มนุษยชาติจะไปทางไหน? มนุษยชาติกำลังเดินไปในทางที่ผิดหรือไม่? ก่อนการทำลายพวกเขาจะพยายามให้เหตุผลกับเรา

เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนังสือพิมพ์ The Guardian ของอังกฤษลงบทความภายใต้หัวข้อข่าวที่น่าตกใจว่า "มนุษย์ต่างดาวอาจทำลายมนุษยชาติเพื่อปกป้องอารยธรรมอื่น ๆ " เนื้อหารายงานลักษณะของรายงานโดยกลุ่มพนักงานและผู้เชี่ยวชาญของ NASA จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ซึ่งพวกเขาวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ สำหรับการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวที่เป็นไปได้

นักนิเวศวิทยานอกโลกไม่พอใจพวกเรา

ตามที่ผู้เขียนรายงานระบุว่ามนุษย์ละเลยระบบนิเวศของโลกและการพัฒนาทางจิตวิญญาณสามารถนำไปสู่ความจริงที่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ผู้คนจะไม่เพียง แต่ทำลายตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกชีวิตบนโลกด้วย โอกาสดังกล่าวควรกังวลอย่างจริงจังกับอารยธรรมมนุษย์ต่างดาวที่เราไม่รู้จักซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตอันไกลโพ้นมีส่วนในการสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์บนโลกของเรา
สถานการณ์ปัจจุบันทำให้พวกเขาชัดเจนว่าเราเลือกเส้นทางหายนะ
มนุษยชาติเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย (ความพยายามครั้งก่อนเกิดขึ้นในอดีตอันไกลโพ้น) เพื่อสร้างชุมชนของสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดบนโลก ซึ่งในกระบวนการพัฒนาอารยธรรมของพวกเขา จะไปถึงระดับสูงสุดของจิตสำนึกที่เปลี่ยนไปสู่ ​​"นายพล" ระดับจักรวาล” ก็จะเป็นไปได้ นั่นคือ จิตใจของพวกเขาจะรวมเข้ากับจิตใจสากลสากล ซึ่งองค์ประกอบทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว และในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง แต่บนเส้นทางที่มนุษย์เคลื่อนไป ไม่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น เส้นทางนี้เต็มไปด้วยหายนะ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า อารยธรรมนอกโลกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขัดขวางมัน เนื่องจากการกระทำของมนุษยชาติที่ควบคุมไม่ได้คุกคามต่อจักรวาลแห่งความคิด
มีหลายวิธีที่จะทำให้เราจบลง ตัวอย่างเช่น ก่อให้เกิดหายนะระดับโลกซึ่งทุกชีวิตบนโลกจะถูกทำลาย อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้มากว่ามนุษย์ต่างดาวจะเลือกวิธีอื่น นั่นคือการสังหารหมู่โฮโม เซเปียนส์เพียงอย่างเดียว ในกรณีนี้ การโจมตีของไวรัส การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของชั้นบรรยากาศ (การปะทุของภูเขาไฟซุปเปอร์โวลคาโน) การทิ้งระเบิดโดยดาวเคราะห์น้อย (ผลกระทบระยะยาวของ "ฤดูหนาวนิวเคลียร์" ซึ่งผู้คนและสายพันธุ์ทางชีววิทยาอื่น ๆ อีกมากมายจะตาย แต่ชีวิตจะคงอยู่ซึ่งด้วยการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติที่ตามมาจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดวิวัฒนาการและการสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่) และอื่น ๆ

ก่อนการทำลายพวกเขาจะพยายามให้เหตุผลกับเรา

Sean Domagal-Goldman และเพื่อนร่วมงานของเขาจาก NASA Planetary Science Department ได้นำเสนอสถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดนอกโลกในรายงาน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการติดต่อดังกล่าวสามารถเป็นกลาง บวกหรือลบต่อมนุษย์โลก

ด้วยสิ่งที่เรียกว่าการติดต่อในเชิงบวก มนุษย์ต่างดาวจะพยายามมีอิทธิพลต่ออารยธรรมของโลกในแง่ของการส่งต่อไปสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและ "รางวิญญาณ" ด้วยความสนใจในทิศทางการพัฒนาสังคมของเรา มนุษย์ต่างดาวสามารถมายังโลกได้อย่างเปิดเผยและสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับรัฐบาล สื่อมวลชน นักวิทยาศาสตร์ และองค์กรระหว่างประเทศที่ทรงอิทธิพล ในกรณีที่มีการสัมผัสทางลบ ให้เริ่มกระบวนการทำให้มนุษย์เป็นทาสโดยการทำให้ซอมบี้กลายเป็นซอมบี้ ไบโอโรโบติกส์ โดยใช้มันเป็นวัสดุทางชีวภาพ
ผู้เขียนยอมรับว่าทั้งหมดนี้ค่อนข้างเป็นการเก็งกำไรและดูยอดเยี่ยม แต่ก็ยังเป็นไปได้ ในแง่ทั่วไปคือสาระสำคัญของรายงาน

