไม่มีข้อห้าม
  ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การบำบัดด้วยปัสสาวะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่มันเป็นอันตรายอย่างยิ่งในที่ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, โรคอักเสบของระบบสืบพันธุ์, โรคของไต, ตับและตับอ่อน ผลของการรักษาด้วยตนเองดังกล่าวอาจเกิดจากการติดเชื้อในเลือดหรืออวัยวะภายใน นอกจากนี้ยังห้ามใช้อย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ที่มีปัญหาในทางเดินอาหารเนื่องจากปัสสาวะจะส่งผลต่อการพัฒนาของแผลพุพองลำไส้ใหญ่และลำไส้อักเสบ
• ความเชื่อที่ 5: ปัสสาวะป้องกันโรคได้
  คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับการป้องกันฮอร์โมนจากที่ไหน? และการบำบัดด้วยปัสสาวะยังหมายถึงการรักษาด้วยฮอร์โมน ผลที่ตามมาของการป้องกันดังกล่าวจะคาดเดาไม่ได้โดยเริ่มจากแผลในกระเพาะอาหารและจบลงด้วยการติดเชื้อในเลือดและทางเดินหายใจ

การบำบัดด้วยปัสสาวะ - ข้อดีและข้อเสีย: ความคิดเห็นที่เชื่อถือได้ของแพทย์เกี่ยวกับการรักษาพื้นบ้านด้วยปัสสาวะ

คำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามที่ว่า "การบำบัดด้วยปัสสาวะมีประสิทธิภาพหรือไม่" เป็นเรื่องยากมากที่จะให้เนื่องจากในแวดวงวิทยาศาสตร์มีข้อพิพาทในหัวข้อนี้มาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากพูดคุยกับแพทย์ เราได้เรียนรู้ความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้:

• Svetlana Nemirova (ศัลยแพทย์ผู้สมัครสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์):
  สำหรับฉันคำว่า "urinotherapy" เกือบจะเป็นคำสกปรก ฉันรู้สึกเสียใจที่เห็นว่าผู้คนทำลายสุขภาพของพวกเขาอย่างไร โดยพิจารณาวิธีการรักษานี้เป็นยาครอบจักรวาลสำหรับทุกโรค ในทางปฏิบัติของฉัน มีบางกรณีที่หลังจากใช้การบำบัดด้วยปัสสาวะ ผู้ป่วยถูกรถพยาบาลพามาหาฉันในสภาพที่แย่มาก ทุกอย่างเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ระหว่างนิ้ว ซึ่งเข้าใจผิดว่าเป็นข้าวโพด แน่นอนว่าไม่มีใครไปพบแพทย์ อันเป็นผลมาจากความไม่รับผิดชอบดังกล่าวเขาจึงมาถึงเราด้วยความเจ็บปวดสาหัสที่ขาของเขาเนื้อร้ายของเนื้อเยื่อ เพื่อช่วยชีวิตชายคนหนึ่ง เราต้องตัดขาของเขา
• Andrey Kovalev (แพทย์):
  สารทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์และเข้าสู่กระแสเลือดจะถูกกรองผ่านไตอย่างระมัดระวัง จากนั้นของเหลวส่วนเกินทั้งหมดพร้อมกับสารพิษและสารอื่น ๆ ส่วนเกินจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ร่างกายของเราทำงาน ใช้พลังงานเพื่อกำจัดสารที่ไม่จำเป็นทั้งหมด จากนั้นคนๆ นั้นก็ฉี่ใส่ขวดและดื่มมัน อะไรจะมีประโยชน์ขนาดนี้.
• Marina Nesterova (ผู้บาดเจ็บ):
  ฉันจะไม่เถียง ปัสสาวะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อที่ดีเยี่ยม ดังนั้นสำหรับบาดแผล รอยฟกช้ำ และการบาดเจ็บอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน การใช้งานจะมีประสิทธิภาพ การประคบปัสสาวะจะช่วยบรรเทาอาการบวมและป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์เข้าไปในแผล อย่างไรก็ตาม การใช้ปัสสาวะภายในนั้นเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นเวลานาน คุณจะทำลายสุขภาพของคุณเอง!

แม้ว่า ตัวแทนแพทย์แผนโบราณมีทัศนคติเชิงลบต่อการบำบัดด้วยปัสสาวะ บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนไม่ได้ปิดบังความจริงที่ว่าพวกเขาใช้วิธีการรักษาแบบนี้ในทางปฏิบัติ ตัวอย่างเช่นที่มีชื่อเสียง นักแสดง Nikita Dzhigurdaไม่เพียงแต่ไม่ได้ปิดบังความจริงที่ว่าเขาใช้วิธีการรักษานี้เท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้ผู้อื่นทำเช่นเดียวกันอย่างเปิดเผยด้วย มีชื่อเสียง ผู้จัดรายการโทรทัศน์ Andrey Malakhovยังพูดในเชิงบวกเกี่ยวกับการบำบัดด้วยปัสสาวะ

การบำบัดด้วยปัสสาวะเป็นวิธีการรักษาที่ค่อนข้างขัดแย้ง มันมีต้นกำเนิดในอินเดีย แต่ไม่ได้หยั่งรากในส่วนอื่น ๆ ของโลก อาจเป็นไปได้ว่าการปรากฏตัวของมันเกี่ยวข้องกับความยากจนของประชากรเพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ในมือในปริมาณที่เพียงพอเสมอ แน่นอนว่าไม่สามารถใช้ในโรคร้ายแรงได้เนื่องจากปัสสาวะจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแบบเดียวกับยาที่ระบุได้ แต่ในช่วงพักฟื้น แพทย์อนุญาตให้ใช้ได้เพื่อเป็นการป้องกัน

