ดิออร์แฟชั่นเฮาส์ แท่น

ประวัติศาสตร์เริ่มต้นขึ้นในยุคหลังสงครามด้วยความสำเร็จอย่างล้นหลาม: การเชิญชวนให้ผู้หญิงกลับมาเปล่งประกายความงามอีกครั้งหลังจากความยากลำบากในปีก่อนหน้าต้องพบกับความปัง เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าในเวลาเพียงทศวรรษ Christian Dior ได้สร้างรากฐานอันน่าทึ่งเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของ Fashion House ซึ่งยังคงได้รับความสนใจสูงจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าสิ่งนี้คงเป็นไปไม่ได้หากปราศจากการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ประกอบการด้านสิ่งทอ Marcel Boussac เราจะบอกคุณทุกอย่างตามลำดับ: เกี่ยวกับ Christian Dior เกี่ยวกับ Marcel Boussac และเกี่ยวกับผลิตผลของพวกเขาซึ่งมีชื่อว่า Dior Fashion House

Christian Dior: เส้นทางที่ยากลำบากสู่ชื่อเสียง

Christian Dior เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2448 ในเมือง Granville เล็ก ๆ ของฝรั่งเศส (เมืองท่าในนอร์มังดี) ในครอบครัวใหญ่ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ Maurice Dior พ่อที่ขายปุ๋ยเคมีสามารถหาเงินได้มากมายและในปี 1911 ครอบครัวก็ย้ายไปปารีส

Christian เริ่มวาดภาพตั้งแต่เนิ่นๆ โดยใฝ่ฝันที่จะเป็นจิตรกร แต่บ่อยครั้งที่พ่อแม่ของเขายืนกรานว่าเขาต้องเตรียมตัวสำหรับอาชีพนักการทูต ในไม่ช้า ธรรมชาติก็เข้ามาแทนที่ และเมื่ออายุได้ 23 ปี เมื่อตระหนักว่าการเมืองไม่เหมาะสำหรับเขา ในที่สุด Dior และเพื่อนคนหนึ่งก็กลายเป็นเจ้าของหอศิลป์ แกลเลอรีนี้จัดแสดงผลงานของศิลปินที่คนทั้งโลกรู้จักในปัจจุบันไม่น้อยไปกว่าผลงานของ Georges Braque, Pablo Picasso, Henri Matisse อย่างไรก็ตามในปี 1931 ได้นำโศกนาฏกรรมมาสู่ครอบครัว Dior หลายครั้ง: พี่ชายของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยทางจิต แม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง พ่อของเขาล้มละลายและล้มป่วยด้วยวัณโรค และคริสเตียนเองก็ใกล้จะซึมเศร้า นอกจากโศกนาฏกรรมของครอบครัวและการสูญเสียการสนับสนุนทางการเงินจากพ่อของเขาแล้ว วิกฤตเศรษฐกิจยังส่งผลให้ยอดขายที่แกลเลอรีลดลงและต้องปิดตัวลง

หลังจากแทบจะไม่ฟื้นจากชะตากรรมที่หูหนวกเช่นนี้ Christian Dior ได้พยายามหลายครั้งที่ไม่ประสบความสำเร็จในการใช้พรสวรรค์ของเขาในฐานะจิตรกร ในที่สุดเมื่อเราสามารถสร้างความร่วมมือกับสิ่งพิมพ์และจัดหาภาพร่างหมวกและชุดให้พวกเขาได้ จากนั้นได้รับคำเชิญให้ทำงานให้กับ Robert Piguet ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าชาวปารีส สงครามโลกครั้งที่สองก็เริ่มต้นขึ้น

และหลังสงครามเท่านั้น ชีวิตของ Dior ก็พลิกผันอย่างดีที่สุด: โอกาสนำนักออกแบบแฟชั่นในอนาคต (ในเวลานั้นเขาอายุมากกว่า 40 ปีแล้ว) มาพร้อมกับ Marcel Boussac ผู้ผลิตผู้มั่งคั่งซึ่งต้องการศิลปินเพื่อฟื้นฟูบ้านแฟชั่นแห่งหนึ่ง .

Marcel Boussac: ไม่พลาดโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว

Marcel Boussac เกิดในปี 1889 ในเมือง Chateroux จังหวัดของฝรั่งเศส ในครอบครัวพ่อค้าผ้าธรรมดาๆ แม่ของเขาหนีจากชีวิตในต่างจังหวัดที่น่าเบื่อหน่ายเพื่อค้นหาชีวิตที่สวยงามยิ่งขึ้นในเมืองหลวง มาร์เซลเติบโตขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นและทะเยอทะยาน และเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ไม่เหมาะกับเขาเช่นกัน เขาก้าวไปสู่ความฝันทีละขั้น แต่ละคนได้รับการปรับเทียบและทันเวลา: Boussac ไม่ได้รับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น แต่ก็ไม่พลาดโอกาสแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งชีวิตและเวลามอบให้เขาอย่างเต็มที่

ความสำเร็จประการแรกคือการเข้าซื้อโรงฝ้ายก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งดำเนินการอย่างเต็มกำลังการผลิตในช่วงสงคราม โดยผลิตผ้าสีกากีสำหรับเครื่องแบบทหาร

การตัดสินใจที่ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อครั้งต่อไปคือการซื้อผ้าที่แข็งแรงเป็นพิเศษสำหรับปีกเครื่องบินรบ ซึ่งรัฐบาลอังกฤษขายด่วนหลังสิ้นสุดสงคราม เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ จึงได้เปิดร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของ Aircraft Fabrics และการโฆษณาที่ชาญฉลาดทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่ชุดสูทเด็กไปจนถึงกางเกงและกระโปรงที่สามารถทนต่อการปฏิบัติที่โหดเหี้ยมที่สุด ผ้าสำหรับเครื่องบินของอังกฤษหมดเร็วมากจนต้องผลิตผ้าที่คล้ายกันโดยอิสระในโรงงานของตนเอง นี่คือวิธีที่ผ้าสำหรับเครื่องบินทำให้ Marcel Boussac กลายเป็นราชาแห่งสิ่งทอ

Boussac รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สองด้วยผลกำไร และหลังจากสิ้นสุดสงคราม เขาก็ซื้อ Christian Dior และเริ่มย้ายเข้าสู่กลุ่มเสื้อผ้าหรูหรา

บ้านแฟชั่น Dior: ความสำเร็จอันสายฟ้าแลบและความเจริญรุ่งเรือง 70 ปี

ในช่วงเวลาที่ความปรารถนาในความหรูหราได้รับการฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อทดแทนการกีดกันทางทหาร โอกาสทางการเงิน และความคิดสร้างสรรค์ที่มีแนวโน้มได้พบกัน วิสัยทัศน์ของ Dior เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของผู้หญิงและไหวพริบทางการค้าของ Boussac ส่งผลให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างประสบผลสำเร็จ และในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2489 พวกเขาก็เปิดบ้านแฟชั่นในปารีส ดังนั้นศิลปินที่ไม่รู้จักจึงได้รับแบรนด์ของตัวเองและมหาเศรษฐีด้านผ้าเครื่องบินก็กลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์แฟชั่นเฮาส์ Christian Dior เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ Christian Dior ไม่เคยมีสิทธิ์ในการผลิตผลงานที่มีชื่อเดียวกัน: จนกระทั่งบั้นปลายชีวิตเขายังคงเป็นเพียงนักออกแบบแฟชั่นที่ได้รับการว่าจ้าง

สองเดือนต่อมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 ที่ 30 Avenue Montaigne (ปัจจุบัน House of Dior ยังคงตั้งอยู่ภายในกำแพงของคฤหาสน์แห่งนี้ซึ่งเป็นที่รักของนักออกแบบ) คอลเลกชันแฟชั่นฤดูหนาวชุดแรกและโด่งดังที่สุดของ Dior เรียกว่า "The King" ” ได้นำเสนอไปแล้ว โดยต้องการให้สาวๆ ลืมความน่าสะพรึงกลัวของสงครามและการบำเพ็ญตบะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันเลวร้ายนี้อย่างรวดเร็ว เขาจึงสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง: ไหล่ที่ดูเป็นผู้หญิง กระโปรงยาว เอวบาง ท่อนบนที่เขียวชอุ่ม (หรือหน้าอกรัดรูปมาก) อย่างเด่นชัด คอลเลกชันนี้ได้นำคำศัพท์ใหม่ในพจนานุกรมแฟชั่น: “New Look” มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าสไตล์โรแมนติกหรูหราและเป็นผู้หญิงและจุดประสงค์ของเครื่องแต่งกายคือการเปลี่ยนรูปร่างของผู้หญิงทุกคนให้กลายเป็นคนในอุดมคติ Christian Dior เองก็อธิบายถึงสไตล์ใหม่ที่เขาสร้างขึ้นว่าเป็น "การกลับคืนสู่อุดมคติของความสุขที่มีอารยธรรม"

สัญลักษณ์ของคอลเลกชันนี้คือชุดสูท Bar ซึ่งถ่ายภาพโดย Willie Mayvoid ซึ่งเป็นเสื้อแจ็คเก็ตผ้าไหมสีครีมที่มี Peplum โค้งมน โอบรับส่วนโค้งของร่างกาย และกระโปรงจับจีบสีดำทั้งตัว วงดนตรีปิดท้ายด้วยหมวกสีดำขนาดเล็ก ถุงมือ และรองเท้าหัวแหลมอันหรูหรา ซึ่งต่างจากรองเท้าแพลตฟอร์มหัวเหลี่ยมที่แขกของงานสวมใส่