ความผิดอยู่ที่ประชาชนเอง

บทความใน The Guardian แนะนำสิ่งนี้ ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานการณ์การติดต่อเชิงลบครั้งที่สามนี้กำลังดำเนินไปอย่างเต็มที่แล้ว ทุกๆ ปี ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และคนส่วนน้อยที่กลับมาก็พูดถึงการทดลองอันป่าเถื่อนที่พวกเขาต้องกระทำกับยูเอฟโอทุกประเภท การลักพาตัวกำลังเพิ่มขึ้น เกินกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงครั้งก่อนๆ นอกจากนี้ ต้องคำนึงว่าทั้งหมดนี้ดำเนินการอย่างลับๆ มนุษยชาติส่วนใหญ่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความชั่วร้ายดังกล่าวหรือไม่เชื่อในความจริงของการโจรกรรม
ในขณะเดียวกัน มนุษย์ต่างดาวที่มีระดับของเทคโนโลยีและความสามารถในการใช้อิทธิพลทางจิตวิทยาต่อผู้คนอาจรับผิดชอบอย่างเปิดเผยโดยไม่สนใจทัศนคติของเราต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ความตื่นตระหนกในหมู่ชาวโลกจะเป็นประโยชน์แก่พวกเขาเท่านั้น แต่มนุษย์ต่างดาวทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ซ่อนตัวจากเรา! ทำไม
มีเพียงคำตอบเดียว: มีกองกำลังบางอย่างในจักรวาล (อาจเป็นอารยธรรมนอกโลกอื่นๆ) ที่ต่อต้านแรงบันดาลใจเหล่านี้ ไม่อนุญาตให้พวกมันยึดครองโลกและทำให้ประชากรที่ชาญฉลาดของโลกตกเป็นทาสในที่สุด เป็นไปได้มากว่ากองกำลังเหล่านั้นที่ยังไม่สูญเสียความหวังในการสอนชาวโลกบนเส้นทางที่แท้จริงกำลังขอร้องพวกเรา อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากอัตราที่จำนวนการลักพาตัวเพิ่มขึ้น ผู้พิทักษ์ของเราก็อ่อนแอลง ประการแรก ศรัทธาของพวกเขาที่มีต่อเรา ความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงอ่อนแอลง และสำหรับมนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นที่ปฏิบัติต่อเราเหมือนวัวเงินสด และเราเองต้องโทษสถานการณ์นี้!

มนุษยชาติจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง

นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย - ดุษฎีบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์เทคนิค, ศาสตราจารย์วิกตอเรีย โปโปวา และผู้สมัครสาขาวิทยาศาสตร์เทคนิค ลิเดีย อันเดรียโนวา ได้ถอดรหัสภาพสัญลักษณ์ของอารยธรรมต่างดาวมาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว รูปสัญลักษณ์โดยพื้นฐานแล้วเป็นวงกลมพืชที่มีชื่อเสียงซึ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่เพียง แต่ในอังกฤษเท่านั้น (ไม่ใช่เพราะมนุษย์ต่างดาวคิดว่ามันเป็นศูนย์กลางของโลกศิวิไลซ์ในปัจจุบันซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงสร้างรูปสัญลักษณ์ที่นี่เป็นหลัก ) แต่ยังอยู่ในประเทศอื่น ๆ รวมถึงในรัสเซีย จากข้อมูลของ V. Popova และ L. Andrianova รูปสัญลักษณ์มีสัญลักษณ์ประเภทเดียวกันและสร้างขึ้นตามข้อมูลและหลักการทางเทคโนโลยีบางอย่าง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้รวบรวมพจนานุกรมมากกว่า 250 สัญลักษณ์รูปสัญลักษณ์ที่พบบ่อยที่สุด
โดยพื้นฐานแล้วข้อความเหล่านี้ที่ส่งไปยังผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกมีข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาจิตสำนึกของมนุษยชาติและเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้งซึ่งพบในตัวเองเช่นเดียวกับคำแนะนำเพื่อความรอด พลังแห่งจักรวาลกำลังพยายามอธิบายให้ชาวโลกเข้าใจว่าพวกเขาสร้างความสับสนวุ่นวายที่ทำลายชีวิตและอนาคตของพวกเขาอย่างไม่ลดละ ตามภาพสัญลักษณ์ กิจกรรมเชิงลบของผู้คนบนโลกนี้น่าจะก่อให้เกิดหายนะทั่วโลกที่จะทำลายล้างอารยธรรมในไม่ช้า ความรอดเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของมวลมนุษยชาติไปสู่ระดับจิตสำนึกที่สูงขึ้นเท่านั้น ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้คนจะเข้าร่วมชุมชนกาแลคซีของอารยธรรมนอกโลก ซึ่งเชื่อมต่อกันผ่าน Universal Mind หนึ่งเดียว
เกี่ยวกับสิ่งเดียวกัน เฉพาะในรูปแบบที่แตกต่างกัน ผู้สัมผัสเกือบทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งรักษาการติดต่อกับตัวแทนที่ชาญฉลาดของโลกจักรวาลอื่น ๆ ในระดับจิตใจ พูด มนุษยชาติกำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด พี่น้องที่มีเหตุผลของเราพูดเป็นเอกฉันท์ มันฆ่าแก่นแท้จิตวิญญาณของมันมากขึ้นเรื่อยๆ มลพิษของโลกด้วยของเสีย ภาวะเรือนกระจก การละเมิดสมดุลของระบบนิเวศ และอื่นๆ เป็นผลพวงของเส้นทางที่ผิดนี้ ซึ่งนำไปสู่หายนะของดาวเคราะห์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น รายงานของนักวิทยาศาสตร์ของ NASA จึงไม่มีอะไรใหม่โดยพื้นฐาน แต่เพียงยืนยันว่าผู้ติดต่อและนักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษายูเอฟโอได้พยายามอย่างไร้ผลเพื่อสื่อถึงประชาชนทั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของ NASA ในตอนเย็นของวันที่บทความนี้ปรากฏใน The Guardian กล่าวว่าองค์กรของพวกเขา