ข้อดีหลักคือ กำจัดการอักเสบ ชำระร่างกาย ดูดซึมสารพิษที่เป็นอันตราย ผู้หญิงใช้ปัสสาวะเพื่อรักษาความยืดหยุ่นของผิว โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาสก์เครื่องสำอาง สำหรับโรคหวัด

องค์ประกอบของปัสสาวะ

ส่วนประกอบหลักคือน้ำ มีความเห็นว่าร่างกายประมวลผลของเหลวทั้งหมดที่ได้รับและจัดโครงสร้างโมเลกุลตามลำดับพิเศษ ดังนั้นผู้ที่ใช้ปัสสาวะจะไม่ใช้พลังงานเพิ่มเติมในการประมวลผลอีก ดังนั้นจึงช่วยลดการสึกหรอของร่างกาย

ธาตุ วิตามินส่วนเกิน ฮอร์โมน สารอันตราย สิ่งเจือปนเล็กน้อยต่างๆ ออกมากับน้ำ หากปัสสาวะเป็นของผู้ป่วย จะพบสารบางอย่างในปัสสาวะมากเกินไป ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีปริมาณน้ำตาลเพิ่มขึ้นด้วยโรคไต - โปรตีน

มีกรดยูริกด้วย

ที่มีประโยชน์มากที่สุดคือคอลเลกชั่นตอนเช้าที่เข้มข้นที่สุด สี ความสม่ำเสมอ กลิ่น รส... ทุกอย่างพูดถึงส่วนประกอบที่มีเนื้อหาสูง

การรักษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ

1. ซึมเข้าสู่ผิว
2. หน้ากาก
3. การกลืนกิน
4. บีบอัด

ลูกประคบและโลชั่นรักษาริดสีดวงทวาร กลาก บรรเทาบวม ขจัด seborrhea ผิวหนัง รอยฟกช้ำ เยื่อบุตาอักเสบ ฯลฯ

มาสก์ช่วยคืนความสม่ำเสมอความยืดหยุ่นของผิว ขจัดความมันเงา ต่อสู้กับสิว

การใช้ช่องปากเหมาะสำหรับการต่อสู้กับโรคหัวใจ ไตวาย และโรคตับอ่อน สำหรับการป้องกันและรักษาโรคหูคอจมูก โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันและโรคไวรัส แต่ก่อนใช้งาน คุณควรตรวจดูว่ามีการติดเชื้อในลำไส้หรือไม่ มิฉะนั้น จะทำให้อาการของคุณแย่ลง
ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์แผนโบราณบางคนแนะนำให้ใช้ปัสสาวะในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ในความเห็นของพวกเขา มันควรจะทำงานเหมือนยาหลอก สิ่งสำคัญคือต้องเชื่อ แล้วมะเร็งเปลือกตา เต้านม กล่องเสียง เลือด ปอด ฯลฯ ก็จะหายไปด้วย

เสนอให้ดื่มปัสสาวะเหยื่ออุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

จากการอักเสบของช่องหู ตา จมูก กล่องเสียง ถูหรือล้างด้วยปัสสาวะ มันทำหน้าที่เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับรอยฟกช้ำ, ถลอก, รอยขีดข่วน

ข้อเสียประการแรกและสำคัญที่สุดคือปัสสาวะไม่สามารถรักษาได้เป็นเวลานาน (และการรักษาโรคไม่ได้รวดเร็วด้วยวิธีนี้) เนื่องจากมีฮอร์โมนจำนวนมาก พวกมันจะทำหน้าที่เพื่อให้แน่ใจว่าระบบฮอร์โมนของคุณจะ ในที่สุดก็หยุดจัดหาร่างกาย

นอกจากนี้ ปัสสาวะยังเป็นของเสีย ดังนั้นจึงมีทั้งดีและไม่ดีในนั้น
ก็จะทำให้ฟันผุ แผลในลำไส้ได้ มันจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหากบุคคลมีกามโรค

ความคิดเห็น

พาเวล: “เพื่อนของฉันและฉันไปเที่ยวป่าในช่วงสุดสัปดาห์ ฉันลื่นล้มบนก้อนหินและฉีกครึ่งเข่าของฉัน เราไม่ได้นำ Zelenka และน้ำยาฆ่าเชื้ออื่นๆ ติดตัวไปด้วย เราจึงต้องฉีกผ้าโพกหัวออกแล้วปัสสาวะใส่ คุณจะไม่เชื่อหรอก หลังจากนั้นประมาณยี่สิบนาที ฉันลืมเกี่ยวกับบาดแผลของฉัน และในวันจันทร์ แผลก็หายแล้ว

มาเรีย: “วิธีนี้ไม่เหมาะกับฉัน ไม่สามารถพาตัวเองไปดื่มได้อีก ฉันตัดสินใจไปโรงพยาบาล”

ข้อสรุปสามารถสรุปได้ดังนี้: ก่อนการทดลองควรปรึกษาแพทย์ของคุณดีกว่า สิ่งนี้จะปกป้องคุณจากการกระทำที่ผิดและเป็นอันตราย อย่าหวงสุขภาพของคุณ เรามีหนึ่ง

darsonval มีประโยชน์เมื่อใด