ความสำเร็จนั้นทำให้หูหนวก ดาราและราชวงศ์พยายามที่จะแต่งกายด้วยชุดของ Dior และผู้หญิงธรรมดาหลายล้านคนก็ค้นพบความฝันของชีวิตที่หรูหราและแต่งตัวในสไตล์ a la Dior เท่าที่จะเป็นไปได้

ในปีเดียวกันนั้นเอง ได้มีการเปิดตัวแบรนด์น้ำหอม “Christian Dior Parfum” และนักออกแบบเสื้อผ้าก็ได้ตั้งชื่อน้ำหอมกลิ่นแรกว่า “Miss Dior” กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนพร้อมกลิ่นหอมของดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ซึ่งเป็นดอกไม้โปรดของแม่ของ Christian Dior เข้ากันได้อย่างลงตัวกับรูปทรงใหม่ บางเบา และโปร่งสบาย Christian Dior มอบความไว้วางใจให้ภาพประกอบสำหรับแคมเปญโฆษณา

ต่อมาไดโอรามาและดิโอริสซิโมได้รับการปล่อยตัว “น้ำหอมเป็นเฉดสีที่ไม่มีใครเทียบได้ของความเป็นตัวตนของผู้หญิง ซึ่งเป็นสัมผัสสุดท้ายของภาพ” ดิออร์ชอบพูดซ้ำ

ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษที่ Christian Dior สร้างสรรค์คอลเลกชั่นระดับตำนาน ชื่อเหล่านี้พูดเพื่อตัวเอง: "Cyclone", "Tulip", "Corolla", "Vertical" และนักออกแบบได้ดึงแนวคิดจากสิ่งที่เขารักมานานและด้วยความเคารพ: พิพิธภัณฑ์ วรรณกรรม ดอกไม้ และโรงละคร ทัศนคติที่แสดงความเคารพต่อผู้หญิงและความรู้สึกด้านสุนทรียภาพอันเหลือเชื่อส่งผลให้มีการสร้างภาพลักษณ์ของหญิงสาวดอกไม้ซึ่งเป็นผู้หญิงในอุดมคติ

นักออกแบบเสื้อผ้ายังให้ความสนใจกับโรงละครและภาพยนตร์ในงานของเขา - เขาสร้างเครื่องแต่งกายบนเวที Olivia de Havilland, Ava Gardner หรือ Marlene Dietrich ดูยอดเยี่ยมในชุดชาวปารีส

นักออกแบบแฟชั่นถือว่าชุดเดรสเป็นเครื่องแต่งกายหลักมาโดยตลอดซึ่งเป็นชุดที่เผยให้เห็นความงามของผู้หญิง ดิออร์ไม่ได้ใช้สีสดใส แต่เขาเลือกสีคลาสสิกแทน: สีขาว, สีดำ, สีเทา, สีน้ำตาล, สีเทาควัน สีที่ชอบ ได้แก่ สีชมพูซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสุข และสีเทาซึ่งเหมาะกับทุกชุด ดิออร์ใช้การเย็บปักถักร้อย แต่ก็ไม่เคยใช้มากเกินไปจนเกินไป ใช้เป็นเพียงการตกแต่งชุดเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการตัดเย็บเสมอ ไม่ใช่ลวดลายหรือการตกแต่งขั้นสุดท้าย

ในโลกแห่งแฟชั่นการค้นพบของ Dior เช่นแจ็คเก็ตที่มี Peplum, กระโปรงปุย, โมเดลดินสอ, ลายจุด, ปั๊ม, เส้นทางน้ำหอมบังคับ, เครื่องประดับเครื่องแต่งกาย, เข็มขัดสีดำเน้นเอวและชุดชั้นในลูกไม้ ยังคงอยู่ตลอดไป

เมื่อพูดถึงเครื่องประดับเครื่องแต่งกาย ลวดลายที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเข็มกลัดดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ดิออร์เชื่อว่าดอกไม้อันละเอียดอ่อนนี้ทำให้เขาโชคดี นอกจากนี้ยังกลายเป็นโน้ตหลักในน้ำหอมด้วย

นวัตกรรมอีกอย่างหนึ่งของ Dior คือการนำเสนอคอลเลกชั่น: โมเดลเหล่านี้แสดงละครและไม่น่าเบื่อเลย มีการเสนอทิศทางใหม่ทุก ๆ หกเดือน: ช่างออกแบบสามารถเปลี่ยนความยาวของกระโปรงและแม้แต่ภาพเงาทั้งหมดได้อย่างรุนแรง

ในสหภาพโซเวียต สไตล์ New Look ปรากฏครั้งแรกทางโทรทัศน์ในภาพยนตร์เรื่อง "Carnival Night" ในปี 1957

Christian Dior เสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1957 หัวใจของเขาหยุดเต้นกะทันหันเมื่ออายุเพียง 52 ปี ตั้งแต่นั้นมา นักออกแบบแฟชั่นที่มีความสามารถและแตกต่างอย่างสิ้นเชิงหลายคนก็ได้เข้ามาเป็นหัวหน้าของแบรนด์

อีฟ แซงต์โลร็องต์ (2500-2503)

หลังจากเริ่มทำงานที่ Dior ในปี 1953 Yves Saint Laurent สามารถดึงดูดความสนใจของ Christian Dior ซึ่งแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ช่วยในปี 1955 และหลังจากการเสียชีวิตของ Dior Yves Saint Laurent ได้เข้าครอบครอง Fashion House และนำเสนอคอลเลกชันแรกของเขาสำหรับ Dior - "Trapezoids"

นักลงทุนในแบรนด์ Dior มองว่าสไตล์ของดีไซเนอร์รุ่นเยาว์คนนี้ล้ำหน้าเกินไป และภายใต้ข้ออ้างว่าถูกเรียกเข้ารับราชการทหารในปี 1960 แซงต์โลรองต์จึงถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่ง

มาร์ค โบอัน (2503-2532)

เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Christian Dior มาเกือบสามทศวรรษ ในช่วงเวลานี้ แนวคิดนี้ได้รับการจัดรูปแบบใหม่ให้เป็น "เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงจริงๆ" ในตอนแรกความเบาและความเรียบง่ายของเส้นได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม แต่ต่อมาสิ่งนี้ทำให้ความสนใจในแบรนด์เริ่มจางหายไป

จานฟรังโก เฟอร์เร (1989-1996)

Gianfranco Ferré ชาวอิตาลีเข้ามารับตำแหน่งดีไซเนอร์ของ Christian Dior ในปี 1989 และนำเสนอคอลเลกชั่นที่ถือเป็นการกลับมาของสไตล์ของ Dior ในขณะที่ทำงานที่ Christian Dior Ferré ได้รับรางวัล Golden Thimble ในปี 1996 นักออกแบบออกจากบริษัทเพื่อมุ่งความสนใจไปที่ผลงานของแบรนด์ของตัวเองตามเวอร์ชันอย่างเป็นทางการ

จอห์น กัลลิอาโน (1996-2011)

คนต่อไปที่จะนำวิสัยทัศน์ของเขามาสู่แบรนด์นี้คือ John Galliano ชายหนุ่มชาวอังกฤษผู้ฟุ่มเฟือย คอลเลกชันแรกของเขา Misia Diva ได้เพิ่มความหรูหราและการแสดงละครให้กับสไตล์ Christian Dior มากยิ่งขึ้น

ในช่วงปีที่เขาอยู่ที่ Christian Dior Galliano ได้ก่อตั้งแบรนด์ของตัวเอง แต่การติดยาและแอลกอฮอล์ทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวและการไล่ John Galliano ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Christian Dior หลังจากที่ Galliano จากไป ทีมออกแบบของแบรนด์ก็ถูกแทนที่โดย Bill Gaten รองของเขาชั่วคราว

ราฟ ไซมอนส์ (2011–2015)

ณ สิ้นปี 2554 มีการประกาศชื่อผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์คนใหม่ของ House of Dior Raf Simons ตรงกันข้ามกับ John Galliano ที่ผลิตคอลเลกชันที่รอบคอบซึ่งเขาอาศัยภาพเงาเชิงเส้นสมัยใหม่

ในช่วงสามปีครึ่งที่เขาเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ในบ้าน ยอดขายของ Christian Dior เพิ่มขึ้น 60% อย่างไรก็ตามในไม่ช้านักออกแบบก็ละทิ้งตำแหน่งกิตติมศักดิ์เพื่อสนับสนุนแบรนด์ของเขาเอง

มาเรีย กราเซีย คิอูรี (ตั้งแต่ปี 2016)

ในเดือนกรกฎาคม 2559 Maria Grazia Chiuri ซึ่งเคยทำงานที่ Valentino ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Christian Dior เธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ตลอดประวัติศาสตร์เจ็ดสิบปีของแบรนด์ ในคอลเลกชันที่แสดงไปแล้ว Chiuri เน้นย้ำถึงชีวิตประจำวันโดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ชมที่เป็นวัยรุ่น

บ้านดิออร์วันนี้

ปัจจุบัน แบรนด์ Cristian Dior ผลิตเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับและน้ำหอมสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย รวมถึงเครื่องสำอาง นาฬิกา และเครื่องประดับ ในปี 2017 Dior แบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสได้เฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการแสดงเสื้อผ้าครั้งแรก มีการจัดกิจกรรมมากมายเพื่อฉลองวันครบรอบนี้ รวมถึงการเปิดตัวหนังสือชุดเกี่ยวกับคอลเลกชันของแบรนด์ หนังสือแต่ละเล่มจัดทำขึ้นเพื่อนักออกแบบที่ร่วมงานกับบริษัทในช่วงเวลาต่างๆ ได้แก่ Yves Saint Laurent, Marc Bohan, Gianfranco Ferré, John Galliano, Raf Simons และ Marie Grazia Curie ฉบับพิมพ์ครั้งแรกครอบคลุมประวัติของผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่น Christian Dior