อิกอร์ VOLOZNEV

การลดทอนความเป็นมนุษย์เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบชีวิตใหม่หลังยุคมนุษยนิยม ซึ่งมนุษย์กลายเป็นสายพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งลิงเคยเปรียบกับเรา
คำถามยังคงอยู่: สังคมนี้จะมาถึงเร็วแค่ไหน? บางคนแนะนำว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นปี 2025

แต่มนุษยชาติกำลังเคลื่อนที่ไปทางไหน?
และเรากำลังก้าวไปสู่จุดที่ปัญญาชนชาวตะวันตกส่วนใหญ่เห็นด้วย นั่นคือ #หลังมนุษย์ หรือ #หลังมนุษย์ต้นแบบ นี่คือ #ความเดียวดาย
และคำถามที่สำคัญที่สุด - เราจะไปที่นั่นหรือไม่? และนี่ก็แย่มากแล้ว: เรากำลังก้าวไปสู่ก้นบึ้ง แต่เรามั่นใจว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเอง ...

การเร่งความเร็ว (มาจากคำว่า "ความเร่ง") เป็นกระแสทางปรัชญาที่พยายามเร่งความเร็วของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไม่เหมือนเวลา ไม่ใช่แนวคิดทางกายภาพ และเป็นไปได้ที่จะเร่งความเร็วให้เร็วขึ้น

· ในการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ในอัมสเตอร์ดัม (โดยมีนักปรัชญาหลายคนเข้าร่วม เช่น Žižek และ Slotterdijk) ได้กล่าวถึงพารามิเตอร์ของสังคมในอนาคต คำถามเกิดขึ้น: เราควรเร่งดำเนินการหรือไม่? พวกเขามองว่าอนาคตคือการลดทอนความเป็นมนุษย์ - การเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบใหม่ของชีวิตหลังยุคมนุษยนิยม ซึ่งมนุษย์กลายเป็นสายพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งลิงเคยเปรียบกับเรา หลายคนเสนอที่จะมองคนผ่านสายตาของหุ่นยนต์

วิทยากรท่านหนึ่งอ้างเป็นข้อโต้แย้งเพื่อความสมบูรณ์แบบของหุ่นยนต์หน้าคนว่าเครื่องจักรจะเสียภาษีเป็นประจำ จะไม่มีจิตใจคดโกง (ว่ากันว่าการเลี่ยงภาษีเป็นปัญหาพื้นฐานอย่างหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนาและนั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาจะมีความสุขภายใต้ระบบใหม่ และในอนาคต ปัญญาประดิษฐ์โดยทั่วไปจะรับผิดชอบในการจัดระเบียบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ การเมือง และโดยหลักการแล้ว จะเริ่มคิดเอง)

มนุษยชาติกำลังมุ่งไปสู่สิ่งนี้ - เพื่อถ่ายโอนความคิดริเริ่มไปยังไซบอร์ก, หุ่นยนต์, ความฝันซึ่งจะขยายความคิดของโอกาส (ตัวอย่างเช่นการแนะนำของตานกอินทรีจะช่วยให้คนมองเห็นได้ไกล, ปีก - ถึง บินขาเทียม - กระโดดเร็วขึ้นและยาสลบจะกลายเป็นของเด็กเล่น: ทุกอย่างที่พวกเขาจะทำเพียงแค่กระโดดและขี่ขาเทียมกระต่ายและนกกระจอกเทศจะแสดงในการแข่งขัน)

· ถึงตอนนี้ คำถามเดียวคือ สังคมนี้จะมาเร็วแค่ไหน? บางคนถึงกับร่างขอบเขตโดยบอกว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นปี 2025 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นเอกเทศ เมื่อจะมีการเปลี่ยนแปลงจากการครอบงำของมนุษย์ไปสู่สิ่งมีชีวิตหลังมนุษย์

· ในสุนทรพจน์ของฉัน ฉันอธิบายภาพเดียวกัน แต่มีการนำเสนอที่แตกต่างกัน - ฉันบอกว่าหุ่นยนต์จะสูญเสียคุณสมบัติของมนุษย์ไปอย่างไร เกี่ยวกับ Dasein เกี่ยวกับทัศนคติต่อความตาย เกี่ยวกับความเป็นอมตะเพื่อแลกกับวิญญาณ (ซึ่งเปรียบได้กับการขาย วิญญาณให้กับปีศาจ) ฉันคิดว่ารูปลักษณ์แบบอนุรักษ์นิยมจะทำให้ผู้ชมหวาดกลัว แน่นอนว่ามีคนถอยกลับ แต่มีคนเข้ามาหลังจากการแสดงและบอกว่าเขาต้องการเป็นหุ่นยนต์ สิ่งที่น่าสนใจ: ความสยดสยองที่ฉันคาดหวัง - จากการสูญเสียตัวตนของมนุษย์ในกระบวนการทางเทคนิคที่เร่งขึ้นจากโอกาสในการพิมพ์เด็กบนเครื่องพิมพ์ - ไม่ใช่ ค่อนข้างจะสร้างความขบขันให้กับสาธารณชนชาวอัมสเตอร์ดัม และพวกเขาก็พอใจที่จะเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น

· เป็นที่น่าสนใจว่าเมื่อเราพูดถึงความคืบหน้า เราจะโต้เถียงกันเป็นหลักว่าจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า แต่เรากำลังจะไปที่ไหน? คำถามนี้มักไม่พ้นคำถาม และเรากำลังก้าวไปสู่จุดที่ปัญญาชนชาวตะวันตกส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกัน นั่นคือ ไปสู่ต้นแบบหลังมนุษย์และหลังมนุษยนิยม นี่คือเอกพจน์

·และในทางปฏิบัติไม่มีใคร (ยกเว้นกลุ่มอนุรักษนิยมที่แคบที่สุด แต่แคบที่สุด) ถามคำถามที่สำคัญที่สุด - เราจะไปที่นั่นหรือไม่? และนี่ก็แย่มากแล้ว: เรากำลังก้าวไปสู่ก้นบึ้ง แต่เรามั่นใจว่าเรากำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการพัฒนาตนเอง ...

เราโต้เถียงกันในเรื่องทางโลกและทางธรรมในปัจจุบัน แต่มีคำถามที่น่าสนใจเกิดขึ้น: มนุษยชาติเคลื่อนตัวไปทางไหนในความหมายเชิงปรัชญาของการเป็นอยู่? มีโอกาสที่จะดำเนินการตามผลลัพธ์ของข้อพิพาทหรือไม่

เริ่มกันที่ระเบียบโลก

เพื่อทำความเข้าใจว่าเรากำลังก้าวไปสู่การพัฒนาหรือความเสื่อมโทรม เราจำเป็นต้องมีจุดเริ่มต้น และด้วยเหตุนี้ ให้เราเจาะลึกเข้าไปในสมัยโบราณ ในสมัยโบราณของเรา

หัวข้อนี้มีความหมายแฝงทางปรัชญาที่ชัดเจนดังนั้นสำหรับการสนทนาทั่วไปเราจะใช้วิธีการนำเสนอวิทยานิพนธ์เพื่อไม่ให้ได้รับยานอนหลับ

ในบรรดานักคิดชาวสลาฟโบราณ มีเพียงความทรงจำเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ซึ่งปกคลุมไปด้วยวรรณกรรมสลาโวนิกของศาสนจักร

“ มุมมองของชาวสลาฟเช่นเดียวกับชาวอินโด - ยูโรเปียนคนอื่น ๆ สะท้อนให้เห็นในตำนานและนิทานพื้นบ้าน - นิทาน, แผนการ, คาถา

การตัดสินของชาวสลาฟนั้นคล้ายคลึงกับมุมมองของชาวอินโด - ยูโรเปียนในระดับที่เป็นนามธรรมเช่นตรีเอกานุภาพ .

ในความคิดของชาวสลาฟ รู้จักไฮโปสเตสสามแห่งของจักรวาล:

กฎ Yav และ Nav

กฎ- นี่คือโลกของเทพเจ้า กฎและความหมายของการดำรงอยู่ของจักรวาล โลก ธรรมชาติ

ความเป็นจริง- โลกที่ชัดเจนของสิ่งมีชีวิตซึ่งถูกปกครองโดยกฎ

นำทาง- ในพจนานุกรมอธิบาย Dahl ถูกตีความว่าเป็นคำพ้องความหมายสำหรับคำที่พบในบางจังหวัด ตายแล้ว ตายแล้ว.

นี่คือการตีความอื่น:

ความเป็นจริง- ความคืบหน้า;

นำทาง- ความโกลาหลในยุคดึกดำบรรพ์

กฎ- พลังที่ทั้งโลกวางอยู่ในแง่ของจักรวาล

สาม Yav กฎและ Navมาจากหนังสือ Veles ซึ่งบางคนคิดว่าเป็นของปลอมในศตวรรษที่ 20 ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นเอกสารที่รวบรวมโดย Slavic Magi และพิจารณาว่าเนื้อหาของเอกสารนั้นเก่ากว่า The Tale of Igor's Campaign หลายศตวรรษ

ความจริงและกฎไม่ได้ถูกกล่าวถึงในแหล่งข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับตำนานและนิทานพื้นบ้าน .

หนังสือ Veles (แปลโดย A. Asov, 1992) กล่าวว่า:

"เราไม่รู้ว่า Dazhdbog วางอะไรไว้ในกฎ ความเป็นจริงคือปัจจุบัน สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยกฎ Nav อยู่หลังจากนั้นและก่อนหน้านั้น"

แนวคิด เปิดเผยเป็นคำนามสามารถพบได้ในวลีต่าง ๆ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับแนวคิดของ Navi และ Rule

อธิบายได้ดังนี้ แนวคิด ความเป็นจริงสร้างขึ้นในรัสเซียสมัยใหม่ และแนวความคิด นำทางและ กฎมาจากภาษาเซลติกซึ่งเป็นส่วนสำคัญของภาษารัสเซียเก่าและหมายถึงใหม่ตามลำดับ นำทาง และกฎหมาย กฎ . ดังนั้นการพูดถึงแนวคิด กฎคุณต้องจำผู้สร้างโลกเซลติก - ดรูอิดซึ่งเห็นได้ชัดว่าเปล่งคำนี้โดยถ่ายทอดแนวคิดและความหมายแฝงทางศาสนา