พิพิธภัณฑ์ Christian Dior, Granville, Normandy

พิพิธภัณฑ์ Christian Dior หลักตั้งอยู่ในนอร์มังดีในเมืองกรองวิลล์ Villa les Rhumbs สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และส่งต่อไปยังตระกูล Dior ในปี 1905 ซึ่งเป็นที่ซึ่งนักออกแบบแฟชั่นชื่อดังในอนาคตได้ถือกำเนิดขึ้น Christian Dior ใช้ชีวิตวัยเด็กในคฤหาสน์ชนชั้นกลางที่ล้อมรอบด้วยสวน แต่บ้านหลังนี้กลายเป็นหนึ่งในเหยื่อรายแรก ๆ ของความพินาศของครอบครัว ฝ่ายบริหารเมืองซื้อวิลล่า และสวนก็กลายเป็นสวนสาธารณะ เฉพาะในปี 1997 พิพิธภัณฑ์ Dior เปิดในบ้าน: วันนี้การตกแต่งภายในของตระกูล Dior ได้รับการบูรณะ มีการจัดแสดงของใช้ส่วนตัวบางส่วนของนักออกแบบและมีการจัดนิทรรศการย้อนหลังของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

ดิออร์... ดิออร์... ดิออร์ของฉัน...ผู้หญิงหลายล้านคนพูดซ้ำด้วยความชื่นชมกับชื่อของแบรนด์ในตำนานซึ่งฟังดูเหมือนกันในทุกภาษา และไม่ว่าจะกี่ฤดูกาลแฟชั่นมาแทนที่กัน เบื้องหลัง Dior อันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีคนพิเศษอยู่เสมอซึ่งมีความรู้สึกกระตือรือร้นในความงามของผู้หญิง ผู้ชายที่ถ่อมตัว ศิลปินที่มีพรสวรรค์อย่าง Christian Dior

Christian เริ่มต้นอาชีพของเขาในฐานะนักออกแบบแฟชั่นหลังจากประสบกับความโศกเศร้าจากการสูญเสียคนที่รัก ครอบครัวต้องล้มละลาย การเจ็บป่วยสาหัส และความยากจน เขาอายุ 42 ปีเมื่อ Marcel Boussac ผู้ผลิตสิ่งทอ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าแก่ของเขา เสนอความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อเปิดบ้านแฟชั่นของเขาเอง Dior มีเวลาเพียง 10 ปีในการสร้าง... 10 ปีเต็ม ในช่วงเวลานี้ เขาได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายให้กับโลกแห่งแฟชั่นและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง ซึ่งไม่ใช่นักออกแบบเสื้อผ้าที่มีพรสวรรค์ทุกคนจะโชคดีพอที่จะทำตลอดชีวิตของเขา การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเขาในวัย 52 ปีไม่ได้เป็นจุดสิ้นสุดของอาณาจักรแฟชั่นของ Dior ในทางตรงกันข้าม DNA สุนทรียศาสตร์และปรัชญาของเขา แนวคิดของเขาได้สร้างสไตล์อันสูงส่งของ Christian Dior ซึ่งเป็นที่รู้จักตลอดเวลา ไม่ว่าใครจะเป็นผู้จัดการมรดกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในแต่ละปีก็ตาม เจ้าชายน้อยแห่งแฟชั่น Yves Saint Laurent ซึ่งอาชีพของเขาเริ่มต้นในสถานที่มหัศจรรย์แห่งนี้ John Galliano ผู้แปลกประหลาดหรือ Raf Simons ที่สงวนไว้

สาวดอกไม้หรือลุคใหม่

ผู้หญิงของ Christian Dior เป็นผู้หญิงดอกไม้ ทั้งหมดนี้บอกได้ครบถ้วน: ความรักที่ไม่ธรรมดาต่อดอกไม้ ทัศนคติที่เคารพต่อผู้หญิง และความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของเขาต่อสุนทรียภาพแห่งความงาม รำพึงหลักของเขาคือแม่ของเขา เธอมีชื่อเสียงในด้านความงามและความสง่างามของเธอ และลูกชายของเธอจำเธอได้จากชุดที่สวยงามและกลิ่นหอมอันหรูหราของเธอ เธอเป็นคนที่ปลูกฝังความหลงใหลในดอกไม้ให้กับคริสเตียนรุ่นเยาว์ซึ่งไม่เคยละทิ้งชีวิตและงานของนักออกแบบเสื้อผ้า ในตัวเธอเองที่ดิออร์มองเห็นอุดมคติของผู้หญิงภรรยาผู้หญิงที่ไร้ที่ติ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Christian Dior ได้อุทิศคอลเลกชันที่มีชื่อเสียงชุดแรกของเขาให้กับดอกไม้ซึ่งมีชื่อว่า New Look โดย Carmel Snow หัวหน้าบรรณาธิการของ Harper's Bazaar นักออกแบบแฟชั่นผู้ทะเยอทะยานไม่ได้มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติเลย แต่เขาใฝ่ฝันที่จะคืนผู้หญิงให้กลับคืนสู่ความเป็นผู้หญิงและความหรูหราในอดีตหลังจากผ่านสงครามอันยากลำบากมานานหลายปีและเสื้อผ้าที่สุภาพเรียบร้อยและนักพรต อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ crinolines และ corset ที่เก่าแก่อีกต่อไป แต่เป็นรูปลักษณ์ใหม่ “ ฉันวาดภาพผู้หญิงที่มีลักษณะคล้ายดอกไม้ไหล่นูนเบา ๆ หน้าอกที่โค้งมนเอวเรียวเหมือนเถาวัลย์และบั้นท้ายกว้างที่แยกไปทางด้านล่างเหมือนกลีบดอกไม้” - นักออกแบบแฟชั่นบรรยายภาพลักษณ์ของผู้หญิงคนใหม่อย่างแม่นยำที่สุด “หน้าอกของนางไม้ เอวของซิลฟ์ และกระโปรงพับพันพับ ซึ่งปกคลุมไปด้วยผ้าสีขาวยาว 80 เมตร ไหลเป็นเกลียวจนเกือบถึงข้อเท้า” เป็นหนึ่งในภาพโปรดของนักออกแบบเสื้อผ้ารายนี้

ท่ามกลางความยากจนหลังสงคราม ความหรูหราจาก Dior ทำให้เกิดการประท้วง ในระหว่างการถ่ายภาพบนท้องถนนในกรุงปารีส ผู้หญิงโจมตีนางแบบที่เปราะบางและฉีกเสื้อผ้าที่สวยงามเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ดิออร์ไม่เชื่อว่าแฟชั่นควรเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ท้ายที่สุดแล้ว แฟชั่นก็คืองานศิลปะ เมื่อคุณดูภาพเขียนที่มีชื่อเสียงของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ความปรารถนาที่จะทำลายภาพวาดนั้นไม่ควรนึกถึงเพียงเพราะไม่มีโอกาสที่จะครอบครองมัน

โดยที่ไม่รู้ตัว Dior สร้างความหรูหราที่ผู้หญิงทุกคนในโลกสามารถเข้าถึงได้รวมถึงผู้หญิงโซเวียตด้วยซ้ำ และแม้ว่าแฟชั่นจะมาถึงเราช้าไปสิบปี แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงสาวมีสไตล์ในยุค 60 ที่ไม่มีชุดในสไตล์ Christian Dior อย่างน้อยหนึ่งชุด

“คืนเทศกาลคาร์นิวัล” หรือการแต่งกายที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริง

เราจะไม่นึกถึง Lyudmila Gurchenko ที่อายุน้อยและมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อในชุดเดรสทรง New Look ในภาพยนตร์ลัทธิของ Eldar Ryazanov เรื่อง "Carnival Night" ได้อย่างไร? ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการปล่อยตัวในปี พ.ศ. 2499 แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่โดยไม่มีภาพนี้ อย่างไรก็ตาม เราไม่น่าจะปฏิเสธชุดที่มีภาพเงาของดิออร์ได้ คลาสสิค เหมาะสมในทุกสถานการณ์ สัญลักษณ์ของความเป็นผู้หญิงและความสง่างาม ชุดที่เนรมิตหุ่นเฟมินีนอย่างแท้จริง

“ตามความเป็นจริง ทุกสิ่งที่ฉันรู้ เห็น หรือได้ยิน ทุกอย่างในชีวิตของฉันกลายเป็นเสื้อผ้า ชุดเดรสคือไคเมราที่เชื่องของฉัน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากโลกแห่งนิมิตมาสู่โลกธรรมดา” Christian Dior เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขา เขาจะสร้างชุดที่แตกต่างกันมากมาย แต่ทั้งหมดจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน - ความเคารพต่อผู้หญิงและความชื่นชมในความงามของเธอ

แจ๊คเก็ต เลอ บาร์

เสื้อแจ็คเก็ตอันมีเอกลักษณ์นี้ถูกนำเสนอต่อสาธารณชนในปี 1947 ในคอลเลกชั่น New Look ชุดเดียวกัน ปัจจุบัน การถอดความของเขาเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับตู้เสื้อผ้าสมัยใหม่ เนื่องจากจะสร้างสถาปัตยกรรมพิเศษของร่างกายผู้หญิงและออกแบบแนวของผู้หญิงที่ไร้ที่ติ เสื้อแจ็กเก็ต Peplum เหมาะกับทุกรูปร่าง: ช่วยให้สะโพกแคบดูอวบอิ่มขึ้น เอวบางลง และสะโพก "สมบูรณ์" เรียวลง