ในพจนานุกรมภาษาสลาโวนิกเก่าตามต้นฉบับของศตวรรษที่ 10 - 11 คำว่า กฎตีความว่าเป็น ใช่จริงๆ. ด้วยแนวคิดของกฎวันนี้ในภาษารัสเซียมีคำเช่น ขวา, กฎ, ปกครองเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับแนวคิดกฎหมายโบราณ กล่าวคือ ปกครอง. ในเรื่องนี้คำว่า กฎคำพ้องความหมายแบบเก่าของรัสเซียสำหรับคำที่ยืมมาจากกฎหมาย

เมื่อพิจารณาถึงแง่มุมทางศาสนาของลัทธินอกรีตของรัสเซียความหมายเชิงความหมาย ปกครองหมายถึงแนวคิด กฎแห่งเทพเจ้า.

โดยวิธีการที่คำว่ากฎหมายยังไม่เรียบง่ายและมีแนวคิดคำ คอน - พื้นฐาน, จุดเริ่มต้น, จุดเริ่มต้น. ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนเรียกว่าโบราณ หินศักดิ์สิทธิ์บนดินแดนสลาฟเรียกว่า Con-stone ซึ่งสัตว์ม้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน เรากำลังพูดถึงสัญลักษณ์บางอย่าง - ศูนย์กลางจุดเริ่มต้นของโลก แต่ในเกมการพนันที่รู้จักกันดีมีการกระทำ - "ต่อแถว" เช่น เพื่อเริ่มต้น เกม. นี่คือที่มาของแนวคิดโบราณเกี่ยวกับการเริ่มต้นของโลก แลกกับความตื่นเต้นและไม่มีใครสังเกตเห็น

ดังนั้นด้วยพื้นฐานของจักรวาลที่คิดออก พบจุดเริ่มต้นแล้ว

ต้นไม้แห่งชีวิตของชาวสลาฟมาจากทรินิตี้สลาฟ

ต้นไม้แห่งชีวิตของศาสนาคริสต์เติบโตจากรากของต้นไม้ต้นนี้ ตัวอย่างเช่น สัญลักษณ์ดังกล่าวมีอยู่บนเครื่องแต่งกายของนักบุญ Savva Storozhevsky และไม่เพียงเท่านั้น

มาต่อเรื่องจักรวาลกัน

ทุกวันนี้แม้แต่ลิงก็เข้าใจว่ามนุษย์ไม่ได้ "มา" จากพวกมัน สิ่งมีชีวิตอย่างเราอาศัยอยู่บนโลกเมื่อ 50 ล้านปีที่แล้ว วิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการซ่อนตัวจากการค้นพบทางโบราณคดีสาธารณะที่หักล้างทฤษฎีของดาร์วิน... สมาชิกของ World Congress of Archaeologists Michael Kremo ผู้เขียนหนังสือที่น่าตื่นเต้น "Forbidden Archeology" และ "Unknown History of Mankind" เชื่อมั่นในทั้งหมดนี้ ต่อจากนี้เราจะพูดง่ายๆ “เป็นเวลานานแล้วที่นักดาราศาสตร์ได้ศึกษาเอกภพผ่านกล้องโทรทรรศน์แบบใช้แสง เมื่อเวลาผ่านไป กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ปรากฏขึ้นซึ่งทำให้สามารถมองเห็นวัตถุใหม่ได้ ดังนั้นชีวิตฝ่ายวิญญาณจึงประกอบด้วยการประสบกับความเป็นจริงของโลกที่มองไม่เห็นผ่านความสามารถใหม่ บางคนอาจพูดว่า "ฉันไม่เชื่อ" แต่ก็เหมือนกับว่านักดาราศาสตร์ที่ทำงานเกี่ยวกับทัศนศาสตร์ไม่เชื่อสิ่งที่กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์แสดงให้เห็น นั่นไม่ใช่ทัศนศาสตร์ของเขา

โดยไม่ยอมรับความเชื่อทางศาสนาหรือวิทยาศาสตร์อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เราต้องใช้แหล่งข้อมูลทั้งหมดที่ให้ความรู้อย่างเต็มที่เกี่ยวกับจักรวาล มิฉะนั้น เราจะส่งต่อสมมติฐานผิดๆ ว่าเป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนรูป

ใครได้ประโยชน์จากทฤษฎีของดาร์วิน? สำหรับผู้ที่สนใจว่าบุคคลไม่มีเป้าหมายที่สูงกว่าความหมายทั้งหมดของการดำรงอยู่ของเรานั้นลดลงเหลือเพียงความเพลิดเพลินในวัตถุ และเราได้ความคิดมาจากไหนว่านี่คือจุดประสงค์ของการดำรงอยู่ของเรา และเรามีชีวิตอยู่เพื่อเห็นแก่วัตถุนิยมและความตะกละตะกลาม และเป็นอยู่และจะเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมออร่าถึงติดอยู่กับบุคคลและความสามารถในการรับรู้ภายนอกและการสะกดจิตจะได้รับ

ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่เชื่อกันโดยทั่วไป ในความเป็นจริงไม่มี "ทฤษฎีบิ๊กแบง" เดียวมีหลายโหลซึ่งขัดแย้งกันอย่างมาก เพื่ออธิบายการกำเนิดของกาแลคซี นักวิจัยต้องสันนิษฐานว่า 90% ของเอกภพนั้นมองไม่เห็นและไม่คล้อยตามเครื่องตรวจจับใดๆ คุณรู้สึกถึงความขัดแย้ง: มีการสันนิษฐานเพื่อความจริง ทฤษฎีที่ไม่ได้รับการพิสูจน์เดียวกันนี้กล่าวว่าสติสัมปชัญญะเป็นผลมาจากปฏิกิริยาทางชีวเคมีในสมอง นักประสาทวิทยาเองกล่าวว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 150 ปีในการพิสูจน์สมมติฐานนี้ ความจริงยังไม่ปรากฏ เราต้องยอมรับสมมุติฐานว่าเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้มีความรู้หลายด้านที่ยืนยันข้อสรุปที่ตรงกันข้าม นั่นคือจิตสำนึกมีอยู่อย่างเป็นอิสระจากสมอง .

ทิศทางของวิวัฒนาการ เดินหน้า ถอยหลัง.

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจว่าบุคคลนั้นเป็นใคร นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเราเป็นการรวมกันขององค์ประกอบทางกายภาพของตารางธาตุที่มีชื่อเสียง มีเหตุผลมากกว่าที่จะเริ่มต้นด้วยสมมติฐานที่ว่ามนุษย์ประกอบด้วยสามองค์ประกอบ: สสาร จิตใจ และจิตสำนึก

Michael Kremo ในฐานะนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เสนอมุมมองที่ปฏิวัติวงการ: "เราไม่ได้วิวัฒนาการมาจากสสาร แต่เดิมเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในระดับของจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งมีชีวิตเหล่านี้บางส่วนที่มีสติสัมปชัญญะสูงขึ้นก็ถูกปกคลุมด้วยพลังงานทางวัตถุที่ต่ำลง ผู้เขียนทฤษฎีเรียกสิ่งนี้ว่า "devolution"

นี่คือโปรแกรมสำหรับการสร้างมนุษย์: เริ่มแรกมี คำ… จากนั้นก็มีความคล้ายคลึงกันของการสั่นสะเทือนหลักจาก คำ, ซึ่งใน คำและนุ่งห่ม. พระเวทของอินเดียโบราณยังกล่าวอีกว่าการสร้างทั้งหมดเริ่มต้นด้วยเสียง การสั่นสะเทือน หากทุกอย่างเกิดขึ้นเช่นนั้น จะถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นวิวัฒนาการหรือการอุทิศตนได้อย่างไร

ก่อนหน้าเราเป็นเรื่องราวที่บริสุทธิ์เกี่ยวกับการใช้ผลไม้จากต้นไม้แห่งความรู้ในความดีและความชั่ว อย่าลืมว่าอาดัมและเอวากินผลไม้ต้องห้าม เห็นพวกเขาเปลือยกายและละอายใจ แต่ทุกคนไม่ได้ลิ้มรสผลไม้ หน่วยงานบางแห่งเริ่มปกป้องต้นไม้อันเป็นที่รักหลังจากความเด็ดขาดของเพื่อนร่วมงานในชีวิต ดูลำดับชั้นทั้งหมดของเอนทิตี

ตามปรัชญาในพระคัมภีร์ไบเบิล เหตุการณ์นี้ไม่มีวิวัฒนาการอย่างชัดเจน เพราะพระเจ้าหรือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกสูงกว่าย่อมสูงกว่าบุคคลที่แต่งกายด้วยพลังงานทางวัตถุต่ำอย่างแน่นอน

ตามปรัชญาในพระคัมภีร์ การกระทำนั้นเรียกว่าบาปดั้งเดิม ไปจากอีกด้านหนึ่งกันเถอะ ช่างเป็นการทดลองที่ไม่เห็นแก่ตัวในตัวเองของสิ่งมีชีวิตโบราณที่มีจิตสำนึกบริสุทธิ์ โดยยอมสูญเสียจิตสำนึกที่สูงขึ้นและแต่งกายด้วยวัตถุทางกายภาพของโลก และเป็นไปได้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นตามกฎหมายที่เราไม่รู้จักซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของความเห็นแก่ตัวส่วนบุคคล

และหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร และหลังจากนั้น หลายปีผ่านไป และเราอยู่ที่นี่ เราซึ่งตามตำนานเป็นเวลาหลายพันปีถือว่าเราเป็นหลานของ Dazhdbog แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ เราก็อยากจะเบียดเสียดกับญาติของสัตว์ นี่คือการล่มสลาย - จากเทพเจ้า แต่เป็นลิง!

บางสิ่งบางอย่างในตรรกะดังกล่าวไม่เหมาะสม ไม่เห็นแรงจูงใจ การกลายเป็นมนุษย์ที่แต่งกายด้วยสสารเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ พวกเขายังคงคิดว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ทำไมต้องเป็นสัตว์ แต่แนวโน้มที่มองเห็นได้ เราจะเป็น "ลิง" เช่นกันหากเราไม่จดจำจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรา แต่การเกิดใหม่จากหน่วยงานพลังงานไปสู่มนุษยชาติทางวัตถุเกิดขึ้นเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง และเพื่อจุดประสงค์ที่ร้ายแรงกว่าการกลายเป็นสัตว์โง่

มุมมองคืออะไรในชีวิตของเราแต่งกายด้วยรูปธรรม?