โดยทั่วไปแล้ว ศิลปินออกแบบเสื้อผ้าตามกฎการรับรู้ทางสายตาทั้งหมด โดยใช้ภาพลวงตาที่สไตลิสต์ที่ดีที่สุดในโลกทุกวันนี้นำไปใช้อย่างประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับ Pygmalion Dior ปั้น Galatea ของเขา เช่นเดียวกับ Michelangelo เขาตัดทุกสิ่งที่ขัดขวางภาพเงาของผู้หญิงที่ไร้ที่ติ เกจิเองแนะนำให้สวมแจ็คเก็ตที่มีกระโปรงเต็มตัวหรือกระโปรงทรงดินสอยาวปานกลาง อย่างไรก็ตาม เทรนด์สมัยใหม่นำเสนอความหลากหลายที่มากกว่ามาก เพียงพอที่จะนึกถึงคอลเลกชันกูตูร์เปิดตัวอันโด่งดังของ Raf Simons สำหรับ Dior ซึ่งนำเสนอที่พิพิธภัณฑ์ Rodin ซึ่งผนังตกแต่งด้วยดอกไม้สดอย่างสมบูรณ์ กุหลาบ กล้วยไม้ และลิลลี่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อแยกห้องต่างๆ ออกจากกัน สร้างบรรยากาศที่เย้ายวน น่ารื่นเริง และยังมีกลิ่นหอมนานหลายช่วงตึก และเพิ่มกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองให้กับคอลเลกชันในทุกสัมผัส และในความยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้ เหล่านางฟ้าแสนสวยจะแห่ในชุดกางเกงขายาวและแจ็กเก็ตระดับตำนานที่มีกลิ่นอายความทันสมัย

กระโปรงฟู

ยิ่งกระโปรงบาน เอวก็เพรียวและข้อเท้าก็ดูสง่างามมากขึ้น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการแก้ไขรูปร่างการมองเห็น นักออกแบบเสื้อผ้าผู้ยิ่งใหญ่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? ยากที่จะพูด. อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า Christian Dior รัก ชื่นชม และใส่ใจเรือนร่างของผู้หญิง

วันนี้กระโปรงเต็มมีความเกี่ยวข้องหรือไม่? คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบแม้แต่กับคนที่อยู่ห่างไกลจากโลกแห่งแฟชั่น ปัจจุบันสวมใส่กับเสื้อเชิ้ต แจ็คเก็ตยีนส์ เสื้อยืด เสื้อสเวตเตอร์ และแจ็คเก็ตหนัง

กระโปรงทรงดินสอ

จากประสบการณ์ทางโทรทัศน์และโวหารที่มากมายของฉัน ฉันกล้าพูดได้ว่าตู้เสื้อผ้าของผู้หญิงในตำนานชิ้นนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ชายชื่นชอบและเข้าใจได้มากที่สุด ความคิดเห็นไม่จำเป็นที่นี่กระโปรงดินสอพูดเพื่อตัวเองเล็กน้อย แต่ตรงประเด็น

ลายจุด

ภาพวาดสุดน่ารักนี้ปรากฏมานานก่อนที่ Christian Dior จะเข้าสู่โลกแฟชั่น อย่างไรก็ตาม Dior เองที่ทำให้ลวดลาย Dots เป็นที่นิยม หรือในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ "Polka dot" ทำให้เป็นรูปแบบคลาสสิกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในยุค 50 ปรมาจารย์อุทิศคอลเลกชั่นชุดปี 1954 ของเขาให้เป็นลายจุด ด้วยมืออันเบาของเขา ถั่วก็กวาดล้างโลกทั้งใบ ตั้งแต่ดาราชาวอเมริกัน แม่บ้าน หรือแม้แต่สตรีโซเวียต

ทุกวันนี้ ยังคงเป็นความผิดพลาดที่จะเชื่อว่าลวดลาย “ลายจุด” นั้นเป็นลวดลายคลาสสิกชั่วนิรันดร์ และดังนั้นจึงเหมาะกับทุกคนอย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นแนวคลาสสิก อย่างไรก็ตาม สำหรับถั่ว (ไม่หลงใหลในภาษาสเปน ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) จำเป็นต้องมีอารมณ์ที่พิเศษ บางเบา โรแมนติก และการแสดงออกทางสีหน้าที่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับฟลาเมงโกถั่วที่อันตรายถึงชีวิต การแสดงออกทางสีหน้าก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันก็คุ้มค่าที่จะฟังคำแนะนำของอัจฉริยะด้านแฟชั่น: เสื้อเบลาส์สไตล์คาเฟ่โอเลต์สุดหรูพร้อมถั่วช็อกโกแลตจะเป็นไอเทมหลักในตู้เสื้อผ้าของผู้หญิงหลายคน

รองเท้าส้นสูง

เช่นเดียวกับลายจุด Dior ไม่ได้สร้างปั๊ม เขาเพิ่งแนะนำพวกเธอให้รู้จักกับแฟชั่นเมื่อปี 1947 และตั้งแต่นั้นมา พวกเธอก็รู้สึกดีมากในตู้เสื้อผ้าของผู้หญิงหลายล้านคน ทุกวันนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะตกยุค

ดอกลิลลี่แห่งหุบเขาและเครื่องประดับเครื่องแต่งกาย

พระเจ้าอยู่ในรายละเอียด และอัจฉริยะด้านแฟชั่นอย่าง Dior ก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาสร้างการผลิตรองเท้า ถุงมือ หมวก เข็มขัด ถุงน่อง และเครื่องประดับจำนวนมากในส่วนต่างๆ ของโลก เพราะเขาเป็นคนแรกที่แนะนำข้อตกลงใบอนุญาต นอกจากนี้เขายังนำเครื่องประดับเครื่องแต่งกายมาสู่แฟชั่น ซึ่งลวดลายที่มีชื่อเสียงที่สุดคือเข็มกลัดดอกลิลลี่แห่งหุบเขา เป็นดอกไม้โปรดของ Christian Dior เขากลายเป็นบุคคลสำคัญของคอลเลกชันชื่อเดียวกันที่ฉลาดที่สุดชิ้นหนึ่งของปรมาจารย์

ตามที่นักประวัติศาสตร์แฟชั่นกล่าวว่า Christian เป็นคนเชื่อโชคลางอย่างมาก เขาเชื่อว่าดอกลิลลี่แห่งหุบเขาทำให้เขาโชคดีเพราะเป็นเครื่องรางของเขา เชื่อกันว่าก่อนการแสดงปรมาจารย์ได้เย็บก้านดอกลิลลี่แห่งหุบเขาเป็นรอยพับของชุด หลังจากนั้นไม่นาน ดอกลิลลี่แห่งหุบเขาก็จะปรากฏอยู่ในน้ำหอม Diorissimo ด้วย โดยทั่วไปแล้ว มรดกทางน้ำหอมของ Dior นั้นยอดเยี่ยมมากจนสมควรได้รับการแยกคอลัมน์ อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่นึกถึงกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ House of Miss Dior ภายในกรอบของเนื้อหานี้

Christian Dior เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2448 ในฝรั่งเศสในเมืองกรองวิลล์ (นอร์มังดี) ทางช่องแคบอังกฤษ คริสเตียนเป็นลูกคนที่สองในครอบครัว พ่อของฉันมีอาชีพค้าขายปุ๋ยเคมีและมีรายได้มหาศาลจากสิ่งนี้ ดังนั้นลูกทั้งห้าคนในครอบครัวจึงไม่มีอะไรเลย
ไม่ต้องการมัน แม่ของคริสเตียนเป็นผู้หญิงที่สวยและรู้วิธีการใช้จ่ายเงินเพื่อความสุขและเสื้อผ้าของเธอ คริสเตียนตัวน้อยชื่นชมแม่ที่สง่างามของเขาอยู่เสมอ ความทรงจำเกี่ยวกับเธอไม่ได้ทิ้งเขาไปตลอดชีวิต เมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ ครอบครัวก็ย้ายไปปารีส

ดูเหมือนว่าทุกสิ่งจะคาดเดาถึงชีวิตที่สงบและวัดผลได้ พ่อแม่ของ Christian ต่างทำสิ่งที่ตนเองทำ และ Christian กำลังเตรียมตัวสำหรับอาชีพนักการทูต แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ดึงดูดเขาเลย แต่พ่อของเขาปรารถนาเช่นนั้น เขาชอบศิลปะมากกว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับเพื่อนของเขา Jean Bonjac ในพิพิธภัณฑ์ ศึกษาการวาดภาพและการประพันธ์ดนตรี นี่เป็นช่วงเวลาของบัลเล่ต์รัสเซีย ชีวิตในปารีสเปรียบเสมือนโรงเรียนที่แท้จริงของดิออร์

แต่เวลาอันเงียบสงบสิ้นสุดลงแล้ว ในปีพ.ศ. 2474 แม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ส่วนพ่อของเขาล้มละลายและล้มป่วยด้วยวัณโรคในเวลาต่อมา เขาทำอะไรได้บ้าง? เริ่มขายภาพวาดของเขา (ภาพร่างเสื้อผ้าและหมวก) ให้กับนิตยสาร Le Figaro Illustre และเขาก็สังเกตเห็นเขาทันทีโดย Robert Piguet นักออกแบบแฟชั่นชื่อดังในขณะนั้น
จริงอยู่ที่การผงาดขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์ของนักออกแบบเสื้อผ้าผู้ยิ่งใหญ่ถูกขัดขวางโดยสงคราม อย่างไรก็ตามในปี 1941 Christian กลับปารีสและเริ่มทำงานที่ร้านแฟชั่น Lucien Lelong ต่อมาในปี พ.ศ. 2485 Christian ได้สร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมของตนเอง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นน้ำหอม Christian Dior ในไม่ช้า น้ำหอมแรกของเขาคือ Miss Dior, Diorissimo, Diorama

Christian Dior เชื่อมาโดยตลอดว่าน้ำหอมช่วยเสริมบุคลิกของผู้หญิงและทำให้เสื้อผ้าของเธอสมบูรณ์แบบ

และในปีพ.ศ. 2489 เขาสามารถปลุกความสนใจในโครงการใหม่ของเขาจาก Marcel Boussac เจ้าสัวสิ่งทอผู้มั่งคั่ง และด้วยการสนับสนุนของเขา เขาจึงเปิดบ้านแฟชั่นแห่งแรก
บางทีความทรงจำเกี่ยวกับแม่ผู้สง่างามของเขา หรือการสิ้นสุดของสงครามและความปรารถนาที่จะเห็นผู้หญิงทุกคนแต่งตัวอย่างสวยงามและหรูหรา อาจนำไปสู่สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้กับทิศทางใหม่

เขาเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งกาลเวลา - หลังสงคราม ทุกคนอยากสัมผัสถึงความสุขของชีวิต สิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นการปฏิวัติแฟชั่นนั้นเหมาะสมกับความต้องการของผู้คนในยุคนั้น
“ทิศทางใหม่” หรือรูปลักษณ์ใหม่ – คอลเลกชันแรกของ Christian Dior เป็นสัญลักษณ์ของการมองโลกในแง่ดีและความอุดมสมบูรณ์ เป็น "แนวโรแมนติก" ซึ่งมีไหล่ลาดเอียงนุ่ม เสื้อท่อนบนพอดีตัว สะโพกกลม เอวบาง กระโปรงฟูฟูกว้างซึ่งใช้ผ้ายาวถึง 40 เมตร Christian Dior สัมผัสได้ว่าผู้หญิงต้องการมีรูปลักษณ์อย่างไรและนำเสนอรูปลักษณ์ที่พวกเขาต้องการ

คอลเลกชันแรกของเขาจัดแสดงเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 ซึ่งสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นักข่าวชาวอเมริกัน Carmel Snow ตั้งชื่อคอลเลกชันว่า "โฉมใหม่" - "รูปลักษณ์ใหม่" "ทิศทางใหม่"

ดิออร์กลายเป็นราชาแห่งแฟชั่นและราชินีก็มาหาเขา: ฟาราห์ดีบาดัชเชส
วินด์เซอร์, เอวา การ์ดเนอร์, อิงกริด เบิร์กแมน, ริต้า เฮย์เวิร์ธ, มาร์ลีน ดีทริช, ลอเรน เบคอล
กว่า 11 ปี เขาได้พัฒนาภาพเงาที่แตกต่างกัน 22 แบบ รูปร่างของผู้หญิงอาจมีลักษณะเป็น 8, H, A หรือ Y แต่ความยาวของภาพทั้งหมดของเขาจะอยู่ระหว่างเข่าและข้อเท้าเสมอ และผู้หญิงทุกคนก็ปฏิบัติตามความคิดของเขาอย่างไม่มีที่ติ ดิออร์คิดค้นรูปทรงใหม่เพื่อไม่ให้ความสนใจในแฟชั่นลดลง ดิออร์เป็นคนกำหนดน้ำเสียง และคนอื่นๆ ก็เชื่อฟังเขา

เขาสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์และชอบที่จะถูกลอกเลียนแบบ “ทิศทางใหม่” ของเขาน่าจะเป็นการฟื้นฟูอดีตอันแสนวิเศษซึ่งมีเสื้อผ้าที่หรูหราและสง่างามปรากฏอยู่ และด้วยเหตุนี้ อัจฉริยภาพเชิงสร้างสรรค์ของเขาก็ได้รับการตระหนักรู้อย่างเต็มที่ ดิออร์เชื่อว่าแฟชั่นไม่สามารถกำหนดได้ ผู้หญิงยอมรับลุคใหม่ของเขาด้วยความยินดีเพราะพวกเขาต้องการที่จะดูเป็นผู้หญิง ในคอลเลกชันแรก ชุดกลางวันหนักถึง 4 กิโลกรัม และชุดราตรีหนักถึง 30 กิโลกรัม แต่ความปรารถนาของ Dior ที่จะรื้อฟื้นความหรูหราที่ยิ่งใหญ่นั้นยิ่งใหญ่เกินไป เขากล่าวว่า: “ยุโรปเบื่อหน่ายกับการทิ้งระเบิด ตอนนี้เธอต้องการจุดพลุดอกไม้ไฟ”

นางแบบแฟชั่นของ Dior สาธิตเสื้อผ้าของพวกเขาอย่างมีชั้นเชิง พวกเขาเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว ชื่อดังขึ้น และชุดอันงดงามตระการตาที่ระลอกคลื่นทำให้คุณแทบหยุดหายใจ เขารักนางแบบของเขา สุภาพต่อพวกเขา และเรียกพวกเขาว่า "สาวๆ ของฉัน" อย่างเสน่หา ดิออร์รู้จักตลาดเป็นอย่างดี ตัวเขาเองใส่ใจเกี่ยวกับความรู้สึกและการหมุนเวียนทางการค้า และมีคุณสมบัติทางธุรกิจที่ไม่ธรรมดา

Christian Dior เป็นนักการทูตที่ดีในสาขาของเขา (ความฝันของพ่อของเขาเป็นจริง) เมื่อดิออร์ไปอเมริกาเพื่อรับรางวัลออสการ์สาขาการออกแบบเขาได้ประกาศให้คัดลอกผลงานชิ้นเอกฟรี แต่โดยมีเงื่อนไขว่าผู้เขียนจะได้รับจำนวนหนึ่งจากการขายทั้งหมดนั่นคือ Christian Dior เป็นผู้คิดค้นค่าภาคหลวง และตั้งแต่ปี 1949 เป็นต้นมา การเผยแพร่แนวคิดแต่ละข้อของเขาทำให้เกิดความสนใจ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มขายสิทธิ์ในการใส่ชื่อแบรนด์ของเขา ในกรณีนี้ผู้ถือใบอนุญาตจะต้องทำงานในรูปแบบของปรมาจารย์หรือคัดลอกแบบจำลองของเขา

โดยธรรมชาติแล้ว Dior เป็นคนอ่อนโยน อ่อนโยน และขี้อาย ทุกคนที่ร่วมงานกับเขารู้จักเขาเป็นคนช่างฝัน สุภาพเรียบร้อย และสุภาพ เขาโค้งคำนับทุกคน แม้กระทั่งเปิดทางให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมขึ้นลิฟต์ เขาปฏิบัติต่อพนักงานแต่ละคนด้วยความเอาใจใส่ โดยเลือกของขวัญคริสต์มาสที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาแต่ละคน Dior มอบความสะดวกสบาย อาหาร และประกันสังคมแก่พนักงาน

ดิออร์ชอบทานอาหาร เกลียดและกลัวความเหงา เขามีเพื่อนมากมาย แต่บ่อยครั้งที่เขาถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งได้แก่ Christian Berard, Jean Cocteau, นักแต่งเพลง Francis Poulenc และ Georges Auric และหัวหน้าร้านเสริมสวย Raymond Zeinaker ดิออร์ไม่ต้องทนทุกข์กับความภาคภูมิใจเล็กๆ น้อยๆ เขารู้วิธีชื่นชมผลงานสร้างสรรค์ของเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะ Vionnet

Christian Dior เชื่อโชคลาง ก่อนที่จะจัดแสดงคอลเลกชั่นนี้เสมอ และโดยทั่วไปแล้ว ในทุกโอกาสในชีวิตของเขา เขาได้ปรึกษากับหมอดู Madame Delahaye
เมื่อเขาเตรียมคอลเลกชันใหม่ เขามักจะขังตัวเองอยู่ในห้องทำงานของเขา และคนรับใช้ก็เดินอย่างเงียบ ๆ และสวมรองเท้าแตะนุ่ม ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนเขา โดยปกติแล้ว นักออกแบบแฟชั่นแต่ละคนในคอลเลกชั่นใหม่จะเสนอแนวคิดพื้นฐานใหม่หนึ่งหรือสองแนวคิด และมีการสร้างแบบจำลองและรูปภาพใหม่ล้อมรอบพวกเขา และ Christian Dior กล่าวว่า: ฉันมีเพียง 12 เท่านั้น

ดิออร์เปิดสาขาหลายแห่งในต่างประเทศและเขาได้คิดค้นโมเดลพิเศษสำหรับแต่ละสาขา Salons ตั้งอยู่ในลอนดอน นิวยอร์ก และการากัส โมเดลทั้งหมดที่เขาคิดค้นขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ ดังนั้นเขาจึงต้องพัฒนาโมเดลประมาณ 1,000 รุ่นต่อปี สุขภาพของ Dior ล้มเหลว และเขาแสดงอาการเครียด แต่ภายนอกสำหรับคนนอก เขามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ยกเว้นว่าเขาน้ำหนักลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดเท่านั้นที่รู้ว่าเขามีอาการหัวใจวายอยู่แล้ว และมีอีกหนึ่งความลับ - เขาไม่มีความสุขอย่างสุดซึ้งในความรัก...