ต้นกำเนิดของชีวิตนี้มีเงื่อนไขเริ่มต้นสูงจากหน่วยงานที่สูงกว่า และวันนี้เราสังเกตอะไรได้บ้างหลังจากบาปดั้งเดิมหรือการเปลี่ยนแปลงดั้งเดิม

ประการแรก เพื่อปลุกพลังที่ซ่อนเร้นในตัวบุคคลให้ตื่นขึ้น มีท่วงทำนองในชีวิตของผู้คน พวกเขานำบุคคลไปสู่ความสามัคคีและระเบียบภายในในรูปแบบต่างๆ เราเห็นสิ่งนี้กับชาวกรีก ความปรารถนาสำหรับหน่วยงานที่มีจิตสำนึกสูงกว่านั้นมีอยู่ในทุกศาสนา (เพื่อไม่ให้สับสนกับนิกายและคนหลอกลวงต่างๆ)

ผู้คนพยายามทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นหรือทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ:

ภาษา- ภาษาที่ร่ำรวยที่สุด, สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ, ได้รับการปฏิรูปจนเกือบเป็นระบบเลขฐานสอง, ความมั่งคั่งโบราณกระจัดกระจายเป็นกลุ่มของภาษา, ระดับเครือญาติที่แตกต่างกัน;

การศึกษา- เราเรียนรู้เพราะประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของบรรพบุรุษไม่ได้รับการสืบทอด เราแนะนำระบบการทดสอบในโรงเรียนเช่น "เดาเวอร์ชันที่เสร็จแล้ว" และไม่เข้าใจระดับความรู้ปัจจุบันซึ่งเราจะสูญเสียไปกับการศึกษาดังกล่าวอย่างแน่นอน

รูปแบบทางสังคมของการเป็น- ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตส่วนรวม มนุษย์พยายามแสวงหาปัจเจกนิยม แต่ในขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นเพื่อมาตรฐานและความคิดสร้างสรรค์ ทำไมต้องงง ผู้สร้างแฟชั่นได้คิดทุกอย่างให้คุณแล้ว เรามุ่งมั่นเพื่อความดั้งเดิมและชื่นชมยินดี - นี่คือ "ความเย็น" โลกาภิวัตน์ได้รับการสรุป วัฒนธรรมย่อยได้รับการแนะนำ - เรากำลังลดความซับซ้อนลงจนเป็นศูนย์

สิ่งประดิษฐ์และการค้นพบ- ประการแรก เราใช้มันเพื่อการทำลายล้างของเราเอง รองจากจีน ดินปืนถูกใช้ครั้งแรกสำหรับปืนและปืนใหญ่ พลังงานปรมาณูใช้ทำระเบิดเป็นครั้งแรก พีซีสมัยใหม่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดยสหรัฐฯ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 60 เพื่อพัฒนาจรวดโพลาริส การผลิตทางอุตสาหกรรมใด ๆ เพื่อเห็นแก่ลัทธิวัตถุนิยมของดาร์วินมีแต่จะทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ไม่มีใครเรียกความก้าวหน้านี้

กระบวนการทางฟิสิกส์และชีวภาพ- การเคลื่อนไหวไปสู่ความเสื่อมโทรมนั้นชัดเจน โรคทางพันธุกรรมและความพิกลพิการมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในการทำเช่นนี้เราควรเพิ่มการค้าในผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำและการบริโภคน้ำแร่ที่ห่างไกลจากน้ำพุ ไม่ต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์และยา GMO การเสื่อมอย่างสมบูรณ์เป็นเรื่องของเวลา

จิตใจภายในของเราไม่เห็นด้วยกับความคาดหวังที่น่าเศร้าเช่นนี้ ทุกอย่างจะไร้ประโยชน์ถ้าเพียง หากเราไม่พบยาครอบจักรวาล ให้แก้ไขสถานการณ์และเปลี่ยนเส้นทางเวกเตอร์ แต่จะมองหา Panacea ของเธอได้ที่ไหน? เราจะไม่พบมันในหมู่ลิงอย่างแน่นอน ใช่ พวกเขาจะไม่พูด เราต้องเงยหน้าขึ้นและระลึกถึงอดีตอันรุ่งโรจน์

และเริ่มต้นด้วยการสร้าง Red Book ของมนุษย์และวัฒนธรรมของเขาเพื่อให้ได้รับการเก็บรักษาไว้ตลอดระยะเวลาของการค้นหา

ไม่ใช่ทุกอย่างเลวร้ายและมีบางอย่างอยู่ในมือของเรา นี่คือทางเลือกบางอย่าง และทางเลือกนั้นมีแนวโน้มที่ดี ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุชั่วขณะ นี่คือวิธีที่แท้จริง กลับสู่ความคืบหน้า .

และถ้าข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับสิ่งนี้มีวัตถุประสงค์มี! ลองดูกฎของอุณหพลศาสตร์และหนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจ - เอนโทรปี .

แนวคิดนี้แสดงให้เห็นว่าชีวิตในฐานะปรากฏการณ์นั้นห่างไกลจากการเป็นชุดองค์ประกอบทางเคมีแบบสุ่ม แต่เป็นส่วนสำคัญของจักรวาล

พูดง่ายๆ ว่าเอนโทรปีคืออะไร? ในทฤษฎีระบบ: เอนโทรปีเป็นส่วนกลับของระดับการจัดระบบ พูดน้อยกับคนที่ไม่ได้ฝึกหัด แต่อย่างอื่น. หากมาตรการนี้วัดกระบวนการของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ปรากฎว่าเอนโทรปีสำหรับกรณีเหล่านี้มีค่าตรงกันข้าม

ธรรมชาติแสวงหาสภาวะสมดุล ภูเขาถล่มกลายเป็นทราย แต่ในทางตรงกันข้ามชีวิตในความพยายามที่จะรักษาการดำรงอยู่ของมันการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในตัวเองและรอบ ๆ ตัวมันเองอย่างตั้งใจและต่อเนื่องเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของมันมันต่อต้านอิทธิพลของสภาพแวดล้อมภายนอก ชีวิตต่อต้านการทำลายธรรมชาติที่ตายแล้วถึงวาระ

การปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ทำให้เอนโทรปีเพิ่มขึ้น สรุปว่ายังไงกันแน่? เรามีโอกาสไหมถ้าเราไม่ทำลายตัวเอง? อาจเป็นไปได้ว่ามี

แต่จนถึงตอนนี้น่าเสียดายที่มีแต่การ์ตูนเท่านั้น และนี่คือข้อพิสูจน์โดยตรง ใครนอกจากลูกหลานของพระเจ้าที่สามารถประดิษฐ์สิ่งนี้: "ถ้าคุณผสมแยมกับตะไบเหล็ก คุณก็จับแมลงวันได้ด้วยแม่เหล็ก"ความคิดดังกล่าวยังห่างไกลจากการพัฒนา ยังมีดินปืนอยู่ในขวดผงวิวัฒนาการของมนุษย์

การวิจัยใด ๆ ควรจะจบลงด้วยข้อสรุปและข้อสรุปที่เราได้รับเป็นเรื่องการเมืองและมุ่งตรงไปที่ความเป็นผู้นำของประเทศ ขึ้นอยู่กับอำนาจโดยตรงว่าจะเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของมนุษย์หรือจะเสื่อมโทรมลง มนุษย์จะถูกรักษาไว้เป็นสิ่งมีชีวิตหรือเมื่อสูญเสียวัฒนธรรมก็จะตายอย่างไร้ประโยชน์ต่อธรรมชาติ

แม้ว่าลูกศรบนเส้นทางแห่งอารยธรรมจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา และตำแหน่งที่จะถ่ายโอนไปยังที่ใด ก็ขึ้นอยู่กับผู้คนอีกครั้ง

ทุกวันนี้ เวกเตอร์ทั้งหมดมุ่งตรงไปที่การลดลง การเสื่อมโทรม และการทำลายตนเองอย่างชัดเจน

ฉันต้องการให้ผู้นำไม่หลงทางในต้นสนสองใบและเลือกวิวัฒนาการและความสมบูรณ์แบบ มิฉะนั้น ความสำเร็จในสมัยโบราณของอาดัมและเอวาจะสำเร็จโดยเปล่าประโยชน์ และถ้าอดัมส์และอีฟคนอื่นทำแบบเดียวกันบนดาวดวงอื่น ลูกหลานของเราก็มีโอกาสพบญาติเก่าแก่ของพวกเขา แล้วแผนอันยิ่งใหญ่แห่งการปกครองซึ่งเรายังไม่รู้ในขณะนี้จะเป็นจริง แผนนี้สามารถเป็นจริงได้โดยไม่มีเรา แต่นี่เป็นเรื่องน่าเสียดาย ท้ายที่สุด เราก็เป็นส่วนสำคัญของการเปิดเผย แต่เราจะมีสติปัญญาเพื่อเอาชีวิตรอดใน Explicit World ได้หรือไม่

เริ่มต้นด้วยปรัชญาและจบลงด้วยคำพูดของนักปรัชญา Manly Hall กล่าวคำทำนาย: "คนจะถือว่าฉลาดอย่างแท้จริงไม่ได้จนกว่าเขาจะเข้าใจปริศนาเกี่ยวกับตัวตนของเขาเอง เครื่องมือทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขาต้องค้นพบนั้นไม่ลึกมากนัก พวกเขาส่วนใหญ่มักจะเห็น แต่พวกเขาไม่เป็นที่รู้จักเนื่องจากพวกเขาถูกซ่อนอยู่ในสัญลักษณ์และสัญลักษณ์เปรียบเทียบ เมื่อผู้คนเรียนรู้ที่จะเข้าใจภาษาของสัญลักษณ์ ม่านผืนใหญ่จะร่วงหล่นจากดวงตาของพวกเขา

อ้างอิง:

1. นี่คือสิ่งที่เราพบเมื่อวันที่ 28/01/2554 บนเน็ตที่ฟอรัม SciTecLibrary, จิตใจ, จิตสำนึก, ชีวิตคืออะไร สมมติฐาน http://www.sciteclibrary.ru/cgi-bin/yabb2/ YaBB.pl?num=1263980485

คุณควรอดทนและดู 46 นาทีของการบรรยายจนจบ