นักออกแบบบางคนไม่พอใจกับผลงานสร้างสรรค์ของ Dior ซึ่งมักตัดเย็บจากผ้าราคาแพงเท่านั้นและปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพถือว่างานของดิออร์กับผ้าแย่มาก และใครเป็นผู้ปลดปล่อยผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเสื้อผ้ากล่าวว่า: "ดิออร์? เขาไม่แต่งตัวผู้หญิง เขายัดของใส่ผู้หญิง” ถึงกระนั้น มันเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าชาวฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้โลกมีภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่สง่างามและสง่างาม

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2500 ในวัย 52 ปี หลังจากหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน Christian Dior ก็จากโลกนี้ไป

ปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์อยู่ในบ้านของเขาในแกรนวิลล์

น้ำหอมคริสเตียนดิออร์.
น้ำหอม Christian Dior อันดับที่ 4 ของโลกในแง่ของยอดขาย ทั้งขวดและบรรจุภัณฑ์ผลิตขึ้นในสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ Christian Dior นำเสนอ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์สีเทา ชมพู และขาว เหรียญตราพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กระดาษลายนูนแบบปู ริบบิ้นผ้าซาติน

ในด้านน้ำหอม House of Dior มีการค้นพบมากมาย - หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดคือ ตัวอย่างเช่น แก่นแท้ของดอกลิลลี่แห่งหุบเขาและวานิลลา
ปัจจุบันมีน้ำหอม Dior มากกว่า 90 กลิ่น

น้ำหอม Christian Dior ยอดนิยม:

ดิออร์ ดอลเช่ วิต้า (สำหรับผู้หญิง)
Dior Dune (สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย)
Dior Poison (สำหรับผู้หญิง)
ดิออร์ ฟาเรนไฮต์ (สำหรับผู้ชาย)
Dior Miss Dior Cherie (สำหรับผู้หญิง)
Dior Homme Sport (สำหรับผู้ชาย)
Dior Higher (สำหรับผู้ชาย)
ดิออร์ ฮอมม์ (สำหรับผู้ชาย)
Dior Addict (สำหรับผู้หญิง)
ดิออร์ จาดอร์ (สำหรับผู้หญิง)

House of Dior คือบ้านของนักออกแบบที่โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ 20 ในปี 1953 Yves Saint Laurent ได้เข้ามาร่วมงานกับบริษัท และหลังจากการเสียชีวิตของ Dior เขาก็กลายเป็นนักออกแบบแฟชั่นชั้นนำของแบรนด์ Dior ในปี 1960 สถานที่แห่งนี้ตกเป็นของ Mark Boan จากนั้นในปี 1989 เขาถูกแทนที่โดย Gianfranco Ferre ตั้งแต่ปี 1996 John Galliano เป็นหัวหน้านักออกแบบแฟชั่นของแบรนด์ ชื่อ Dior มีความหมายเหมือนกันกับแฟชั่นของชาวปารีส

Christian Dior สำหรับนิตยสาร Militta

คริสเตียนดิออร์

12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 คริสเตียน ดิออร์ ( คริสเตียนดิออร์) สร้างความฮือฮาด้วยโชว์คอลเลคชั่น “โคโรลเล่” คาร์เมล สโนว์ ผู้สื่อข่าวนิตยสาร Harper's bazaar (นิตยสารแฟชั่นอเมริกันฉบับแรก) เรียกคอลเลกชั่นนี้ว่า "New Look" (อังกฤษ: "new look"
) เธอยังกล่าวอีกว่า: “ดิออร์กอบกู้ปารีส เช่นเดียวกับปารีสกอบกู้ที่สมรภูมิแห่งมาร์น” ทุกคนกำลังพูดถึงการปฏิวัติแฟชั่น แต่นี่เป็นเพียงการกลับคืนสู่สภาวะปกติและรสนิยมที่ดี Dior นำความโรแมนติกและความเป็นผู้หญิงกลับคืนสู่แฟชั่น เขาต้องการรื้อฟื้นประเพณีแห่งความหรูหราที่ยิ่งใหญ่ในแฟชั่นฝรั่งเศส และนี่คือเคล็ดลับความสำเร็จของเขา ดิออร์เคยกล่าวไว้ว่า “ยุโรปเบื่อหน่ายกับการทิ้งระเบิด ตอนนี้เธอต้องการจุดพลุดอกไม้ไฟ”

Dior ท้าทายเทรนด์หลังสงครามด้วยการชื่นชอบกระโปรงยาว ความสำเร็จของคอลเลกชันแรกของ Dior ทำให้เกิดกระแสตอบรับอย่างมากไม่เพียงแต่ในฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในสหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งนักออกแบบแฟชั่นต้องทำคอลเลกชันที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ เขาถูกเรียกว่าประมาทและท้าทาย ในฝรั่งเศสที่พังทลาย ซึ่งผ้าขาดแคลน เขาจึงขยายกระโปรงให้ยาวขึ้น

Balenciaga ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคของเขายอมรับว่าเขาพบว่าการดูแลผ้าของ Dior นั้นแย่มาก ซับในเป็นชั้นด้วยไม้สัก ลินินแป้ง และผ้าทูลล์ ซึ่งขัดแย้งกับหลักคำสอนหลักของ Balenciaga: "ปล่อยให้ผ้าพูดเพื่อตัวมันเอง" แต่คำวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดมาจากชาแนล:“ ดิออร์เหรอ? เขาไม่แต่งตัวผู้หญิง เขายัดพวกมันไว้”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่ชุดของ Dior ก็ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีผู้หญิงแย่งชิงสิทธิ์ในการซื้อ

ในปี 1949 Christian Dior เป็นเจ้าของ 75% ของการส่งออกแฟชั่นทั้งหมดของฝรั่งเศส ในปีเดียวกันนั้น ตามการสำรวจของ Gallup Dior ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 5 บุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

ดิออร์รู้จักตลาดเป็นอย่างดี เขาแนะนำการนำเสนอรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิงซึ่งไม่มีอะไรเหมือนกันกับการแสดงแฟชั่นโชว์ก่อนสงครามที่เงียบสงบ ที่ Dior นางแบบได้แสดงละครโดยลอยผ่านผู้ชมอย่างสง่างาม โมเดลต่างๆ เข้ามาแทนที่กันอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง ในขณะที่ได้ยินชื่อแฟนตาซี: “อันดับหนึ่ง: แวร์ดี! หมายเลขสอง: เปอร์โกเลซี! หมายเลขสาม: วากเนอร์! การแสดงนี้อาจใช้เวลานานถึงสองชั่วโมง และมันก็ไม่เคยน่าเบื่อเลย

ทุก ๆ หกเดือน Dior เสนอทิศทางใหม่ เขาเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าคนแรกที่สามารถเปลี่ยนความยาวของกระโปรงและแม้แต่ภาพเงาทั้งหมดจากคอลเลกชั่นหนึ่งไปยังอีกคอลเลกชั่นได้อย่างสิ้นเชิง ตัวเขาเองพยายามทำให้แฟชั่นหลุดพ้นจากแฟชั่นโดยเร็วที่สุด เขาเองก็ดูแลความรู้สึกในสื่อและส่งเสริมการหมุนเวียนทางการค้า

Christian Dior เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2448 ในเมืองกรองวิลล์ในนอร์มังดี เขาเป็นลูกคนที่ห้าในครอบครัวของเจ้าของโรงงานปุ๋ย มอริซ ดิออร์ ตั้งแต่วัยเด็ก Christian มีความสนใจในแฟชั่นและยังคงรักษาความรักและความชื่นชมอย่างลึกซึ้งต่อแม่ที่สง่างามของเขา คริสเตียนใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปิน แต่พ่อของเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ และเขาเริ่มศึกษาการเมืองโดยคาดว่าจะเป็นนักการทูต ในเวลาเดียวกัน พ่อของเขาได้ให้ทุนแก่แกลเลอรีเล็กๆ ของเขาเพื่อให้ลูกชายของเขาได้สนองความต้องการในงานศิลปะสมัยใหม่ แต่ในช่วงต้นทศวรรษที่ 30 เนื่องจากตลาดหุ้นตกต่ำและการลงทุนที่ไม่ได้ผลกำไร มิสเตอร์ดิออร์จึงสูญเสียโชคลาภทั้งหมด และคริสเตียนต้องหาเลี้ยงชีพของตัวเอง เขาถูกบังคับให้ละทิ้งแกลเลอรีและทำงานเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระในช่วงสั้นๆ จนกระทั่งได้รับตำแหน่งถาวรในฐานะศิลปินในนิตยสารแฟชั่นร่วมกับ Robert Piguet

ในปี 1939 ดิออร์ต้องไปทำสงคราม แต่อีกหนึ่งปีต่อมาเขาก็ถูกปลดประจำการ เขาไปหาพ่อและน้องสาวทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและเริ่มทำงานเป็นชาวนา

ในปี 1941 Dior เดินทางกลับปารีส ซึ่งเขาโชคดีที่ได้งานเป็นนักออกแบบให้กับ Lucien Lelong ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Christian Dior ได้อัปเดตภาพเงาของ Lelong อย่างรุนแรงจนวันหนึ่งนักข่าวชาวอเมริกันคนหนึ่งถามว่าชายหนุ่มผู้มีความสามารถคนนี้คือใครอยู่เบื้องหลัง สิ่งนี้ทำให้ Dior มีความกล้าหาญที่จะเริ่มทำงานด้วยตัวเอง เขาสามารถกระตุ้นความสนใจในโครงการของเขาจาก Marcel Boussac ผู้ประกอบการสิ่งทอที่ร่ำรวยอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ผลิตชอบแนวคิดเรื่องภาพเงาอันเขียวชอุ่มซึ่งต้องใช้ผ้าจำนวนมาก ดังนั้น House of Dior จึงถูกเปิดที่ Avenue Montaigne เขาอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

บางคนเชื่อว่าแม่ของดิออร์ซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้วมีอิทธิพลอย่างมากต่อแฟชั่นของเขา เธอรีบวิ่งกระโปรงมาจูบราตรีสวัสดิ์เด็กชายก่อนไปงานเต้นรำ และความทรงจำเกี่ยวกับความงามอันงดงามนี้ไม่ได้ละทิ้งดิออร์ไปตลอดชีวิต ดิออร์เป็นลูกชายของแม่ อ่อนโยน นุ่มนวล ขี้อาย ช่างฝัน ทุกคนที่ทำงานร่วมกับเขาเล่าว่าเขาเป็นคนสุภาพและสุภาพ แม้จะอยู่กับเด็กฝึกหัด เขาก็โค้งคำนับและเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปในลิฟต์ เขาปฏิบัติต่อพนักงานหลายร้อยคนด้วยความเอาใจใส่ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน เขาได้เลือกของขวัญคริสต์มาสที่เหมาะสมสำหรับทุกคน ดิออร์เป็นนักชิมและเกลียดการอยู่คนเดียว เขามักจะถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนสนิทกลุ่มเล็กๆ จุดอ่อนของเขาคือความเชื่อโชคลาง เขาไม่ได้ตัดสินใจแม้แต่ครั้งเดียวโดยไม่ปรึกษามาดามเดลาเฮย์หมอดูของเขา ครั้งหนึ่งเธอเคยทำนายกับเขาว่าเขาจะต้องมีชื่อเสียงเพราะผู้หญิง ตามคำแนะนำของเธอที่ Dior ยอมรับข้อเสนอของ Boussac และก่อตั้งบ้านแฟชั่นร่วมกับเขา

บุคลิกของดิออร์นั้นอ่อนโยน นุ่มนวล เห็นได้ชัดว่าอยู่ภายใต้ความกลัวของศิลปิน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ซ่อนความสามารถของนักธุรกิจได้อย่างง่ายดาย ในการเยือนอเมริกาครั้งแรกซึ่งเขามาถึงในปี 2490 ตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเท็กซัส Neiman Marcus ให้รับรางวัลออสการ์สาขาการออกแบบ Dior ตระหนักว่าตลาดนี้เต็มไปด้วยโอกาสที่ไม่มีใครสงสัย “เราขายแนวคิด” เขากล่าว ซึ่งหมายความว่าจะอนุญาตให้คัดลอกผลงานชิ้นเอกได้อย่างอิสระ แต่ในลักษณะที่ผู้เขียนได้รับจำนวนหนึ่งจากการขายทั้งหมด กล่าวอีกนัยหนึ่ง Dior ได้คิดค้นค่าลิขสิทธิ์ ตั้งแต่ปี 1949 เป็นต้นมา การจำลองแนวคิดแต่ละอย่างของเขาทำให้เกิดความสนใจ ดังนั้นการผลิตเครื่องประดับและน้ำหอมจึงทำกำไรได้มาก

“น้ำหอมเป็นเฉดสีที่ไม่มีใครเทียบได้ของความเป็นตัวตนของผู้หญิง ซึ่งเป็นสัมผัสสุดท้ายของภาพ” ดิออร์ชอบพูดซ้ำ เขาออกน้ำหอมกลิ่นแรกในปี 1947 ทันทีหลังจากการแสดงครั้งแรก ซึ่งทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เหล่านี้คือ “Miss Dior” ซึ่งเป็นกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนพร้อมกลิ่นหอมของดอกลิลลี่แห่งหุบเขาซึ่งเป็นดอกไม้โปรดของคุณแม่ของ Christian Dior ซึ่งเข้ากันกับภาพเงาใหม่ บางเบา และโปร่งสบาย ตามมาด้วย "Miss Dior" ตามมาด้วย "Diorama" และ "Diorissimo" ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า Jean Cocteau ถูกต้องเพียงใดซึ่งก่อนหน้านี้ได้ถอดรหัสชื่อ Dior เพื่อนของเขาด้วยการรวมคำสองคำ ดิ-จาก ตาย(“พระเจ้า”) และ หรือ("ทอง").

ความปรารถนาในความสมบูรณ์แบบทำให้นักออกแบบเสื้อผ้าผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนทรมาน - ในที่สุดมิลลิเมตรก็สามารถตัดสินใจได้ว่ามันคืออะไร: ชัยชนะหรือการล่มสลาย Dior รับภาระเพิ่มเติม - เขาเปิดสาขาในต่างประเทศ เขาคิดค้นโมเดลพิเศษสำหรับร้านเสริมสวยของเขาในลอนดอน นิวยอร์ก และการากัส โดยเน้นไปที่ความต้องการและสัดส่วนของตัวเลขของลูกค้าในท้องถิ่น พูดง่ายๆ ก็คือ Dior ต้องพัฒนาโมเดลประมาณ 1,000 รุ่นต่อปี แผนการผลิตดังกล่าวถือเป็นภาระอย่างยิ่งสำหรับนักออกแบบอย่าง Dior เนื่องจากถือเป็นเกียรติที่จะสร้างคอลเลกชันดั้งเดิมสำหรับร้านเสริมสวยแต่ละแห่ง สุขภาพของ Dior แย่ลง - ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากความน่าสงสัยที่มากเกินไป ในช่วงกลางทศวรรษที่ 50 เขามีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด

กองทัพคนรับใช้ที่ดูแลบ้านต่างๆ ของเขาต้องสวมรองเท้าแตะขนสัตว์เพื่อรักษาความสงบสุขที่แท้จริงของดิออร์ บางครั้งอาการประหม่าของศิลปินก็ตึงเครียดจนผู้ทำนายและคนขับรถของเขา Perrotino ซึ่งเป็นคู่รักของ Dior ในวัยเยาว์ต้องขับรถไปรอบๆ ช่วงตึกหลายครั้งก่อนที่นักออกแบบเสื้อผ้าจะตัดสินใจเข้าไปในร้านเสริมสวยที่ Avenue Montagne มาดาม เรย์มอนด์ ผู้จัดการของบริษัท บางครั้งถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกโดยได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของ ซึ่งเขาร้องไห้เหมือนเด็กๆ

คนนอกแทบจะไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ใน Dior ยกเว้นว่าเขาน้ำหนักลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียง Perrotino เท่านั้นที่รู้ความลับลึกที่สุดของ Dior: เขาเคยมีอาการหัวใจวายมาแล้วสองครั้ง และมีความลับอีกประการหนึ่ง - เป็นเวลาหลายปีที่เขาไม่มีความสุขในความรัก ชายหนุ่มหน้าตาดีจำนวนนับไม่ถ้วนปฏิเสธที่จะเสนออะไรให้เขานอกจากมิตรภาพ ในที่สุด ในปี 1956 Jacques Benita ชายหนุ่มรูปงามที่มีเชื้อสายแอฟริกาเหนือก็ได้รับการตอบสนอง นักอนุรักษ์นิยมสไตล์คันทรี่คิดถึงชื่อเสียงของเขาอยู่ตลอดเวลา Dior หลงรักมากจนปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะกับเพื่อนใหม่ของเขา สำหรับเขา Dior ต้องการที่จะดูน่าดึงดูดเป็นพิเศษ ดังนั้นในปี 1956 เขาจึงตัดสินใจเข้ารับการฝึกอบรมการลดน้ำหนักในมอนเตคาตินี ผู้ทำนาย Delahaye เมื่อเห็นสัญญาณเตือนในการ์ดจึงขอร้องให้เขาเปลี่ยนแผน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ดิออร์ไม่ฟังคำแนะนำของเธอ เขาไปรีสอร์ทในอิตาลีร่วมกับคนขับรถ หัวหน้าร้านทำแฟชั่น และลูกทูนหัวของเขา ในวันที่สิบที่เขาอยู่ที่นั่นคือวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2500 ในตอนเย็น Dior หมดแรงและแทบไม่มีเวลาทำคานาสตาเสร็จ ในวัย 52 ปี หนึ่งในนักออกแบบแฟชั่นที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาลเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

พิธีเปิดบ้านแฟชั่น

บ้านโอต์กูตูร์ Dior เปิดทำการในกรุงปารีสเมื่อปี พ.ศ. 2489 อย่างไรก็ตาม Christian Dior นักออกแบบแฟชั่นชื่อดังระดับโลกชาวฝรั่งเศสไม่ได้เป็นเพียงผู้ก่อตั้งเท่านั้น

ก่อนที่จะเปิดสตูดิโอสำเร็จรูปของตัวเอง Dior ทำงานในแกลเลอรีศิลปะแห่งหนึ่งซึ่งหยุดอยู่ในปี 1929 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ จากนั้นนักออกแบบแฟชั่นก็เริ่มขายภาพร่างให้กับ Parisian Fashion Houses และวาดภาพหน้านิตยสาร Le Figaro ด้วยเหตุนี้ พรสวรรค์ของเขาจึงถูกสังเกตเห็นโดย Marcel Boussac เจ้าสัวสิ่งทอผู้ให้ทุนสนับสนุน Fashion House ของ Christian Dior

คอลเลกชันแรก

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 ดิออร์นำเสนอเสื้อผ้าสตรีคอลเลกชั่นแรก ซึ่งนักข่าวได้ขนานนามว่า New Look ในทันที นิตยสารเขียนว่า: “ดิออร์กอบกู้ปารีส เช่นเดียวกับที่ปารีสกอบกู้ในสมรภูมิแห่งมาร์น”

คอลเลกชันนี้ได้ปฏิวัติโลกแห่งแฟชั่นหลังสงคราม ฝรั่งเศสที่ถูกทำลายซึ่งคุ้นเคยกับสไตล์ที่เรียบง่ายและใช้งานได้จริงนั้นถูกโจมตีโดยนางแบบสุดเก๋ที่ทำจากผ้าราคาแพงโดยเน้นที่เอวตัวต่อ ถุงมือยาว และหมวกหรูหรา ดิออร์คืนความหรูหราและความซับซ้อนให้กับแฟชั่นฝรั่งเศสและกลายเป็นเผด็จการแฟชั่นที่แท้จริงในทศวรรษหน้า

Christian Dior พัฒนาอย่างต่อเนื่องและทำให้สาธารณชนประหลาดใจ เขาเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าคนแรกที่สามารถเปลี่ยนความยาวของกระโปรงและแม้แต่ภาพเงาทั้งหมดจากคอลเลกชั่นหนึ่งไปยังอีกคอลเลกชั่นได้อย่างสิ้นเชิง ตัวเขาเองพยายามทำให้แฟชั่นหลุดออกจากแฟชั่นโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามมันเป็นนักออกแบบของ House of Dior ที่ต่อมาได้สร้างประเพณีของแฟชั่นโชว์ตามฤดูกาล (ในฤดูหนาวสำหรับฤดูร้อนหน้าและในฤดูร้อนสำหรับฤดูหนาวหน้า)
ดิออร์ยอมรับเฉพาะงานทำมือและให้ความสนใจกับสินค้าแต่ละรายการเป็นอย่างมาก ดังนั้นนักออกแบบแฟชั่นจึงไม่อนุญาตให้งานศิลปะการออกแบบกลายเป็นสิ่งไร้วิญญาณและประทับตรา

น้ำหอม เครื่องสำอาง และเครื่องประดับ

ทันทีหลังจากความสำเร็จครั้งแรก Dior ได้ออกน้ำหอมกลิ่นแรกของเขา เหล่านี้คือ Miss Dior กลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนพร้อมกลิ่นหอมของดอกลิลลี่แห่งหุบเขาเข้ากันกับภาพเงาใหม่ บางเบา และโปร่งสบาย “น้ำหอมเป็นเฉดสีที่ไม่มีใครเทียบได้ของความเป็นตัวตนของผู้หญิง ซึ่งเป็นสัมผัสสุดท้ายของภาพ” ดิออร์ชอบพูดซ้ำ

หลังจาก Miss Dior มีน้ำหอมในตำนานอื่น ๆ อีกเช่น Diorama, Diorissimo, J'adore

ภาพ: ดิออร์, 1948

ภาพ: ดิออร์, 2014

ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดแผนกเครื่องสำอาง Dior ทั้งหมดซึ่งก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพที่เสร็จสมบูรณ์ด้วย เป็น House of Dior ที่แนะนำแฟชั่นสำหรับลิปสติกเนื้อแมตต์ในบรรทัดแรกนำเสนอในโทนสีชมพูและสีส้ม
ในปี 1955 Fashion House ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเครื่องแต่งกายของตัวเอง Bijoux หลังจากนั้น Christian Dior เริ่มใช้หินคริสตัลสีในเครื่องประดับของเขา ซึ่งเขาร่วมงานร่วมกับ Daniel Swarovski นี่คือวิธีการเปิดแผนก Dior Fine Jewellery ภายในแบรนด์ Diorผู้ติดตามและชื่อใหม่

Christian Dior เป็นผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นเฮาส์มานานกว่า 10 ปี ในปี 1957 เขาเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย

ผู้ช่วยหนุ่มขี้อายของ Dior เข้ามาแทนที่ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ - ไม่มีใครอื่นนอกจาก Saint Laurent นักข่าวพูดติดตลกว่าตอนนี้แฟชั่นดีไซเนอร์วัย 21 ปีคนนี้ต้อง “กอบกู้โลกแฟชั่น” คอลเลกชันอิสระชุดแรกของ Yves Saint Laurent สร้างความฮือฮาในสังคมไม่น้อยไปกว่าคอลเลกชันของอาจารย์ของเขาที่เคยทำ แต่เพียงสามปีต่อมาเขาก็ออกจากตำแหน่ง มีหลายรุ่น ทีละคน Saint Laurent ได้เปิดตัวคอลเลกชันที่มีการโต้เถียงและแปลกประหลาดเกินไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้อีกต่อไป กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาถูกเรียกตัวเข้ารับราชการทหารและของสะสมนี้ถูกสร้างขึ้นโดยจงใจเรื่องอื้อฉาวเพื่อเป็นการอำลา

ในปี 1960 มาร์ค โบน เข้ามาแทนที่ผู้ซึ่งรักษาประเพณีของบ้านดิออร์มาเป็นเวลา 29 ปี โดยเพิ่มเทรนด์แฟชั่นใหม่ ๆ ให้กับคอลเลกชันของเขาอย่างระมัดระวังและมีไหวพริบ ในช่วงเวลานี้ลูกค้าของ Fashion House กลายเป็นดาราอย่างมาร์ลีน ดีทริชเกรซ เคลลี่ , มีอา ฟาร์โรว์ และคนอื่นๆในปี พ.ศ. 2510 Boan เปิดไลน์เด็ก Baby Dior

ติดตามเขาในปี 1989 Gianfranco Ferré ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นผู้ก่อตั้งหนึ่งในแบรนด์น้ำหอมที่โด่งดังที่สุดของอิตาลี เขาถูกเรียกว่า "สถาปนิกแห่งแฟชั่น" ผลงานสร้างสรรค์ของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของ Christian Dior จนสาธารณชนพูดถึงเขาว่า "Dior กลับมาแล้ว" ทันทีหลังจากการเปิดตัวคอลเลกชั่นแรกภายใต้แบรนด์ Dior Gianfranco Ferré ก็ได้รับรางวัลสูงสุดในโลกแฟชั่นนั่นคือ Golden Thimble

ในปี 1996 John Galliano นักออกแบบ Dior House ที่แปลกประหลาดที่สุด ได้กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ House of Christian Dior ทุกปีเขาจะออกคอลเลกชั่น 12 คอลเลกชั่น ซึ่งแต่ละคอลเลกชั่นจะทำให้คุณมองโลกแห่งแฟชั่นในรูปแบบใหม่ ดังนั้นในปีแรกของเขาที่ Dior John Galliano จึงนำเสนอคอลเลกชันที่กลายมาเป็นลางสังหรณ์ของทิศทางใหม่ -เสน่ห์

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เขาถูกพักงาน ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 Raf Simons ได้รับเชิญให้เข้ารับตำแหน่ง เมื่อถึงเวลานั้น Raf ได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังหลายแห่งแล้วและมีเสื้อผ้าแนวของตัวเอง แม้ว่านักออกแบบจะไม่เคยผลิตคอลเลกชั่นกูตูร์มาก่อน แต่งานของเขาที่ Dior ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก เมื่อปลายปี 2558 Raf Simons ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้านักออกแบบของ Fashion House ที่มีชื่อเสียง

ในปี 2016 เขาถูกแทนที่โดย Maria Grazia Chiuri นักสตรีนิยมผู้กระตือรือร้น และกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ในประวัติศาสตร์ของ House of Dior เธอส่งเสริมความคิดเห็นของเธอที่ Dior อย่างแข็งขัน - การเปิดตัวเสื้อยืดที่มีข้อความว่า "เราทุกคนควรเป็นสตรีนิยม" ถือได้ว่าเป็นสุดยอด อย่างไรก็ตาม มุมมองเชิงนวัตกรรมของ Chiuri ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเท่านี้ ภายใต้การนำของเธอ Dior ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ย้อนหลังครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากประวัติศาสตร์ของ Christian Dior

ชุดเดรสที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์พิธีออสการ์สร้างโดย Dior Fashion House ชิ้นส่วนของ Dior สวมใส่โดย Jennifer Lawrence ในงานออสการ์ปี 2013 ชุดเดรสสีชมพูอ่อนนี้มอบให้กับเจนนิเฟอร์เพื่อเป็นการแสดงความร่วมมือระหว่างบริษัทและนักแสดงซึ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ ช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในพิธีคือช่วงเวลาที่เจนนิเฟอร์สวมชุดของเธอพันกันขณะขึ้นไปบนเวทีเพื่อรับรางวัล ซึ่งเธอได้รับรางวัลในฐานะ “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” จากบทบาทของเธอในภาพยนตร์เรื่อง “My Boyfriend Is Psycho” ต้องขอบคุณเหตุการณ์นี้ที่ทำให้บริษัทอยู่บนอากาศได้นานกว่าบริษัทอื่นๆ และราคาของชุดนี้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลและสูงถึง 4 ล้านเหรียญสหรัฐ

ชุดแต่งงานจาก Dior กลายเป็นนิทรรศการในแกลเลอรีที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย - หอศิลป์แห่งชาติของรัฐวิกตอเรีย มันถูกสร้างขึ้นสำหรับเจ้าสาวชื่อดังมิแรนดาเคอร์ตามชุดของเจ้าหญิงเกรซเคลลี่แห่งโมนาโก มิแรนดาเองบอกว่าเธอชื่นชมและได้รับแรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าหรูหราของไอคอนสไตล์อย่าง Grace Kelly และ Audrey Hepburn มาโดยตลอด

เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับ John Galliano ในปี 2011 ยังส่งผลกระทบต่อบุคลิกของ Natalie Portman ซึ่งในเวลานั้นเป็นพรีเซนเตอร์ของ House of Dior
ในบาร์ปารีส “La Parle” Galliano ได้แสดงแนวคิดต่อต้านสัญลักษณ์ที่รุนแรงอย่างยิ่ง เหตุการณ์ทั้งหมดถูกบันทึกด้วยกล้อง
นาตาลี พอร์ตแมนเป็นชาวยิวโดยกำเนิด กล่าวในการตอบสนองต่อวิดีโอนี้ว่าเธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับพฤติกรรมของกัลลิอาโน และภูมิใจในรากเหง้าของเธอ